คนบาสก์กินวัวแก่ : โฮชิชู่” (Txogitxu)
“คนตะวันออก รวมถึงผู้คนส่วนใหญ่ในโลกนิยมทานเนื้อวัวอายุน้อยๆ ใช่…พวกเขาชอบวัววะกิวที่ให้เนื้อโกเบ หรือไม่ก็เนื้อมัตสึซากะ เกรด A5 โดยเฉลี่ยอายุของวัวเมื่อขุนออกมาแล้วอยู่ในช่วงระหว่าง 2-3 ปีบวกลบนิดหน่อย วัวที่เลี้ยงอยู่แต่ในที่แคบๆ ไม่ได้ออกกำลังกายน่ะ เป็นวัวอ่อนแอที่ไม่มีความสุข พวกเราชอบวัวแก่ อายุเยอะๆมากกว่า เพราะวัวแก่ให้ไขมันสีเหลืองทองอำพันสวยงาม บ่งบอกได้ว่ามันมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตอย่างยาวนานในท้องทุ่งหญ้าอย่างอิสรเสรี ไขมันสีทองนี่แหล่ะเข้มข้นและอร่อยที่สุด เนื้อวะกิวอาจจะดีที่สุดสำหรับโลกตะวันออก และสำหรับคนกินสเต็กส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่สำหรับที่นี่แน่นอน....” (วาทะโดย : นักทานสเต็กเนื้อชาวบาสก์หลายท่าน)
“We eat old and very fat cows….” เรากินแต่วัวแก่ที่มีไขมันมาก (วาทะโดย Basque butcher : Imanol Jaca)
เชื่อว่ารากของวัฒนธรรม “คนบาสก์กินวัวแก่” นี้มันเริ่มต้นมาจากทางตอนเหนือของสเปนเมื่อราวร้อยกว่าปีก่อนใน Basque Country หรือในแคว้นบาสก์ ประเทศสเปน (คนบาสก์เรียกที่นี่ว่า ประเทศบาสก์, ประเทศบัสโก, บีโตเรีย-กัสเตย์ซ, หรือไม่ก็ เอวส์กาดี / มีหลายชื่อมาก)
มันเริ่มจากเสียงดัง Txotx (ออกเสียง Choach) ใน Cider House (ร้านบริการอาหารและเหล้าพื้นเมืองแบบ Basque) ที่หมู่บ้านเล็กๆชื่อ Astigarraga หรือ Sagardotegiak ย่านชานเมือง San Sebastian ใน Basque ในราวกลางเดือนมกราคมของทุกปี เมื่อผลผลิตแอปเปิลเริ่มสุกใหม่ๆ ด้วยผลผลิตที่ออกมาอย่างมากมายชาวบาสก์จึงนำผลแอปเปิลไปแปรรูปเป็น “ไซเดอร์” (Cider) หรือ Apple Cider บางคนก็เรียกมันว่า “น้ำแอปเปิลหวาน” ซึ่งก็คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หมักทำจากน้ำแอปเปิลไม่กรองนั่นเอง โดยมีปริมาณแอลกอฮอล์ในไซเดอร์แปรผันตั้งแต่ 1.2%-8.5% หรือกว่า โดยใน Basque Country จะมีการดื่มไซเดอร์ที่แตกต่างจากที่อื่น กล่าวคือพวกเขาจะตะแคงถังไม้สำหรับบ่มไซเดอร์ไว้ แล้วก็เจาะรูที่ถังไว้รูหนึ่ง เวลาจะดื่มไซเดอร์ก็เพียงเปิดจุกปิดรู แล้วถือแก้วรองน้ำไซเดอร์ให้น้ำที่พุ่งออกมาลงตรงก้นแก้วพอดี เราจะได้ยินเสียงไซเดอร์กระทบก้นแก้วดัง “Txotx Txotx Txotx….” นั่นแหล่ะ….วัฒนธรรมการดื่มไซเดอร์ของที่นี่ สมัยก่อนเชื่อว่าคนบาสก์ดื่มไซเดอร์แกล้มกับอาหารพื้นบ้านแบบชาวบาสก์ คือ “Salt Cod Omelette” (หรือไข่เจียวเค็มแบบชาวบาสก์) ต่อมา Cider House หรือ “บ้านไซเดอร์”ได้เพิ่มเมนูเนื้อย่างชิ้นโต (แบบย่างทั้งซี่โครง) เข้าไปเพิ่มในเมนูด้วย และมันเป็นที่นิยมมากๆ นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา การทานเนื้อซี่โครงชิ้นโตย่างที่เรียกว่า “Txuleton” (อ่านว่า Chu-Le-Ton) กับ Cider หรือน้ำแอปเปิลหวานอย่างชาวบาสก์ก็กลายเป็นของคู่กันเรื่อยมา
เนื้อวัว Txuleton ในยุคแรกๆเชื่อว่าได้มาจากวัวสายพันธุ์พื้นเมืองของประเทศบาสก์ คือวัวสายพันธุ์ Pirenaica โดยเลือกแต่วัวแก่ปลดเกษียรจากการทำเกษตรกรรมที่มีอายุมากเท่านั้นสำหรับทำนำมาย่างทำเป็นสเต็ก ต่อมาเมื่อเนื้อ Txuleton มีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนวัวพื้นเมืองมีไม่เพียงพอต่อการบริโภคและจำหน่ายไปยังสถานที่ต่างๆ ราวร้อยปีก่อนพอดิบพอดี พวกพ่อค้าวัว และพวก Basque Butcher จึงเลือกที่จะเดินทางไปยังแคว้นทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของสเปนและบนคาบสมุทรไอบีเรีย เพื่อซื้อวัวสายพันธุ์ Galician Blond cows หรือวัวกาลิเซียมาใช้ขุนสำหรับทำเนื้อ Txuleton โดยเชื่อว่าคนบาสก์พอไปกว้านซื้อวัวมาได้ก็จะนำวัวมาขุนต่อในทุ่งหญ้าของประเทศบาสก์ ขุนโดยให้วัวกินหญ้าและอาหารบำรุงประเภทต่างๆตามแต่สูตรในแต่ละฟาร์ม(ที่เป็นความลับ) พอขุนได้ที่ก็นำไปแปรรูปหรือไม่ก็นำไปเข้ากระบวนการดรายเอจเนื้อ เท่าที่รู้กัน บริษัทจำหน่ายเนื้อ Txuleton ที่มีชื่อเสียงที่สุดในสเปนคงจะหนีไม่พ้น “Txogitxu” โดยมี Basque Butcher ที่ชื่อ “Imanol Jaca” ชายผู้ได้สมยานามจากนักทานสเต็กชาวบาสก์ว่าคือ “พระเจ้าแห่งเนื้อ Txuleton” เป็นผู้ร่วมบริหารบริษัทและออกไล่ล่าเนื้อวัวไขมันเก่าที่ดีที่สุดในโลกไว้ในครอบครอง จากข้อมูลเชื่อว่า บริษัทของ Imanol Jaca และบริษัทขายเนื้อ Txogitxu ได้ร่วมมือกันเพื่อตามหาเนื้อวัวที่ดีที่สุดในโลกสำหรับจัดแต่งและขายมันออกไปในนามของผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ชื่อ “Txogitxu”
“ฉันไม่สนใจเกี่ยวกับสายพันธุ์ของวัว ฉันเลือกเฉพาะวัวที่มีไขมันเก่าและได้รับการดูแลรักษามันอย่างดี ฉันไม่ได้ดูที่อายุ พันธุ์ หรือที่มาของพวกเขา วัวที่กินอาหารและอ้วนในเวลา 6 เดือนเป็นวัวที่ไม่ดี ฉันสนใจในวิธีที่ชาวนาแต่ละคนปฏิบัติต่อสัตว์ของเขามากกว่า ไขมันที่เงางามคล้ายกระจก ตัวอย่างสีน้ำตาลเข้มไม่แทรกซึมในเนื้อวัว คือสิ่งที่ดีและมีคุณค่าที่สุดสำหรับเรา….” (วาทะโดย Basque butcher : Imanol Jaca)
“เพราะคนบาสก์มีคตินิยมและความเชื่ออย่างฝังรากลึกที่ว่า การกินวัวแก่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา วัวแก่จะมีไขมันเก่า ซึ่งไขมันตัวนี้ล่ะถ้ากินเข้าไปแล้วมันจะส่งผลดีต่อสุขภาพมากๆ จึงไม่แปลกที่คนบาสก์เริ่มกินวัวกันที่อายุเริ่มต้นที่ 8-20 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่กินวัวแก่เหมือนพวกเรา วัฒนธรรมการกินเนื้อวัวแก่ของที่นี่เรียกว่า Txogitxu หรือ Txuleton หรือ Chuleta (Chuleton) บางคนก็เรียกมันว่าการกินเนื้อย่างแบบ Basque Beef หรือ Chuleton Bilbao โดยเนื้อวัวนั้นจะต้องผ่านการทำดรายเอจมาแล้ว พวกเราจะกินเนื้อย่างส่วนซี่โครงชิ้นใหญ่ๆที่เพิ่งยกออกมาจากเตาไฟ เนื้อสีแดงๆที่มีไขมันเก่าสีเหลืองหอมฟุ้ง แกล้มกับสลัดมะเขือเทศ, พริกหยอกแดง, เฟรนช์ฟรายส์, น้ำจิ้มหลากรส, กินกับ Padron peppers (พริกสเปน)หรือพริกปาโดรนเขียวย่างไฟอ่อนๆ แล้วก็นั่งจิบ Txotx หรือ Cider สักนิดนะ….โอ้ววววว มันสวรรค์ชัดๆ!” (วาทะโดย : นักดื่ม-กินสเต็กชาวบาสก์หลายท่าน)
อนึ่ง ปัจจุบันบริษัทเนื้อ Txogitxu ได้ทำการรวบรวมเนื้อวัวแก่ไขมันเก่าหลายๆสายพันธุ์สำหรับส่งขายไปในส่วนต่างๆของโลก จากข้อมูลล่าสุดที่หาได้ บริษัทแห่งนี้จัดซื้อเนื้อจาก 3 แหล่งคือ ( 1. ) วัวแก่ไขมันเก่าจากประเทศบาสก์ โดยเลือกจากวัวนมที่เกษียณอายุการใช้งานแล้วมาขุน ( 2. ) วัวแก่ไขมันเก่าจากแคว้นกาลิเซีย ( 3. ) วัวแก่ไขมันเก่าจากต่างประเทศ เช่น ในเยอรมัน, ออสเตรีย, โปแลนด์ และในสหราชอาณาจักร เป็นต้น ล่าสุด บริษัทเนื้อ Txogitxu เจ้าของเนื้อ “โฮชิชู่” ได้รับการการันตีจากนิตยสาร Luthansa ยกให้เป็นเนื้อที่ดีที่สุดในโลกด้วยนะ / บริษัท Txogitxu ที่ตั้งคือ ตั้งอยู่ที่ Donostia-San Sebastián Gipuzkoa ในประเทศสเปน
ภาพประกอบ : เนื้อ Txogitxu ของ Basque butcher : Imanol Jaca // อ้างอิงภาพประกอบ : http://www.txogitxu.com/en/
ภาพประกอบ : Imanol Jaca กับเนื้อ Txogitxu ของเขา : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://m.forocoches.com/foro/showthread.php?t=5902525&page=3
ภาพประกอบ : Imanol Jaca กับเนื้อ Txogitxu ของเขา : // อ้างอิงภาพประกอบ : http://www.txogitxu.com/en/el-txuleton/
ภาพประกอบ : Imanol Jaca กับเนื้อ Txogitxu ของเขา : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://www.labarracadelaspapas.com/mejor-chuleton-las-xii-jornadas-gastronomicas-del-buey-sagardi/
ภาพประกอบ : เนื้อ Txogitxu De Rubia Gallega : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://m.forocoches.com/foro/showthread.php?t=5902525&page=3
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://www.yelp.com/biz_photos/la-cornada-madrid?select=MsKJnbUfbpLi9qqNeFPX5g
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://www.tripadvisor.com/LocationPhotoDirectLink-g187457-d1151140-i104375490-Bar_Nestor-San_Sebastian_Donostia_Province_of_Guipuzcoa_Basque_Country.html
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://joaquin2213.blogspot.com/2015/07/restaurante-txuleta.html
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://www.tripadvisor.in/LocationPhotoDirectLink-g187457-d1151140-i52800289-Bar_Nestor-San_Sebastian_Donostia_Province_of_Guipuzcoa_Basque_Country.html
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://thegreenbean.live/2016/07/30/21/
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : http://snap361.com/ig-tag/spanishbeef/
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://m.forocoches.com/foro/showthread.php?t=5032182
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : http://historiasdelente.com/wp-content/uploads/2016/06/20160304_224433.jpg
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://www.picoku.net/media/1745794041607727914_7235332254
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://www.tripadvisor.es/LocationPhotoDirectLink-g1064074-d10810739-i226506493-Taberna_Garcia-Betanzos_Province_of_A_Coruna_Galicia.html
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : http://hamgardi.com/Picture/gallery/place/81833/P-509916
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://elpais.com/elpais/2017/06/04/gastronotas_de_capel/1496562133_432686.html
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : http://dmercao.com/restaurantes-en-sevilla-centro
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://www.gastroactivity.com/le-chateau-de-lentrecote/
ภาพประกอบ : สเต็กเนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย Rubia Gallega, เเต่ถ้านำไปขุนเพิ่มในเเคว้นบาสก์จะเรียกว่า Txogitxu : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://www.tripadvisor.es/LocationPhotoDirectLink-g187484-d8001512-i181439291-Palo_Cortado_Restaurante_Bar-Santander_Cantabria.html
ภาพประกอบ : เนื้อ Txogitxu เนื้อที่นิตยสาร Luthansa ยกให้เป็นเนื้อที่ดีที่สุดในโลก : // อ้างอิงภาพประกอบ : http://www.txogitxu.com/el-sabor-de-la-felicidad/
ภาพประกอบ : เนื้อ Txogitxu เนื้อที่นิตยสาร Luthansa ยกให้เป็นเนื้อที่ดีที่สุดในโลก : // อ้างอิงภาพประกอบ : https://twitter.com/hashtag/txogitxu
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 2 Sep 20 22:56
|
|
ตำนานวัวแดงพ่นไฟแห่งเอวส์กาดี
เคยนึกสงสัยว่าทั้งเนื้อ Rubia Gallega และเนื้อ Txogitxu เนี่ยไขมันของเนื้อชนิดนี้ทำไมมันสวยจัง เป็นสีเหลืองทอง ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน ไขมันที่เห็นแตกต่างจากของเนื้อโกเบ, เนื้อมัตสึซากะ, และเนื้อวัวขุนโดยทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เพราะไขมันวัวขุนส่วนใหญ่เป็นสีขาว หรือไม่ก็สีน้ำตาลอ่อน จนวันหนึ่งมีนักท่องเที่ยว (ฝรั่ง) ชาวสเปน แต่แต่งงานได้ภรรยาเป็นคนนครศรีธรรมราช แล้วก็วันนั้นเองที่พี่แกบินลงใต้มาเที่ยวที่บ้านภรรยาที่นครศรีธรรมราชพอดี เห็นผู้เขียนนั่งดูภาพเนื้อทั้งสองชนิดนี้ในไอแพทมินิ พี่แกเลยขอเล่าให้ฟังด้วยภาษาไทยผสมภาษาสเปน เกี่ยวกับความเชื่อของเนื้อชนิดนี้ว่า
“จริงๆคนสเปนทานเนื้อสเต็กอย่างคนปกติทั่วไปนะ แต่เนื้อสเต็กที่มีแบบอย่างเฉพาะสำหรับคนสเปนที่แท้จริง คือ พวกเราจะทานเนื้อวัวแก่กัน เช่น ทางแคว้นกาลิเซียก็ทานเนื้อ Rubia Gallega ส่วนทางเหนือของสเปน บริเวณแคว้นบาสก์ก็ทานเนื้อ Txogitxu กัน เนื้อสองชนิดนี้โดยภาพรวมคือแทบจะเป็นเนื้อตัวเดียวกัน เพียงแต่เนื้อ Txogitxu จะเป็นวัวจากกาลิเซียที่นำมาเลี้ยงเพื่อขุนเพิ่มเติมในแคว้นบาสก์ ขุนด้วยอาหารพิเศษ, หญ้าที่มีกลิ่นเฉพาะของประเทศบาสก์ หลังจากนั้นก็รอเวลา แล้วก็เชือดมันในโรงฆ่าสัตว์ตอนอายุระหว่าง 12-20 ปี จะทานแบบสดๆก็ได้นะ คือหลังจากเชือดแล้วคนขายเอาเนื้อมาวางขายแล้วย่างเป็นสเต็กเลยก็มี หรือเอาไปผ่านการทำดรายเอจก่อนสัก 30-65 วัน หรือมากกว่านั้นก็ได้ เนื้อที่ออกมาจะนุ่มและรสชาติดีมากๆ โดยเฉพาะยามที่เอา Rubia Gallega หรือเนื้อ Txogitxu เข้าย่างบนเตาไฟ ภาพที่เห็นคือเนื้อสีทองกำลังลุกบนเปลวเพลิง มันน่าตื่นเต้นเอามากๆ ไขมันสีทองอำพันที่กำลังลุกโชติช่วงดูคล้ายเปลวไฟของวัวพ่นไฟ Zezengorri แห่งเอวส์กาดีก็มิปาน….” (วาทะโดย : คุณจอร์จ นักท่องเที่ยวชาวสเปน / มิตรสหายท่านหนึ่ง)
ฟังจบแบบ งงๆ เพราะภาษาไทยผสมกับภาษาสเปนของเพื่อนชาวต่างชาติท่านนี้ ผมเดาและจับใจความได้แค่นี้จริงๆ (555+) แต่ด้วยความสงสัยจึงไปสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมใน Internet ได้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคตินิยมและความเชื่อเกี่ยวกับวัวพ่นไฟ Zezengorri ของชาวบาสก์และชาวสเปน ดังนี้
ในทวีปยุโรป โดยเฉพาะในยุโรปใต้ (นับตั้งแต่ แอลเบเนีย, อันดอร์รา,โครเอเชีย, ยิบรอลตาร์, กรีซ, อิตาลี, มาซิโดเนีย, มอลตา, โปรตุเกส, ซานมารีโน, เซอร์เบีย, มอนเตเนโกร, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, สโลวีเนีย, คอซอวอ ไล่มาจนถึงประเทศสเปน) ทุกชาติล้วนมีรากความเชื่อและคตินิยมเกี่ยวข้องกับวัวอย่างประหลาด แม้นแต่ตำนานการกำเนิดทวีปยุโรปเองก็ยังเกี่ยวข้องกับวัว ซึ่งเรื่องนี้เว็บไซต์วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ได้อธิบายเอาไว้ในหัวข้อ “ยูโรปา” ดังนี้
ยูโรปา (อังกฤษ: Europa) เป็นชายาอีกองค์หนึ่งของเทพเจ้าซูส ยูโรปาเป็นนิทัศนุทาหรณ์แห่งนิสัยเจ้าชู้ของซูสซึ่งเป็นราชาของเทพเจ้า อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่แสดงมูลที่มาของชื่อทวีปยุโรปด้วยในตัวยูโรปาเป็นพระธิดาของท้าวอะจีนอร์ (Agenor) เจ้ากรุงฟินิเชีย ซึ่งเป็นบุตรของเทพโพไซดอนกับนางลิบเบีย นอกจากยูโรปาแล้ว ท้าวอะจีนอร์ยังมีโอรส-ธิดาอีก 3 องค์ เรียงตามลำดับคือ แคดมัส (Cadmus), ฟีนิกซ์ (Phoenix) และซิลิกซ์ (Cilix)
วันหนึ่งขณะยูโรปากำลังเก็บดอกไม้อยู่ในทุ่งแห่งหนึ่ง และกำลังร่าเริงอยู่กับเหล่าบริวารและนางกำนัล พลันนั้น นางก็แลเห็นโคเผือกตัวผู้ตัวหนึ่งมีลักษณะสวยงามเจริญตา กอปรด้วยท่าทางละม่อมดุจชวนให้ลูบไล้ เมื่อโคเดินเข้าไปใกล้ ยูโรปาก็มีใจเบิกบานยินดี จึงเดินเข้าไปลูบโลมแต่โดยเบาและเอาช่อดอกไม้ทุ่งทอดให้ ฝ่ายโคก็น้อมตัวลงเชิญให้นางขึ้นนั่งหลัง พอยูโรปาขึ้นนั่งพลางร้องเรียกให้เหล่าบริวารให้ขึ้นนั่งบ้าง โคนั้นก็วิ่งหนีจนพ้นเขตท้องทุ่ง และมุ่งหน้าพานางออกสู่ชายทะเลโดยด่วน มิทันที่ใครจะทำตามเสียงนางเรียกนั้นได้
เมื่อถึงริมทะเล แทนที่จะหยุดวิ่งหรือนำยูโรปาลงไปจากหลัง โคกลับกระโจนทะยานล่องละลิ่วไปบนพื้นน้ำอันคลาคล่ำไปด้วยปลาโลมาดำผุดดำว่าย เหล่าอัปสรนีเรียดก็ผุดขึ้นเรียงรายรับแน่นขนัด ท้องทะเลสงบสงัดปราศจากคลื่น ส่วนไทรทัน (Triton) พนักงานแตรก็เป่าสังข์เสียงครื้นครั่นดังสนั่น ตลอดจนเทพโพไซดอนเจ้าสมุทรก็พลันผุดเป็นมัคคุเทศก์เข้าเคียงคลอชะลอเลื่อน ทั้งนี้เพราะโคนั้นหาใช่โคไม่ได้เป็นใครมาจากไหน แต่ที่แท้ก็คือเทพซูส ราชาแห่งเทพเจ้านั่นเองที่จำแลงมาเพื่อให้ยูโรปาหลงรัก ชื่อยูโรปา (Europa) ยังเป็นต้นกำเนิดของชื่อทวีปยุโรป (Europe) ในปัจจุบัน และเรื่องราวของนางยูโรปากับโคจำแลงนั้น ยังเป็นต้นกำเนิดของจักรราศีพฤษภอีกด้วย (อ้างอิงข้อมูล : เว็บไซต์วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี หัวข้อ “ยูโรปา” )
ในประเทศสเปนในยุคโบราณมีการเซ่นสรวงบูชาเทพหลายองค์ โดยเฉพาะเทพเจ้าที่เกี่ยวข้องกับวัวเพื่อขอให้การทำเกษตรกรรมในแต่ละปีได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะในทางตอนเหนือของประเทศสเปน บริเวณแคว้นบาสก์ หรือประเทศเอวส์กาดี ยังมีความเชื่ออย่างหนึ่งซึ่งแพร่หลายในยุคสมัยก่อน ความเชื่อที่ว่านี้เกี่ยวข้องกับเทพ หรือเจ้าแม่ประจำแคว้นบาสก์ที่ชื่อ “Mari” อันเป็นเทพสตรีที่คนบาสก์เชื่อว่ามีอยู่มาก่อนอารยธรรมอินโด-ยูโรเปียน และเป็น “อนิมิส” (Animism) ประจำถิ่นของชาวบาสก์มาแต่ครั้งโบร่ำโบราณ
“อนิมิส” (Animism) คืออะไร ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เเละ ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ ได้อธิบายความหมายของคำๆนี้เอาไว้ว่า “Animism หมายถึง ความเชื่อและโลกทัศน์เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ เช่น ผีสางเทวดาวิญญาณที่สิงสถิตย์อยู่ในวัตถุและธรรมชาติ โดยมนุษย์จะแสดงความเคารพและบูชาสิ่งเหล่านี้ ในการศึกษาทางมานุษยวิทยา ความเชื่อเรื่องอำนาจเหนือธรรมชาติจะสัมพันธ์กับความเชื่อทางศาสนาและการแสดงออกทางพิธีกรรมต่างๆ สามารถพบเห็นได้ในสังคมชนเผ่าในภูมิภาคต่างๆของโลก คำว่า Animism มีรากศัพท์มาจากภาษาเยอรมัน คือ animismus” (Animism ใน คำศัพท์ทางมานุษยวิทยา โดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เเละ ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ)
นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา อ่อนค้อม ยังได้อธิบายระบบของ Animism เอาไว้เพิ่มเติมว่า “การเข้าใจและถือว่ามีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ในสิ่งที่ตนนับถือ เช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ ต้นไม้ใหญ่ ภูเขา เป็นต้น เป็นความเชื่อที่มีมาก่อนยุคพระเวทในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู กล่าวกันว่าเป็นลักษณะของ วิญญาณนิยม หรือ Animism วิญญาณเช่นนี้เองที่สามารถจะให้คุณให้โทษแก่มนุษย์ได้” (รองศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา อ่อนค้อม ในหนังสือ ศาสนาเปรียบเทียบ, 2542 หน้า 13)
ภาพประกอบ : นางพญาเเห่งบาสก์ เทพ Mari หรือ “Mari De Pyrenees” // อ้างอิงภาพประกอบ : http://bitacora1982.blogspot.com/2011/01/la-diosa-del-amboto.html และ https://www.pinterest.com/pin/223068987768089420/
ภาพประกอบ : Maju หรือ Sugaar สามีของ Mari // อ้างอิงภาพประกอบ : http://cryptidz.wikia.com/wiki/Sugaar และ http://cryptidz.wikia.com/wiki/File:SUGAAR.JPG
ภาพประกอบ : Maju เเละ Mari // อ้างอิงภาพประกอบ : https://www.europaindigena.com/1%C2%AA-el-paleol%C3%ADtico/iii-el-principio-masculino/110-mari-y-sugaar-la-diosa-y-el-drag%C3%B3n/
ในแคว้นบาสก์ Animism ที่ถือว่าเป็นฐานรากของคนบาสก์จริงๆคือ พระแม่ธรณีที่ชื่อ “Arce” เพราะคนบาสก์เชื่อว่าพวกตนมีรากกำเนิดมาจากพระแม่ธรณีองค์นี้ ส่วน Animism ที่ทรงพลังและเป็นความเชื่อที่แพร่หลายอย่างที่สุดเห็นจะเป็นความเชื่อ- Animism ในเรื่องเกี่ยวกับองค์ Mari อันถือเป็นเทพธิดาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศบาสก์และบนเทือกเขาพิเรนีส โดยคนบาสก์และคนสเปนเชื่อว่าเทพองค์นี้แหล่ะที่มีพลังเหนือธรรมชาติ สามารถแยกร่างออกไปปกครองตามที่ต่างๆได้อย่างไม่จำกัด มีอำนาจให้คุณให้โทษได้ ถ้าบูชาดีก็ให้คุณ ถ้าลบหลู่ดูหมิ่นก็จะมีอันเป็นไปเอาได้ง่ายๆ เทพ Mari บางองค์ก็ปกครองแถวทุ่งหญ้า, เทพ Mari บางองค์ก็ปกครองบนภูเขา, เทพ Mari บางองค์ก็ปกครองถ้ำ หรือ ฯลฯ แต่มีความเชื่อที่เป็นองค์รวมว่า เทพ Mari ที่ชื่อ “Mari De Pyrenees” คือเทพสตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ปกครองทวีปยุโรปทั้งทวีป ชาวบาสก์ในยุคโบราณให้ความเคารพอย่างสูงสุด อีกเรื่องหนึ่งเชื่อว่า Mari คือ “อำนาจธรรมชาติ” นางเป็นทั้งสายรุ้งสวยงาม, เมฆขาว, นางเดินทางข้ามขอบฟ้าด้วยรถม้า 4 ตัว, เป็นหญิงงามที่มีสัญลักษณ์พระจันทร์เสี้ยวบนศีรษะ, อาวุธของนางคือเคียวที่มีเปลวไฟลุกน่ากลัว, เป็นนางพญาแห่งบาสก์ที่อาศัยอยู่บนภูเขา, เป็นเทพธิดาทางจันทรคติ และเทพแห่งดวงจันทร์ นอกจากนี้ยังเชื่อว่านางมีสามีอยู่คนหนึ่งเป็นนักบวชมุสลิม คนบาสก์เรียกว่า “พ่อมด Maju” (หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Sugaar) มีกายร่างเป็นงู, มังกร, หรือนาค เชื่อว่ายามใดก็ตามที่ Mari และสามี Maju ออกมาจากถ้ำบนภูเขา Pyrenees และภูเขา Anboto ใน Basque จะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหลายอย่าง เช่น สภาพอากาศจะแปรปรวน, ลูกเห็บจะตก, เกิดพายุ, ฝนตก, ฟ้าร้อง, ภัยแล้ง, หรืออื่นๆได้ (คล้ายกับในไทยที่อธิบายว่าฟ้าร้อง-ฟ้าผ่าเป็นเพราะนางเมฆขลาล่อแก้วสู้กับรามสูร หรือเกิดจากการการกระทำของเทพเจ้าองค์ต่างๆ)
โดยบางตำนานเล่าว่าเทพธิดา Mari บางครั้งสามารถแปลงร่างเป็นวัวสีแดง มีไฟลุกโชติช่วง มีลมหายในพ่นออกมาเป็นไฟได้ นามของมันคือ “Zezengorri” แต่บางตำนานก็เชื่อว่าเทพองค์นี้มีบริวารเป็นเทพนักรบอยู่ข้างกายอีกหนึ่งองค์ เป็นชายรูปงาม ร่างกำยำ ชายคนนี้มีสถานะเป็นเทพบริวารของ Mari ยามใดก็ตามที่นางต้องการให้เทพบริวารไปรบกับใครที่ไหน หรือให้ไปทำอะไร เทพองค์นี้ก็จะกลายร่างเป็นวัวไฟ โดยมีบริวารเป็นฝูงวัวป่าเรียกว่า “Betizu” ในรากคตินิยมอย่างชาวบาสก์ยังเชื่ออีกด้วยว่าวัวแดงพ่นไฟ บางครั้งก็สามารถแยกภาคอวตารออกได้ 3 ภาค ดังนี้ ( 1. ) Aatxe หรือ Young Bull หมายถึง วิญญาณผู้พิทักษ์ เป็นเทพแห่งความดี ชอบช่วยเหลือผู้คน มีรูปร่างเป็นวัวแดงตัวเล็ก มีไฟลุกรอบตัว ( 2. ) Etsai หมายถึง ปีศาจ อวตารนี้บางครั้งแสดงด้วยรูปลักษณ์ของวัวแดงมีไฟลุกรอบตัว (แต่ไฟจะมีสีแดงผสมสีดำ) บางครั้งก็แสดงร่างคล้ายลูซิเฟอร์ (ซาตาน) มีกายสีแดง เป็นร่างที่ชั่วร้ายสุดๆ คนบาสก์ให้ความเกรงกลัวเป็นอย่างมาก ( 3. ) Zezengorri หรือ Aatxegorri หรือ Behigorri หมายถึงศาลผู้ให้ความยุติธรรม แสดงรูปลักษณ์คือ วัวแดงตัวใหญ่มีไฟลุกโชติเป็นสีแดงและสีอำพัน มีลมหายใจพ่นออกมาเป็นเปลวไฟ คนบาสก์เชื่อว่าอวตารร่างนี้ทรงพลังที่สุด
อนึ่ง อ่านมาจนถึงตรงนี้….ชาวบาสก์ และคนในประเทศสเปน (บางกลุ่ม) ต่างพากันเชื่อว่า ไขมันที่เป็นสีเหลืองอำพันคล้ายทองคำบนเนื้อ Rubia Gallega และเนื้อ Txogitxu นั้นอาจเป็นเปลวไฟที่ยังหลงเหลือมาจากครั้งตำนานเทพนิยายของบาสก์ในยุครุ่งเรือง เมื่อครั้ง Mari และ Zezengorri (วัวไฟ) ยังครองอำนาจในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อย่างเบ็ดเสร็จก็เป็นได้ คนบาสก์บางคนถึงกับเอื้อนเอ่ยวาจาว่า…. “ยามใดก็ตามที่เห็นสีเหลืองอำพันคล้ายทองคำบนเนื้อ Rubia Gallega และเนื้อ Txogitxu นั้น คล้ายกับว่ามันเป็นมรดกตกทอดสุดท้ายที่ตำนานเก่าแก่ของทวยเทพแห่งบาสก์อย่าง Mari และ Maju ได้ประทานให้คนรุ่นหลังได้ช่วยกันดูแล จวบจนกลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้อย่างมหาศาลในภูมิภาคนี้ไปแล้วอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เนื้อสีทองอันทรงคุณค่าที่มีตำนานของวัวเทพ Zezengorri เป็นบรรพบุรุษดั้งเดิม กับรุ่นลูกรุ่นหลานของ Zezengorri ในนาม Rubia Gallega และ Txogitxu เนื้อสีทองแห่งกาลิเซีย และเนื้อสีทองแห่งบาสก์ #นี่แหล่ะรากของตำนาน….เนื้อที่ดีที่สุดในโลก! ”
บรรณานุกรม - Rubia Gallega ใน http://khunpusit.wixsite.com/steakandwine/single-post/2015/07/29/The-best-finger-food-olive-crostini - Jose Gordon ในสารคดีเรื่อง Steak (R)evolution / 2014 โดย Director: Franck Ribière - “เนื้อ Dry-Aged ดีงามอย่างไร ทำไมจึงถูกยกย่องให้เป็นของอร่อยเลิศล้ำในใต้หล้า” ในเว็บไซต์ https://thestandard.co/dry-aged-beef/ - “We eat old and very fat cows….” เเละบทความเกี่ยวกับเนื้อ Txogitxu โดย Basque butcher : Imanol Jaca - Txotx in Cider House (บทความวัฒนธรรมการกินอย่างชาวบาสก์ ) - History : Txotx ในเว็บไซต์ http://www.ciderscene.com/blog/event/txotx-festival/ - Iturrieta sagardotegiak txotx egingo du ในเว็บไซต์ http://www.aramaio.eus/iturrieta-sagardotegiak-txotx-egingo-du/ - “ไซเดอร์” ใน วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี เว็บไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C - ตำนานยูโรปา ในเว็บไซต์ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี หัวข้อ “ยูโรปา” - Animism ใน คำศัพท์ทางมานุษยวิทยา โดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เเละ ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ - หนังสือ ศาสนาเปรียบเทียบ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา อ่อนค้อม - Animism in Basque Country (Mari) : เว็บไซต์https://journeyingtothegoddess.wordpress.com/2012/07/18/goddess-mari/ - Animism in Basque Country (Maju) : เว็บไซต์ http://cryptidz.wikia.com/wiki/Sugaar - Animism in Basque Country (Zezengorri) : เว็บไซต์ https://hubpages.com/education/Aatxe-also-known-as-Etsai-or-Zezengorri
ภาพประกอบ : Aatxe หรือ Young Bull (วัวแดงตัวเล็กมีไฟลุกท่วมตัว) หมายถึง วิญญาณผู้พิทักษ์ // อ้างอิงภาพประกอบ : http://mythology.wikia.com/wiki/Aatxe
ภาพประกอบ : Etsai หมายถึง ปีศาจ // อ้างอิงภาพประกอบ : http://cryptidz.wikia.com/wiki/File:Etsai.jpg และ http://mythology.wikia.com/wiki/Aatxe
ภาพประกอบ : Zezengorri หรือ Aatxegorri หรือ Behigorri หมายถึงศาลผู้ให้ความยุติธรรม แสดงรูปลักษณ์คือ วัวแดงตัวใหญ่มีไฟลุกโชติเป็นสีแดงและสีอำพัน มีลมหายใจพ่นออกมาเป็นเปลวไฟ คนบาสก์เชื่อว่าอวตารร่างนี้ทรงพลังที่สุด // อ้างอิงภาพประกอบ : https://vimeo.com/74132161
ภาพประกอบ : Zezengorri หรือ Aatxegorri หรือ Behigorri หมายถึงศาลผู้ให้ความยุติธรรม แสดงรูปลักษณ์คือ วัวแดงตัวใหญ่มีไฟลุกโชติเป็นสีแดงและสีอำพัน มีลมหายใจพ่นออกมาเป็นเปลวไฟ คนบาสก์เชื่อว่าอวตารร่างนี้ทรงพลังที่สุด // อ้างอิงภาพประกอบ : http://basquemythology.amaroa.com/personajes-mitologicos-de-vasconia/zezengorri และ http://aerandir.foroes.org/t5146-zezengorri
ภาพประกอบ : Zezengorri ในภาพเขียนโบราณของบาสก์ // อ้างอิงภาพประกอบ : https://hubpages.com/education/Aatxe-also-known-as-Etsai-or-Zezengorri
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 2 Sep 20 23:08
|
|
* สรุปรายชื่อร้านอาหาร-ภัตตาคารในประเทศไทย ที่มีเนื้อ Rubia Gallega และเนื้อ Txogitxu ให้บริการ
( 1. ) Il Fumo (อิล ฟูโม) The Smoked House ร้านอาหารอิตาเลียนจากทีมงาน Vesper และเชฟ Luca Appino (ร้านนี้มีบริการเนื้อ Rubia Gallega) // ที่อยู่: เลขที่ 1098 ถนน พระรามที่ 4 แขวง ทุ่งมหาเมฆ เขต สาทร กรุงเทพมหานคร 10120 : โทรศัพท์: 02 286 8833 **** Fan Page-Facebook : https://www.facebook.com/ilfumobkk/
( 2. ) UNO MAS (อูโน่มาส) ร้านอาหารสเปนสุดหรูบนชั้น 54 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ร้านนี้มีเชฟจวน ทันยา ดอท เป็นผู้ควบคุมดูเเล (ร้านนี้มีบริการเนื้อ Rubia Gallega เเละเนื้อ Txogitxu) // ที่อยู่: ชั้น 54 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ 99, ถนน พระรามที่ 1 แขวง ปทุมวัน เขต ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 : โทรศัพท์: 02 100 6255 **** Fan Page-Facebook : https://www.facebook.com/UnoMasBangkok/
( 3. ) Soufflé and me (ซูเฟล แอนด์ มี) ร้านนี้มีเชฟไก่ ธนัญญา วิลคินซัน สาวสวยเชฟกระทะเหล็กอาหารหวาน จากรายการ Iron Chef Thailand (เชฟกระทะเหล็ก) เป็นผู้ดูเเล (ร้านนี้มีบริการเนื้อ Rubia Gallega) // ที่อยู่: เลขที่ 417 ซอยนราธิวาส 24, ถนนนราธิวาส, ช่องนนทรี, ยานนาวา, กรุงเทพมหานคร : โทรศัพท์: 02-674-0442 **** Fan Page-Facebook : https://www.facebook.com/souffleandme/
( 4. ) Scarlett Wine Bar & Restaurant (สการ์เล็ตไวน์บาร์แอนด์เรสเตอรองต์) ที่นี่มีเชฟมานูเอล มาร์ติเน่ซ์ เชฟระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาวเป็นผู้ดูเเล (ร้านนี้มีบริการเนื้อ Rubia Gallega) // ที่อยู่: ชั้น 37 เลขที่ 188 Pullman Bangkok Hotel ถนน สีลม แขวง สุริยวงศ์ เขต บางรัก กรุงเทพมหานคร 10500 : โทรศัพท์: 096 860 7990 **** Fan Page-Facebook : https://www.facebook.com/scarlettwinebarbangkok/
( 5. ) Lady Butcher (เลดี้ บุชเชอร์) ร้านนี้มีสาวสวยอย่างคุณณัฐธิดา หนูอินทร์ เป็นเจ้าของร้าน (ร้านนี้มีบริการเนื้อ Rubia Gallega, เเละเห็นมีเนื้อ Txogitxu ไว้สำหรับขายส่งด้วย) // ที่อยู่: 198/889-890 ซอย สามวัง ตำบล บางบัวทอง อำเภอ บางบัวทอง นนทบุรี 11110 : โทรศัพท์: 099 646 9365 **** Fan Page-Facebook : https://www.facebook.com/LadyButcher.bangbuathong/
( 6. ) N&N Foods Products Co.,Ltd (บริษัท เอ็นแอนด์เอ็นฟู้ด โปรดักส์ จำกัด) อันสุดท้ายนี้เป็นบริษัทนำเข้าเนื้อสัตว์โดยมีคุณณัฐธิดา หนูอินทร์ เป็นกรรมการผู้จัดการ (ก็คนเดียวกับสาวสวยเจ้าของร้าน Lady Butcher นั่นเเหล่ะ) บริษัท เอ็นแอนด์เอ็นฟู้ด โปรดักส์ จำกัด เริ่มก่อตั้งเมื่อราวปี พ.ศ. 2552 นำเข้าเนื้อจากทั่วทุกมุมโลกมาขายส่งให้ร้านอาหาร-ภัตตาคารในประเทศไทยเป็นเวลายาวนานหลายปีเเล้ว โดยเนื้อที่นำเข้ามาขายให้ร้านอาหาร-ภัตตาคารในประเทศไทย เช่น เนื้อวากิว A5 จากญี่ปุ่น, เนื้อโกเบ, เนื้อมัตสึซากะ, เนื้อวัวฮอกไกโด, เนื้อออสเตรเลีย, เนื้อลูกเเกะไอริช, เนื้อวัวจาก UK, นมเป็ด mogret moullard จาก clos saint sozy, เนื้อ aberdeen, เนื้อแองกัส, Dutch Veal tenderloin, ปลาแซลมอนสก็อต, นอกจากนั้นยังมีเนื้อ Rubia Gallega เเละ Txogitxu ไว้สำหรับขายส่งอีกด้วย // ที่อยู่: 198/246 หมู่13 ซอยสามวัง ตำบลบางบัวทอง อำเภอ บางบัวทอง นนทบุรี 11110 : โทรศัพท์: 02 156 9051 **** Fan Page-Facebook : https://www.facebook.com/NN-Food-Products-1249890058448067/
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 2 Sep 20 23:33
|
|
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 2 Sep 20 23:37
|
|
ชิมเนื้อรูเบีย กัลลิกา เนื้อที่ดีที่สุดในโลก!
วันนี้ฤกษ์งามยามดี มาทดสอบเนื้อวัวที่ได้ชื่อว่า.... "ดีที่สุดในโลก"
เนื้อวัวชนิดนี้มีชื่อว่า : Rubia Gallega(เนื้อรูเบีย กัลลิกา) หรือ Rubia Gallega-Picana / Rump Cap (Queen of Steaks / ราชินีแห่งเนื้อวัว) มีคนบอกว่าเนื้อตัวนี้ "อร่อยกว่าวะกิว" ถือเป็นสุดยอด "เเรร์ไอเทม" ที่มีเฉพาะนักทานสเต็กตัวจริงเสียงจริงเท่านั้นจึงจะรู้จักมัน ที่สำคัญเนื้อตัวนี้ไม่มีร้านอาหารร้านไหนเลยในหาดใหญ่ ในสงขลา หรือในภาคใต้ของประเทศไทยให้บริการ(เคยได้ยินว่ามีร้านอาหารชั้นนำในไทยเพียงไม่กี่ร้านในกรุงเทพฯเเละนนทบุรีเท่านั้นที่ให้บริการเนื้อชนิดนี้ในไทย) ผมเลยติดต่อไปที่เพจ Whalefoods Market (ซึ่งเป็นเพจของบริษัทนำเข้าอาหารสดและเเช่เเข็ง ประเภทเนื้อสัตว์ อาหารทะเล เครื่องปรุงรสต่างๆ) บริษัทตอบรับมาว่าสามารถจัดหาสินค้าตัวนี้ให้ได้ เเละพร้อมตัดเเบ่งส่งไปให้ชิมจำนวน 1 กิโลกรัม
ว่ากันว่ามันเริ่มจากวัวพันธุ์พื้นเมืองของประเทศสเปนสายพันธุ์ Galician Blond Cows ที่เลี้ยงอยู่ในเเคว้นกาลิเซียที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสเปนเเละคาบสมุทรไอบีเรีย โดยวัวที่นี่จะต้องเลี้ยงให้มีอายุระหว่าง 8-15 ปี จนไขมันสะสมเริ่มอ้วนพี มีสีเหลืองหรือน้ำตาลเข้มสวยงาม ก็จะมีนายหน้าติดต่อเข้ามาที่ฟาร์มเลี้ยงในเเคว้นกาลิเซีย เพื่อขอซื้อวัวจากชาวนาเเล้วจัดส่งไปยังกรุงมาดริด(ระยะทาง 542.1 กิโลเมตร) จากนั้นวัวจะเข้าสู่โรงเชือด ชำเเหละ แปรรูปเป็นเนื้อสำหรับทำสเต็กที่บริษัท Discarlux Seleccion (ดรายเอจ 21 วัน) จากนั้นเนื้อจะถูกส่งขึ้นเครื่อง บินมายังประเทศไทย(ระยะทางจากสเปน-ไทย) 10,626 กิโลเมตร ต่อด้วยการเดินทางขนส่งเนื้อจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมากรุงเทพฯ(28.9 กิโลเมตร) เเละจากบริษัท Whalefoods Market ในกรุงเทพฯมาหาดใหญ่ด้วยรถกระบะขนส่งของบริษัท Inter Express สู่มือของผู้รับที่หาดใหญ่ นับเป็นการเดินทางไกลสี่เที่ยวอันแสนยาวนาน รวมระยะทางกว่า 12,140.4 กิโลเมตร กว่าเนื้อวัวจะเดินทางมาถึงมือผู้รับที่เทศบาลนครหาดใหญ่
คนญี่ปุ่น, ฝรั่ง, คนไทย รวมถึงคนกินสเต็กทั่วไป โดยเฉลี่ยจะกินวัวอายุน้อยๆเฉลี่ย 2-3 ปี โดยเป็นวัวที่ถูกเลี้ยง-ขุนให้อ้วนในระยะเวลาอันสั้น ส่วนคนในยุโรปใต้ โดยเฉพาะในโปรตุเกส สเปน เเละในเเคว้นบาสก์ นิยมกินวัวเเก่อายุเฉลี่ย 8-15 ปี (ผู้คนในแคว้นบาสก์เริ่มกินวัวที่อายุ 10-20 ปี)ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกของผู้คนโดยทั่วไป ว่าคนที่นี่กินวัวแก่ที่สุดในโลก
หลังรับเนื้อรูเบีย กัลลิกา นำมาปรุงเป็นสเต็กในระดับความสุก Medium Rare พบว่า.... เนื้อนุ่มในระดับหนึ่ง คือนุ่มกว่าเนื้อโคขุนของออสฯ เเต่นุ่มน้อยกว่าวะกิวของญี่ปุ่น
เนื้อรูเบีย กัลลิกา : เนื้อมีความเข้มข้น มีกลิ่น-รสของเนย กลิ่นหญ้า กลิ่นวัว เเละกลิ่นของใบโรสแมรี่ ไขมันสีเหลืองเข้มข้นรสชาติคล้ายเนื้อส่วนเสือร้องไห้ของไทย นุ่มเเต่ก็พอให้ได้เคี้ยว เนื้อวัวผิวละเอียดดีเคี้ยวเเล้วไม่ค่อยติดฟัน โดยภาพรวม รูเบีย กัลลิกาจึงเป็นเนื้อที่ดีอีกตัว ไม่นุ่มละลายในปากเเบบวะกิว รส-กลิ่นเนื้อไม่เบาบางเเบบวะกิว เเต่ในขณะเดียวกันเนื้อก็ไม่เหนียวเเบบเนื้อวัวทั่วไป เนื้อตัวนี้จึงค่อนข้างเพอร์เฟค โดยเฉพาะสายนิยมเนื้อที่ชื่นชอบการทานเนื้อส่วนเสือร้องไห้อยู่เป็นทุนเดิม ประหนึ่งมันเป็นเสือร้องไห้ฉบับเนื้อนุ่ม กินคล่องปากคล่องคอก็มิปาน / ดร.คุณาพร ไชยโรจน์
มันเริ่มจากผมไปเจอภาพเนื้อตัวนี้จากเพจร้านอาหารที่ชื่อ Il Fumo ทางร้านโฆษณาว่า Spanish Rubia Gallega 'Discarlux', one of the best meats in the world, is now back on the grill - for limited pieces only! // ซึ่งแน่นอน มันเป็นเนื้อ Rubia Gallega ของ 'Discarlux' ผมจึงไปหาข้อมูลว่า Discarlux คืออะไร
ผมเลยตามไปที่เพจของ Discarlux แล้วก็รู้ว่า Discarlux ตั้งอยู่ในกรุงมาดริด, ประเทศสเปน มันเป็นบริษัทจำหน่ายเนื้อวัวสายพันธุ์ต่างๆ แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือวัวแก่สายพันธุ์ Rubia Gallega ที่ได้มาจากโรงฆ่าสัตว์หลักในกาลิเซีย ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าเนื้อ Rubia Gallega นี้เองถือเป็นเนื้อที่ดีที่สุดในโลก หายาก เป็น “แรร์ไอเท่ม” ที่สุดขั้วมากๆ มีเพียงนักทานสเต็กตัวจริงเสียงจริงเท่านั้นที่จะรู้จักมัน ปัญหา แล้วจะสั่งซื้อมันได้อย่างไรล่ะ( ? ) เพราะในหาดใหญ่บ้านผมไม่มีร้านอาหารแม้แต่ร้านเดียวที่นำเข้ามาบริการลูกค้า
ผมเลยไปตั้งกระทู้ถามหาแหล่งซื้อขายเนื้อ Rubia Gallega ในประเทศไทยเอาไว้ที่กลุ่ม dry aged beef thailand & market
แล้วจู่ๆก็มีคุณพี่ท่านนี้มาตอบกระทู้ของผม คุณ “Anek Sittichoktanarak” ท่านบอกว่ามีเนื้อ Rubia Gallega แบ่งขายให้ได้ชิม ทั้งแบบขายยกก้อน และแบบตัดแบ่งเป็นชิ้น
https://samara17520.imgur.com/all ผมเลยตามอ่านกระทู้ของคุณ Anek Sittichoktanarak ใน กลุ่ม dry aged beef thailand & market และพบว่าหลายๆกระทู้ที่ตั้งขึ้นเชื่อมโยงไปยังบริษัท whalefoods market (whalefoods market : บริษัทนำเข้าอาหารสดและแช่แข็ง ประเภทเนื้อสัตว์ อาหารทะเล เครื่องปรุงรสต่างๆ)
whalefoods market ที่ตั้งร้าน : 2478/2-2478/3 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย, กรุงเทพมหานคร 10110 เพจ whalefoods market : https://www.facebook.com/Whalefoodsmarket/
ผมเลยเลือกทดลองสั่งซื้อ ES. Rubia Gallega. Picana / Rump Cap ตัดแบ่งกิโลกรัมละ 2,300 บาทมาจำนวน 1 กิโลกรัม
ทางบริษัท Whalefoods Market ทำการตัดแบ่งขายให้น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม (สนนราคากิโลกรัมละ 2,300 บาท) +ค่ากล่องโฟมกันกระแทก +น้ำแข็งแห้ง 3 ถุง +ค่าประกันสินค้าเสียหาย+ค่าขนส่งอีกราว 400 บาท (สนนราคาค่าเนื้อ+ค่าขนส่งคือประมาณ 2,700 บาท)
เนื้อ Rubia Gallega. Picana ถูกส่ง(ด่วน)จากบริษัท Whalefoods Market ในกรุงเทพฯมาหาดใหญ่ด้วยรถกระบะขนส่งของบริษัท Inter Express สู่มือของผู้รับที่หาดใหญ่ ถึงมืออย่างปลอดภัยและรวดเร็ว
บริษัท Whalefoods Market ใช้กล่องโฟมกันกระแทกอย่างดี+น้ำแข็งแห้ง 3 ถุงสำหรับเก็บรักษาเนื้อ ก่อนส่งถึงมือผู้รับ
และนี่ก็คือโฉมหน้าของเนื้อ ES. Rubia Gallega. Picana / Rump Cap ตัดแบ่งกิโลกรัมละ 2,300 บาทจำนวน 1 กิโลกรัม นำเข้าจากบริษัท Discarlux Seleccion ที่ตั้งอยู่ในกรุงมาดริด, ประเทศสเปน กับการเดินทางไกลสี่รอบ หรือกว่า 12,140.4 กิโลเมตร กว่าเนื้อวัวจะเดินทางมาถึงมือผู้รับที่เทศบาลนครหาดใหญ่ (เราเจอกันจนได้นะ เจ้า Rubia Gallega !! )
สักภาพ ผู้เขียน ดร.คุณาพร ไชยโรจน์ กับเนื้อที่ดีที่สุดในโลก Rubia Gallega ของบริษัท Discarlux Seleccion เนื้อนำเข้าจากกรุงมาดริด, ประเทศสเปน
ตราสินค้าอันเป็นอัตลักษณ์ของบริษัท Discarlux Seleccion ผู้จัดจำหน่ายเนื้อที่ดีที่สุดในโลกนาม Rubia Gallega
เนื้อ Rubia Gallega. Picana / Rump Cap ส่วนเนื้อแดงและส่วนไขมันชัดเจนมากสมแล้วที่เป็น Queen of Steaks (ราชินีแห่งเนื้อวัว)
หลังรับเนื้อรูเบีย กัลลิกา นำมาปรุงเป็นสเต็กในระดับความสุก Medium Rare พบว่า.... เนื้อนุ่มในระดับหนึ่ง คือนุ่มกว่าเนื้อโคขุนของออสฯ เเต่นุ่มน้อยกว่าวะกิวของญี่ปุ่น
เนื้อรูเบีย กัลลิกา : เนื้อมีความเข้มข้น มีกลิ่น-รสของเนย กลิ่นหญ้า กลิ่นวัว เเละกลิ่นของใบโรสแมรี่ ไขมันสีเหลืองเข้มข้นรสชาติคล้ายเนื้อส่วนเสือร้องไห้ของไทย นุ่มเเต่ก็พอให้ได้เคี้ยว เนื้อวัวผิวละเอียดดีเคี้ยวเเล้วไม่ค่อยติดฟัน โดยภาพรวม รูเบีย กัลลิกาจึงเป็นเนื้อที่ดีอีกตัว ไม่นุ่มละลายในปากเเบบวะกิว รส-กลิ่นเนื้อไม่เบาบางเเบบวะกิว เเต่ในขณะเดียวกันเนื้อก็ไม่เหนียวเเบบเนื้อวัวทั่วไป เนื้อตัวนี้จึงค่อนข้างเพอร์เฟค โดยเฉพาะสายนิยมเนื้อที่ชื่นชอบการทานเนื้อส่วนเสือร้องไห้อยู่เป็นทุนเดิม ประหนึ่งมันเป็นเสือร้องไห้ฉบับเนื้อนุ่ม กินคล่องปากคล่องคอก็มิปาน
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 2 Sep 20 23:38
|
|
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 5 Sep 20 23:13
|
|
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 12 Jun 21 12:53
|
|
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 12 Jun 21 13:40
|
|
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 12 Jun 21 15:52
|
|
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 12 Jun 21 16:01
|
|
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 12 Jun 21 16:27
|
|
Rubia Gallega Extra Special Dry Aged 100 Days / in Hatyai Thailand
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 5 Aug 21 13:40
|
|
วันเสาร์ว่าง ชิลล์ๆ นั่งคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติในชมรมคนชอบทานสเต็กเนื้อผ่านกล่อง in box 😊
เพื่อนชาวสเปน : ถามว่า "Rubia Gallega Txuleton Steak ที่กินไปรอบก่อนอร่อยไหม นั่นคือเนื้อส่วนที่ดีที่สุดในสเปนเเล้วนะ ถ้าเทียบกับวากิวมันก็คือ Wagyu Matsusaka A5 ขนาดเราเป็นคนประเทศนี้ยังนานๆได้กินเสียสักครั้งหนึ่งเลย นายโชคดีจังอยู่ในเมืองไทยยังมีโอกาสได้ชิมเจ้า Txuleton"
ผม : "เอ๊ยยยย.... ผมไม่เคยกินนะ Txuleton นี่ก็หากินอยู่เหมือนกัน มันหายาก ในไทยนานๆเจอทีในร้านอาหารหรู เเต่ไม่มีร้านไหนเเบ่งขายให้เลย ยังไม่ได้ชิมครับ ที่ผมกินรอบก่อน เรียกว่า Rubia Gallega Rib Steak"
เพื่อนชาวสเปน : "ก็ตัวเดียวกันแหล่ะ ชิ้นส่วนตัวนี้ภาษาอังกฤษเรียก Rib Steak, ภาษาสเปนเรียก Chuleton Steak, เเต่ถ้าเป็นภาษาบาสก์เรียกว่า Txuleton Steak ซึ่งมันก็คือเนื้อตัวเดียวกันแหล่ะ เเต่เรียกเเตกต่างกันในเเต่ละภาษา"
ผม : "อ้าวววว.... ความรู้ใหม่เลยเนี่ยๆ สรุปว่าเจ้า Rubia Gallega Rib Steak, Chuleton Steak, Txuleton Steak มันคือตัวเดียวกันเหรอ โอ๊ววววว....เพิ่งรู้เลยนะเนี่ยๆ 555+"
OK. ผมได้กินเนื้อตัวนี้เเล้วจริงๆนะ เนื้อสีทองแห่งกาลเซีย-เนื้อสีทองแห่งบาสก์ Rubia Gallega Txuleton Steak!! หายคาใจล่ะ (555+) 😊 "
*ปล. (ภาพบน) Rubia Gallega Txuleton Steak ที่ร้านอาหารเเห่งหนึ่งใน San Sebastian เเคว้นบาสก์ สเปน (ภาพล่าง) Rubia Gallega Txuleton Steak ที่เคยย่างกินกันที่บ้าน ในหาดใหญ่
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 8 Aug 21 10:04
|
|
สุดทางของค่าย vintage beef ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยเห็น Vintage Beef Wagyu เนื้อจากวัวแก่ของออสเตรเลียที่ขุนยาวนาน 15 ปี (ภาพประกอบจาก The Vintage Beef Company)
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 8 Aug 21 12:51
|
|
อันนี้ก็แทบจะสุดทางของการดรายเอจเลย นางดรายเอจได้ดุมากกกกก Rubia Gallega Dry aged 4 years (11/2018) ของร้าน Lady Butcher นนทบุรี ทางร้านบรรยายสรรพคุณมาว่า.... "ราคาแรงตามปีที่บ่มมา ไม่แห้ง ไม่เหี่ยว ไขมันขาวกลายเป็นเนยอย่างดี ไขมันเหลือง กลายเป็นสีทองอำพันธ์ เป็นเจลาติน หอมๆ หวานๆ มี 2 ชิ้นชิ้นละ 800 กรัม เป็น bone in จะได้กลิ่นตุๆของ blue cheese ตรงนี้แหล่ะ หลังทานจะเหนอะหนะในกระพุ้งแก้ม" (ภาพ+คำบรรยายโดย : Lady Butcher)
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 8 Aug 21 12:55
|
|
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 18 Aug 21 09:34
|
|
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 18 Aug 21 09:52
|
|
Rubia Gallega Chuleton Steak Extra Dry Aged 100 Days (1 kg) in Hatyai SongKhla
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 18 Aug 21 10:31
|
|
Rubia Gallega (2 kg) in Hatyai ^_^
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 19 Aug 21 14:30
|
|
ว่างๆ.... พาไปทำความรู้จัก Barrosã Cattle (วัวแก่สายพันธุ์ Barrosa)แห่งโปรตุเกส อริศัตรูตัวฉกาจของวัวแก่กาลิเซียแห่งสเปน ^_^
Barrosa Beef หรือ Barrosã Cattle (Vaca Portuguese) บางคนก็เรียกว่า Barrosa Portoghese สายพันธุ์วัวแบบสุดขั้วของยุโรปใต้
(*ปล. ภาพประกอบ อ้างอิงจากเว็บไซต์ของ : braciamiancora)
Barrosa Beef (วัวสายพันธุ์ Barrosa) กล่าวกันว่านี่คือวัวสายพันธุ์ดั้งเดิม โบร๊าณโบราณของโปรตุเกสอย่างแท้จริง ต้นกำเนิดของสายพันธุ์นี้อยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศแถบเมืองปอร์โต เชื่อกันว่าวัวสายพันธุ์ Barrosa สืบเชื้อสายมาจากวัวสายพันธุ์ Mauritano ของแอฟริกาใต้อีกที และเนื่องจากวัวสายพันธุ์ Barrosa ครองพื้นที่-ดินแดนทางใต้สุดของยุโรปใต้อย่างหนาแน่น การที่พรมแดนส่วนใหญ่ติดกับสเปน เลยทำให้มันกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของวัวแก่กาลิเซียแห่งสเปน(Galician Blond Cows)อย่างจังเบอร์ โดยเวลามีผู้รุกรานจากสเปนเดินทางเข้ามาท้าทาย เจ้า Barrosa จะใช้เขาคู่เกี่ยวรูปพิณอันคมกริบขนาดใหญ่ราวข้างละ 100 เซนติเมตร ไล่แทงศัตรูจนเลือดอาบล่าถอยกลับไป เคยเห็นเจ้า Barrosa ในสารคดี Steak (R)evolution / 2014 ของ Director : Franck Ribière หนหนึ่ง รู้สึกมันเป็นวัวที่ค่อนข้างดุ อารมณ์แปรปรวนง่าย
เนื้อของวัวชนิดนี้ : เนื่องด้วยวัวสายพันธุ์นี้กินหญ้าอย่างอิสระบนทุ่งหญ้าและดื่มน้ำจากหนองน้ำแบบดั้งเดิมเป็นระยะเวลายาวนาน เมื่ออายุของวัวมีมากกว่า 10 ปีเป็นต้นไป จึงมีเนื้อแดงที่เข้มข้นสวยงาม ลายไขมันเเทรกที่เป็นเอกลักษณ์ ไขมันในพื้นผิวชั้นนอกเป็นสีเหลืองทองอ่อนๆล่องลอย รสชาติเนื้อเข้มข้นดุดันจนได้สมญานามว่า "Ark of taste" (หีบห่อแห่งรสชาติ) นอกจากนี้เนื้อของสายพันธุ์ Barrosa ยังมีคุณประโยชน์สูง มันมีไขมันไม่อิ่มตัวโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 สัดส่วนของคอเลสเตอรอลที่ต่ำและปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในชิ้นเนื้อปริมาณที่สูงลิบ(alpha tocopherols and B-carotenes)
ถามว่าอร่อยไหม.... ยังไม่เคยชิมครับ (555+) สืบค้นเเละหาอ่านบทความภาคภาษาอังกฤษเเละภาษาโปรตุกีส เอามาแปลอ่านสนุกๆ แปลผิดแปลถูกอย่าว่ากันนะเออ อิอิอิ ^_^
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 24 Aug 21 10:30
|
|
รู้จักหรือเปล่า Galego Beef รูเบียฯสายโหดแห่งโปรตุเกส!
“The Precious Gem of Portugal อัญมณีเลอค่าแห่งโปรตุเกส ชื่อของมันคือ Galego เล่าลือกันในหมู่นักกินสเต็กเนื้อว่า มันเหนือกว่า Rubia Gallega ของสเปน….”
ถ้าพูดถึงประเทศโปรตุเกสคุณนึกถึงอะไร? คริสเตียโน โรนัลโด นักฟุตบอลชื่อก้องโลกชาวโปรตุกีส, ขนมฝอยทอง(Fios De Ovos), ประเพณีโบราณสุดโหด Vaca das Cordas (ประเพณีวิ่งวัวกระทิงเชือกเพื่อบูชาเทพธิดาที่แสดงตนด้วยรูปลักษณ์ของวัวที่วิหารแห่งหนึ่งในเมือง Ponte de Lima), หรือคุณคิดถึงงานแสดงดอกไม้ไฟ Vaca de Fogo (จุดเด่นคือฐานยิงดอกไม้ไฟรูปวัวอนสวยงามแต่ก็แสนจะอันตราย) ซึ่งอยู่ในเทศกาล Festas Sebastianas ในเมือง Freamunde คุณคิดถึงสิ่งเหล่านี้หรือเปล่า?
แล้วถ้าพูดถึงเรื่องเนื้อวัวสำหรับทำสเต็กสุดอร่อยบนตะแกรงย่างร้อนๆล่ะ พูดถึงโปรตุเกสคุณนึกถึงเนื้อตัวไหน?
ถามผม…. ผมนึกออกแต่เนื้อที่ชื่อ Barossa (เนื้อบาร์รอสซ่า)ตัวเดียวเลยล่ะ ว่ามันคือหน้าคือตาของประเทศโปรตุเกสอย่างแท้จริง เนื้อ Barossa เนี่ยๆถ้าจำไม่ผิดร้านอาหารหรูสัญชาติโปรตุเกสอย่าง Il Fumo แถวถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ เคยนำเข้ามาบริการเพียงร้านเดียวในประเทศไทย ได้ยินว่ามันคือเมนูที่มีชื่อว่า “Carne Barrosa” อันสุดแสนอร่อย (หลายคนว่า Barrosa เนี่ยๆสไตล์รูเบียฯ แต่ออกจะแห้งๆกว่า)
วันก่อนน้องสาวของผมส่งภาพเนื้อวัวก้อนหนึ่งที่กำลังโดนลงมีดผ่าแยกชิ้นส่วนมาให้ชม(ดังภาพประกอบ ภาพแรก) นางถามว่า “ในภาพเป็นเนื้อสัญชาติโปรตุเกส พี่คิดว่ามันคือสายพันธุ์ไหน?”
ผมมองดูสีของไขมันรอบนอกที่เป็นสีเหลืองทองอ่อนๆ เปร่งประกาย บวกกับสีของเนื้อที่ค่อนข้างแดงเข้ม ไขมันแทรกข้างในอลังการสุดๆ เลยตอบนางกลับไปว่า…. “น่าจะสายพันธุ์ Barossa คิดว่าใช่ล่ะ” (แต่ในใจก็แอบสงสัยอยู่นิดนึง ว่าปกติลายของ Barossa มันจะไม่โหด แรงขนาดนี้นี่ ทำไมเนื้อชิ้นในภาพถึงมีลายหินอ่อนแทรกในชิ้นเนื้อที่ดูดุดันซะขนาดนั้น)
เก็บความสงสัยไว้ได้สักพัก คุณ Anek Sittichoktanarak (แห่ง Whalefoods Market)ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเนื้อวัวต่างประเทศอีกท่านของเมืองไทย ก็เข้ามาเฉลยข้อข้องใจของผมว่า…. “จริงๆแล้วมันไม่ใช่ Barossa แต่เนื้อตัวในภาพเป็นสายพันธุ์โปรตุเกสที่เล่าลือกันว่าไขมันสวย ลายเนื้อโหดที่สุด และอาจอร่อยกว่ารูเบียฯของสเปน คนโปรตุเกสเรียกชื่อของมันเอาไว้ว่า…. Galego”
ชื่อของมันคือ “Galego” รูเบียฯสายโหดแห่งโปรตุเกส! ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเนื้อของโซนยุโรปใต้บางท่านเรียกเนื้อชนิดนี้ว่า Galego, บางท่านก็เรียกว่า Galega (กาเลก้า), นอกจากนี้มันยังมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อว่า Galician, , แกลเลกา, รูเบียโปรตุเกส, Minhota, และ Minhota Gallega
สมัยแรกเริ่มเดิมทีคนโปรตุเกสเรียกวัวสายพันธุ์นี้ว่า “Galego” ต่อมาในปี ค.ศ.2002 สมาคมการผสมพันธุ์ Associação Portuguesa dos Criadores de Bovinos da Raça Minhota แห่งโปรตุเกสได้มีการปรับเปลี่ยนชื่อพันธุ์เป็น “Minhota” (มินโฮตา) หรือ “Minhota Gallega” เพื่อที่จะแยกความแตกต่างจากสายพันธุ์กาลิเซียของสเปน “รูเบีย กัลเลกา” ที่อาศัยอยู่ทางเหนือได้อย่างชัดเจน นับแต่ปี ค.ศ.2002 เป็นต้นมาคำว่า “Minhota Gallega” (มินโฮตากาเลก้า)ก็กลายเป็นชื่อหลักที่คนโปรตุเกสใช้เรียกชื่อวัวสายพันธุ์นี้ตราบปัจจุบัน สายพันธุ์ที่ให้เนื้อที่มีคุณภาพดีกว่า Rubia Gallega ของสเปน
Minhota Gallega (มินโฮตากาเลก้า) รูเบียฯสายโหดแห่งโปรตุเกส! ภายใต้ร่มเงาของวัวสายพันธุ์โบราณในแคว้นกาลิเซีย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรไอบีเรีย ใต้ร่มคันใหญ่ “สายพันธุ์แห่ง Galice” เผ่าพันธุ์กาลิเซีย(Raza Galega) Minhota มีต้นสายคือ “สาย Galice” โดยวัวในสาย Galice จะกระจัดกระจายหนาเเน่นในเเถบโปรตุเกส-สเปน-บางพื้นที่ในฝรั่งเศส เเละพื้นที่ใกล้เคียง เชื่อว่านี่คือรากต้นของสายพันธุ์หลักของที่นี่อันแตกแขนงออกไปในอีกหลากหลายสายพันธุ์ อาทิ (1.)Minhota (2.)Rubia gallega (3.)Cachena (4.)Vianesa (5.)Barrosa และอีกหลากหลายสายพันธุ์ ฯลฯ เชื่อกันว่าทุกๆสายพันธุ์ล้วนมีความสนิทชิดเชื้อเป็นญาติๆกันหมดเลย โดยเจาะจงว่า Minhota Gallega และ Rubia Gallega นี่เป็นญาติที่ใกล้ชิดกันที่สุด(มีความเป็น Gallega เหมือนกัน แต่แตกต่างกันในมิติย่อยๆเพียงบางส่วน) ทั้งสองเป็นสายพันธุ์ชั้นนำของคาบสมุทรไอบีเรียร่วมกัน แต่ภายหลังมีการเปลี่ยนชื่อเป็น Minhota Gallega เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนและแสดงอัตลักษณ์ว่าเป็นเนื้อสัญชาติโปรตุเกสอย่างเต็มภาคภูมิ
Minhota Gallega สมัยก่อนคนโปรตุเกสนิยมเลี้ยงเพื่อเป็นสัตว์ใช้งานในฟาร์มและให้นมโดยจำเพราะเจาะจง ในยุคต่อมาถูกค้นพบว่ามันให้เนื้อแดงและไขมันแทรกที่มีคุณภาพสูงเอามากๆ คุณประโยชน์อย่างเยอะ เกษตรกรในภาคเหนือของโปรตุเกสจึงปรับเปลี่ยนมาเลี้ยง Minhota Gallega เพื่อขุนสำหรับขายเนื้อโดยเฉพาะ
Minhota Gallega มีต้นกำเนิดในจังหวัด Minho (จังหวัดมินโฮ)ในบริเวณที่เรียกว่าภูมิภาค Trás-os-Montes และ Douro Litoral ปัจจุบันคือเขต Viana do Castelo District (เขตเวียนา โด กัสเตโล) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโปรตุเกส และเนื่องด้วยภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของโปรตุเกสนี้เองที่มีฤดูหนาวที่ไม่รุนแรงมากนัก ประกอบกับมีฤดูร้อนที่อากาศเย็นสบาย และมีฝนตกชุกตลอดทั้งปี จึงทำให้เป็นพื้นที่ที่หญ้ามีคุณภาพสูงเอามากๆ อุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี ทำให้พวก Minhota Gallega สามารถเดิมเล็มหญ้า-กินหญ้าได้อย่างอิสระในทุ่งหญ้าบนเนินเขาที่อุดมไปด้วยสมุนไพร มีพืชพรรณธรรมชาติหลากหลายได้ตลอดทั้งปี และเนื้องด้วยสถานที่แห่งนี้เป็นที่ราบลุ่มมีแหล่งน้ำเพียงพอไม่เคยแห้งขอด ตลอดทุ่งหญ้าในหุบเขาไปจนถึงที่ราบสูงยังมีป่าไม้ป้องปกอุดมสมบูรณ์ ที่นี่จึงเหมาะสมทุกประการสำหรับการผลิตปศุสัตว์แบบดั้งเดิมที่สุดในประเทศโปรตุเกส และเพราะมีแม่น้ำ Minho River ขวางกั้น แยกระหว่างฝั่งโปรตุเกสกับสเปน จึงเป็นที่มาของชื่อสายพันธุ์ “Minhota” ด้วยประการหนึ่ง
อาหารที่สายพันธุ์วัวแก่อย่าง Minhota Gallega ได้กินในแต่ละปีอันส่งผลให้เนื้อมีคุณภาพที่สุดในโลก เช่น หญ้าคุณภาพสูงจากท้องทุ่งตามธรรมชาติในฤดูร้อนในภูมิภาค Trás-os-Montes และ Douro Litoral ในเขต Viana do Castelo District (เขตเวียนา โด กัสเตโล), ข้าวโพดจากเกษตรกรที่เพิ่งเก็บเกี่ยวสดๆ, และในฤดูหนาววัวสายพันธุ์นี้จะได้รับการขุนด้วยหญ้าแห้ง, ฟางข้าว, ฟางข้าวโพด, เศษพืชผล, รำ, และรากไม้บางชนิดที่มีเฉพาะในท้องถิ่นนี้ สายพันธุ์ Minhota Gallega จะได้รับสารอาหารที่อุดมสมบูรณ์หลายปีติดต่อกันคล้ายการเลี้ยงวัวแก่ไขมันเก่ารูเบียกัลลิกาของฝั่งสเปน จวบจนถึงระยะเวลาที่เหมาะสมพร้อมจะเข้าโรงเชือด วัวจะถูกขุนในคอกด้วยอาหารที่เป็นสูตรลับเฉพาะของแต่ละฟาร์มแต่ละบ้านในระยะเวลาหนึ่งเพื่อปรับปรุงสภาพของพวกมันให้พร้อมที่สุดสำหรับเนื้อที่มีคุณภาพสูงที่สุดในโลกใบนี้
คุณสมบัติของเนื้อ Minhota Gallega : (จากคำบอกเล่าของนักชิมสเต็กเนื้อชาวโปรตุเกสและในหลายๆประเทศ) : เนื้อแดงมีสีแดงสด มีระดับลายหินอ่อนแทรกภายในที่ยอดเยี่ยมมากๆ มีชั้นไขมันสีเหลืองทองอร่ามคล้ายทองคำ บ้างก็ว่าไขมันมีสีเหลืองและสีงาช้าง เนื้อมีรสชาติเฉพาะตัวและมีกลิ่นหอม ไขมันที่ผ่านการดรายเอจจะกลายเป็นโทนสีเหลืองแทบจะกลายเป็นเนยบริสุทธิ์(ถ้าหากใช้จมูกดม จะได้กลิ่นเนยและกลิ่นถั่วซึ่งส่งกลิ่นหอมฟุ้งรุนแรงเอามากๆ) เนื้อตัวนี้มีความโดดเด่นในด้านความมันวาว ความเข้มข้นของเนื้อแดง(สไตล์วัวแก่) เนื้อมีความนุ่มชุ่มฉ่ำและอ่อนโยนให้รสสัมผัสที่น่าประทับใจ เนื้อและไขมันจะไม่นุ่มละลายแบบวากิว แต่เนื้อให้รสชาติที่เข้มข้นที่สุด ไขมันดุดันระเบิดเต็มปากเวลาเคี้ยว เป็นเนื้อที่ทรงพลังในรสสัมผัส ความอร่อยเหนือกว่า Rubia Gallega ของฝั่งสเปน แต่ก็หาชิมเนื้อตัวนี้ได้ยากกว่าเช่นกันเพราะฟาร์มที่เลี้ยงเจ้า Minhota Gallega มีน้อยกว่าแบรนด์ข้างต้นจากสเปนอักโข ส่งผลให้การผลิตทำได้ในวงจำกัด วางตลาดในระดับที่น้อยกว่ามาก กระนั้นก็ตามเนื้อของวัวสายพันธุ์ Minhota Gallega กลับได้รับความนิยมอย่างสูงภายในประเทศโปรตุเกสเอง และภายในร้านอาหารชั้นนำในโลกใบนี้ อาทิ เนื้อวัวสายพันธุ์ Minhota Gallega ชิ้นส่วนที่ดีที่สุดสำหรับย่างปรุงเป็นสเต็กในร้านอาหารที่ให้บริการสเต็กเนื้ออันดับ 1 ของโลกอย่างร้าน “El Capricho” ในประเทศสเปน
นิยามของสายพันธุ์นี้ Minhota Gallega (มินโฮตากาเลก้า) “ปัจจุบันถูกยกย่องให้เป็นเนื้อวัวโปรตุเกสที่ดีที่สุด” “คุณภาพเนื้อเหนือกว่ารูเบียกัลลิกา” “เป็นเนื้อพรีเมี่ยมที่ดีที่สุดในโลก” “เราสามารถพูดได้ว่ามินโฮตานี้มอบเนื้อที่พิเศษยิ่งกว่า” “เนื้อ Minhota: ที่สุดของโปรตุเกส” “สายพันธุ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของโปรตุเกส” “มินโฮตาคือจอกศักดิ์สิทธิ์แห่งเนื้อ” (El santo grial de lo carne) “ปลุกสัญชาตญาณของสัตว์กินเนื้อ กับเครื่องประดับที่กินได้ วัวมินโฮตาแห่งโปรตุเกส” (joyas Carnivoras-instinto carnivoro-Vaca Minhota Portugal) “อัญมณีเลอค่าแห่งโปรตุเกส” (The precious gem of Portugal) “มันคือเนื้อในตระกูลกัลลิกาเช่นเดียวกับรูเบียกัลลิกาของสเปน แต่ตัวนี้ถูกเลี้ยงในโปรตุเกสในชื่อมินโฮตากัลลิกา เลี้ยงโดยใส่ความพิถีพิถันในกรอบกระบวนการที่มากกว่า ผลิตน้อยกว่า หาชิมยากที่สุด เพาะบ่มจนกลมกล่อม จึงเป็นการต่อยอดจากสายตระกูลกัลลิกาอันเป็นเนื้อสำหรับปรุงสเต็กที่รสชาติอร่อยที่สุดในโลกให้ดียิ่งขึ้นไปอีกขั้น” (ผู้เขียน)
(*เขียน-รวบรวมเรียบเรียง : ดร.คุณาพร ไชยโรจน์)
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ *แหล่งอ้างอิงสำหรับการเขียนบทความ - https://en.wikipedia.org/wiki/Minhota - https://gustor.be/en/minhota-gallega - https://iruki.es/raza-galega-la-minhota-antes-que-la-rubia-gallega/ - https://vacum.es/carne-de-vaca-gourmet/vaca-minhota - https://www.instagram.com/galegaminhota/?hl=en - https://razasbovinasdecolombia.weebly.com/minhota--rubia-gallega.html - https://en.tripadvisor.com.hk/LocationPhotoDirectLink-g230085-d1065166-i476194701-Puttanesca-Leiria_Leiria_District_Central_Portugal.html - https://www.tripadvisor.com/LocationPhotoDirectLink-g230085-d1065166-i476194701-Puttanesca-Leiria_Leiria_District_Central_Portugal.html - https://www.carrefour.fr/p/entrecote-minhota-gallega-portuguaise-mature-40j-b9a57f46-19c3-4b90-95a1-ded1526f3aa1?s=2147 - https://www.starsavor.com/nl/rund-minhota/ - https://beef2live.com/story-minhota-cattle-breed-85-121967 - https://www.carmansnv.be/minhota/?v=d3dcf429c679 - https://www.bascofinefoods.com/minhota-ox-steak/ - https://grisomeat.com/prodotto/costata-di-minhota-selezione-la-portuguesa/ - https://www.dgav.pt/wp-content/uploads/2021/04/Minhota_GRGA.pdf - https://www.facebook.com/institocarnivoro/ - https://www.facebook.com/carnes.jacinto/ - https://www.facebook.com/LAtelier-Bar-%C3%A0-ViandePoisson-382645895613637/ - https://www.facebook.com/ElAsadorLaFamilia/ - https://www.facebook.com/Jacinto.beef/ - https://catavino.dev.bitecla.com/old-portuguese-ox-a-stunning-gastronomic-experience/ - https://www.impala.pt/lifestyle/ponte-de-lima-fim-semana-carne-minhota/
ภาพประกอบ : วัวสายพันธุ์ Minhota Gallega (มินโฮตากาเลก้า)ของโปรตุเกส อ้างอิงภาพประกอบ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/4/42/Bovino_Minhoto.JPG
ภาพประกอบ : วัวสายพันธุ์ Minhota Gallega (มินโฮตากาเลก้า)ของโปรตุเกส อ้างอิงภาพประกอบ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/8/86/Vaca_gallega.JPG
ภาพประกอบ : Galego อ้างอิงภาพประกอบ : ภาพโดยคุณ Anek Sittichoktanarak (แห่ง Whalefoods Market)
ภาพประกอบ : เนื้อ Minhota Gallega อ้างอิงภาพประกอบ : Carnes Jacinto
ภาพประกอบ : เนื้อ Minhota Gallega อ้างอิงภาพประกอบ : L'Atelier Bar à Viande&Poisson
ภาพประกอบ : เนื้อ Minhota Gallega อ้างอิงภาพประกอบ : Jacinto
ภาพประกอบ : เนื้อ Minhota Gallega อ้างอิงภาพประกอบ : Asador La Familia
ภาพประกอบ : เนื้อ Minhota Gallega อ้างอิงภาพประกอบ : Instinto Carnivoro
ภาพประกอบ : Minhota Gallega Steak อ้างอิงภาพประกอบ : https://catavino.dev.bitecla.com/old-portuguese-ox-a-stunning-gastronomic-experience/
ภาพประกอบ : Minhota Gallega Steak อ้างอิงภาพประกอบ : https://www.impala.pt/lifestyle/ponte-de-lima-fim-semana-carne-minhota/
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 30 Aug 21 13:09
|
|
Doesn’t get any better than this 😱 130 day aged 18 year old Minhota. Gets me every time 😍😍😍
เนื้อ Minhota จากวัวแก่อายุ 18 ปี นำมา Day Aged อีก 130 วัน ของฟาร์ม Coxtie Green Farm #สุดยอดดดด
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 20 Sep 21 10:19
|
|
กระทู้นี้มีคนถามเข้ามาว่า…. “สเต็กเนื้อเอล คาปริโช” (El Capricho Steak) คืออะไร และมันคือสเต็กเนื้อเบอร์ 1 ของโลก ดีที่สุดในโลกจริงหรือ? 😊
ผมจะขออธิบายแบบง่ายๆให้ฟังนะครับ 😊
คำว่า “เอล คาปริโช” ไม่ใช่ชื่อของเนื้อวัวครับ
แต่ “เอล คาปริโช” (El Capricho Steak) คือชื่อของร้านอาหารประเภทสเต็กที่ได้ชื่อว่า ดีที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ (ร้านสเต็กเบอร์ 1 ของโลก)
ซึ่งร้านนี้มีชื่อว่า…. “ร้าน Bodega El Capricho”
ร้านสเต็กนี้มีเจ้าของชื่อคุณ Jose Gordon (Breeder and Chef / นักเพาะเลี้ยงวัวและเจ้าของร้านอาหาร)
ว่ากันว่าหากคุณเป็นนักทานสเต็กเนื้อวัวตัวจริงเข้าเส้นโลหิต สักครั้งในชีวิต ที่สมควรอย่างยิ่งกับการได้ชิมเนื้อจากร้านเอล คาปริโช สักครั้งก่อนตาย
ว่ากันว่าเนื้อที่ดีที่สุดในโลกมาจากยุโรปใต้ จากวัวสายพันธุ์สเปนแท้ๆอย่าง Galician Blond Cows วัวชนิดนี้จะเลี้ยง ขุน กันยาวนาน 6-21+ ปีเลยทีเดียว
คนสเปน โปรตุเกส และบางพื้นที่ในยุโรปใต้ เชื่อว่า “วัวยิ่งแก่ไขมันและเนื้อยิ่งเข้มข้นอร่อย” นี่คือวัฒนธรรมการกินเนื้อที่แปลกและแตกต่างแบบสลับขั้วกับเนื้อวะกิวของทางญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
วัวสายพันธุ์ Galician Blond Cows เมื่อเลี้ยง ขุน ได้ในอายุที่ต้องการ จะเข้าสู่โรงเชือด เนื้อวัวหลังผ่านการเชือด คนสเปนจะเรียกมันว่า “Rubia Gallega” (รูเบีย กัลลิกา / รูเบีย กาเญก้า), แต่ถ้าเป็นทางเหนือของสเปน แถวเเคว้นบาสก์จะเรียกชื่อเนื้อชนิดนี้ว่า “Txogitxu” (โทชิสุ), พวกโปรตุเกสรับวัฒนธรรมต่อจากสเปน เอาสายพันธุ์ Galician Blond Cows ไปพัฒนา แล้วเรียกชื่อเนื้อวัวหลังผ่านโรงเชือดว่า “Minhota” (มินโฮตา) หรือ “Minhota Gallega” (มินโฮตากาเลก้า) ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมด ก็คือเนื้อจากวัวสายพันธุ์เดียวกัน แต่ปรับแต่งเทคนิคการเลี้ยง การขุน และปรับแต่งสายพันธุ์ เพื่อให้ได้ “เนื้อที่ดีที่สุดในโลก”
กรณีของ “สเต็กเนื้อเอล คาปริโช” (El Capricho Steak) พูดง่ายๆก็คือ วัวสายพันธุ์ Galician Blond Cows ที่ทางร้าน El Capricho Steak นำมาเลี้ยง ขุน โดยใช้หัวเชื้ออาหาร ซึ่งเป็นสูตรลับของคุณ Jose Gordon นั่นเอง เนื้อที่ได้ ก็คือ “เนื้อ Rubia Gallega” นั่นแหล่ะ แต่พอออกมาจาก El Capricho เลยได้ชื่อใหม่ เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานให้ดูสูงส่งกว่าสเต็กเนื้อทั่วไปของสเปน ในชื่อแบรนด์…. “สเต็กเนื้อเอล คาปริโช” (El Capricho Steak)
ใครเคยชิมสเต็กเนื้อ “Rubia Gallega” หรือว่าพวก “Txogitxu” ที่เคยจำหน่ายในร้านอาหารหรู และร้านนำเข้าเนื้อวัวจากต่างประเทศในไทย ขอบอก…. รสชาติประมาณนี้แหล่ะครับ ตัวเดียวกันแหล่ะ ไขมันมีกลิ่นเป็นเนยหอมฟุ้งแบบที่สุด เนื้อรสชาติคล้ายเสือร้องไห้ของไทย แต่นุ่มแบบที่สุด ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน จนนักชิมสเต็กจากทั่วโลกหลายสถาบัน ต่างการันตีให้มันเป็น “เนื้อสำหรับปรุงสเต็กที่ดีที่สุดในโลก”
ในประเทศไทย ตอนนี้ เท่าที่ทราบข่าวมา มีร้านอาหารเพียงร้านเดียวที่นำเข้าเมนูที่ชื่อ “สเต็กเนื้อเอล คาปริโช” (El Capricho Steak) คือร้าน UNO MAS (ที่ตั้ง : Centara Grand Hotel 54th Floor, Bangkok, Thailand, Bangkok / โทร 02-100 6255) โดยเป็นการนำเข้าวัตถุดิบหลักจากร้าน Bodega El Capricho (c/ Carrobierzo, 28, 24767 Jiménez de Jamuz, León, ประเทศสเปน) เซ็ทเมนู “สเต็กเนื้อเอล คาปริโช” (El Capricho Steak) เนื้อ 1 กิโลกรัม +เครื่องเคียง (ไม่รวมน้ำดื่ม และ Service charge) อยู่ที่ 10,000 บาท (ต่อ 1 ชุด) ท่านไหนอยากลิ้มลอง และกระเป๋าหนัก เชิญได้เลยนะเออ
จากคุณ : samara17520
เขียนเมื่อ : 1 Aug 23 13:20
|
|