****** รีวิว-สปอยล์อย่างละเอียด กับหนังแห่งความตายอย่างแท้จริง! : Junk Films / 2008 (บทสวดแห่งสุสาน) ^_^

#เป็นหนังมรณะของจริง! (เรต ฉ 20+)

เรื่องนี้เป็นหนังเก่า เล่าลือกันในหมู่นักดูหนังสยองขวัญสายแข็ง พวกชอบดูของแปลกว่า…. “งานต้นฉบับของมันเคยนำมาปล่อยในไทยอยู่ช่วงหนึ่ง สร้างความฮือฮาพอสมควร แล้วหลังจากนั้น มันก็หายสาบสูญไปจากสารบบของหนังโหดอย่างเงียบๆ จนมีเรื่องเล่าลือกันว่าต้นฉบับของมันถูกเก็บเข้ากรุตลอดกาลในต่างประเทศ เปิดเผยเพียงวงแคบๆในประเทศต้นทางของผู้ผลิตเพียงเท่านั้น”

วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 หลังจากใช้ความพยายามอยู่ไม่นาน เราก็ตามหามันจนเจอ ต้นฉบับตัวหลุดกองเซ็นเซอร์ของหนังที่ได้ชื่อว่า…. “เคยหายสาบสูญไปจากโลกใบนี้” เราเจอมันที่รัสเซีย รวมถึงในอีกฟากของกำแพงที่เรียกว่า VK ใช่ครับ….มันกลับมาแล้ว!

Junk Films / 2008 (บทสวดแห่งสุสาน) หนังใช้อีกชื่อหนึ่งว่า Τα μικρά «σοκιμαντέρ / 2008 เรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญสาย Documentary จากประเทศญี่ปุ่น ถ่ายทำแบบกล้องแทนสายตา ถือกล้อง vdo เดินดุ่มๆเข้าไปถ่ายเป็นหนังสั้น แล้วนำมาตัดต่อยำรวมกันกลายเป็นหนังยาวหนึ่งเรื่อง ผลงานการถ่ายทำและตัดต่อโดย Director: Kiyotaka Tsurisaki หนังมีความยาวราว 1.30 ชั่วโมง สถานที่ถ่ายทำหนังเรื่องนี้หลักๆคือ ประเทศไทย, อินเดีย, ญี่ปุ่น, โคลัมเบีย, และปาเลสไตน์ มีข่าวลือว่าหนังถูกต่อต้านจากกลุ่มคน-องค์กรในหลายภาคส่วน ที่ไม่พอใจในหนังเรื่องนี้ จนทำให้ผู้กำกับต้องเลื่อนการเผยแพร่มันออกไปยาวนานถึง 5 ปี (Junk Films / 2008 สามารถวางจำหน่ายในญี่ปุ่นได้คือในปี 2012)

เหตุที่หนังถูกกีดกันและต่อต้าน เคยได้ยินมาบ้างว่า เพราะผู้กำกับ Director: Kiyotaka Tsurisaki ถ่ายทำหลายๆฉากที่ล่อแหลม ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของพื้นที่ให้เอามาเผยแพร่แต่อย่างใด หนังเลยโดนต่อต้านในหลายๆประเทศดังทราบความเบื้องต้น และหลังจากที่ผู้เขียนนั่งดูต้นฉบับของงานตัวดังกล่าว งานที่เคยหายสาบสูญไปจากสารบบของหนังโหดมาอย่างยาวนาน พอที่จะสรุปใจความหลักๆภายในหนังเรื่อง Junk Films / 2008 ได้ดังนี้….

Junk Films / 2008 (บทสวดแห่งสุสาน) : คืองานรวมสารคดีสั้นไตร่ตรองความหมายของคำว่า “ชีวิตและความตาย” อย่างสมบูรณ์ หนังเปิดเรื่องที่ประเทศอินเดีย บริเวณแม่น้ำคงคา ที่เมืองพาราณสี นักดนตรีชาวพื้นเมืองของที่นี่กำลังเล่นเครื่องดนตรีและร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุก พวกเขากำลังสรรเสริญองค์พระตรีมูระติ จากนั้นหนังก็ตัดภาพไปสู่….

ประเทศไทย ในเดือนมีนาคม ปี 1997 ที่กรุงเทพฯ รถยนต์ของทีมถ่ายทำหนังกำลังขับตามรถของมูลนิธิปอเต็กตึ้งเพื่อไปยังสถานที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด เราเห็นภาพเต็มสองตา ชายไทยคนหนึ่งและมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขาโดนรถยนต์ชนจนกระจุย เลือดอาบเต็มตัว นอนตายอยู่ตรงเบื้องหน้า อีกสถานที่หนึ่ง ศพของชายอีกคนถูกมีดยาวฟันจนตาย โลหิตคละคลุ้ง ภาพตัดไปที่พัดลมอาแปะติดเพดาน มันกำลังหมุนอยู่คล้ายการสะกดจิต ผสานดนตรีประกอบสุดขนหัวลุก กำลังพาเราไปยังอีกสถานที่หนึ่ง เราเห็นน้ำสมอง และมันสมองของชายอีกคนกระจุยกระจายอยู่เต็มพื้น ไม่ไกลจากจุดตรงที่มันสมองกระจาย ศพของชายคนนั้น ศพที่โดนยิงเข้าที่ศีรษะจนกระจุย นอนสิ้นลมหายใจอยู่เงียบๆ กล้องถ่าย vdo ยังคงทำหน้าที่ของมันต่อด้วยการถ่ายภาพของใครบางคนที่เพิ่งผูกคอตายสำเร็จ ในมุมมืด

หลังจากนั้นหนังก็ตัดภาพมาที่ santafe de bogota junio (น่าจะในประเทศโคลัมเบีย / มั๊ง?) ในปี 1996 ณ ย่านชานเมือง ชายคนหนึ่ง(เหน็บปืนพกสั้นเอาไว้ที่เอว)กำลังพาทีมงานไปถ่ายคลิปความตายสั้นๆที่แอ่งน้ำแห่งหนึ่ง เป็นศพของผู้ชายที่ถูกฆ่าแล้วกดหัวลงน้ำจนตาย จากนั้นย้ายกลับไปที่ปี 1995 กับศพหญิงสาวที่นอนตายท่ามกลางเงามืด

ภูเก็ต ประเทศไทย ปี 2004 ในเทศกาลกินเจ เราจะได้เห็นร่างทรงกำลังไต่บันไดมีดอย่างชวนหวาดเสียว ร่างทรงอีกคนใช้เหล็กแหลมแทงเข้าที่แก้มและใบหน้าหลายจุดจนเลือดอาบร่าง อีกคนใช้เหล็กแหลมแทงลิ้น ร่างทรงบางคนใช้ดาบปลายแหลมแทงจากแก้มหนึ่งทะลุไปยังอีกแก้มหนึ่งอย่างน่ากลัว ร่างทรงบางคนเอาดาบมาเฉือนเข้าที่ปลายลิ้น ร่างทรงอีกคนใช้ทวน(หอกยาว)แทงแก้มจนทะลุ แล้วเกิดอาการสั่นด้วยฤทธิ์ของเทพ ร่างทรงคนนั้นใช้ด้ามของขวานแทงจนทะลุแก้มก็มี นี่คือพิธีกรรมแห่งความเชื่อและศรัทธาของผู้คนในย่านนี้

26 ตุลาคม ปี 2004 กลางดึกคืนหนึ่ง บริเวณซอยรามคำแหง 39 เราเห็นไทยมุงเพียบบบบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย และศพของชายคนหนึ่งที่กำลังนอนคว่ำหน้า ศรีษะหลังบริเวณท้ายทอยซ้ายโดนยิงจนกระจุย เปิดเสื้อบริเวณหน้าท้อง พบรอยกระสุนลูกซอง(ลูกปลาย)แตกใส่อีกราวสิบกว่ารู เลือดกระจายเต็มบริเวณ ตำรวจใช้สุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดมาดมกลิ่นหาหลักฐานเพิ่มด้วย

12 ตุลาคม ปี 2004 ที่ jenin west bank (ปาเลสไตน์ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ) ทีมงานกำลังสัมภาษณ์ข้อมูลบางอย่างกับนายทหารคนหนึ่ง

สมุทรปราการ วันที่ 17 ตุลาคม ปี 2004 เวลา 23.00 น. เราพบศพชายคนหนึ่งนอนตายเพราะอุบัติเหตุทางถนน ร่างของเราแหลกไปซีกหนึ่ง พอพลิกลำตัวขึ้นมาดู แม่งงงงโคตรหลอนของจริง เพราะหน้าของพี่แกแหกไปครึ่งศรีษะ เลือดกระจาย น้ำสมองกระจุย (ศพนี้หลอนสัส! หลอนติดตาอิ๊บหายยยยย >
19 ตุลาคม ปี 2004 เวลา 24.20 น. ถนนสุวินทวงศ์ เขตหนองจอก รถกระบะพุ่งชนท้ายรถ 18 ล้อ คนขับและคนนั่งข้าง ตายคาที่ กู้ภัยทำงานต่อ

อินเดีย ที่เมืองพาราณสี มีนาคม ปี 2006 พาไปชมการดำรงชีวิตของผู้คนที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา บางคนแก้ผ้าอาบน้ำ บางคนขับถ่าย บางคนตักดื่มกิน บางครอบครัวเผาศพญาติพี่น้อง เราเห็นฝูงแพะแอบมาแทะซากศพริมแม่น้ำ จากนั้นเราก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งเสียญาติในครอบครัวไปสดๆร้อนๆ กำลังจัดแจงเตรียมพิธีกรรมทางศาสนา พิธีกรรมเผาศพ อยู่ริมแม่น้ำคงคา เริ่มจากนำศพมาห่อด้วยผ้าขาว จัดแจงเตรียมสถานที่เผา วางไม้ฟืน ราดน้ำมัน จุดจนไฟลุกโชติ จากนั้นจึงนำผ้าเหลืองทองห่อศพอีกชั้น แล้วบรรจงวางศพลงบนเปลวไฟที่ร้อนระอุ นักท่องเที่ยวฝรั่งเริ่มสนอกสนใจสั่งให้เรือนำเที่ยวเคลื่อนเข้าไปไกล้ๆบริเวณพิธีกรรม บางศพอวัยวะถูกไฟกินแตกกระจาย ขาไปทาง ศรีษะไปทาง ช่วงค่ำเราจะได้เห็นพิธีกรรมของพรหมณ์บนแท่นพิธีราว 8-10 ท่าน ยืนปล่อยควันและกลิ่นกำยานลอยคละคลุ้งเหนืออาณาบริเวณประกอบพิธีกรรม เพื่อส่งดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับให้ไหลไปตามคงคา สู่อ้อมกอดของพระเป็นเจ้า

18 ตุลาคม ปี 2004 เวลา 25.00 น. (เวลา 25.00 น. ที่ญี่ปุ่นคือ ตี 1 ในไทย / ในประเทศญี่ปุ่นมี 26 ชั่วโมง คือ ตี 3 – 26.00 น. ตอนแรกคิดว่าตัวอักษรภาษาอังกฤษและตัวเลขพิมพ์ผิด ตรวจไปตรวจมา ไม่ได้พิมพ์ผิดแต่ประการใด ญี่ปุ่นมี 26 ชั่วโมงในหนึ่งวันจริงๆครับ) ที่เพชรเกษม 81 ทีมงานพาไปชมชายคนหนึ่งที่เพิ่งผูกคอตายภายในบ้านของเขาสำเร็จ (คลิปนี้ดนตรีประกอบโคตรหลอน ชวนขนหัวลุกสุดๆ บรื๋ออออ….)

จากนั้นทีมงานถ่ายทำหนังสารคดีก็ตามติดคนของมูลนิธิปอเต็กตึ้งไปทำพิธีกรรมล้างป่าช้า (น่าจะเป็นศพไร้ญาติ ณ ป่าช้าแห่งหนึ่ง / หรือเปล่า?) เป็นการถ่ายทำที่แบบละเอียดสุดๆ เริ่มจากขุดหลุมฝังศพ ยกห่อผ้าขาวห่อศพขึ้นมา ฉีกห่อผ้า ค่อยๆตัดเศษชิ้นเนื้อหุ้มกระดูกออก ดึงผมบนศีรษะศพออก จากนั้นนำโครงกระดูกทั้งหมดไปล้างทำความสะอาดในกะละมัง แล้วเก็บกระดูกที่ผ่านการล้างน้ำ เช็ดด้วยผ้าจนสะอาดแล้วมาเก็บลงในตะกล้าหวายขนาดใหญ่ ยกไปทำพิธีกรรมทางศาสนา สวดมนต์โดยพระสงฆ์นิกายมหายาน เป็นอันเสร็จพิธี

*อนึ่ง ระหว่างที่ทีมของมูลนิธิปอเต็กตึ้งกำลังทำพิธีกรรมล้างป่าช้าอยู่ แอบได้ยินชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นเสียงดังว่า…. “ศพผูกคอนี่หว่า เอาเชือกไปทำหวยดิ….” (อันนี้แอบแฝงคตินิยมเกี่ยวกับการหาเลขเด็ดในแบบฉบับพี่ไทยเอาไว้ภายในหนังด้วยนะเออ 555+)

22 กันยายน ปี 1997 ประเทศญี่ปุ่น หนังพาไปชมพิธีกรรมเกี่ยวกับการเก็บกระดูกของชาวญี่ปุ่น หลังจากที่ทำการเผาศพแล้ว เข้าสู่วันเก็บอัฐิ เราจะได้เห็นญาติพี่น้องในแต่ล่ะฝั่งเดินทางมาที่ทำการของสุสานด้วยชุดดำและชุดขาว(ชุดไว้ทุกข์) สัปเหร่อจะนำอัฐิที่เหลือจากการเผามาวางไว้บนถาดโลหะ จากนั้นญาติจะใช้ตะเกียบคีบโกศลงสู่โกศเก็บอัฐิช้าๆ มีการใส่เศษกระเบื้องแตก เงิน พรมเหล้าสาเกลงไปเพิ่มเพื่อให้ดวงวิญญาณของผู้ตายสงบ จากนั้นสัปเหร่อจะทำการกวาดด้วยแปลงและเทชิ้นส่วนของกระดูกที่เหลือลงใส่ในโกฐิจนหมด ปิดฝาโกฐิ นำโกฐิใส่ในกล่องไม้รูปสี่เหลี่ยม ปิดฝากล่องไม้ ห่อด้วยผ้าขาวอีกชั้น และปิดทับด้วยกระดาษแข็งสีขาวเป็นชั้นสุดท้าย ก่อนญาติๆนำกลับไปบ้านเป็นอันเสร็จพิธีกรรม

ท้ายสุด หนังพาผู้ชมไปเดินเล่นใน Aokigahara (อาโอกิกาฮาระ) หรือป่าฆ่าตัวตายแห่งภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเราได้เห็นซากศพผูกคอตาย ซากตามรายทางเดิน มากมาย เป็นอันปิดม่าน จบหนังเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์

****** ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน

สั้นๆนะ…..เรื่องนี้เป็นหนังมรณะอย่างแท้จริง สมบูรณ์แบบที่สุด
ให้ 10 / 10 คะแนนครับ (แล้วสักวัน พวกเราก็จะเป็นแบบในหนังเรื่องนี้)
จงอย่ากลัวความตาย….แต่จงเผชิญหน้ากับมันอย่างกล้าหาญ!

#แอดมินซามาร่า ^_^