ตามที่เข้าใจกัน Snuff film เป็นส่วนหนึ่งของหนังแนว Cult Movies หรือที่นักดูหนังแนวนอกกระแสเรียกมันว่า “หนังคัลต์” อันหมายถึงหนังที่ไม่ได้รับการยอมรับกันในวงกว้าง(Mainstream)แต่กลับโดนใจคนดูบางกลุ่มอย่างรุนแรงถึงขั้นลุ่มหลง Snuff film กลายเป็นกิ่งก้านสาขาอีกส่วนหนึ่งของ Cult Movies ประหนึ่งก้านใบหรือเมล็ดร่วงหล่นภายใต้ร่มไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาแยกย่อยออกมาเจริญงอกงามในแนวทางของตนเอง Snuff film ไม่ใช่หนังในกระแสหลักของตลาดเพราะฉะนั้นจึงเป็นการยากที่จะมีกลุ่มคนโดยมากได้ดูมัน

Snuff film คำๆนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากที่ไหน ในปี ค.ศ. 1916 มีนวนิยายอยู่เรื่องหนึ่งชื่อ Tarzan and The Jewels of Oper ได้กล่าวเอาไว้ในเนื้อเรื่องบางส่วนเกี่ยวกับคำว่า Snuff film อันมีความหมายไปในทิศทางที่เลวร้าย สื่อถึงหายนะและความตาย นอกจากนี้ในหนังสือเรื่อง 1971 by Ed Sanders,Family : The story of charles Manson (คัดลอกข้อมูลจากหนังสือ The New York Times, Oct. 31, 1971)ได้กล่าวถึงเรื่องราวของ Manson Family (ครอบครัวแมนสัน)ผู้นำของครอบครัวนี้เป็นชายชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า Charles Manson (ชาร์ลส แมนสัน)ซึ่งต่อมาประวัติส่วนตัวของแมนสันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งแห่งหนัง Snuff film



ภาพประกอบ : หนังเรื่อง la fin absolue du monde

ใน wikipedia (http://en.wikipedia.org/wiki/Snuff_film วันที่ 26 กรกฎาคม 53) กล่าวสรุปอธิบายถึงหนังแนว Snuff film เอาไว้ว่า Snuff film หมายถึง ภาพยนตร์ หรือหนังที่แสดงให้เห็นภาพบันทึกความตาย ภาพการสังหารบุคคล ประชาชนโดยไม่ต้องใช้เทคนิคพิเศษในการถ่ายทำ แต่เป็นการถ่ายจากของจริง

ในเว็บไซต์ listing-index.ebay (http://listing-index.ebay.com/movies/Snuff_film.html)อธิบายความหมายของ Snuff film สรุปเอาไว้ว่าหมายถึง หนังที่มุ่งให้เห็นฉากการฆาตกรรมของจริง เป็นการฆาตกรรมที่มิใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรมที่มีเจตนากระทำการอย่างชัดเจน และตัวหนังดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงของคนกลุ่มหนึ่งอันไม่เป็นที่เปิดเผย

ในเว็บ kucity.kasetsart.org ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในหน้า Movie Report ในเว็บ blogging หน้า Movie Report (http://kucity.kasetsart.org/kucity/WebFormDetailBoard.aspx?BRD_ID=12445&PAGE=1) ได้กล่าวถึงเรื่องของ Snuff film เอาไว้สรุปได้ว่า กล่าวถึง Snuff film แล้วเชื่อว่าเป็นของหนัก บางคนก็เชื่อว่ามันเป็นประตูเพื่อเข้าไปสู่โลกมืด มีตำนานบ้าๆที่เล่ากันในหมู่คนดูหนังสยองขวัญ ว่าถ้าดู Snuff film แล้วจะทำให้เครียดมากหรือดูแล้วหลอนไปเลย ไม่สามารถจะชี้ชัดว่า Snuff film ของแท้นั้นสามารถหาดูได้จากที่ไหน

จากข้อมูลที่ได้มาเบื้องต้น ผู้เขียนจึงขอนิยามความหมายเฉพาะแห่ง Snuff film ว่า Snuff film นั้นหมายถึง ภาพยนตร์ หรือหนังประเภทมีฉากฆาตกรรมของจริง เนื้อหาหลักภายในหนังเน้นฉากการฆ่า ทรมาน ข่มขืนนักแสดงเสียเป็นส่วนมาก หนังแนว Snuff film ส่วนใหญ่มักนิยมถ่ายแบบ “ลองชอร์ต ไม่มีเทค” ใน Snuff film จะไม่ปรากฏรายชื่อนักแสดง ผู้กำกับ วัน เวลา และสถานที่ในการถ่ายทำแต่ประการใด นักแสดงตัวเอกอาจถูกหลอกมาแสดงหรือถูกวางยาที่ทำให้สติไม่ปกติ Snuff film จึงเป็นภาพบันทึกห้วงแห่งความตายที่แสนวิปริตแต่กลับเป็นที่ถูกอกถูกใจคนบางกลุ่มถึงขั้นลุ่มหลง ยกย่องเชิดชูให้เป็นประหนึ่งอาหารเลิศรส หาชิมยาก เป็นที่ปรารถนาให้ได้มาเพื่อตอบสนองรสนิยมส่วนตัวอันแสนอันตราย Snuff film แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ Snuff film แบบแท้และแบบเทียม โดย Snuff film ในแบบแท้นิยมเรียกกันว่า Real Snuff film ส่วน Snuff film แบบเทียมนิยมเรียกกันว่า Fake Snuff film



ภาพประกอบ : Charles Manson

หนังแนว Snuff film เรื่องแรกของโลก ในหนังเรื่อง Peeping Tom ในปี 1960 กล่าวถึงคดีฆาตกรรมเหยื่อแล้วถ่ายวีดีโอเก็บไว้ หนังเรื่องดังกล่าวอาจจะเป็นจุดกำเนิดแห่ง Snuff film (แบบเทียม)ก็ว่าได้ แต่หากกล่าวถึง Snuff film (แบบแท้)เชื่อกันว่าเป็น Snuff film ที่ถ่ายทำโดย Charles Manson (ชาร์ลส แมนสัน) ผู้นำของ The Manson Family กลุ่มฆาตกรโรคจิตชื่อดังในอดีต โดยกลุ่ม The Manson Family ได้ทำการฆาตกรรม Sharon Tate ดาราสาววัย 26 ปีซึ่งเป็นภรรยาของ Roman Polanski ผู้กำกับหนังสยองขวัญชื่อดังอย่าง Rosemary's Baby หรือในชื่อภาคภาษาไทยว่า “ทายาทซาตาน” โดยการฆาตกรรมหฤโหดในครั้งนั้นเกิดขึ้นในวันที่ 8 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1969 Sharon Tate ซึ่งกำลังท้องแก่ใกล้คลอดถูกฆาตกรกลุ่ม The Manson Family แทงด้วยมีดถึง 16 แผล ตัดเต้านมทั้งเป็น กรีดชำแหละตั้งแต่บริเวณหน้าอกจนถึงอวัยวะเพศ จากนั้นกลุ่มฆาตกรเลือดเย็นจึงใช้เลือดของ Sharon Tate จุ่มด้วยแปรงเขียนคำว่า “pig” เอาไว้ทั้งที่บานหน้าต่างรวมถึงประตู และในการฆาตกรรมเหยื่อครั้งนี้หลายคนเชื่อกันว่า Charles Manson ได้ถ่ายทำหนัง Snuff film ในการฆาตกรรมเหยื่อเอาไว้ด้วย แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครได้เห็นม้วนเทปดังกล่าว หรือมีการยืนยันว่ามันมีอยู่จริง

ด้วยพฤติกรรมของ Charles Manson และกลุ่ม The Manson Family ที่แสดงออกมาอาจพอวิเคราะห์ได้ว่าพวกเขาอาจมีพฤติกรรมที่เรียกว่า “ก้าวร้าวโดยกำเนิด” ซึ่งเชื่อว่าเป็นการถ่ายทอดโดยยีน เมื่อมีโครโมโซมผิดปกติทำให้เกิดความก้าวร้าว โบราณเรียกว่า “เลือดชั่ว” อนึ่ง กลุ่มผู้มีอาการก้าวร้าวโดยกำเนิด หรือเลือดชั่ว(Bad Blood)แบด บลัด ปี 1835 จิตแพทย์ชาวอังกฤษ เจมส์ ปริชาร์ด เรียกกลุ่มอาการก้าวร้าวโดยกำเนิดว่า “ผู้มีจิตป่วยในคุณธรรม” หรือ moral insanity ซึ่งปัจจุบันทางจิตวิทยาเรียกว่า “พวกต่อต้านสังคมและจิตใจเสื่อม” หรือ antisocial personality and psychopathy (ข้อมูลเรื่อง Bad Blood จากหนังสือ ซีโนโฟเบีย โดย กิติกร มีทรัพย์ และ ส. สีมา) กลุ่มตัวอย่างผู้มีอาการก้าวร้าวโดยกำเนิด(Bad Blood)ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น ชาร์ลส์ โสภราช/อะแลง/กุรมุค อาชญากรลูกครึ่งอินเดีย-เวียดนาม สัญชาติฝรั่งเศส ชาร์ลส์ โสภราช บุรุษผู้มีบุคลิกแบบ Bad Blood หรือกลุ่มผู้มีอาการก้าวร้าวโดยกำเนิด ซึ่งเป็นต้นแบบแห่งบทร้ายของตัวเอกในภาพยนตร์สยองขวัญชื่อก้องโลก The Silence of the Lambs ซึ่งแสดงโดย เซอร์แอนโธนี่ ฮอพกิ้นส์(ข้อมูลเรื่อง Bad Blood จากหนังสือ Bad Blood โดย ริชาร์ด เนวลิส และจูลี่ คลาร์ก สองผู้สื่อข่าวชาวออสเตรเลีย)

มาต่อกันอีกหน่อยเกี่ยวกับเรื่องการบันทึกเทปวีดีโอของ Charles Manson เชื่อกันว่าม้วนเทปม้วนที่ Charles Manson ได้ทำการถ่ายทำฉากการฆาตกรรม Sharon Tate นี้เอง กลายเป็น “หนังแห่งตำนาน” เรื่องหนึ่งที่เป็นที่กล่าวขานในหมู่นักดูหนังสยองขวัญแนว Snuff film จากทั่วทุกมุมโลก บ้างก็มีข่าวลือกันว่าม้วนเทปดังกล่าวได้ถูกทำลายทิ้ง หรือถูกจำหน่ายไปในตลาดมืดด้วยสนนราคาที่สูงลิบ อย่างไรก็ตามเรื่องราวของ Charles Manson และสมุนโฉดกลุ่ม The Manson Family กลับได้รับความสนใจจากประชาชน นักเขียน รวมถึงผู้กำกับหนังหลายคน หยิบยกเอาประวัติสุดโฉดชั่วของ Charles Manson มาทำเป็นหนังสือเสียหลายเล่ม(หนึ่งในนั้นก็คือ 1971 by Ed Sanders,Family : The story of charles Manson)

ปี ค.ศ. 1976 หนังสยองขวัญชื่อ Snuff ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ โดยเล่าลือกันว่าหนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประวัติของ Charles Manson เล่าลือกันหนักเข้าไปอีกในหมู่คนดูหนังสยองขวัญว่าหนังเรื่อง Snuff ที่กำลังเข้าฉายในโรงหนัง ณ ห้วงเวลานั้นมีการฆ่านักแสดงกันจริงๆ โกลาหลกันใหญ่ว่านักแสดงในเรื่องตายจริง สุดท้ายทางผู้กำกับต้องออกมาประกาศว่าเป็นเพียงการโหมกระแสของทางผู้จัดจำหน่ายหนัง มิใช่เป็นการตายจริงแบบการถ่ายทำ Snuff film แท้แต่ประการใด ความโกลาหลวุ่นวายในหมู่ผู้ชมจึงสงบลง อย่างไรก็ตามแต่ในปี ค.ศ. 2003 หนังเกี่ยวกับประวัติของ Charles Manson ก็ออกฉายจนได้ โดยใช้ชื่อว่า The Manson Family(2003) อำนวยการสร้างและเขียนบทโดย Jim Van Bebber โดยในหนังได้ Marcelo Games มารับบทแสดงเป็น Charles Manson

จากการบันทึกข้อมูลใน wikipedia (http://en.wikipedia.org/wiki/Snuff_film วันที่ 26 กรกฎาคม 53) ได้กล่าวอ้างถึง Real Snuff film เอาไว้ถึง 5 กลุ่มตัวอย่างคดี (ที่ได้รับการเปิดเผย) ซึ่งหมายถึงเป็นการถ่ายทำ Snuff film ของแท้แบบเล่นจริงตายจริงที่มิใช่เป็นแบบ Fake Snuff film แต่ประการใด กลุ่มตัวอย่างคดีแรกคือเรื่องราวที่ได้บันทึกเอาไว้ระหว่างปี ค.ศ. 1983-1985 กับการบันทึกเทปวีดีโอของ Charles Ng และ Leonard Lake ซึ่งทั้ง 2 เป็นฆาตกรโหดในกลุ่มที่กล่าวอ้างมาข้างต้น Charles Ng หรือ Charles Chi-Tat Ng ชายสัญชาติ Chinese และนาย Leonard Lake สัญชาติ American ได้ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวเหยื่อสาว และทรมานด้วยกรรมวิธีต่างๆจนถึงแก่ความตาย ที่ขาดเสียไม่ได้เลยคือทั้ง Charles Ng และ Leonard Lake ได้บันทึกเทปวีดีโอในการทรมานเหยื่อของเขาเอาไว้ด้วย

กลุ่มตัวอย่างคดีต่อมากล่าวถึง Paul Bernardo และภรรยาสาว Karla Homolka คู่รักสุดหล่อ-สวยประหนึ่งเทวดาและนางฟ้าที่หวานปานจะกลืนกินจากประเทศแคนาดา เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1990 กับ Paul Bernardo ผู้ได้รับฉายา “นักข่มขืนแห่งสการ์บอโรห์” กระทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว-ข่มขืน และฆาตกรรมเด็กสาว 2 คนอย่างทารุณ นอกจากนี้ Paul Bernardo และ Karla Homolka ยังได้บันทึกเทปวีดีโอขณะลงมือข่มขืนเหยื่อ และยังทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วยการหั่นศพแยกร่างออกเป็นชิ้นๆ ปรากฏหลังจากทั้งคู่ถูกจับ Paul Bernardo ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต ส่วน Karla Homolka ภรรยาสาวถูกจำคุกจนถึงปี ค.ศ. 2005 ปัจจุบันเทปวีดีโอที่ Paul Bernardo ร่วมกับภรรยาในการฆาตกรรมเหยื่อกำลังเป็นที่ต้องการของนักสะสมของแปลก ซึ่งราคาค่างวดที่มีคนจ้องจะซื้อมันนั้นสูงลิบ!!! ซึ่งก็ยังเชื่อกันว่าเทปม้วนดังกล่าวยังคงอยู่ในความครอบครองของทางการแคนาดาจวบจนทุกวันนี้ (ข้อมูลเพิ่มเติมจาก บทความชุดฆาตกรโหดสะท้านโลก ตอนที่ 248 : Paul Bernardo & Karla Homolka ตอนที่ 1-4 โดย writer.dek-d.com)



ภาพประกอบ : Paul Bernardo และภรรยาสาว Karla Homolka

กลุ่มตัวอย่างคดีที่ 3 คดีนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1997 เป็นเรื่องที่ Ernst Dieter Korzen และ Stefan Michael Mahn สองหนุ่มชาวเยอรมันได้ร่วมกันล่อลวงและลักพาตัวโสเภณีมากักขังหน่วงเหนี่ยว กระทำอนาจาร ข่มขืน และสุดท้ายก็ฆ่าเหยื่อด้วยของมีคมชนิดต่างๆ ต่อมามีหญิงสาวนางหนึ่งหลบหนีออกมาได้ทั้งสองจึงถูกจับพร้อมเทปของกลางมากมาย ส่วนมูลเหตุและแรงจูงใจให้ทั้งสองกระทำการดังกล่าวก็คือเงินที่ได้ในการขายหนังแนว Snuff film (Real Snuff film)ให้กับคนในตลาดมืด ทั้งสองถูกจับและถูกศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต และตามรายงานบันทึกเอาไว้ด้วยว่า Ernst Dieter Korzen และ Stefan Michael Mahn เป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกๆที่ถูกจับในคดีทำ Snuff film (Real Snuff film) เพื่อขายในเชิงพาณิช

กลุ่มตัวอย่างคดีที่ 4 เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2001 โดยฆาตกรที่มีส่วนเกี่ยวพันกับการถ่ายทำ Snuff film (Real Snuff film) รายนี้มีชื่อว่า Armin Meiwes ชายชาวเยอรมันผู้มีชื่อเสียงดังก้องโลกด้วยฉายา Rotenburg Cannibal (มนุษย์กินคนแห่งโรเธนเบิร์ก) หรืออีกฉายาคือ The Cannibal Cafe (ซึ่งคำว่า The Cannibal Cafe นี้เองใช้เรียกชื่อกลุ่มที่มีความชื่นชอบรับประทานเนื้อคนในเว็บไซต์อันตรายแห่งหนึ่ง) Armin Meiwes เกย์หนุ่มวัย 41 ขวบได้ใช้ Internet ป่าวประกาศออกไปเพื่อหาอาสาสมัครมาให้เขากินเป็นอาหารมื้อค่ำ ปรากฏมีผู้อาสา(มาเป็นอาหาร)ให้ Armin Meiwes กินเกือบ 300 คน หนึ่งในหลายคนนั้นก็คือ Bernd Jürgen Armando Brandes ที่ตกมาเป็นอาหารอันโอชะของเขา

จากคำให้การในทางลับได้ข้อมูลว่า Bernd Jürgen Armando Brandes ซื้อตั๋วเดินทางโดยสารรถไฟแบบเที่ยวเดียว(ไปแบบไม่กลับ) ทั้ง Armin Meiwes และ Brandes ได้ร่วมกันสร้างสัมพันธ์ที่แนบแน่น(ตามประสาเกย์)กันในห้องนอน จวบจนถึงเวลาที่ได้นัดหมาย Brandes กินยานอนหลับเข้าไปถึง 20 เม็ด นอกจากนั้นยังกินของอีกหลายอย่างรวมถึงเหล้า schnapps เพื่อให้เกิดอาการมึนเมา(จะได้ถูกกินแบบไม่เจ็บปวดมาก) ผลก็คือ Armin Meiwes ได้กิน Bernd Jürgen Armando Brandes สมใจอยาก พร้อมทั้งมีการบันทึกวีดีโอขั้นตอน+กรรมวิธีในการทานดินเนอร์มื้อนั้นเอาไว้อย่างละเอียด หลังจาก Armin Meiwes ถูกจับกุมตัวได้ก็ปรากฏว่ามีผู้สนใจในประวัติของมนุษย์กินคนรายนี้มากถึงขั้นคลั่งไคล้หลงใหล จนมีการสร้างหนังเกี่ยวกับ Armin Meiwes ขึ้นมาในปี ค.ศ. 2006 ใช้ชื่อว่า Cannibal ได้ Marian DoraMeiwes เขียนบทหนังและอำนวยการสร้าง ส่วนนักแสดงก็ได้ Carsten Frank รับบทเป็น Armin Meiwes ส่วน Victor Brandl รับบทเป็นผู้อาสาถูกกิน Bernd Jürgen Brandes

กลุ่มตัวอย่างคดีสุดท้ายเกิดขึ้นในราวเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2007 ในรายของ Viktor Sayenko และ Igor Suprunyuck สองเด็กหนุ่มวัยรุ่นหัวก้าวร้าวได้ช่วยกันทุบตีเหยื่อด้วยค้อน และแทงด้วยไขควงจนเหยื่อถึงแก่ความตาย โดยระหว่างที่มีการทำร้ายและฆ่าเหยื่อทิ้งนี้เองเด็กทั้งสอง(ความจริงมีเด็กอีกคนร่วมด้วยชื่อ Alexander Hanzha)ได้ถ่ายคลิปดังกล่าวไว้ในโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งเอาไปเผยแพร่ใน Internet ด้วยความคึกคะนอง กลายเป็นข่าวดังในเว็บไซต์ และตามหน้าหนังสือพิมพ์หัวสีไปหลายวัน ซึ่งในคลิปวีดีโอที่ได้อัพโหลดใน Youtube (เข้าใจว่าลงไว้หลายแห่ง)ได้ทำให้ผู้ที่ได้รับชมถึงกับตกตะลึงกับพฤติกรรมอำมหิตดังกล่าวที่ได้พาลพบประสบเจอ ปัจจุบันทั้ง Viktor Sayenko และ Igor Suprunyuck ถูกจับกุมและกำลังชดใช้กรรมที่ตนเองได้ก่อเอาไว้ ณ สถานที่คุมขังแห่งหนึ่ง (ข้อมูลเพิ่มเติมทั้ง 5 กลุ่มตัวอย่างคดีจาก Wikipedia ภาคภาษาอังกฤษ ใน http://en.wikipedia.org/wiki/Snuff_film วันที่ 26 กรกฎาคม 53)

หลังจากกระแสของ Snuff film จากหนังเรื่อง Snuff ได้เข้ามาปลุกอณูแห่งความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ไม่ควรของนักดูหนัง ก็ปรากฏมีหนังแนว Snuff film (Fake Snuff film)ทยอยออกมาให้นักดูหนังแนวนอกกระแสได้ชมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งดูเหมือนว่าหนังเรื่อง Faces of Death (1978)หรือในชื่อภาคภาษาไทยว่า “แอบดูเป็นแอบดูตาย” จะเจริญรอยตามหนังเรื่อง Snuff อย่างไม่มีผิดเพี้ยน กล่าวคือหนังอาศัยเทคนิคการถ่ายทำแบบ Home Video ที่กำลังเป็นที่นิยมกันในยุคสมัยนั้น มาทำการตัดต่อกันเข้าเป็นหนัง อันประกอบด้วยเหตุการณ์ฆาตกรรม อุบัติเหตุ การประหารชีวิตนักโทษในประเทศต่างๆ แล้วประกาศออกมาว่าเหตุการณ์ในหนังเป็นเรื่องจริง(ส่วนใหญ่เป็นฉากแหกตา) บวกกับคำขู่หน้าโรงที่ว่า “เด็ก สตรีมีครรภ์ และคนเป็นโรคหัวใจงดรับชมเด็ดขาด” ได้ผลเกินคาด คำโปรยหน้าโรงหนังเล่นกับความกล้าของคนดู เล่นกับนิสัยของคนดู ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ หนังเลยขายได้จนต้องสร้างภาคต่อตามมาอีกหลายภาค ต่อจากหนังเรื่อง Faces of Death (1978)ซึ่งเข้าใจกันว่าเป็นภาคที่ 4 (จาก 8 ภาค)ก็มาถึงหนังแนวสารคดีกึ่ง Snuff film (Real Snuff film)ที่จัดว่าดังแบบเงียบๆแต่หนักมากหากท่านจะหามารับชม หนังเรื่องนี้ออกแนว Faces of Death แต่ภาพโดยรวมส่วนใหญ่ในหนังเชื่อกันว่าเป็นของจริง หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า Traces of death หรือชื่อภาคภาษาไทยว่า “แอบดูความตาย”



ภาพประกอบ : Traces of death

ปี 1980 ยุคทองแห่งหนังแนว Snuff film ถือกันว่าปี ค.ศ. 1980 เป็นยุคทองของหนังแนว Snuff film อย่างแท้จริง โดยมีหนังแนวดังกล่าวออกมาให้ชมโฉมกันเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นที่จะไม่กล่าวเสียมิได้คือ Snuff film เรื่อง Cannibal Holocaust ปี 1980 (ชื่อไทยว่า เปรตเดินดินกินเนื้อคน)หนังของ Ruggero Deodato ผู้กำกับหัวรุนแรงชาว Italy หนังเรื่องนี้สร้างกระแสอย่างเกรี้ยวกราดในการเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ในหลายๆประเทศ กับฉากมุมมองผ่านกล้อง Home Video ของวัยรุ่นหนุ่มสาวอเมริกันชนกับการเดินทางเข้าไปถ่ายทำสารคดีป่ากินคน-ชนเผ่ากินคนในป่าอเมซอน ฉากที่เป็นที่กล่าวขานกันว่าช็อคคนดูทั่วโลกจนถึงกับมีคนตั้งคำถามขึ้นว่า “สิ่งที่พวกเขาได้เห็นอยู่ตรงหน้านี้ มันเป็นเพียงหนังหรือเรื่องจริง?” ฉากดังกล่าวนี้ก็คือฉากที่หญิงสาวชาวป่าถูกข่มขืนแล้วจับเอาไม้ปลายแหลมมาเสียบเข้าที่รูทวารทะลุถึงปาก นอกจากนี้ก็ยังมีฉากในตำนาน ซึ่งก็คือฉากการฆ่าตะพาบน้ำขนาดใหญ่(ฉากนี้ของจริงครับ) ปรากฏว่าหลังจากหนังเรื่อง Cannibal Holocaust ออกฉายได้ไม่นาน Ruggero Deodato ถูกต่อต้านจากกลุ่มคนรักสัตว์และกลุ่มนักอนุรักษ์เป็นการใหญ่ข้อหาทรมานสัตว์ และฆ่าสัตว์เพื่อถ่ายทำสารคดี

หนังในตระกูล Guinea Pig ราวปี ค.ศ. 1985 หนังในตระกูล Guinea Pig หรือซีรี่ย์ Guinea Pig นี้เองถือว่าเป็นหนังแนว Snuff film แบบเทียมที่โด่งดังที่สุดในทวีป Asia โดยเฉพาะภาค Guinea Pig : Devils Experiment (ศิลปะแห่งมาร)ซึ่งเน้นการทรมานหญิงสาวที่ถูกพันธนาการในรูปแบบต่างๆ หลายๆคนถึงกับเชื่อว่ามันเป็นของจริงและไม่สามารถทนดูให้จบลงได้ แต่หากจะพูดถึงซีรี่ย์ Guinea Pig ซึ่งมีทั้งหมด 7 ภาค(รวมภาคพิเศษด้วยก็เป็น 8 )ภาคที่ได้รับการกล่าวขานว่าสร้างออกมาได้สมจริงชวนวิงเวียนอ้วกแตกมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood (ดอกไม้โลหิต)ซึ่งก็คือตอนที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนสยองขวัญเรื่อง M Collection ตอน Akai Hana ด้วยภาคนี้เองที่ทำให้ Charlie Sheen ดาราฮอลีวูด ที่ได้ดูเข้าถึงกับตกใจเป็นที่สุด และเข้าใจว่า Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood ที่ได้ดูจนจบเป็น Real Snuff film (สนัฟฟ์ฟิล์มของจริง)เลยทำการติดต่อ MPAA (Motion Picture Association of America)และ FBI ให้ช่วยสืบสวนคดีดังกล่าว

จนในที่สุด Hideshi Hino ผู้กำกับต้องเอาเบื้องหลังการถ่ายทำออกมาแสดงให้ตำรวจดูว่าไม่ใช่ Real Snuff film แต่เป็นเพียง Fake Snuff film ที่สร้างได้อย่างเหมือนจริงสุดๆเท่านั้น ผู้กำกับจึงรอดคุกไปแบบฉิวเฉียด นอกจากนี้ยังปรากฏคดีฆาตกรรมอื้อฉาวในประเทศญี่ปุ่นโดยฆาตกรนามว่า Tsutomu Miyazaki ซึ่งเล่าลือกันว่าได้มูลเหตุและแรงจูงใจมาจากการชมภาพยนตร์ซีรี่ย์ Guinea Pig กระทำการฆาตกรรมเด็กผู้หญิง 4 รายเลียนแบบหนัง Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood โดย Tsutomu Miyazaki เองซึ่งขณะนั้นอยู่ในกลุ่ม “โอตากุ” ได้ทำให้พวก “โอตากุ” กลายเป็นเป้าและจำเลยของสังคมไปอย่างช่วยไม่ได้ ยังผลให้เกิดกระแสการต่อต้านพวก “โอตากุ” ในลักษณะต่างๆนานา สุดท้าย Tsutomu Miyazaki ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในเรือนจำกรุงโตเกียวในวันที่ 17 มิถุนายน ปี ค.ศ. 2008 และจากคดีฆาตกรรมดังกล่าวนี้เองส่งผลให้ซีรี่ย์ Guinea Pig ต้องถูกทางการญี่ปุ่นสั่งแบนตลอดกาล กลายเป็นหนังต้องห้ามที่ห้ามสร้างภาคต่อโดยเด็ดขาด ซีรี่ย์ Guinea Pig จึงยุติการสร้างลงที่ภาคที่ 7

อนึ่ง เกี่ยวกับ “โอตากุ” หรือ “โอตาคุ” หมายถึง กลุ่มบุคคลผู้ซึ่งลุ่มหลงในโลกแห่งการ์ตูน และ อนิเมชั่น กลุ่มคนเหล่านี้จะมีความสามารถในการเก็บเกี่ยวการ์ตูนหรืออนิเมชั่นในระดับ rare จากสถานที่ต่างๆได้อย่างไม่ยาก จะเห็นได้ว่าบางคนมีของสะสมเป็นระดับ Ultimate Rare เยอะมากๆ และด้วยความหมกมุ่นอย่างหนักในโลกของอนิเมชั่น ทำให้คนเหล่านี้ไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่าง"เด็ก"ผู้หญิงในชีวิตจริงกับในอนิเมชั่นได้ ทำให้การรับรู้ด้านความสวยงามเกี่ยวกับผู้หญิงจริงๆสูญเสียไป พวกนี้จะคิดว่า"เด็ก"ผู้หญิงที่น่ารักคือผู้ที่มี หูแมว หูหมา หูกระต่าย ชุดเมด เท่านั้น สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้กลายมาเป็นพวก โอตาคุ ส่วนมากจะมาจาก การที่ไม่สามารถสมหวังในความรัก ( อกหัก , สาวไม่แล ) ดังนั้น จึงต้องมาปลอบประโลมตัวเองด้วยโลกสมมุติที่ตัวเองสร้างขึ้นจากความใฝ ฝันและหลงใหลในตัวละครของการ์ตูนและอนิเมชั่น เรียกได้ว่า พวกนี้คือพวกที่บ้าการ์ตูนนั่นเอง (ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง โอตาคุ ที่มา http://www.gamer-gate.net/ วันที่ 26 กรกฎาคม 2553)



ภาพประกอบ : Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood

ภาพประกอบ : Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood

ต่อมาราวปี ค.ศ. 1992 หนังแนว Snuff film อีกเรื่องชื่อ man bites dog (RATE-NC20)ได้ออกมาฉายให้แฟนหนังแนวนอกกระแสได้ชมกัน หนังเรื่องนี้เป็นหนังขาว-ดำ ลักษณะเป็นการถ่ายทำด้วยกล้องชุดใหญ่ ถ่ายชีวิตประจำวันของฆาตกรคนหนึ่งชื่อ Ben เป็นชีวิตที่ช่างแสนบัดซบสิ้นดีกับภารกิจฆ่าคนไปเรื่อยๆ(Ben รับบทโดย Benoît Poelvoorde)ผู้ชมก็จะชมการดำเนินชีวิตของ Ben ผ่านมุมกล้องวีดีโอไปจนจบเช่นกัน หนังเรื่องนี้จัดเป็นหนังแนว Snuff film ที่มีฉากและมุมกล้องสวยงาม แต่ก็แฝงไปด้วยความอันตรายของพฤติกรรมที่ตัวละครแสดงออกมา เป็นการรีดพฤติกรรมความประทับใจของ Ben (ตัวเอกของเรื่อง)ในสมองทางด้านลบ (reptile brain)อย่างสมบูรณ์แบบ หากจะกล่าวว่าตัวเอกของเรื่องเป็นคนที่มีลักษณะอยู่ในกลุ่มอาการก้าวร้าวโดยกำเนิด หรือเรียกว่า “ผู้มีจิตป่วยในคุณธรรม” หรือ moral insanity ก็คงไม่ผิด ซึ่งปัจจุบันทางจิตวิทยาเรียกว่า “พวกต่อต้านสังคมและจิตใจเสื่อม” หรือ antisocial personality and psychopathy(นิยามโดย จิตแพทย์ชาวอังกฤษ เจมส์ ปริชาร์ด ปี 1835) บ้างก็เรียกกลุ่มผู้มีอาการก้าวร้าวโดยกำเนิดว่า “เลือดชั่ว” หรือ Bad Blood

ปี ค.ศ. 1994 กับยุคแห่งการชำแหละศพในหนังสเปนเรื่อง Aftermath หรือในชื่อภาคภาษาไทยว่า “โคตรพ่อโคตรแม่ซอว์” กำกับและเขียนบทหนังโดย Nacho Cerdà หนังเรื่อง Aftermath ที่เอามาขายกันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทำเป็นเเพคเกจขายคู่เรียกว่า Aftermath Genesis ความจริงแล้วหนังผ่าศพเรื่องนี้มีชื่อว่า Aftermath ส่วนเรื่อง Genesis นั้นเป็นเรื่องของช่างปั้นหุ่นกับภรรยาที่ตายไปไม่เกี่ยวอะไรกับ Aftermath เลยนอกจากขายเป็นแพคคู่ให้สะสมแค่นั้นเอง ตัวหนังเล่าความถึงหมอผ่าศพในห้องผ่าตัด กับมุมกล้องที่สมจริงมากๆ ฉากการผ่า ชำแหละศพ รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์กับศพก็ทำออกมาได้ชวนสะอิดสะเอียนมาก Aftermath เกือบจะเป็นหนังเงียบ(เพราะตัวละครแทบไม่พูดกันเลยตลอดทั้งเรื่อง)ความยาวของหนังก็ราว 40 นาที สำหรับเรื่องนี้เป็น Fake Snuff film ที่หลายคนบอกว่า “รับประกันการอาเจียน”

ปี ค.ศ. 1998 กับสุดยอดหนังแนว Snuff film เรื่อง Niku daruma (ตุ๊กตาไม้ลอย) แต่ที่ www.horrorclub.net นิยมเรียกกันว่า “ตุ๊กตาคนเป็น” หนังแนว Snuff film (เทียม)อีกเรื่องของประเทศญี่ปุ่น กล่าวถึงการล่อลวง-ว่าจ้างหญิงสาวและชายหนุ่มมาถ่ายทำหนังเรท X พอผ่านไปราว 40 นาทีกลายเป็นการทรมาน-ฆ่านายแบบและนางแบบทิ้ง ทุกขั้นตอนในการถ่ายทำของ Niku daruma ดำเนินตามวิถีแนวทางในแบบฉบับของ Snuff film ที่กล่าวถึงในตำนานเอาไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เรื่องนี้จัดว่าเป็นหนังแนวนอกกระแสหายากอีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนตามหากัน น่าเสียดายนิดที่หนังเรื่อง Niku daruma มีการ censor บางจุดอันทำให้ภาพที่ออกมาลดทอนความดิบได้ในระดับหนึ่ง(นัยจะบอกว่ามิใช่เรื่องจริงนะแต่เป็นเพียงหนังเรื่องหนึ่ง) นอกจากหนังเรื่อง Niku daruma แล้วในปี ค.ศ. 1998 นี้เองยังปรากฏหนังหายากแนว Snuff film อีกเรื่องหนึ่ง(หนังขาว-ดำ ความยาว 22 นาที) หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า Pig (เหยื่อสังหาร) กำกับและเขียนบทโดย Mark Steven Bosko และ T. Michael Conway เป็นหนังที่ค่อนข้างดูยาก ต้องตีความหมายกันหลายตลบ เนื้อหาโดยรวมเกี่ยวกับนักฆ่าและเหยื่อของเขา(เหยื่อที่ต้องการถูกฆ่า) นอกจากหนังเรื่อง Pig จะดูเพื่อสื่อความหมายยากแล้วยังจัดเป็นหนังแนว Snuff film ที่หามารับชมยากในระดับต้นๆของโลกอีกด้วย

ปี ค.ศ. 2007 กับหนัง Snuff หายากอีกเรื่องของประเทศอาเจนติน่า Snuff 102 (อเวจี 102) ซึ่งเป็นผลงานการกำกับและเขียนบทโดย Mariano Peralta หนังที่มีเนื้อหาดิบสุดๆแสดงออกทางเนื้อเรื่องและภาพ ตัวหนังกล่าวถึงนักข่าวสาวนางหนึ่งที่หลงใหล และกำลังหาข้อมูลเพื่อทำข่าวเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมแล้วถ่ายวีดีโดเก็บไว้ดู(Snuff film) เธอเข้ามาพัวพันกับคดีดังกล่าวมากเกินไปจนในที่สุดเธอก็ต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่เธอจะต้องจำไปจนวันตาย หลังจากที่ Mariano Peralta นำหนังเรื่อง Snuff 102 ออกฉายในงาน Mar del Plata International Film Festival ปี 2007 ปรากฏว่ามีข่าวลือกันอย่างหนาหูว่า ในงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้มีผู้ชมเป็นจำนวนมากกรูกันเข้ามาเพื่อที่จะทำร้ายผู้กำกับ เพราะเขา(เธอ)เหล่านั้นคิดว่าภาพที่ได้เห็นจากตัวหนัง……….เป็นเรื่องจริง!!!



ภาพประกอบ : Snuff 102

ยุคแห่ง Underground ปัจจุบันเริ่มมีหนังแนว Snuff film (เทียม) หรือที่หลายๆคนรู้จักกันในนาม “หนังใต้ดิน” ออกมาให้ได้ชมกันมากพอสมควร(แต่ยังไงก็น้อยกว่าหนังสยองขวัญในกระแส หรือ Mainstream horror มาก) หนังแนว Underground ในปัจจุบันที่ได้พบเห็นเป็นประเภทขายภาพความรุนแรงเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่นิยมเน้นที่เรื่องราวความเป็นมา การปูพื้นถึงที่มาที่ไปแห่งความรุนแรง แต่ขายความป่าเถื่อนเป็นเมนูหลัก อาทิเช่น August Underground /2001 (สิงหาโฉดโหดไม่ปราณี) August Underground's Mord /2003(สิงหาคลั่ง) และ August Underground's Penance /2007(สิงหาวิปลาส คู่รักวิปริต) เป็นต้น ซึ่งคาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้เองกระแสแห่งหนังแนวนอกกระแส Cult Movies และ Snuff film (ที่เป็น Fake Snuff film)จะยังคงมีอยู่ต่อไป โดยเฉพาะแนว Underground ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในสังคมกลุ่มเล็กๆในโลกใบนี้



ภาควิเคราะห์ : พฤติกรรมที่ตามมาในกลุ่มผู้ชมหนังแนวนอกกระแส (Snuff film ) และแนวทางการป้องกัน

คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าในโลกปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีอันทรงพลังและทันสมัยทำให้การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารหลายๆอย่างไม่ได้เป็นเรื่องยากอีกต่อไปเหมือนเฉกเช่นในอดีต กลายเป็นโลกไร้พรมแดนสะดวกสบายเพียงปลายนิ้วสัมผัสข้อมูลข่าวสารก็มาปรากฏอยู่ตรงเบื้องหน้า เทคโนโลยีถ้ารู้จักใช้ให้ดีก็เป็นคุณหากประมาทอาจเป็นโทษมหันต์โดยไม่รู้ตัว อย่างหนังแนวนอกกระแสกลุ่ม Snuff film ซึ่งถูกจัดว่าเป็นหนังหายากในครั้งอดีต ปัจจุบันหากท่านมีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์เสียหน่อย ท่องไปในโลก Internet เป็น ท่านอาจสามารถเสาะแสวงหา Snuff film ในแบบ Fake Snuff film มาชมได้ไม่ยาก ของพวกนี้มีทั้งคุณและโทษ ด้านคุณอาจจะกล่าวได้ว่าท่านอาจจะได้มุมมองใหม่ๆในโลกที่คุณไม่เคยรู้จักมาก่อน ได้ชมหนังแปลกๆ หนังหายาก บ้างก็ว่าชมหนังแนว Fake Snuff film เพื่อการปลดปล่อยทางจิตเหมือนประหนึ่งการเล่นวีดีโอเกม

แต่การผ่อนคลายอาจกลายเป็นโทษได้หากผู้รับชมหนังแนวดังกล่าวไร้ซึ่งวิจารณญาณที่ถ่องแท้ อาจจะด้วยวัยวุฒิที่ยังไม่สมควรก็เป็นอีกประการหนึ่ง เพราะฉะนั้นผู้ชมจึงต้องตระหนักให้ดีว่าหนังเรื่องไหนเราสมควรหามาชมได้หรือยัง ในการดูหนังเพื่อผ่อนคลายนี่ท่านทราบหรือไม่ว่าขณะดูหนังที่ตื่นเต้นมากๆ(โดยเฉพาะหนังแนวเขย่าขวัญ)สมองจะหลั่งสารตัวหนึ่งออกมาซึ่งเราเรียกมันว่า “ฮอร์โมน Dopamine” สารตัวดังกล่าวนี้เองยิ่งหนังที่เรารับชมเป็นที่สนใจของเรามากเท่าไหร่ สมองก็จะสั่งให้ฮอร์โมน Dopamine หลั่งออกมามากเท่านั้น ฮอร์โมน Dopamine นี้หากออกมาในปริมาณที่พอเหมาะในเวลาที่พอดีจะทำให้เกิดความสุขความเพลิดเพลินใจ ยกตัวอย่างเช่นหากท่านได้รับชมหนังที่ท่านชอบมากๆในเวลาระหว่าง 1.30 - 2 ชั่วโมงท่านจะรู้สึกมีความสุข แต่หากท่านดูหนังนานเกินกว่า 2 ชั่วโมงเมื่อไหร่ Dopamine จะถูกบังคับให้หลั่งออกมามากกว่าปกติ กลายเป็นความสุขที่ล้า หมกมุ่น และเสพติดได้ในที่สุดซึ่งอาจเป็นอันตรายแก่ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะได้ (ข้อมูลอ้างอิงเรื่องฮอร์โมน Dopamine โดย รศ. วิทยากร เชียงกูล หนังสือเรื่องจิตวิทยาวัยรุ่น ก้าวข้ามปัญหาและพัฒนาศักยภาพด้านบวก)

ดูหนังแนวนอกกระแสจำพวก Snuff film (Fake Snuff film) แล้วทำให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงรึเปล่า? คำตอบคือก็มีโอกาสเป็นไปได้ในระดับหนึ่งหากผู้รับชมไร้ซึ่งวิจารณญาณหรือวัยวุฒิไม่ถึงเกณฑ์กำหนด(อายุผู้ชมควรจะ 20+) กล่าวกันว่าความก้าวร้าวรุนแรงเป็นกลไกทางจิตที่ส่งผ่านมาในรูปของพฤติกรรมทำลายก่อเกิดอยู่ภายในจิตใจ ถ้าเป็นสัตว์ก็จะเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอด แต่ถ้าเป็นคน ความก้าวร้าวกลายเป็นอาวุธทำลายและทำร้ายบุคคลที่ไม่พอใจยิ่งประสบการณ์สูงมากเท่าไหร่ ความก้าวร้าวยิ่งรุนแรง (ข้อมูลอ้างอิงเรื่องความก้าวร้าวรุนแรง โดย ดร.กุลยา ตันติผลาชีวะ หนังสือเรื่องทำไมเด็กก้าวร้าวรุนแรง)

เพราะฉะนั้นผู้ที่ต้องการหรือกำลังคิดจะหาหนังแนวดังกล่าวข้างต้นนี้มารับชม ต้องทำความเข้าใจให้สามารถแบ่งโลกแห่งหนัง และโลกแห่งความเป็นจริงออกด้วยว่า “หนังก็คือหนัง” รับชมเพื่อความบันเทิง รับชมหนังสยองขวัญเพื่อความตื่นเต้นหรือรสชาติแปลกใหม่ในชีวิตเพียงเท่านั้น หากท่านรับชมหนังแล้วแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือเรื่องจริงอะไรคือมายา นั่นหมายความว่าท่านอาจจะกำลังลุ่มหลง เสพติดความรุนแรงไปโดยไม่รู้ตัว ความรุนแรงที่ไม่รู้ตัวนี่แหล่ะอันตรายของแท้ เพราะความรุนแรงที่รับเข้าไปทุกวันจากการเสพติดจะไปเก็บรวมอยู่ที่สมองส่วนหนึ่งอันเรียกว่า Reptile Brain หรือสมองส่วนหยาบ บ้างก็เรียกว่าสมองสัตว์ ยิ่งเก็บเข้าไปมากโดยไม่รู้ตัวยิ่งอันตราย เพราะฉะนั้นผู้ชม Fake Snuff film ทุกท่านจึงควรใช้วิจารณญาณขั้นสูงในการรับชม และที่สำคัญควรเก็บให้พ้นมือเด็กเก็บให้เหมือนกับหนังบางประเภทที่คุณผู้ชาย-คุณผู้หญิงดูก่อนนอนแบบ 6 เดือนเอามาดูซ้ำไปซ้ำมาก็ไม่เบื่อ นั่นแหล่ะครับเก็บให้พ้นมือเด็ก

สุดท้ายกับคำถามที่ใครหลายๆคนชอบส่ง E-mail มาถามผม “คิดยังไงกับหนังสยองขวัญแนวนอกกระแส Snuff film” ผมมองว่ามันเป็นความแปลกใหม่ในโลกนะ เป็นประหนึ่งโลกที่ถูกปิดกั้น เหมือนดินแดนที่แสงอาทิตย์สาดส่องไปไม่ถึง ดินแดนเหล่านี้มันมีมนต์เสน่ห์แบบบอกไม่ถูก เหมือนมันกำลังรอให้เราเดินทางไปค้นหาเหมือนกับที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ค้นพบทวีปอเมริกายังไงยังงั้นเลย หนังพวกนี้เล่นกับความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ให้เปิดเข้าไปดูว่าข้างในมันมีอะไรแอบซ่อนอยู่บ้าง ที่กล่าวมานี่หมายถึง Snuff film ในแบบ Fake Snuff film นะส่วน Snuff film ในแบบ Real Snuff film ยังไงก็ไม่ขอสนับสนุนให้หามาดูกันมันหดหู่เกินกว่าจะรับได้

บทความโดย : อ.คุณาพร ไชยโรจน์/วันที่ 27 กรกฎาคม ปี พ.ศ. 2553 เวลา 24.56 น./
บทความชุดนี้เขียนขึ้นที่หาดใหญ่ สงขลา ยามราตรีที่มีดวงดาว สายลมเย็นและไอฝนจางจาง
Samara17520
E-Mail : [email protected]
เว็บบอร์ดห้องคุยกับคุณาพร……. http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

******บทความที่น่าสนใจ******
-เปิดกรุต้นตำนานเทวดาอารักษ์ประจำถิ่น "ทวดงู" (animism : sacred snake)
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=46.0
-ชมจิตรกรรมไทยชุดมหาชาติ ที่วัดคูเต่า ตำบลแม่ทอม อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=47.0;all
-กล้ารึเปล่า? พาไปเที่ยว............." ซอยคุณยายสปีด "
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=111.0;all
-ลุยนอกรอบ..............."ซอยคุณยายสปีด ตี 5.30 น." เช้ามืดวันนี้(เอากันเข้าไป!!!)
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=1408.0;all
-มองต่างมุม : ความเชื่อ............ทวดแม่จามจุรี (ทวดไกรสิงห์ ราชสีห์)
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=11250.0
-เปิดตำนาน 53 เรื่องผี และสิ่งลี้ลับในจังหวัดสงขลา ภาค 3(เชื่อก็ได้ไม่เชื่อก็ได้)
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=12797.0
-บทความพิเศษ….......….ต้อนรับปีขาล-พญาเสือนำโชค 2553
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=11945.0

น่ากลัวเกิน ทนดูไม่ได้
มาดูเอาในกระทู้ฉายหนังนี่แหละ

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆที่ลุง samara แบ่งปันกันครับ

ข้อมูลแน่นปั่ก
ขอบคุณที่เขียนบทความดี ๆ มาให้อ่านกันครับ

ข้อมูลแน่นกว่าบทความ "ว่าด้วยเรื่องของ Snuff" ที่ผมเขียนลง Mankind666 อีก สมแล้วที่เป็นท่าน samara17520 ... อ่านแล้วสุดยอดมาก ๆ บทความนี้ลงในหนังสืออะไรเหรอครับท่าน (เผื่อว่าจะได้ไปสอยมาดูมั่งอ่ะ)

แต่มีจุดหนึ่งที่คุณ samara17520 บอกว่า Snuff เป็น Cult Movie แต่ในความรู้สึกผม ผมว่า Snuff มันเป็นแขนงหนึ่งของหนังโป๊ (Porn) ในสาย Fetish มากกว่า ... เพราะไอ้หนัง Snuff (จริง ๆ) มันทำมาเพื่อสนองความต้องการของคนเฉพาะกลุ่ม (ในเชิง Sex) มากกว่า อย่างเช่นหนังของกลุ่ม Serial Killer Underground / Dead Guy Cinema ที่เป็น Fake Snuff แต่ดูยังไงก็เหมือนหนังโป๊ ที่จับคนมาฆ่ากันชัด ๆ

นอกจากหนังในบทความของท่าน samara17520 ยังมีหนัง Fake Snuff อยู่อีกมากมายหลายเรื่องที่เด็ก ๆ ไม่ควรหามาดูเป็นอย่างยิ่งครับ ... อาืทิิเช่น หนังในไตรภาค Vomit Gore Trilogy ที่มีหนังเด่น ๆ อย่าง Slaughtered Vomit Dolls (2006), I Was a Teenage Strangler (2008) ของ Serial Killer Underground, หรือแม้กระทั่งหนังโป๊ยอดฮิตอย่าง Porn of the Dead (2006) ก็เหมือนจะเข้าข่ายนี้เหมือนกัน (แล้วจะมาบอกทำไมฟระ ... ผมนี่ 55+)

ยังไงก็ขอขอบคุณคุณ samara17520 สำหรับบทความสนุก ๆ ครับ ... ท่านที่เข้ามาอ่านก็อย่างไปดู Real Snuff นะครับ น่ากลัว~~

เพิ่มให้อีกเรื่อง ReGOREgitated Sacrifice

Gore สมชื่อจริง ๆ

เขียนได้น่าสนใจมากครับ
ข้อมูลเยอะดี ^^



...

กระทู้มีสาระมากครับ ปักหมุดๆ

แต่ขอถามกึ่งแย้งๆหน่อยนะครับ

หนังอย่าง Man Bites Dog ไม่ควรจัดเป็นสนัฟฟิลม์นะครับ แต่เข้าใจว่าผู้เขียนน่าจะหมายถึง มีรูปแบบที่หยิบยืมมาจงใจให้ดูเหมือน เพราะยังไงมันก็เป็นการถ่ายทำภาพยนตร์ มีโปรดัคชั่น มีบท ไม่ใช่การบันทึกภาพความจริงอะร
หรือแม้แต่เปรตเดินดินก็ตาม มันก็ไม่น่าถูกเรียกว่าสนัฟท์แต่แรกแล้วครับ เหมือนเราไปเพิ่มมูลค่าให้มันแบบผิดๆ

ป.ล. Aftermath ชื่อไทยว่า “โคตรพ่อโคตรแม่ซอว์” จริงๆเหรอครับ มันมีชื่อไทยด้วยเหรอ คือถ้ามันเป็นสิ่งที่ผู้เขียนตั้งขึ้นเองแบบไม่เป็นทางการ น่าจะกำกับไปด้วยนิดนึงนะครับว่าไม่ใช่ชื่อจริง

ขอตอบทีละท่านเลยนะครับ(เอาที่พอตอบได้นะเออ)
..................................
ความคิดเห็นที่ 12
จากคุณ : nana_idol


บทความนี้ลงในหนังสืออะไรเหรอครับ.....ยังไม่พิมพ์ลงหนังสือครับ ผมเขียนเป็นต้นเเบบสำหรับทำหนังสือในอีก 2-3 ปีข้างหน้าครับ(เขียนได้ทีละ 5-10 หน้า)ไม่ค่อยว่างจากงานประจำครับ


แต่มีจุดหนึ่งที่คุณ samara17520 บอกว่า Snuff เป็น Cult Movie แต่ในความรู้สึกผม ผมว่า Snuff มันเป็นแขนงหนึ่งของหนังโป๊ (Porn) ในสาย Fetish มากกว่า เพราะไอ้หนัง Snuff (จริง ๆ) มันทำมาเพื่อสนองความต้องการของคนเฉพาะกลุ่ม (ในเชิง Sex) มากกว่า ..........ผมเคยสอบถามผู้รู้หลายท่านครับ ท่านบอกว่า Snuff film นั้นไม่จำเป็นต้อง Sex เสมอไป ไม่จำเป็นต้อง Porn เสมอไป ที่คุณ nana_idol บอกว่า Snuff film มันเป็นแขนงหนึ่งของหนังโป๊ ก็ถูกครับ เเต่โดยส่วนตัวเเล้วผมก็มีความรู้สึกว่า Snuff film มันก็มีที่มาจาก Cult Movie มากอยู่เหมือนกัน(ขออนุญาตคิดต่างนะครับท่าน ^ _ ^ )



ปล. ส่วน ว่าด้วยเรื่องของ Snuff ที่คุณ nana_idol เขียนเอาไว้ใน Mankind666 ผมได้อ่านนานเเล้วครับ Real Snuff มันเป็นสิ่งที่โหดร้ายมาก ดูครั้งเดียวให้ได้รู้ ดูเเล้วก็ลบทิ้ง ป่วยการที่จะเก็บไว้เป็นของสะสม มันน่าหดหู่ * ^ * (เเก้ไขข้อความนิด อิอิ ปลอดภัยไว้ก่อน)

ขอตอบทีละท่านเลยนะครับ(เอาที่พอตอบได้นะเออ)
..................................
ความคิดเห็นที่ 15
จากคุณ : AguileraAnimato


หนังอย่าง Man Bites Dog ไม่ควรจัดเป็นสนัฟฟิลม์นะครับ แต่เข้าใจว่าผู้เขียนน่าจะหมายถึง มีรูปแบบที่หยิบยืมมาจงใจให้ดูเหมือน เพราะยังไงมันก็เป็นการถ่ายทำภาพยนตร์ มีโปรดัคชั่น มีบท ไม่ใช่การบันทึกภาพความจริงอะร
หรือแม้แต่เปรตเดินดินก็ตาม มันก็ไม่น่าถูกเรียกว่าสนัฟท์แต่แรกแล้วครับ เหมือนเราไปเพิ่มมูลค่าให้มันแบบผิดๆ.............อันนี้เเล้วเเต่มุมมองน่ะท่าน ที่ท่าน AguileraAnimato พูดมามันก็ถูก เเต่ผมก็มีเหตุผลบางประการที่จำต้องเขียนเเบบนั้นลงไปครับ(เดี๋ยวว่างๆค่อยเล่าให้ฟังนะครับ)



ป.ล. Aftermath ชื่อไทยว่า “โคตรพ่อโคตรแม่ซอว์” จริงๆเหรอครับ มันมีชื่อไทยด้วยเหรอ คือถ้ามันเป็นสิ่งที่ผู้เขียนตั้งขึ้นเองแบบไม่เป็นทางการ น่าจะกำกับไปด้วยนิดนึงนะครับว่าไม่ใช่ชื่อจริง.............อันนี้ผมไม่ได้ตั้งชื่อเองนะครับท่าน ผมได้ DVD เรื่อง Aftermath มาจากร้านคุณเอ็มม่า เป็น DVD ภาษาสเปนบรรยายไทย เปิดฉากออกมาก็มีชื่อหนัง Aftermath(โคตรพ่อโคตรแม่ซอว์) ผมเลยใส่ชื่อนี้ลงไปด้วยครับ มิได้ตั้งชื่อเองเเต่ประการใด ^ _ ^

จาก #15

ผม Agree กับคุณหนึ่งที่บอกว่า Cannibal Holocaust (1980) ไม่ใช่ Snuff Film เพราะหนังที่จะเรียกว่าเป็น Snuff จะต้องเป็นการบันทึกความตายจริง หรือต่อให้เป็น Fake Snuff มันก็ต้องไม่มีบท มีแต่ฉากฆ่าเพียว ๆ ... แต่การที่บอกว่า Cannibal Holocaust (1980) เป็น Snuff นั้นเป็นความเข้าใจแบบผิด ๆ ของคนที่ชมกันในยุคแรก ๆ ครับที่เชื่อว่าหนังเรื่องนี้เป็น Snuff จริง ทำให้มีการลือกันไปต่าง ๆ นานา และบ่อยครั้งในงานเขียนเกี่ยวกับ Snuff Film หรือสารคดีต่าง ๆ (อาทิเช่น The Dark Side of Porn ตอนตามล่าหา Snuff) ก็มีการอ้างถึงหนังเรื่องนี้ในแง่ Fake Snuff ครับ (แม้ว่ามันจะไม่ใช่ก็ตาม)

จาก #16

ถ้างั้นหนังโป๊ (Porn) ก็เป็นหนัง Cult สิท่าน ... แซวเล่นนะครับ (อิอิ) ผมเข้าใจเรื่องการแบ่งแนวหนังอ่ะ มุมมองต่างกันแนวก็ต่างกันครับ มันไม่มีตายตัวหรอก [^^]

แต่ถ้ามีใครบอกว่า Snuff เป็นหนัง Romantic/Comedy นี่ ... ผมจะแนะนำให้ไปหาจิตแพทย์อ่ะ ท่าทางมันใกล้จะก่อคดีละ (55+)

แต่ถ้ามีใครบอกว่า Snuff เป็นหนัง Romantic/Comedy นี่ ... ผมจะแนะนำให้ไปหาจิตแพทย์อ่ะ ท่าทางมันใกล้จะก่อคดีละ (55+)

................................
เห็นด้วย 1 เสียง 555+
ถ้า Snuff เป็นหนัง Romantic/Comedy เมื่อไหร่นี่......ผมยอมไม่ดู Fake Snuff film จนกว่าจะละสังขาร 555+ ^ 0 ^

เรื่องเเบ่งเเนวหนังนี่........มันไม่มีอะไรตายตัวเลยจริงๆ หนังสือ 10 เล่ม อ่านเเล้วเเทบจะไปกันคนละทางเลย


ปล. ผมเคยนั่งนิยามศัพท์เฉพาะกับเพื่อนๆ 13 คน คำว่า "นวัตกรรม" คำนี้คำเดี๋ยว เชื่อรึเปล่าล่ะครับคุณ nana_idol ทะเลาะกันห้องประชุมเเทบเเตก 3 อาทิตย์กว่าจะจบ(มันบอกความหมายกันไปคนละทางเลย อาชีพเปลี่ยน-ความคิดเปลี่ยน ขอบอก )

ความคิดเห็นที่ 14

เขียนได้น่าสนใจมากครับ
ข้อมูลเยอะดี ^^



...


จากคุณ : ~cenobite+
เขียนเมื่อ : 27 Jul 10 20:21





ตอบ.........ใช่ๆๆๆๆ นี่คือจีนี่พิกของเเท้ 1 ชุดมี 4 กล่อง โอ้ มันยอดดดดดมาก ^ 0 ^


ปล. ราคาชุดเเท้นี่คงเเพงเอาการเลยนะท่าน ~cenobite+

คุณ ~cenobite+ Box set นั่นซื้อมาเท่าไรเหรอครับ แล้วซื้อมาจากไหนครับ อยากได้มั้ง

Snuff ส่วนใหญ่มันเป็นหนังสนองตัณหาเฉพาะกลุ่ม ผมก็ว่ามันน่าจะใกล้เคียงกับ Cult มากกว่า Porn นะครับ

อ่านแล้วปวดหัว ขอเสพอย่างเดียวไม่ขอเจาะลึกก็แล้วกัน หุหุ

ไม่ใช่ของผมครับ ยืมรูปจากท่านที่ชอบสะสมดีวีดีมาน่ะ
เรื่องนี้หาไม่ได้แล้วหล่ะครับ ทำออกมาครั้งแรกและครั้งเดียว

...

-ขอเสนอเพิ่ม

ในกรณีของหนังอย่าง Faces of death นั้น โดยส่วนตัวผมน่าจะถูกจัดให้แยกออกมาจากส่วนของ Snuff โดยหากจะยังเป็น subset ของ Cult films อยู่ก็ยังนับได้ แต่โดยนัยของการพยายามนำเสนอ โดยเราจะยังไม่พูดถึง "จริงหรือหลอก" หนังในแบบ snuff นั้นพยายามสื่อ หรือใช้กลวิธีต่างๆในการถ่ายทอดให้เห็นความตายตรงหน้า ว่าเป็นคนที่ถูก"ฆ่า"ตายจริงโดยไตร่ตรองไว้ และยังมีมิติของความเป็นสิ่งต้องห้ามอยู่ในทุกอณูของหนัง เช่นการปิดบังใบหน้าของฆาตกร การไม่มีข้อมูลประกอบเสริมในรายละเอียดของตัวละครว่าเป็นใครมาจากไหน เหตุใดจำต้องฆ่า

แต่ในส่วนของหนังสไตล์แบบ Faces of death นั้นพยายามนำเสนอในแนวของสารคดี(ไม่น่าใช้คำว่าสาระ)จากจุดกำเนิดดั้งเดิมของตัวหนังในกลุ่ม เช่น Wild rapture(1950)ที่นำภาพคลิปของสารดคีจากหลายๆกล้องมารวมกัน โดยส่วนใหญ่เป็นการไปถ่ายทำพิธีกรรมประหลาดๆของชนพื้นเมืองจาก แอฟริกา ซึ่งแน่นอนมีภาพความโหดร้ายของการล่าสัตว์ปะปนอยู่ รวมไปถึงการทำให้ร่างกายมีเลือดตกยางออกแบบต่างๆ ซึ่งในยุคต่อมา Mondo cane (1962) ของผู้สร้างจากอิตาลี นำส่วนผสมของคลิปข่าวประหลาดอื่นๆปะปนไปด้วย จนต่อมาถือเป็นบิดาของหนังในแนวนี้ ซึ่งใช้เรียกชื่อแนวกันว่า Mondo films เลยทีเดียว รวมทั้งนำคำว่า Mondo มาใช้เป็นหัวชื่อของหนังใน กลุ่มนี้อีกมากมาย(อนึ่ง มีการใช้คำอื่นในการเรียกหลุ่มหนังเหล่านี้อีกเช่น Mockumentary ,shockumentary จะสังเกตได้ว่าพยายามอิงกับคำว่า Documentaryเพื่อให้เกิดภาพของสารคดี และยืนยันว่าจริง)

ส่วนซีรีส์ Faces of death นั้นมาโด่งดังเอาในยุคปลายปี 70 เมื่อกลุ่มหนัง Mondo เริ่มหมดมุขกับการไปหาภาพพิธีกรรมของชนเผ่าต่างๆทั่วโลกแล้ว ผู้คนต้องการเสพอะไรที่ชัดเจน แรงและโหดเหี้ยมกว่าเดิม ผกก. John Alan Schwartz เอาคลิปภาพความตายในรูปแบบต่างๆที่เขาอ้งว่าสามารถถ่ายทำได้อย่างบังเอิญ (หรือมีโอกาสได้ตั้งกล้องถ่าย) เช่นการที่คนโดดร่มมาลงในบ่อจระเข้พอดิบพอดี การประหารชีวิตโดยเก้าอี้ไฟฟ้า การตัดคอร้ายคนในโลกอาหรับ โดยเคลมทั้งหมดว่าเป็นภาพจริง ซึ่งในยุคนั้นๆแล้วภาพคลิปข่าวเหล่านี้มักจะถูกแบนไม่ให้ออกอากาศ การที่มีหนังสักเรื่องรวมเอาภาพจะๆแบบจ่อๆเผาขนมาให้ชมถือเป็นเรื่องฮือฮายิ่งนัก ยังไม่พอ เพื่อเพิ่มความสะใจ เขาจึงประเคนเอาคลิปภาพการผ่าชันสูตรศพซึ่งเป็นของจริงแท้ ให้คนดูได้เต็มอิ่มกับเลือดเนื้อเครื่องในสลับไปกับภาพหวาดเสียวของคนที่กำลังจะเสียชีวิตในอิริยาบทต่างๆ ซึ่งก็ได้เสียงตอบรับดียิ่งด้วยการถูกแบนใน40 ประเทศทั่วโลก น่าดีใจมากที่บ้านเราเมื่อปี 80 ได้ชมในโรงภาพยนต์แบบจะๆไม่มีตัดทอนใดๆเลย

และทำให้มันคือศักราชใหม่ของ Mondo movie หลังจากได้พิสูจน์แล้ว ว่าภาพความรุนแรง ถึงแม้ยิ่งโดนห้ามยิ่งมีความต้องการชม มันติดอันดับหนังที่คนต้องการชมจากทั่วโลก ถูกปั๊มออกมาเป็นวิดิโอไม่รู้ก๊สิบครั้ง ถูกสร้างภาคต่อออกมาอีก6 ภาค ถูกนำชื่อไปเลียนแบบสร้างออกมาอีกเป็นสิบ และถูกแฉในภายหลังว่า 80% เป็นภาพจัดฉากถ่ายทำขึ้นมาเอง!!

แต่ในยุคถัดมา เมื่อโลกเต็มไปด้วยกล้องวิดิโอ โลกในยุคที่สื่อเป็นกลไกสำคัญ เรามีนักข่าวอิสระแทรกซึมอยู่ทั่วโลก ภาพข่าวที่มีคนตายในรูปแบบต่างๆแบบจริงๆได้ถูกตัดเป็นคลิปเพื่อสร้างหนังในลักษณะเดียวกันออกมาได้อีกมากมาย โดยแนวโน้มค่อนข้างมาทางภาพของสงครามกลางเมืองและความโหดร้ายในเมืองมากขึ้น จากแนวโน้มของเหตุการณ์จริงในโลก ไม่ว่าจะจากแอฟริกาใต้ โคโซโว อินโดนีเซีย ฯลฯ และมันได้ก้าวออกจากความเป็นหนัง กลายเป็นส่วนหนึ่งของฟอร์เวิร์ดเมล์ เข้าถึงได้ทุกผู้คน ดังเช่นคลิปฆ่าตัดคอสารพัดรูปแบที่เรากระจายส่งให้เพื่อนดูทางอีเมล์ในตอนสายๆหลังจากจิบกาแฟในสำนักงานแล้ว

ผมว่าถ้าได้ดูหนังแบบนี้ซักครั้งในชีวิต
คงไม่ต่างอะไรกับการมีsexกับแพนเค้กมั้งครับเนี้ยะ

พูดแล้วอยากมี

เอ้ย

อยากดู5555

ขอบคุณมากครับ ชอบอ่านบทความแบบนี้มากๆเลย ^^

บทความดีจริงๆครับ ข้อมูลเยอะมาก

เผลอเอาชื่อเด็กเวรใจโฉดสองคนในบทความไปเซริ์ชดู
เอิ่ม...หดหู่อย่างแรง เฮ้อ..คนเรา

พึ่งสมัครสมชิกเองนะครับ เข้ามาอ่านก็สนุกดีครับ คุณเคราฮึ้ม เขียนดีครับ ส่วนเรื่อง Snuff Movies กับ Cult Movies ตามที่คุณ samara17520 เจ้าของกระทู้ว่า "Snuff film เป็นส่วนหนึ่งของหนังแนว Cult Movies" อันนี้มันไม่ถูกนะครับ เพราะว่า Cult Movies มันไม่ใช่ แนว หรือ Genres นะครับ ไม่ว่าหนังแบบไหนก็สามารถเป็น Cult ได้ครับ หนังของ john water หลายเรื่องก็ Cult ครับ ยกตัวอย่างเรื่อง Pink Flamingos ก็ Cult มันก็ไม่ได้มีอะไรที่ใกล้ชิดกับ Snuff Films เลย หนังเกรด บี อีกหลายเรื่องก็ Cult อย่าง Plan 9 From Outer Space ของ Edward D, The Toxic Avenger ของ Lloyd Kaufman แห่ง troma ก็ cult หรือหนังกังฟูเก่าๆหลายๆเรื่องก็เป็น Cult Movies หนังพวกนี้ไม่ได้ใกล้ Snuff Films เลยนี่ครับ

Sunff Films บางเรื่องอาจจะเป็น Cult Movies ก็ได้ครับ และหลายเรื่องก็ไม่ Cult

Cult Movies เป็นเพียงสถานะของหนังเรื่องนั้นๆมากกว่าครับ

เห็นด้วยกับคุณ Skull Terror เรื่องหนังคัลท์...

ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยวิจารณ์ จดๆๆๆๆๆๆๆๆ......


ปล.1 วิจารณ์เยอะๆเลยครับท่าน(ชอบๆๆๆๆ)จะได้เอาข้อมูลที่ได้จากการวิจารณ์ของเเต่ละท่านไปปรับปรุงงานเขียน อิอิ ^ _ ^

เคยคิดจะเขียนเรื่อง Mondo movie เพราะติดตามมาตั้งแต่ครั้งไปดู Face of death ภาคแรกที่มาฉายที่โรงหนังสยาม ในตอนนั้นวัย 9 ขวบรู้สึกตะลึงช็อคมากๆ เลยติดตามหาดูหาชมมาตลอด แต่พอแก่ตัวไปขี้เกียจเขียนไปซะก่อน

ปล. Faces of death มาฉายในไทยครั้งแรกโดยเครือพิรามิด(ปัจจุบันเป็นเอเพกซ์) ในชื่อ แปลก 25 น. ประมาณปี 1980 หลังจากนั้น Faces of death 3 ก็ตามมาในปี 1982 ในชื่อ หยุดเถิดความตาย กับเครือปิรามิดเหมือนเดิม พอมาปี 1992 นนทนันท์เอนเตอร์เทนเมน์สั่ง faces of death ภาค4 มาฉาย ในชื่อ แอบดูเป็น แอบดูตาย ทำโปรโมทเสียโด่งดัง ปีถัดมา สหมงคลฟิล์มไปเอา ภาคแรกกลับมาฉายอีก เปลี่ยนชื่อเป็น ดูเป็นดูตาย กินเป็นกินตาย หลังจากนั้นก็เป็นยุคของวีซีดี และดีวีดี เมื่อ Gorgon Video มาซื้อลิขสิทธิ faces of death ไปทำดีวีดีขาย ได้มีการเอาไปตัดต่อยำคลิป ใส่ดนตรีประกอบแนวเดธเมทัล ยำเสียจนซีรีส์ชุดนี้เละเทะไปหมด ที่ท่านได้ชมผ่านคลิปโหลด หรือดีวีดีเถื่อนทั้งหลายนั่นขอบอกว่าเละไปจากต้นฉบับอักโขทีเดียว

ข้อมูลๆๆๆๆๆ.........จดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ปล. ขอบคุณครับ ^ 0 ^

อยากดู faces of death ขึ้นมาทันที

3 guys 1 hammer เปน Real Snuff film หรือเปล่า

3 guys 1 hammer ของไอ้เด็กสามคนจาก ยูเครน ใช่ไหมครับ พวกมันใช้ชื่อกลุ่มว่า Dnepropetrovsk Maniacs ตอบเลยครับว่าเป็นของจริงครับ แล้วตอนนี้เด็กสามคนนั้นโดนตำรวจ ยูเครน จับได้แล้วครับเมื่อปีที่แล้ว ตอนนรู้สึกว่ากำลังอุธรณ์อยู่ครับ

อ่านบทความของคุณ samara17520 เสร็จปุ๊ป !

ก้อเข้าไป search ใน Net คำว่า "3 guys 1 hammer"

พระเจ้า วันนี้ผมได้ชม Real Snuff Film

Real Snuff Film.....มีอยู่มากในโลกเเห่งความเป็นจริง


ผมเขียนให้ได้อ่านกัน ให้ได้รับรู้ในโลกเเห่งเงาอันเเสนมืดมิด ความสว่างอันเเสนมืดบอด

การหา Real Snuff Film ต้องอาศัยรหัส หรือคำบางคำใส่ลงไปในเว็บค้นหา


Real Snuff Film ไม่ใช่ของดี.....

ความคิดเห็นที่ 37

3 guys 1 hammer เปน Real Snuff film หรือเปล่า


จากคุณ : Nottzilla
เขียนเมื่อ : 2 Aug 10 19:38
แก้ไขเมื่อ : 2 Aug 10 19:43







ตอบ..........ของเเท้ ของจริง เลวสุดๆ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากๆ เลยค่ะ โดยส่วนตัวชอบดูพวกหนังสยองขวัญ ฆาตรกรรม มาก แต่ก็ดูแต่พวกบนดินล่ะนะ ยังไม่เคยดูแบบใต้ดินสักครั้ง สักเรื่องเลย การได้มาอ่านบทความแบบนี้ ก็ทำให้ได้รู้เรื่องราวหนังใต้ดินขึ้นมาหน่อย ทำให้เกิดอยากหาดูขึ้นมาสักเรื่องแล้วล่ะสิ อิอิ แต่ก็ไม่ดิบพอที่จะดูแบบ Real หรือ Porn ได้..ห้าห้า

หัวจัยจะวาย มือใหม่หัดดูครับ

ใจเต้นตึกๆ ตอนดูคลิปไอ้เด็กเวร 3 ตัว