[color=purple][/color]

หลังจากมีข่าวว่า Director: Sanjay Leela Bhansali (อินเดีย)ประกาศสร้างหนังเรื่อง Padmaavat จนเเล้วเสร็จ ก็ปรากฏมีกระเเสโจมตีอย่างบ้าคลั่งมากมายถาโถมเข้าใส่ประหนึ่งโคตรพายุมหาประลัย

เล่าลือกันว่ากว่าหนังจะถ่ายทำเสร็จมีการประท้วง ผกก. เเละทีมสร้างหนังเรื่องนี้กันทั่วทั้งประเทศอินเดีย หนักเข้ามีการขู่ฆ่า ผกก. เเละประกาศตัดหัวนักเเสดงมาเเล้ว

ในอินเดียหนังเลื่อนฉายหลายรอบมากเพราะผู้คนบางกลุ่มต่อต้านหนังเรื่องนี้ถึงขนาดประกาศว่าจะบุกไปพังโรง-เผาโรงหนังใดก็ตามที่กล้าฉายมัน โดยการฉาย Padmaavat / 2018 รอบปฐมฤกษ์ในอินเดียนั้นถึงขั้นต้องใช้หน่วยความมั่นคง-ตำรวจติดอาวุธครบมือตรึงโรงฉายหนังเรื่องนี้มาเเล้ว!!

เเละเเล้ววันศุกร์ที่ 30 มีนาคม ปี พ.ศ. 2561 ก็มาถึง เมื่อ Padmaavat ถูกเผยเเพร่ในฉบับออนไลน์(Full-HD)ในเว็บต่างประเทศบางเว็บไซต์ หนังมีความยาวราว 2.42 ชั่วโมง

หนังนำเสนอเรื่องราวของกษัตริย์เเละสมเด็จพระราชินีนาม Padmavati ที่ครองเมืองเเห่งหนึ่งในราชวงศ์ยุคกลางของอินเดีย ก่อนที่ความงามของพระราชินี Padmavati จะไปเข้าหูสุลต่านอาหรับท่านหนึ่ง จนยกทัพมารบปราบกษัตริย์ลงได้ เเละพยายามจะยึดครอง Padmavati เป็นของตน นางจึงเดินเข้ากองไฟเพื่อฆ่าตัวตาย-รักษาศักดิ์ศรีของราชินีในศาสนาฮินดูเเห่งราชวงศ์ยุคกลางของอินเดีย

หนังสร้างโดยอิงประวัติศาสตร์เเบบเน้นๆเลยนะเรื่องนี้ เเม้นพวกนักประวัติศาสตร์หลายท่านในอินเดียจะเคยศึกษาตำนานเกี่ยวกับพระเเม่ Padmavati ว่าอาจเป็นเพียงเรื่องที่เเต่งขึ้นโดยอิงกับบุคคลที่ไม่มีตัวตนจริงๆในประวัติศาสตร์ เเต่ดูเหมือนความรุนเเรงในการประท้วงจากการประกาศฉายหนังเรื่องนี้กลับลุกลามบานปลายออกไปเรื่อยๆ

จากที่ผมดูหนังเรื่องนี้จนจบ 2.42 ชั่วโมง
หนังมีการถ่ายทำที่สวยงามมากๆ สวยงามจับใจทั้งภาพ เสียง การตัดต่อฉาก มันตรึงตาตรึงใจโคตรๆจนแอบคิดไปว่า...หนังอินเดียสมัยนี้มันถ่ายทำออกมาได้เยี่ยมยอดขนาดนี้เเล้วเจียวหรือ

คุณ " วิภาศิริ สุวรรณนิตย์ " ส่งข้อมูลมาให้เพิ่มเติมว่า....หนังเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ พระนางปัทมาวตี ปรากฎในบทกวีเก่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับสงครามของฮินดูกับมุสลิม พระนางเป็นราชินีของเมืองราชปุต นางเป็นสาวที่สวย จนกระทั่งสุลต่านพยายามที่จะตีเมืองราชปุต เพื่อยึดเมืองหรือไม่ก็ให้พระนางนี่แต่งงานกับสุลต่านเพื่อแลกกับการที่ไม่โจมตี แต่พระนางเลือกที่ตายฆ่าตัวตายด้วยการเดินเข้ากองไฟ เพราะถือว่าการถูกจับหรือแต่งงานใหม่เป็นการเสื่อมเสียเกียรติ แต่จริงๆ แล้วนักประวัติศาสตร์ต่างบอกกันว่าเป็นแค่ตัวละครที่แต่งขึ้น เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์กับเนื้อเรื่องค่อนข้างห่างไกลกันที่เป็นปัญหาคือ ในเรื่องพระนางเหมือนจะถูกจับหรือเข้าไปเจรจากับสุลต่านนี่แหละแล้วมีความใกล้ชิดกันเกินเหมาะสม แล้วคนก็มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร หาว่าเป็นการบิดเบือนประวิติศาสตร์และทำให้พระนางเสื่อมเสีย ก็เลยกลายเป็นเรื่องบานปลายล่าค่าหัวทั้งผู้กำกับและนักแสดง แต่ในอเมริการายได้ถือว่าถล่มทลายดีทีเดียว(อ้างอิง : วิภาศิริ สุวรรณนิตย์)

............................................................................
นอกจากนี้ก็ลองมาอ่านรีวิวหนังเรื่องนี้จากเว็บไซต์อื่นๆกันบ้าง

............................................................................
ประกาศตัดศีรษะ 'ทีปิกา ปาทุโกณ' กับ 'ซานเจย์ ลีลา ปันซาลี' นักแสดงนำหญิงและผู้กำกับภาพยนตร์ 'ปัทมาวตี' (ค่าหัวร้อยล้านรูปี) หนังต้องห้ามที่อันตรายที่สุด

(ข้อมูลข่าวโดย : ตติกานต์ เดชชพงศ : https://www.voicetv.co.th/read/HkUc8NxxM)

แกนนำพรรครัฐบาลอินเดียตั้งค่าหัวร้อยล้านรูปีแก่ผู้ตัดศีรษะ 'ทีปิกา ปาทุโกณ' กับ 'ซานเจย์ ลีลา ปันซาลี' นักแสดงนำหญิงและผู้กำกับภาพยนตร์ 'ปัทมาวตี' ที่อ้างอิงถึงอดีตรานีซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวฮินดู

สุราจ พัล อามู ผู้นำพรรคภราติยะ ชนาตะ หรือ BJP พรรครัฐบาลอินเดีย ประจำรัฐหรยาณา ประกาศว่าจะมอบเงินรางวัล 100 ล้านรูปี (ประมาณ 50 ล้านบาท) แก่ผู้ที่ตัดศีรษะ ทีปิกา ปาทุโกณ นักแสดงนำหญิงชื่อดังแห่งวงการภาพยนตร์บอลลีวูด และซานเจย์ ลีลา ปันซาลี ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง 'ปัทมาวตี' (Padmavati) ซึ่งเป็นการร่วมทุนสร้างระหว่างบริษัทปันซาลีและเวียคอม 18 มีเดีย บริษัทในเครือพาราเมาท์พิกเจอร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายภาพยนตร์ชื่อดังของวงการฮอลลีวูดในสหรัฐฯ

ข้อมูลของบริษัทปันซาลีระบุว่า ภาพยนตร์เรื่องปัทมาวตีมีเนื้อหาเกี่ยวกับการต่อสู้ของรานีปัทมิณี หรือปัทมาวตี ผู้ปกครองนครของชาวฮินดูในอดีตให้รอดพ้นจากการรุกรานของสุลต่าน อะลาอุดดิน คิลจี ผู้ครองนครเดลี ซึ่งเป็นมุสลิม แต่กลุ่มผู้ที่สืบเชื้อสายราชปุตในรัฐราชสถานและรัฐหรยาณาของอินเดีย เชื่อว่าผู้กำกับภาพยนตร์มุ่งเน้นที่ความลุ่มหลงของสุลต่านที่มีต่อรานีปัตมาวตี ซึ่งถือเป็นการดูหมิ่นและบิดเบือนประวัติศาสตร์

การประกาศตั้งค่าหัวของนายสุราจเกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทปันซาลีและเวียคอมฯ ระบุว่าจะนำภาพยนตร์ออกฉายในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ของอินเดียกล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องปัทมาวตียังไม่มีกำหนดออกฉายในประเทศ เพราะเกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิค ทำให้คณะกรรมการยังไม่ได้ดูภาพยนตร์ จึงไม่อาจตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้ภาพยนตร์ออกฉายทั่วประเทศในวันที่ 1 ธันวาคมได้จริงหรือไม่
สื่อหลายสำนักระบุว่าท่าทีดังกล่าวเป็นการถ่วงเวลาของคณะกรรมการฯ โดยก่อนหน้านี้เคยสั่งห้ามฉายภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายเรื่องในอินเดีย ไม่ว่าจะเป็น Fifty Shades of Grey ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับจินตนาการทางเพศ หรือภาพยนตร์ The Da Vinci Code ซึ่งถูกห้ามฉายในรัฐกัว เพราะมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ ทำให้ประชากรชาวกัวซึ่งส่วนใหญ่เป็นคริสต์รู้สึกไม่พอใจ

ขณะที่พรรคบีเจพี ซึ่งเป็นต้นสังกัดของนายสุราจ เรียกร้องให้เขาชี้แจงรายละเอียดว่าการประกาศตั้งค่าหัวเพื่อแก่ผู้ที่ตัดศีรษะนักแสดงหญิงและผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเป็นความจริงหรือเป็นเพียงการเปรียบเปรย ขณะที่ ชาปนา อัสมี นักแสดงหญิงชาวอินเดียที่ได้รับรางวัลด้านการแสดง 5 สมัย ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าการประกาศตั้งค่าหัวทีปิกาและซานเจย์ เข้าข่ายคุกคามและเป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญา และเธอยังเรียกร้องให้บุคลากรในแวดวงภาพยนตร์อินเดียคว่ำบาตรนายสุราจ พรรคบีเจพี และเทศกาลภาพยนตร์ซึ่งจะจัดขึ้นในรัฐที่ปล่อยให้มีการคุกคามทีปิกาและซานเจย์ โดยย้ำว่าคนในวงการจะต้องไม่ทำตัวเป็น 'เป็ดง่อย' ในกรณีนี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า บทกวีซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่องปัทมาวตีถูกเขียนขึ้นราวศตวรรษที่ 16 เพื่อกล่าวถึงอดีตรานีในศตวรรษที่ 13-14 ทำให้นักประวัติศาสตร์ระบุว่ารานีปัทมาวตีเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น เพราะไม่มีบันทึกหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์อื่นใดที่เขียนไว้นอกจากบทกวีที่กล่าวถึง แต่ชาวฮินดูที่สืบเชื้อสายราชปุตผู้ครองอาณาจักรในอดีตต่างเชื่อมั่นว่า 'รานีปัทมาวตี' มีตัวตนอยู่จริง และไม่พอใจที่มีการกล่าวถึงอดีตรานีซึ่งเป็นที่เคารพในภาพยนตร์สมัยใหม่ ทั้งยังตีความว่าสุลต่านลุ่มหลงในความงามของรานีจนต้องใช้อำนาจยึดครอง

ด้านผู้กำกับภาพยนตร์ 'ซานเจย์' ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (20 พฤศจิกายน) เพื่อยืนยันว่าเนื้อหาที่กล่าวถึงความลุ่มหลงของสุลต่านที่มีต่อรานีไม่มีอยู่ในภาพยนตร์เรื่องปัทมาวตี แต่เขายอมรับข้อเสนอของคณะกรรมการเซ็นเซอร์ฯ ที่ระบุว่าภาพยนตร์ควรเลื่อนกำหนดฉายในอินเดียไปก่อน เพราะการพิจารณาว่าจะจัดเรทใดให้แก่ภาพยนตร์ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ส่วนโฆษกของทีปิกาไม่ได้แถลงข่าวใดๆ

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ภาพยนตร์เรื่องปัทมาวตีถูกโจมตี เพราะระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ในรัฐราชสถาน ทางตะวันตกของอินเดีย มีกลุ่มชาวฮินดูจำนวนหนึ่งบุกเข้าไปทำลายฉากถ่ายภาพยนตร์ และผู้กำกับฯ ซานเจย์ถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บด้วย

เรียบเรียงโดย: ตติกานต์ เดชชพงศ

(ข้อมูลข่าวโดย : ตติกานต์ เดชชพงศ : https://www.voicetv.co.th/read/HkUc8NxxM)

............................................................................
ข่าวจากเว็บไซต์ข่าวสด (อ้างอิง)
https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_723569

ถึงขั้นต้องใช้หน่วยความมั่นคงตรึงโรงฉายหนังรักต่างศาสนา “ปัทมาวตี” รอบปฐมฤกษ์

เมื่อ 25 ม.ค. บีบีซีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอินเดีย อารักขาความปลอดภัยในหลายรัฐทั่วประเทศอินเดีย ภายหลังภาพยนตร์บอลลีวูดชื่อดัง “ปัทมาวตี” รอบปฐมฤกษ์จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วไป บางพื้นที่โรงเรียนปิดทำการเพื่อหลีกเลี่ยงหากเกิดความรุนแรง

ภาพยนตร์เรืิ่องนี้ต้องเลื่อนฉายมาแล้วนานถึง 2 เดือน เป็นชนวนให้เกิดการประท้วงรุนแรงจากบรรดาชาวฮินดูสายเคร่ง เนื่องจากไม่พอใจหนังที่มีเนื้อหาเชิงสัมพันธ์ความรักระหว่างพระแม่ปัทมาวตีกับสุลต่านซึ่งเป็นมุสลิม

การตรึงของเจ้าหน้าที่เกิดขึ้นหลังการประท้วงเริ่มส่อเค้ารุนแรงในหลายพื้นที่ ทางการอินเดียต้องสั่งปิดสถานศึกษาหลายแห่งในหลายรัฐ ขณะที่ผู้ประท้วงบางส่วนก่อเหตุโจมตีรถโรงเรียน และเผารถยนต์ตามท้องถนน รวมทั้งก่อเหตุโจมตีโรงภาพยนตร์หลายแห่ง ส่งผลให้บางรัฐประกาศว่าจะไม่ให้ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเข้าฉาย

อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาในกรุงนิวเดลี ตัดสินแล้วว่าส่วนการปกครองของแต่ละรัฐไม่มีอำนาจแบนภาพยนตร์เรื่องนี้ เนื่องจากได้รับการคัดกรองและรับรองแล้วจากคณะกรรมการตรวจสอบจัดประเภทภาพยนตร์ของอินเดีย

ส่วนการปกครองของแต่ละรัฐจึงอ้างไม่ได้ว่าควรแบนภาพยนตร์นี้เพื่อความปลอดภัย ดังนั้นศาลถือว่าเป็นหน้าที่ของแต่ละรัฐที่ต้องดำเนินมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดความไม่สงบขึ้น

ทั้งนี้ พระแม่ปัทมาวตี เป็นภาคหนึ่งของพระแม่ลักษมี ซึ่งเป็นพระชายาของพระวิษณุ หรือที่รู้จักกันในพระนามอีกอย่างหนึ่งว่า พระนารายณ์ เป็นหนึ่งในสามตรีมูรติ มีหน้าที่คุ้มครองแลดูแลรักษาทั้งสามโลกตามความเชื่อของชาวฮินดู

ส่วนเนื้อเรื่องของภาพยนตร์นั้นเกี่ยวกับ สุลต่านอะลาอุดดิน คาลจี ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 14 นำกำลังเข้าปิดล้อมโจมตีพระนครที่พระนางปัทมาวตีทรงดำรงวรรณะราชปุต หรือวรรณะกษัตริย์อยู่ เนื่องจากสุลต่านอะลาอุดดิน ทรงหลงใหลในความสิริโฉมของพระนาง

ข่าวจากเว็บไซต์ข่าวสด (อ้างอิง)
https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_723569