ผมใช้เวลา 31 ปีในการตามหาต้นฉบับของหนังสยองฯเรื่องนี้  :  The Unnamable / 1988 (กัดไม่บอกชื่อ!)

หากจะย้อนความทรงจำกลับไปในห้วงปี พ.ศ.2530 ในหาดใหญ่ 
ยุคสมัยนั้นหาดใหญ่ยังมีโรงหนัง(โรงภาพยนตร์)อยู่มากมายหลายโรง  ไล่ตั้งแต่…. 

- โรงหนังจุติ (ปัจจุบันทุบทิ้งกลายเป็นอาคารชุดไปล่ะ)

- โรงหนังโคลีเซี่ยม (ปัจจุบันทุบทิ้งกลายเป็นห้างลีการ์เด้น หาดใหญ่)

- โรงหนังหน้าหอนาฬิกา (ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่จัดประชุมไปแล้ว)

- โรงหนังซีกิมหยง หรือเอเธนส์ หรือโรงฉายหนัง R ในตำนานของหาดใหญ่ (ปัจจุบันทุบทิ้งสร้างเป็นอาคารชุดแทน)
- โรงหนังภายในห้างโรบินสัน หาดใหญ่ (ปัจจุบันยังอยู่ป่าว ไม่แน่ใจ)

และ – โรงหนังเฉลิมไทย (ปัจจุบันทุบทิ้งไปแล้ว)

สมัยก่อนโรงหนังในหาดใหญ่เยอะพอสมควรเลยนะ  มีสถานที่ฉายหนังหลายจุดเลยล่ะ ส่วนยุคปัจจุบันเนี่ย โรงหนังก็ไปกระจุกตัวรวมกันฉายที่ในห้างเซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่, ห้างไดอาน่า หาดใหญ่, แล้วก็ในห้างลีการ์เด้น หาดใหญ่ (อืม….มีตรงไหนอีกบ้างหว่าโรงหนังในหาดใหญ่ตอนนี้ นึกไม่ออกล่ะ หุหุหุ ???? )

ย้อนกลับไปที่ปี 2530 ผมได้มีโอกาสเข้ามาดูหนังในโรงหนังครั้งหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีมากๆของเด็กย่านชานเมือง ที่พอพ่อแม่ผู้ปกครองพาเข้าเมืองซะสักครั้งเพื่อมาเที่ยว มาดูหนังในเมือง  จะเกิดอาการตื่นเต้นเป็นธรรมดา วันนั้นยังพอจำได้ว่าก่อนที่เราจะเข้าโรงฉายหนัง เราไปเที่ยวที่สวนสาธารณะก่อน(ไปนั่งจักรยานน้ำ ปั้นๆๆๆ  ชมสวนสาธารณะ ให้อาหารปลาที่อาคารไม้ตรงท่าน้ำ เอ่อ… สนุกมากๆ) จากนั้นก็นั่งรถตุ๊กๆเข้าไปหาอะไรกินกันที่ห้างไดอาน่าสาขาแรก (สมัยก่อนห้างไดอาน่าสาขาแรกตั้งอยู่ที่บริเวณต้นของถนนสายสาม หรือบริษัทพิธาน Honda bigwing ในยุคปัจจุบัน) ซึ่งยุคนั้นถือว่าห้างนี้หรูหราสุดในหาดใหญ่แล้วมั๊งครับ  ผมได้กิน “ข้าวผัดอเมริกัน” ครั้งแรกในชีวิตที่ร้านอาหารในห้างนี้แหล่ะ เป็นร้านอาหารชื่อ “เดอะการ์เด้น” หรืออะไรซักอย่างนี่แหล่ะ 555+ จำไม่ค่อยจะได้ล่ะ ราคาข้าวผัดอเมริกันจานละ 59 บาท(ในยุคปี พ.ศ.2530) ถือว่าอินี่ๆแพงมากกกกกกก  คือกินทีเนี่ยๆเอาไปคุยโม้กะเพื่อนในโรงเรียนได้ 3 วัน 7 วันเลยล่ะ (แฮ่ๆๆๆ….)

พอเสร็จจากกินข้าวเที่ยง พวกเราก็นั่งรถตุ๊กๆต่อไปที่หน้าหอนาฬิกา ไปที่โรงหนังเฉลิมไทย แล้วก็ซื้อตั๋วหนังเพื่อเข้าชมหนังตลก “เทวดาท่าจะบ๊องส์ ภาค 1” (ฉบับพากย์ภาษาใต้ทั้งเรื่อง)ที่นั่น  ตั๋วหนังมีตั้งแต่ 19 บาท ไปจนถึงที่นั่งชั้น VIP ราคา 40 บาท แอร์เย็นฉ่ำๆๆๆมากกกกก  (บ้านผมจะพาลูกๆเข้าเมืองมาดูหนังปีละ 2-3 ครั้งครับ คือมาเที่ยว+ทำธุระ / พอดีบ้านอยู่ห่างไกลห่างความเจริญ 555+)

ช่วงนั้นถึงผมจะเป็นเด็ก แต่ก็ชอบดูหนังสยองขวัญแล้วนะครับ แต่….เพราะต้องไปดูหนังกะครอบครัว ก็….เอ่อ หนังตลกก็ได้ฟร๊ะ….แฮ่ๆ  (555+)

โดยระหว่างที่นั่งรอดูหนังเรื่องเทวดาท่าจะบ๊องส์ ภาค 1  ทางโรงก็จะเปิดเพลงให้ฟังเบาๆ  แล้วก็มีเป็นหนังตัวอย่างก่อนฉายหนังจริง

ตอนฉายหนังตัวอย่างง่าๆ  ผมไปต้องตาต้องใจหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่งเข้า เป็นหนังฝรั่งครับ เกี่ยวกับเด็กมัธยมปลายในประเทศสหรัฐอเมริกากลุ่มหนึ่งที่กำลังนั่งล้อมวงกันเล่าเรื่องสยองขวัญ พอเล่าเสร็จ ก็พากันไปเที่ยว-ล่าท้าผีกันในบ้านร้างหลังหนึ่งย่านชานเมือง โดยในบ้านร้างหลังนั้นมีตำนานน่ากลัวๆเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายในเป็นเวลาหลายร้อยปี  ผมในวัยเด็กมองหน้าตาของเราสิ่งมีชีวิตประหลาดในโรงหนังวันนั้นแล้วเกิดอาการกลัวสุดๆ แล้วตัวอย่างหนังก็ฉายเล่าต่อประมาณเกิดการฆ่ากันตายภายในบ้านร้าง ไม่รู้จริงๆว่าชื่อภาษาอังกฤษของมันคืออะไร แต่รู้ชื่อภาษาไทยช่วงท้ายของตัวอย่างหนัง คือคนพากย์ไทยประกาศว่า หนังชื่อ….   “กัดไม่บอกชื่อ!”  และหนังจะออกฉายในประเทศในคือช่วงปี 2531 (หรือในปี ค.ศ. 1988)

หลายปีผ่านพ้นไป….   ระหว่างปี พ.ศ. 2536-2539  จู่ๆผมก็นึกถึงตัวอย่างหนังสยองขวัญในโรงวันนั้นขึ้นมา  รู้เพียงหนังใช้ชื่อภาคภาษาไทยว่า “กัดไม่บอกชื่อ!”  ก็เลยอาศัยเดินตามหาเอาตามร้านเช่า VDO บ้าง, ร้านขายม้วน VDO บ้าง ตามหาเรื่อยมาๆๆ  หายังไงก็หาไม่เจอ(555+)

ราวปี พ.ศ.2540 หาดใหญ่เริ่มมีร้านขาย และเปิดให้เช่า VCD เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ สมัยนั้นถ้าจำไม่ผิดผมใช้บริการร้านวัฒนาศิลป์ หาดใหญ่(สุดสาย 3 ก่อนถึงอาคารจุลดิศ) และก็ร้านเช่า VDO-VCD ซึทาญ่า (ตรงข้ามห้างไดอาน่า สาขา 2 / ห้างใหญ่ในยุคปัจจุบัน)  แต่….หายังไงก็หาไม่เจอ (อีกล่ะ 555+)

แล้วก็….  ลืมเลือนมันไปอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง

จนช่วงปี พ.ศ.2545 ช่วงที่หนังแผ่น VCD และ DVD กำลังบูมเป็นอย่างมากในหาดใหญ่ (ยุคนี้เองที่ร้านเช่าม้วน VDO ในหาดใหญ่กำลังจะตายลง) ยุคปี พ.ศ.2545 นี้เองที่ในหาดใหญ่เริ่มมีระบบอินเทอร์เน็ตเปิดให้เล่นกันพอสมควรล่ะ แต่ส่วนมากจะเป็นอินเทอร์เน็ตความเร็วต่ำ (ยุค 256 Kbps และ 512 Kbps) คือไปซื้อ “การ์ดเวลา” ในร้านขาย เพื่อเอามาเติมเวลาลงคอมฯสำหรับเล่นอินเทอร์เน็ต  ยุคนี้ผมเริ่มมีความหวังว่าจะสามารถใช้อินเทอร์เน็ตตามหาหนังเรื่องนั้นมาไว้ในครอบครองได้บ้างล่ะ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาไม่เจอ (เอ้อ….  )

ระบบอินเทอร์เน็ตของไทย และในหาดใหญ่ยังคงพัฒนาไม่หยุดยั้ง จวบจนเรามีอินเทอร์เน็ความเร็วสูงระดับ 10 M ไปจน 100-200 M เล่นกัน    ยุคนี้เองที่ Facebook ก็กำลังมา….

ราวปี พ.ศ. 2553 ผมได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนๆในวงการหนังสยองขวัญที่เว็บไซต์ “คลับสยอง” (www.horrorclub.net) จำไม่ค่อยได้แล้วล่ะว่าวันนั้นใครมาช่วยหาหนังเรื่องนี้ให้  แต่เราก็ตามหามันจนเจอ!!

ใช่ครับ….  อยากจะบอกว่าผมเจอหนังที่ตามหาแล้ว มันมีชื่อว่า “The Unnamable / 1988” หรือชื่อไทยคือ “กัดไม่บอกชื่อ!” แล้วก็มีโอกาสได้โหลดหนังตัวเต็มมาเก็บลงคอมฯสมใจในวันนั้นเอง(เย้ๆ….)

แต่….  (ขอบอก) ว่าเพราะอารมณ์ในสมัยนั้น อารมณ์แรกก็คือ(สุขใจ) ส่วนอีกอารมณ์ก็คือ(ยังไม่พร้อมอยากรับชมมัน) ผมเลยดองเค็มเก็บมันไว้ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2553  เรื่อยมา…. 

จวบจน….  ยุคปัจจุบัน

ช่วงดึกของรอยต่อคืนวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม ปี พ.ศ.2561 และเช้าวันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม ปี พ.ศ.2561  คืนนี้….ฝนตกหนักในหาดใหญ่  อากาศเริ่มเย็นลง  จู่ๆ….  ก็เกิดอารมณ์ดีอย่างแปลกประหลาด  ผมจึงหยิบไฟล์หนังเรื่อง The Unnamable / 1988 (กัดไม่บอกชื่อ!) ออกมาดู  คือนอนดูมันตั้งแต่ต้นจนจบไม่กดข้าม  ดูมันจนจบเรื่อง….   สาสมแก่ใจ  กับการรอคอยมายาวนานร่วม 31 ปี!!

ในที่สุด  เราก็เจอกันจนได้สินะ  และเราก็ได้ดูมันจนจบ!! (เราคือ #ผู้ชนะ! ) 555+




****** ใบปิดของหนังเรื่อง The Unnamable / 1988 (กัดไม่บอกชื่อ!) เวอร์ชั่นไทย ใบปิดเก่าสมัยปี พ.ศ.2531 (ขอขอบพระคุณภาพใบปิดจากคุณ Prajit Inpim)

พูดถึงตัวหนัง….

The Unnamable / 1988 (กัดไม่บอกชื่อ!)  :  เป็นหนังสยองขวัญรุ่นเก่า(และเก๋า)จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดย Director: Jean-Paul Ouellette เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากงานเขียน-นิยายสยองขวัญของ H.P. Lovecraft หนังเล่าเรื่องราวในยุคอดีตปี ค.ศ.1800  เกี่ยวกับครอบครัวๆหนึ่งที่ฝ่ายศรีภรรยาตั้งครรภ์แล้วก็คลอดลูกออกมาเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือด ผู้คนต่างเรียกขานนามของมันว่า…. “Unnamable” 

คนเป็นพ่อทั้งตกใจและหวาดกลัวมาก จึงจับลูกมาขังไว้ภายในห้องเก็บของในบ้าน เขาล็อคกุญแจแน่นหนาหลายตัว เสร็จแล้วก็ลงคาถา-มนต์ตราสะกดไว้อีกชั้น จวบจนคืนหนึ่ง….  เด็กคนนี้เกิดหลุดออกมาจากมนต์สะกด แล้วก็พักประตูห้องเก็บของออกมาได้ เจ้าตัวประหลาดเริ่มไล่ฆ่าคนในครอบครัวนี้อย่างบ้าคลั่ง มันจัดการควักหัวใจของทุกคนออกมาเพื่อสังเวยจนหมดบ้าน (ครอบครัวนี้ตายเรียบทั้งบ้าน!)

บ้านหลังนี้จึงกลายเป็นบ้านร้างในบัดดล ผู้คนในละแวกใกล้เคียงต่างหวาดกลัว ย้ายบ้านเพื่อให้ไกลห่างบ้านหลังเกิดเหตุให้มากที่สุด  แม้นแต่ศพของคนในบ้านหลังนี้ พวกนักบวชก็ไม่กล้าขนย้ายออกมาข้างนอก(เพราะเชื่อว่าอาจทำให้เกิดอาถรรพ์ตามมากับคนในหมู่บ้าน จึงจัดการลากศพออกมาจากชายคาบ้าน แล้วฝังเอาศพไว้ตรงบริเวณหน้าบ้าน จากนั้นนักบวชก็ทำพิธีกรรมสะกดวิญญาณสิ่งชั่วร้ายที่อาศัยหลบอยู่ภายในตัวบ้านเพื่อไม่ให้มันสามารถออกมาอาละวาดข้างนอกได้ ด้วยการปลูกต้นไม้ทับหลุมฝังศพของผู้ควบคุมสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายในอดีต(หลุมศพของพ่อ)  แล้วลงคาถากำกับไว้….

ร้อยกว่าปีผ่านพ้นไป จวบจนถึงยุคปัจจุบัน(หรือราวปี ค.ศ.1988 / ปี พ.ศ. 2531) มีนักเรียนมัธยมกลุ่มหนึ่งราว 7 คน สงสัยในตำนานประจำเมืองเกี่ยวกับบ้านผีสิงที่น่ากลัวที่สุด(ก็บ้านร้างหลังนั้นไง….) เลยนัดแนะจูงมือกันเข้าไปล่าท้าผีในบ้านหลังดังกล่าว  โดยนักเรียนชายคนแรกจะแอบเข้าไปสำรวจเส้นทางก่อนคนเดียว ส่วนเพื่อนชายหญิงอีก 4 คนจะตามมาในช่วงดึก แล้วหลังจากนั้นก็จะมีสองหนุ่มที่อยากตามมาสอดรู้สอดเห็นด้วย(ทีมของพระเอก)ตามเข้าไปเป็นกลุ่มสุดท้าย….

หนังก็ออกแนวล่าผีในบ้านร้างนั่นแหล่ะครับ แต่สำหรับเรื่องนี้ล่าท้าผีแล้วเจอเข้ากับตัวประหลาดสุดบ้าเลือดแทน พอรู้ตัวจะหนีออกมาจากบ้าน ประตูดันติดล็อคซะอีก(หุหุหุ) งานนี้ก็เลยมีการตาย ถูกตัวประหลาดไล่ฆ่ากันแบบเรียงตัวจนเลือดกระจายสมองกระจุยหลายคน(โหดสมเป็นนิยายของ H.P. Lovecraft เค๊าล่ะ) เสียดายนิดตรงที่เอฟเฟคโหดในสมัยยุคปี ค.ศ.1988 มันยังไม่ค่อยสาสมจริงสักเท่าไหร่ ภาพที่ได้ออกมาจึงอาจทำให้หลายคนมีอาการเฉยๆ กระนั้นก็ดี หนังยังมีดีตรงการเล่าเรื่อง การปะติดปะต่อเรื่องราว และมุมกล้องการถ่ายทำที่ดูแล้วจัดว่า OK  ที่สำคัญหนังไม่ยาวมาก เพียง 87 นาทีเองครับ โดยภาพรวมก็ถือว่าหนังสนุกพอสมควรเลยล่ะ

ให้ 7 / 10 คะแนนสำหรับความสนุกครับ หนังดำเนินเรื่องไปแบบเรื่อยๆ มีฉากโหด ลุ้นระทึกให้ได้หัวใจตุ้มๆต่อมๆพองโตบ้างตามสมควร ช่วงที่หนังจบลงก็มีการทิ้งปริศนาเอาไว้ท้ายเรื่องประมาณ…. (ตัวประหลาดยังไม่ตายนะ แค่ถูกคาถากักไว้ในบ้านหลังนั้นนั่นแหล่ะ   เดี๋ยวๆ…. ผกก. จะมาสร้างภาคต่อ #เพื่อเอาตังค์ในกระเป๋าคนดู นะเออ 555+)

เอ่อ…. ว่างๆ เดี๋ยวผมจะหางานภาค 2 ของมันมาดู แล้วจะเล่าให้ฟังนะครับ 555+