****** Caligula / 1979 (กาลิกุลาจักรพรรดิวิปริตแห่งโรมัน!) ^_^

#กาลิกุลา #กษัตริย์บ้ากามแห่งโรมัน!

#หมายเหตุ : เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจถึงเนื้อหาอันข้นคลั่กในหนังเรื่องนี้เพิ่มยิ่งขึ้นชนิดสเเกนโครงเรื่องเเบบละเอียดยิบ เเนะนำให้กดลิ้งนี้เพื่ออ่านประวัติของจักรพรรดิกาลิกุลาอย่างละเอียดได้ ณ บัดนาว(ข้อมูลในลิ้งโดย writer.dek-d.com เเละจากเพจ : ตำนาน,เรื่องเล่า,สิ่งเหนือธรรมชาติ)

>>>>https://www.facebook.com/LSS.thailand/posts/950838698277204/

@@@@@@@@@@@@@@@@@
@@@@@@@@@@@@@@@@@

เรื่องนี้เป็นหนังสาย Drama | History งานร่วมทุนสร้างจากประเทศอิตาลี-อังกฤษ ผลงานการกำกับของ Director: Tinto Brass เกลาบทโดย Gore Vidal ว่ากันว่าหนังตัวหลุดกองเซ็นเซอร์มีความยาวถึง 2.36 ชั่วโมง

Caligula / 1979 หนังบอกเล่าเรื่องราวหลักโดยอิงชีวประวัติของจักรพรรดิกาอิอุส ยูลิอุส ไกซาร์(หรือจักรพรรดิกาลิกุลา) จักรพรรดิจอมโหด บ้ากาม เเละโคตรวิปริตแห่งจักรวรรดิโรมันพระองค์ที่ 3 โดยละเอียด ซึ่งตรงนี้ วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี คำสืบค้น "จักรพรรดิกาลิกุลา" ได้อธิบายถึงความโหดเหี้ยมเเละวิปริตของจักรพรรดิกาลิกุลา เอาไว้ว่า

(*ตรงส่วนนี้อ้างอิงข้อมูลโดย วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี คำสืบค้น "จักรพรรดิกาลิกุลา" / 7 พฤศจิกายน 2563)

กาลิกุลา (ละติน: CALIGVLA) เป็นชื่อเล่นยอดนิยมที่ใช้เรียก กาอิอุส ยูลิอุส ไกซาร์ เอากุสตุส แกร์มานิกุส (GAIVS IVLIVS CAESAR AVGVSTVS GERMANICVS; 31 สิงหาคม ค.ศ. 12 – 24 มกราคม ค.ศ. 41) ผู้ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิโรมันระหว่างปี ค.ศ. 37–41

จักรพรรดิกาลิกุลามีชื่อเกิดว่า กาอิอุส ยูลิอุส ไกซาร์ (GAIVS IVLIVS CAESAR; คนละคนกับจูเลียส ซีซาร์) เป็นบุตรของแกร์มานิกุสซึ่งเป็นหลานชายและบุตรบุญธรรมของจักรพรรดิติแบริอุส กับอากริปปีนาผู้อาวุโสซึ่งเป็นหลานสาวของจักรพรรดิเอากุสตุส กาอิอุสในวัยเด็กได้รับชื่อเล่น "กาลิกุลา" จากบรรดาทหารในสังกัดของบิดาขณะติดตามบิดาไปรบในแกร์มานิอา คำนี้แปลว่า "รองเท้าน้อย" แผลงมาจากคำว่า กาลิกา (CALIGA) ซึ่งเป็นรองเท้าแตะสานของทหารโรมัน

หลังจากพระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ในกรุงโรมต่อจากบิดาบุญธรรมในช่วงแรก ทรงปกครองโรมันด้วยดีตลอดมา แต่ต่อมาภายหลังทรงมีจิตใจโหดเหี้ยมและมีจิตที่วิปริต-วิปลาส มีเรื่องเล่ากันว่า ทรงโปรดในการจับเชลยหรือประชาชนโยนให้ไปต่อสู้กับสิงโตในโคลอสเซียม, ทรงโปรดการฆ่าคนไม่เลือกหน้า, ทรงดำริจะอภิเษกสมรสและแต่งตั้งพระขนิษฐาแท้ของพระองค์ให้เป็นจักรพรรดินี, ทรงโปรดการร่วมเพศหมู่, ทรงแต่งตั้งม้าทรงโปรดของพระองค์ให้เป็นกงสุล รวมทั้งทรงหลงตัวว่าพระองค์คือพระเจ้าทำให้มีรับสั่งให้ทำลายรูปปั้นเทพเจ้าและสร้างรูปปั้นของพระองค์ให้ประชาชนบูชาพระองค์ว่าเป็นพระเจ้าแทน ทรงปกครองโรมันด้วยความโหดเหี้ยมและวิปริตมาเป็นเวลา 4 ปี ประชาชนชาวโรมันทนต่อการปกครองของจักรพรรดิกาลิกุลาไม่ไหวจึงตัดสินใจทำลอบปลงพระชนม์เสีย
ในที่สุดพระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์โดยถูกอาวุธมีคมแทงเมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 41

(*ตรงส่วนนี้อ้างอิงข้อมูลโดย วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี คำสืบค้น "จักรพรรดิกาลิกุลา" / 7 พฤศจิกายน 2563)

สอดคล้องกับที่ writer.dek-d.com ได้อธิบายถึงความวิปลาสของจักรพรรดิกาลิกุลาเอาไว้เพิ่มเติมว่า

(*ตรงส่วนนี้อ้างอิงข้อมูลโดย writer.dek-d.com คำสืบค้น "คาลิกูลา จักรพรรดิโรมองค์ที่ 3" / 7 พฤศจิกายน 2563)

ในวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 41 จักรพรรดิคาลิกูลาเสด็จประพาสเพื่อไปชมละครพร้อมด้วยพระมเหสีคาสโซเนียและเจ้าหญิงเดียซิร่า พร้อมด้วยขุนนางบางส่วนติดตามไปเป็นขบวน ใครได้เห็นเชื้อพระวงศ์ทั้งสามพระองค์ในตอนนั้น คงอดชื่นใจไม่ได้กับภาพพ่อแม่ลูกพร้อมหน้าครอบครัวอันอบอุ่น ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า นั้นจะเป็นภาพลักษณ์อันอบอุ่นภาพสุดท้ายสำหรับครอบครัวนี้..
.
เพียงคาลิกูลาย่างก้าวพระบาทขึ้นบันไดโรงละคร พระองค์ก็ถูกแม่ทัพทหารคนหนึ่งที่ดักรออยู่ใช้ดาบฟันสะพายแล่งเข้าจนพระวรกายนอนจมกองเลือดกับพื้นแต่ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ จึงทรงได้ทอดพระเนตรเห็นมเหสีคาสโซเนียโดนฟันเข้าที่ท้องจนดับสิ้นชีวิตอย่างน่าอนาถ ทรงร้องเรียกขอความช่วยเหลือ แต่เหล่าทหารรักษาพระองค์ได้เพียงแต่ยืนมองอย่างเฉยเมย...และที่น่าสะเทือนพระทัยที่สุดก็คือ การได้ทอดพระเนตรเห็นเจ้าหญิงเดียซิร่าน้อยวัยเพียง 2 ชันษา ถูกทหารจับร่างฟาดเข้ากับกำแพงจนศีรษะแตกมันสมองแหลกกระจายเสียชีวิตอย่างน่าสงสาร แม่ทัพมือสังหารรวมทั้งเหล่าขุนนางที่เอือมระอาในคาลิกูลาต่างเข้ามารุมซ้ำด้วยดาบแทงไปตามพระวรกายจนชุ่มพระโลหิตจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในที่สุด...ซ้ำรอยโศกนาฏกรรมมรณะของจูเลียต ซีซาร์ ไม่ผิดเพี้ยน

จบสิ้นชีวิตของจักรพรรดิหนุ่มผู้น่าจะมีอนาคตที่ยาวไกลกว่านี้ด้วยวัยเพียง 28 ชันษา

จักพรรดิคาลิกูลาถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ถึงวีรกรรมความโหดเหี้ยมที่อาจจะเทียบได้น้อยกว่าจักรพรรดิเนโรผู้เป็นพระนัดดา แต่พระองค์ก็ถือได้ว่าเป็นจักรพรรดิที่มีสีสันของชีวิตครบทุกรสชาติ ประวัติศาสตร์ป้ายสีให้พระองค์กลายเป็นทรราชในสายตาประชาชน โดยไม่ได้มองย้อนกลับไปดูสาเหตุของความบ้าของคาลิกูลานั้นไม่ได้เกิดมาจากสันดาน หากแต่สะสมมาจากความขลาดกลัวที่ถูกกดกันเอาชีวิตอยู่ตลอดเวลา โชคยังดีที่พระองค์ยังได้รับกำลังใจจากเดียซิร่า...เห็นได้จากการตอนที่คาลิกูลาปฏิภาณต่อในตอนขึ้นครองราชย์ได้ว่า จะทรงเป็นจักพรรดิที่ดีและแตกต่างจากพระราชบิดาเลี้ยงผู้ฉาวโฉ่ให้ได้ ทั้งนี้เพราะพระองค์มีเดียซิร่าผู้มีจิตใจดีงามคอยเตือนสติอยู่เสมอ ดั่งที่ว่า ชีวิตของบุรุษจะดีจะร้ายนั้น ขึ้นอยู่กับสตรีคู่ใจส่งเสริมให้ไปในทางไหน

(*ตรงส่วนนี้อ้างอิงข้อมูลโดย writer.dek-d.com คำสืบค้น "คาลิกูลา จักรพรรดิโรมองค์ที่ 3" / 7 พฤศจิกายน 2563)

.....................................................
****** ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน

หลังดูหนังจบในอณู 2.36 ชั่วโมง รู้สึกได้เลยว่ามันบ้ามากๆ เเค้น เเละรู้สึกรังเกียจพวกคนชั้นสูงที่บ้าอำนาจในสมัยโรมันอย่างฝังใจ พฤติกรรมต่างๆที่จักรพรรดิกาลิกุลากระทำไว้กับชาวเมือง รวมถึงข้าทาสบริวารเเวดล้อมประหนึ่งเขาเเละมเหสีไม่ได้มองคนพวกนั้นเป็นมนุษย์ เพียงเป็นเศษฝุ่นระคายเคืองใต้ฝ่าเท้าที่วันไหนนึกอยากจะกระทืบก็หมายว่าต้องม้วยมรณาเเน่ๆ นึกอยากจะจับลูกเมียใครมาปี้มาขายตัวในซ่องของตัวเองก็ทำเเบบไม่ต้องเกรงกลัวใครหน้าไหน อยากฆ่าใครก็ฆ่าได้ชนิดเย้ยกฎหมาย เป็นปีศาจจากขุมนรกในคราบพระเจ้าอย่างเเท้จริง

กระนั้นก็ดี หากใครได้กดอ่านลิ้งข้อมูลอ้างอิงแบบละเอียดโดยเว็บ writer.dek-d.com จะทำให้พอทราบได้ว่า พฤติกรรมบ้ากาม วิปริตโหดผิดมนุษย์ของจักรพรรดิกาลิกุลานั้น เเท้จริงเเล้วกลับมีที่มาเเละที่ไปอย่างชวนน่าศึกษา ความกดดันพยายามมีชีวิตในหมู่ศัตรู การถูกข่มเหงรังเเกตั้งเเต่วัยเด็ก การพ่ายเเพ้ต่อรักต้องห้ามในหมู่พี่น้อง เเละความต้องการประชดสาวคนรักรวมถึงการเลือกคู่ครองที่วิปริตนั่นตะหากเล่า ที่ส่งเสริมให้เขาเป็นปีศาจร้ายอย่างสมบูรณ์ มิใช่เกิดขึ้นมาจากรากเหง้ากำเนิดไม่....

ฉากจบของหนังยังสะใจเเละตราตรึงมิรู้ลืม

ถึงหนังจะยาวไปสักนิด เเต่มันบ้า วิปริตแทบทุกอณู เรต(เรท) ฉ 20+ อย่างไม่ต้องสงสัย ความสนุกเอาไป 8 / 10 คะเเนนจ๊ะ

#แอดมินซามาร่า