****** รีวิวร้อนๆ หนังสยองขวัญที่ได้รับแรงขับจาก “หนังโหดในตำนานสามเรื่อง” จนออกมาเป็น : Til Death Do Us Part / 2023 (จนกว่าความตายจะพรากเราจากกัน) 😊

อย่างแรก คือ “ชอบใบปิดของหนัง” เจ้าสาวถือเลื่อยไฟฟ้า ภาพของใบปิด [REC] 3: Genesis ลอยขึ้นมาในหัวเลย, อย่างหลัง ในหนัง มีฉากการใช้ศิลปะการต่อสู้ราวกับกำลังนั่งดู Kill Bill: Vol. 1-2 นี่คือสองแรงดึงดูดหลักที่ทำให้ใครหลายคนอยากดูหนังเรื่องนี้เป็นเท่าทวีคูณ

สืบจากหลายๆแหล่งข้อมูล หนังไม่เข้าไทย ไม่มีนายทุนหรือโรงหนังโรงไหนในไทยซื้อหนังเรื่องนี้เข้ามาฉายหรือเผยแพร่แต่ประการใดในห้วงเวลาอันใกล้นี้ โอเค เลยตัดสินใจใช้วิธีการแบบ “พิเศษ” ในการเสาะแสวงหาให้ได้มาเพื่อรับชมหนังเรื่องนี้….

Til Death Do Us Part / 2023 เป็นหนังสยองขวัญสาย Action-Comedy-Horror ความยาว 1.49 ชั่วโมงจาก United States ผลงานการกำกับของ Director: Timothy Woodward Jr.

ภายใน Til Death Do Us Part / 2023 (จนกว่าความตายจะพรากเราจากกัน) หนังนำเสนอเรื่องราวของเจ้าสาวแสนสวย Bride (รับบทโดย Natalie Burn) ที่จู่ๆนางก็หนีออกมาจากพิธีแต่งงานซะเฉยๆ ปล่อยให้เจ้าบ่าวผิวสี Groom (รับบทโดย Ser'Darius Blain) หน้าแหกชนิดแพทย์ไม่รับเย็บต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากภายในงาน เจ้าสาวนางหนีกลับมาซ่อนตัวที่บ้านในชนบทของพ่อเธอ ว่ากันว่าเหตุผลที่ทำให้วิวาห์ในครั้งนี้ล่ม เพราะว่าฝ่ายเจ้าสาวมาล่วงรู้ว่าคนรักของนางนั้นแท้ที่จริงเป็นนักฆ่าให้กับองค์กรลับที่สุดจะชั่วร้าย ฆ่าคนตามใบสั่งของเจ้านาย ภาพที่ชายคนรักอย่าง Groom ใช้ปืนยิงศีรษะของเหยื่อคู่ชายหญิงต่อหน้านางยังตราตรึงและจดจำได้จนบัดนี้ นี่คือเหตุผลที่นางเลือกที่จะล้มงานแต่ง แล้วหนีจากเจ้าบ่าวสุดวิปริตคนนี้ หนีไป ให้ไกลห่างที่สุด ตลอดกาล….

ภาพตัดมาที่ฝ่ายเจ้าบ่าว ที่ถูกสาวเจ้าหักหน้าอย่างไร้เยื่อใย จึงสั่งให้เพื่อนเจ้าบ่าว 7 คน (จริงๆเรียกลูกน้องน่าจะเหมาะกว่า) ส่งไปสืบหาที่กบดานซ่อนตัว แล้วก็ลาก จิกหนังหัวนังตัวแสบ เอากลับมาให้ได้ มันพิเศษตรงที่เพื่อนเจ้าบ่าว 7 คนที่ถูกส่งไปล่าเหยื่อในครั้งนี้ ทุกคน ล้วนเป็นนักฆ่า และมีอาการทางจิตในกลุ่ม “Internalized Misogyny” (ผู้มีพฤติกรรม “ความเกลียดชังผู้หญิงจากภายใน” ) หรือ “พฤติกรรมชอบทรมานผู้หญิง” ส่งไปล่า โดยหวังให้ทั้ง 7 คนทรมานสาวเจ้าให้หนำใจที่สุด ให้สมกับที่นางหักหน้าเขาในพิธีวิวาห์นั่นเอง

ปรากฏ เจ้าวายร้ายทั้ง 7 ที่ถูกส่งตัวไป “ล่า” ก็ทำหน้าที่ของมันอย่างดีเยี่ยม ล่อหลอกให้เหยื่อหวาดผวา กลัวจนตัวสั่น เล่นเกมส์หมาป่ากับลูกแกะ จากนั้นก็ขย้ำจนจมเขี้ยว นั่นคือความคิดในห้วงกระบวนทรรศน์อย่างผู้ล่า

แต่…. ดูเหมือนว่างานนี้จะไม่ง่ายซะละ เพราะว่าเจ้าสาวแสนสวยนางนี้ เมื่อใดก็ตามที่ตกอยู่ในสภาวะบีบรัดคับขันจวนเจียนจะต้องตาย นางจะปลดปล่อยความสามารถจริงๆออกมาทั้งหมด นั่นคือ “ความสามารถในการเอาชีวิตรอด ต่อสู้ด้วยศิลปะ ศาสตร์การฆ่าชั้นสูง เพื่อล่าสังหารเหยื่ออย่างอำมหิตแบบที่สุด”

อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อผู้ล่า กลายเป็นผู้ถูกล่าซะเอง (555+) โดนเข้าล่ะ

*** หลังดูหนังจบ
ก็ตามที่ว่าไว้ในช่วงแรกๆ หนังพยายามเลียนแบบงานอย่าง Kill Bill: Vol. 1-2 ซึ่ง อารมณ์น่ะได้ แต่ตัวชิ้นงาน ยังไปไม่ถึง และห่างไกลจากต้นฉบับที่คาดหวังเอาไว้เสีย “ไกลลิบ” เลื่อยไฟฟ้าที่เอามาโชว์ ว่าเป็นอาวุธทีเด็ด ตัวชูโรงในหนังเรื่องนี้ (อารมณ์ของ [REC] 3: Genesis พวยพุ่งขึ้นมาเลย) แต่พอเอาเข้าจริงๆ เลื่อยไฟฟ้าในหนังเรื่องนี้ เอามาเล่น เอามาใช้ น้อยมากๆ น้อยจนแบบว่า “จะใส่ภาพเลื่อยไฟฟ้าลงในใบปิดหนังทำไม เพราะมันไม่ใช่อาวุธหนักที่นางเอกใช้สู้จริงๆ”

กระนั้นก็ตาม หนังยังพอมีดีอยู่บ้างตรงฉากต่อสู้ ทั้งด้วยมือเปล่า และอาวุธระยะประชิด (มีด) อารมณ์แบบ John Wick ลอยขึ้นมานิดๆ แต่ก็นั่นแหล่ะ มันก็ไปได้ไม่ถึงดวงดาวแต่ประการใด คล้ายผู้กำกับชอบหนัง 3 เรื่อง เป็นแรงบันดาลใจ(มั๊ง) เลยหยิบทั้งสามเรื่อง Kill Bill: Vol., [REC] 3: Genesis, และ John Wick มายำรวมกันซะ แล้วหวังว่ามันจะออกมาดูดี (อืมมม…. )

ก็…. พอที่จะดูได้อยู่นะ หนังไม่ถึงกับน่าเบื่อจนเกินไปนัก แต่มันก็ไม่ใช่หนังที่ดีเลิศตราตรึงจนต้องหยิบขึ้นมาดูซ้ำแต่ประการใด รูปงานโดยภาพรวมของ Til Death Do Us Part / 2023 ความสนุกแค่…. “พอใช้” เท่านั้นเอง เป็นหนังที่ดูจบแล้ว ก็จบเลย ไม่เหลืออะไรให้เป็นภาพจำแต่ประการใด

ให้ 7 / 10 คะแนนครับ พอจะสนุก พอจะฆ่าเวลาช่วงเบื่อๆได้บ้าง

#แอดมินซามาร่า 😊