****** หนังเล่าถึงผีตนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคหลายบุคลิกภาพ : Guimoon The Lightless Door / 2021 (ตึกซ่อนผี!) ^_^

“ที่นี่มีผีโรคจิตหลายบุคลิกสิงสถิตอยู่ภายในตึกหลังนี้!!”

Guimoon The Lightless Door / 2021 หรือ Guimoon / 2021 เป็นหนังสยองขวัญสาย Genres: Horror-Mystery-Thriller จากประเทศเกาหลีใต้ ผลงานการกำกับของ Director: Sim Deok-Geun บทหนังโดย Jong-ho Lee หนังเล่นในประเด็นเชิงคำถามที่ว่า…. “เมื่อมนุษย์สามารถป่วยเป็นโรคหลายบุคลิกภาพ หรือ DID Dissociative Identity Disorder ได้ แล้วเมื่อคนๆนั้นตายไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กลายเป็นผี โรคดังกล่าวจะยังคงแสดงอาการต่ออีกหรือไม่ และถ้ายังอยู่ มันจะแสดงอาการในลักษณะไหน?”

หลังจากนั้นหนังก็พาคนดูย้อนกลับไปในปี 1990 ที่จู่ๆก็มีฆาตกรโรคจิตชายหลายบุคลิกชื่อ “คิม ซอก โฮ” นักการภารโรงที่ทำงานในศูนย์ฝึกอบรมใน Guisari เกิดบ้าคลั่ง ออกไล่ฆ่าผู้คนภายในตึกจนตายหมดเกลี้ยง จากนั้นเขาจึงฆ่าตัวตาย แล้วจึงกลายเป็นผีโรคจิตหลายบุคลิกสิงสถิตอยู่ภายในตึกหลังดังกล่าว(ผีเจ้าที่) หลายต่อหลายครั้งที่ทางรัฐบาลเกาหลีใต้พยายามจะซ่อมบำรุงตัวตึกเพื่อใช้งานเป็นสถานที่ฝึกอบรม ทุกครั้งมันจะเกิดเรื่องร้ายๆตามมาเสมอ เช่น เจอผีบ้าง เจอศพถูกซ่อนอยู่ในตัวตึกบ้าง มีคนงานถูกผลักตกตึกตายบ้าง จนไม่มีคนงานก่อสร้างคนไหนกล้าที่จะเข้าไปทำงานภายในตัวตึกดังกล่าวตราบปัจจุบัน

หลายปีต่อมาหัวหน้าศูนย์ราชการจึงไปอันเชิญหมอผีผู้หญิงคนหนึ่งมาทำพิธีปราบผีร้ายภายในตึก หลังทำพิธีกรรมอยู่นาน ปรากฏหมอผีโดนสิ่งลี้ลับที่สิงสถิตอยู่ภายในตึกนั้นสิง แล้วบังคับให้นางใช้มีดแทงคอตัวเองจนตายต่อหน้าผู้ร่วมในพิธีกรรมเกือบครึ่งร้อยอย่างสุดสยดสยองพองขนหัวเป็นที่สุด

พิธีกรรมปราบผีร้ายล้มเหลว ไม่มีใครกล้าย่ำเท้าเข้ามาภายในบริเวณต้องคำสาปชั่วร้ายในศูนย์ฝึกอบรมแห่ง Guisari หลายคนบอกว่า…. “แม้นตอนกลางวันมันยังดูวังเวงโคตรน่ากลัว”

หลังจากเหตุการณ์ล่วงเลยผ่านครบ 4 ปี ลูกชายของหมอผี (รับบทโดย Kang-woo Kim) ก็นำศาสตราวุธล่าสังหารวิญญาณขึ้นรถยนต์ ออกเดินทางไปยังศูนย์ฝึกอบรมร้างใน Guisari เพื่อสางบัญชีแค้นกับผีตนดังกล่าวทั้งหมดให้จบลงภายในค่ำคืนนี้ ค่ำคืนที่พระจันทร์กลายเป็นสีแห่งโลหิต!!

ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน
หนังมีมุมกล้องการถ่ายทำที่สวยงาม งานเอฟเฟค คอมฯกราฟฟิก รวมถึงการวางโครงเรื่องหลักของหนังจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี กระนั้นก็ตามสิ่งที่คนดูคาดหวังว่าจะได้รับจากการรับชมหนังเรื่องนี้(บริบทของการล้างแค้นแบบเดือดระอุ) ยังค่อนไปในทางบางเบาไปสักนิด ประกอบกับการที่ผู้กำกับ Director: Sim Deok-Geun เลือกที่จะใส่การย้อนเวลาด้วยเวทมนต์เข้ามาในหนังด้วย เลยทำให้หลายฉากเลยเล่นเอาคนดูเกิดอาการ งง ใน งง จนหลายคนหลังจากดูหนังจบ ต้องไปสืบค้นหาตัวรีวิว-สปอยล์ในยูทูปมาฟัง จึงถึงบางอ้อกัน

ภาพรวม ให้ 7.4 / 10 คะแนนครับ หนังค่อนไปในทาง “สนุก” แต่มันก็ยังไม่สุด (555+)

#แอดมินซามาร่า ^_^