รีวิว "โป๊ะแตก" (7/10) ควบ "The Ghost Writer" (6/10
by alwa_ritsila • วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553 02:53
Replies (7)
ถ้าถามหา สาระจากหนังเรื่องนี้ คงไม่มีอะไรให้พูดถึงมาก
แต่ถ้าใครเคยมีประสบการณ์กองถ่าย หรือเคยไปกองถ่ายจริงๆ ก็คงน่าจะได้ขำกันบ้าง เพราะหนังเรื่องนี้ ไม่ได้มีเนื้อเรื่องอะไรนอกจาก เล่าเรื่อง ความต้องการ จะทำหนังเรื่องนึงของหม่ำ ก็เลย เป็นเรื่องราว การถ่ายทำ ที่ดำเนินไปเรื่อยๆ จนปิดกล้อง โดยไม่ได้นำเสนอแบบเนื้อเรื่อง แบบตอนของโก๊ะตี๋ แบบในเรื่อง 3ย่าน แต่นำเสนอมา เป็นแบบ กึ่ง Reality ดูคนในกองถ่าย + เมคเรื่องขำขำแทรก
อารมณ์ก็จะคล้ายๆ หนังพวกสาระแน ที่ตามติดกองถ่ายแทน และ เวลาเล่นมุข ก็มีคนในกอง หลุดขำ แบบจะๆ ไม่สั่งคัท เพราะคงเล่นสดกันเลย (สังเกตุจากมุขตลกที่ต่อกัน จะดูสดมาก)
ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่หนังแบบอารมณ์ทะเลาะกัน เหมือนใน 3 ย่าน แต่เป็นเหมือนเรื่องราว ในกอง ที่ตั้งแต่เปิดกล้อง ถ่ายทำ มีเรื่อง ผัวเมียทะเลาะกัน เพราะเรื่องเลิฟซีน , นักแสดงหนีกลับบ้าน เพราะทะเลาะกับนักแสดงอีกคน , นักแสดงเล่นห่วยหม่ำเลยโมโห อะไรประมาณนั้น
ถ้าอยากนึกภาพให้ง่ายขึ้น ก็ ตอนจบ "บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2" ที่โหน่ง ด่าหม่ำ บ่นๆ ยาวลองเทค มันก็คือหนังเรื่องนี้แหละครับ แต่เป็นทั้งเรื่อง
เดาว่า หม่ำคงได้ไอเดียจากตอนท้าย บอดีการ์ดหน้าเหลี่ยม 2 มาเหมิอนกัน เลยมาต่อยอด เป็นหนังยาวปัญหาการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ได้
แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะไม่รู้จะวิจารณ์อะไร เพราะว่า มันไม่มีเนื้อเรื่องเนื้อหาสาระ นอกจาก เปลี่ยนซีนถ่ายทำไปเรื่อยๆ แต่มันก็แสดงให้เห็นกับคนที่อยู่นอกวงการว่า การถ่ายทำหนัง จริงๆ กองจริงๆ มีปัญหาเยอะมาก และเหนื่อยเอาการเหมือนกัน กว่าจะออกมาเป็นหนังสักเรื่อง (ถึงจะไม่เพี้ยนเวอร์ๆแบบหนัง แต่กองจริงๆก็เหนื่อยเอาการอยู่)
งานด้านภาพเสียงในหนังเรื่องนี้ ไม่มีอะไรมากครับ เหมือนไม่ได้จัดอะไรมาก เพราะคงอารมณ์แบบ กึ่งๆ REality ทำให้ดูสดอยู่
มุขตลกอะไรผมให้ผ่านนะ เป็นหนังที่ดูตลกดีครับ ตลกในมุข เพราะเล่นกันได้สด และฮาดีครับ น่าจะเอารายได้ จากคนดูได้เยอะอยู่ (เพราะแนวแบบนี้ทำเงินไม่ยากในไทย)
สิ่งที่เซอร์ไพรส์ในหนัง (สปอยนะครับ จะดูก็ผ่านไปเลย)
1. พิง ลำพระเพลิง มารับเชิญ เล่นกัดตัวเอง ว่าทำหนัง แล้วก็เจ๊ง ไม่มีโอกาส ฮามากครับ
2. พี่คนดำ ที่ชอบเล่นเป็นตัวประกอบ ในหนังละครหลายเรื่อง เล่นได้ สด และมันส์มากๆครับ เค้าโวยวายได้สนุกดีครับ
3. การปรากฎตัว ของ เชอร์รี่ (หม่ำ ออนสเตจ , และ เคยถ่ายโป๊มาก่อนมากมาย) มาเพื่อเล่นเลิฟซีนในหนังหม่ำ
4. มีฉาก เท่งโหน่ง จูบปากกัน
ครับ สำหรับหนังเรื่องนี้ ผมโดยรวม ก็โอเคครับ บันเทิง ขำขำดีครับ ถ้าใครชอบพวกเรื่องเบื้องหลัง ก็มาดูขำขำได้ครับ เหนการทำงานกองถ่าย
ดูตั๋ว 120 ก็โอเคนะผมว่า ไม่เสียดายตัง แต่ถ้า ไม่มั่นใจ ก้รอดู 60 วันพุธ ก็คุ้มดีครับ หนังฮาดีอยู่
ผมให้ 7/10
เพราะ ชอบ ในการ นำเสนอแง่มุม เรื่อง หลังกล้อง ปกติ ผมไม่ได้ถูกโฉลกอะไรกับหนังตลก ถึงมุขจะตลกแต่ถ้าหนังมันไม่อะไรผมก็ไม่ชอบ แต่เรื่องนี้ ชอบ เพราะมันมีเรื่องหลังกล้อง ที่แปลกดี และดูใหม่ไม่มีใครทำ รวมถึงได้เปิดโลกทัศน์ของคนรู้ด้วยว่า เบื้องหลังทำงานยังไง
รอบนี้ คงไม่รีวิวอะไรมาก เพราะไม่รู้จะพูดอะไร มันไม่มีเนื้อเรื่องอะไรให้พูด นอกจากการทำงานกองถ่าย ที่เปลี่ยนซีนไปเรื่อย กับ มันตลกดี
แต่ถ้าใครเคยมีประสบการณ์กองถ่าย หรือเคยไปกองถ่ายจริงๆ ก็คงน่าจะได้ขำกันบ้าง เพราะหนังเรื่องนี้ ไม่ได้มีเนื้อเรื่องอะไรนอกจาก เล่าเรื่อง ความต้องการ จะทำหนังเรื่องนึงของหม่ำ ก็เลย เป็นเรื่องราว การถ่ายทำ ที่ดำเนินไปเรื่อยๆ จนปิดกล้อง โดยไม่ได้นำเสนอแบบเนื้อเรื่อง แบบตอนของโก๊ะตี๋ แบบในเรื่อง 3ย่าน แต่นำเสนอมา เป็นแบบ กึ่ง Reality ดูคนในกองถ่าย + เมคเรื่องขำขำแทรก
อารมณ์ก็จะคล้ายๆ หนังพวกสาระแน ที่ตามติดกองถ่ายแทน และ เวลาเล่นมุข ก็มีคนในกอง หลุดขำ แบบจะๆ ไม่สั่งคัท เพราะคงเล่นสดกันเลย (สังเกตุจากมุขตลกที่ต่อกัน จะดูสดมาก)
ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่หนังแบบอารมณ์ทะเลาะกัน เหมือนใน 3 ย่าน แต่เป็นเหมือนเรื่องราว ในกอง ที่ตั้งแต่เปิดกล้อง ถ่ายทำ มีเรื่อง ผัวเมียทะเลาะกัน เพราะเรื่องเลิฟซีน , นักแสดงหนีกลับบ้าน เพราะทะเลาะกับนักแสดงอีกคน , นักแสดงเล่นห่วยหม่ำเลยโมโห อะไรประมาณนั้น
ถ้าอยากนึกภาพให้ง่ายขึ้น ก็ ตอนจบ "บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2" ที่โหน่ง ด่าหม่ำ บ่นๆ ยาวลองเทค มันก็คือหนังเรื่องนี้แหละครับ แต่เป็นทั้งเรื่อง
เดาว่า หม่ำคงได้ไอเดียจากตอนท้าย บอดีการ์ดหน้าเหลี่ยม 2 มาเหมิอนกัน เลยมาต่อยอด เป็นหนังยาวปัญหาการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ได้
แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะไม่รู้จะวิจารณ์อะไร เพราะว่า มันไม่มีเนื้อเรื่องเนื้อหาสาระ นอกจาก เปลี่ยนซีนถ่ายทำไปเรื่อยๆ แต่มันก็แสดงให้เห็นกับคนที่อยู่นอกวงการว่า การถ่ายทำหนัง จริงๆ กองจริงๆ มีปัญหาเยอะมาก และเหนื่อยเอาการเหมือนกัน กว่าจะออกมาเป็นหนังสักเรื่อง (ถึงจะไม่เพี้ยนเวอร์ๆแบบหนัง แต่กองจริงๆก็เหนื่อยเอาการอยู่)
งานด้านภาพเสียงในหนังเรื่องนี้ ไม่มีอะไรมากครับ เหมือนไม่ได้จัดอะไรมาก เพราะคงอารมณ์แบบ กึ่งๆ REality ทำให้ดูสดอยู่
มุขตลกอะไรผมให้ผ่านนะ เป็นหนังที่ดูตลกดีครับ ตลกในมุข เพราะเล่นกันได้สด และฮาดีครับ น่าจะเอารายได้ จากคนดูได้เยอะอยู่ (เพราะแนวแบบนี้ทำเงินไม่ยากในไทย)
สิ่งที่เซอร์ไพรส์ในหนัง (สปอยนะครับ จะดูก็ผ่านไปเลย)
1. พิง ลำพระเพลิง มารับเชิญ เล่นกัดตัวเอง ว่าทำหนัง แล้วก็เจ๊ง ไม่มีโอกาส ฮามากครับ
2. พี่คนดำ ที่ชอบเล่นเป็นตัวประกอบ ในหนังละครหลายเรื่อง เล่นได้ สด และมันส์มากๆครับ เค้าโวยวายได้สนุกดีครับ
3. การปรากฎตัว ของ เชอร์รี่ (หม่ำ ออนสเตจ , และ เคยถ่ายโป๊มาก่อนมากมาย) มาเพื่อเล่นเลิฟซีนในหนังหม่ำ
4. มีฉาก เท่งโหน่ง จูบปากกัน
ครับ สำหรับหนังเรื่องนี้ ผมโดยรวม ก็โอเคครับ บันเทิง ขำขำดีครับ ถ้าใครชอบพวกเรื่องเบื้องหลัง ก็มาดูขำขำได้ครับ เหนการทำงานกองถ่าย
ดูตั๋ว 120 ก็โอเคนะผมว่า ไม่เสียดายตัง แต่ถ้า ไม่มั่นใจ ก้รอดู 60 วันพุธ ก็คุ้มดีครับ หนังฮาดีอยู่
ผมให้ 7/10
เพราะ ชอบ ในการ นำเสนอแง่มุม เรื่อง หลังกล้อง ปกติ ผมไม่ได้ถูกโฉลกอะไรกับหนังตลก ถึงมุขจะตลกแต่ถ้าหนังมันไม่อะไรผมก็ไม่ชอบ แต่เรื่องนี้ ชอบ เพราะมันมีเรื่องหลังกล้อง ที่แปลกดี และดูใหม่ไม่มีใครทำ รวมถึงได้เปิดโลกทัศน์ของคนรู้ด้วยว่า เบื้องหลังทำงานยังไง
รอบนี้ คงไม่รีวิวอะไรมาก เพราะไม่รู้จะพูดอะไร มันไม่มีเนื้อเรื่องอะไรให้พูด นอกจากการทำงานกองถ่าย ที่เปลี่ยนซีนไปเรื่อย กับ มันตลกดี
รีวิว THE GHOST WRITER หนังเรื่องล่าสุดจากผู้กำกับจอมข่มขืนเด็ก (6/10)
ภาพยนตร์ทริลเลอร์แนวการเมืองที่สุดตื่นเต้นเรื่องนี้คือเรื่องราวที่ว่าด้วยเรื่องของการหลอกลวงและการทรยศในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องเซ็กส์ การเมือง และวรรณกรรม ในโลกที่ไม่มีสิ่งใดหรือใครเป็นเหมือนอย่างที่เห็นภายนอก นักเขียนเงาค้นพบในแทบจะทันทีว่าอดีตอาจเป็นภัยร้าย และประวัติศาสตร์ถูกตัดสินโดยใครก็ได้ที่มีชีวิตอยู่รอดมาเพื่อเขียนมัน
ยอมรับว่าแอบผิดหวังเหมือนกัน เพราะตอนแรก คาดหวังว่าจะได้ชม หนังทริลเลอร์ การเมือง ที่เข้มข้น
แต่ว่าหนังเรื่องนี้ ก็ดีอยู่นะครับ แต่ว่า หนังจะค่อนข้างนิ่ง และออกแนวตีความผ่านแคแร็คเตอร์ตัวละคร หรือการแสดง มากกว่า จะเป็นเรื่องเหตุการณ์ ดังนั้น การเดินเรื่องของหนัง ที่แทนด้วยจะขับด้วยตัวบท แต่ก็ถูกขับออกมา ทางการแสดงของตัวละครด้วย เพราะตัวละครแต่ละตัว ก็แปลกๆ คาดเดาอะไรยาก ว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นยังไง ตัดสินใจอย่างไร และนำไปสู่อะไร จึงเป็นหนังทริลเลอร์ แบบนิ่งๆ เนิบๆ แต่ก็ดูน่าติดตามอยู่ ได้อารมณ์แนวฟิลม์นัวร์ แต่ก็มีช่วงกลางเรื่องเหมือนกันครับ ที่เผลอหลับไป 10 นาที คงเพราะตัวผมง่วงด้วย และช่วงกลางเรื่อง ช่วงที่พระเอกขับรถออกจากเกาะ เพื่อไปสืบ เป็นช่วงที่เนิบๆ มากไปหน่อย จากที่ชวนติดตาม (ดูได้ทั้งๆที่ง่วง) ก็มาหลับจนได้ 10 นาที ในกลางเรื่อง แต่ก็กลับมา น่าสนใจ ในตอนท้ายนะ
แต่ว่า ตัวละครในช่วงครึ่งหลัง ถูกสรุปแบบแปลกๆ ไม่ทราบว่า ต้องการให้ตลกร้ายหรือเปล่า ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ก็เป็นการจบได้สวยอยู่ ถึงจะแบบ ว่า "เพื่ออะไร??"
รวมถึงปมบางอย่างด้วย ที่ยังมีช่องโหว่ หลายอย่าง และทำให้ไม่เคลียร์ว่า ทำไมอันนี้ ต้องเป้นอย่างนั้น ดังนั้น ถึง จังหวะหนัง โทนหนัง จะทำได้น่าสนใจ มีคลาส แต่ก็ยังมีจุดแปลกๆ ที่สร้างความสงสัยอยู่ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าง่วงเปล่า แต่ผมพยายามคิดแล้ว มันก็ไม่คิดแตก ในจุดหักบางตอน
หนังได้อารมณ์หนังทริลเลอร์ยุคเก่าๆ แต่ดูร่วมสมัย เหมือนหนังทริลเลอร์มีคลาส จากยุค 60's 70's ที่เป็นเรื่องราวปัจจุบัน ร่วมสมัยมากขึ้น แต่ก็ยอมรับว่า สู้งานเก่าๆ ของป๋าโรมัน ยังไม่ได้ แต่ก็ยังมือไม่ตกกระป๋องเสียทีเดียว แต่งานเก่าๆเขาเจ๋งกว่าเยอะ เช่น ROSEMARY's BABY หนังทริลเลอร์นิ่งๆ เน้นการแสดงเหมือนกัน แต่ ว่า อันนั้น มันเอาคนดูอยู่จริงๆ มีพลังมาก ผมชอบมาก แต่ The Ghost Writer อันนี้ ยังมีจุดหลุดๆ เยอะอยู่ แต่ไม่เลวร้ายนะ แค่มันเหมือน มีช่วง หนังมีพลัง และหนังหมดพลัง และเด๊ยวก็มีพลังอีก อะไรแบบนี้
แต่ที่น่าสนใจของเรื่อง คือเรื่องประเด็นนักการเมือง ในเรื่องนี่หละครับ ทำออกมาได้น่าสนใจดี กับ คนที่ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร ทำให้สุดท้าย ก็จบลงด้วยความรุนแรง ที่สุมสร้างมาจากความแค้น ที่ตนเคยทำในอดีต แม้ว่า จะตายเป็นฮีโร่ก็ตาม แต่สุดท้าย ถ้าแก้ปัญหา ด้วยความรุนแรง จุดจบก็ต้องย่อมมีความรุนแรง ความเกลียดชัง ความแค้น (เหมือนที่ผู้ชุมนุมในหนัง) มีเช่นกัน.....แม้ว่า หนังอาจจะเกิดที่เมืองนอก ดูเป็นเรื่องราวไกลตัว จากชีวิตพวกเรา ดูแล้วไม่อิน แต่ผมกลับดูแล้วอินดีนะ เพราะจะว่าไป มันก็ไม่ไกลตัวเราเลย มันก็มีความคล้ายคลึงในบางแง่มุม กับเรื่องจริง ..... ดังนั้น หนังเรื่องนี้ ประเด็นการเมืองและความรุนแรงในหนัง ก็เอามาเปรียบเทียบกับเรื่องในบ้านเราได้อยู่เช่นกัน ว่าใครที่ถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร ย่อมอยู่ไม่สุขแน่นอน และอาจจะตายไม่รู้ตัวสักวัน ....ก็ต้องคอยดูกันไป อิอิ
ส่วนอาชีพพระเอก ในเรื่อง ผมว่าอาชีพนี้ ก็น่าเศร้านะครับ เขียนงาน แต่ไม่มีสิทธ์ได้ชื่อ ได้แค่ เรียงเรียง เขียนงาน ตามที่เจ้าของต้องการ แล้วตีพิมพ์ในนามของเจ้าของเอง ตัวเองไม่มีเครดิต...... ผมเห็นหนังสือคนดังในไทยเยอะแยะ ก็นิยมใช้ "Ghost Writer" กันเยอะเหมือนกัน น่าเศร้านะครับ
อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ โดยรวมก็ยังคงเป็นหนังที่ดี เพราะหนังมันดำเนินอยู่บนเกาะเล็กๆ เงียบๆ โล่งๆ มันเลย แบบ ค่อนข้างทึมๆ บางคนอาจจะว่าอึดอัดเงียบไป.... แต่มันคุมให้ชวนตามได้ หนังน่าสนใจ เพราะตัวละคร ที่ขับเรื่องให้เดินต่อไป ทำได้น่าสนใจ น่าติดตาม และต้องยอมรับ ว่า ตัวละคร เมีย ของเพรียซ บรอสแนน ในเรื่อง ดูเปนตัวละครที่มีเสน่ห์น่าค้นหามาก เพราะอะไรที่ดูลึกลับๆ ทำให้หนังดูน่าสนใจดี แต่ถึงยังไง ทุกคนเล่นดีหมด
มาตกม้าตาย ตรงช่วงกลางเรื่อง ที่พระเอก ขับรถ ออกนอกเกาะไปฝั่ง ซึ่งช่วงนี้ หนังจะเงียบๆ และกินเวลาอยู่ เลยหลับไป ตื่นมาอีกที พระเอก กำลังขึ้นเรือกลับเกาะแล้ว และยังมีเรื่อง ช่องโหว่ที่เคลียร์แบบไม่เข้าใจ (หรือเป็นพล็อตตลกร้าย?) ทำให้ ยังมีข้อด้อย
แต่หนังโดยรวมแล้ว เป้นหนัง ที่สวยงาม ดูดี และมีเสน่ห์ที่ลึกลับในตัวดีครับ (6/10)
ภาพยนตร์ทริลเลอร์แนวการเมืองที่สุดตื่นเต้นเรื่องนี้คือเรื่องราวที่ว่าด้วยเรื่องของการหลอกลวงและการทรยศในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องเซ็กส์ การเมือง และวรรณกรรม ในโลกที่ไม่มีสิ่งใดหรือใครเป็นเหมือนอย่างที่เห็นภายนอก นักเขียนเงาค้นพบในแทบจะทันทีว่าอดีตอาจเป็นภัยร้าย และประวัติศาสตร์ถูกตัดสินโดยใครก็ได้ที่มีชีวิตอยู่รอดมาเพื่อเขียนมัน
ยอมรับว่าแอบผิดหวังเหมือนกัน เพราะตอนแรก คาดหวังว่าจะได้ชม หนังทริลเลอร์ การเมือง ที่เข้มข้น
แต่ว่าหนังเรื่องนี้ ก็ดีอยู่นะครับ แต่ว่า หนังจะค่อนข้างนิ่ง และออกแนวตีความผ่านแคแร็คเตอร์ตัวละคร หรือการแสดง มากกว่า จะเป็นเรื่องเหตุการณ์ ดังนั้น การเดินเรื่องของหนัง ที่แทนด้วยจะขับด้วยตัวบท แต่ก็ถูกขับออกมา ทางการแสดงของตัวละครด้วย เพราะตัวละครแต่ละตัว ก็แปลกๆ คาดเดาอะไรยาก ว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นยังไง ตัดสินใจอย่างไร และนำไปสู่อะไร จึงเป็นหนังทริลเลอร์ แบบนิ่งๆ เนิบๆ แต่ก็ดูน่าติดตามอยู่ ได้อารมณ์แนวฟิลม์นัวร์ แต่ก็มีช่วงกลางเรื่องเหมือนกันครับ ที่เผลอหลับไป 10 นาที คงเพราะตัวผมง่วงด้วย และช่วงกลางเรื่อง ช่วงที่พระเอกขับรถออกจากเกาะ เพื่อไปสืบ เป็นช่วงที่เนิบๆ มากไปหน่อย จากที่ชวนติดตาม (ดูได้ทั้งๆที่ง่วง) ก็มาหลับจนได้ 10 นาที ในกลางเรื่อง แต่ก็กลับมา น่าสนใจ ในตอนท้ายนะ
แต่ว่า ตัวละครในช่วงครึ่งหลัง ถูกสรุปแบบแปลกๆ ไม่ทราบว่า ต้องการให้ตลกร้ายหรือเปล่า ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ก็เป็นการจบได้สวยอยู่ ถึงจะแบบ ว่า "เพื่ออะไร??"
รวมถึงปมบางอย่างด้วย ที่ยังมีช่องโหว่ หลายอย่าง และทำให้ไม่เคลียร์ว่า ทำไมอันนี้ ต้องเป้นอย่างนั้น ดังนั้น ถึง จังหวะหนัง โทนหนัง จะทำได้น่าสนใจ มีคลาส แต่ก็ยังมีจุดแปลกๆ ที่สร้างความสงสัยอยู่ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าง่วงเปล่า แต่ผมพยายามคิดแล้ว มันก็ไม่คิดแตก ในจุดหักบางตอน
หนังได้อารมณ์หนังทริลเลอร์ยุคเก่าๆ แต่ดูร่วมสมัย เหมือนหนังทริลเลอร์มีคลาส จากยุค 60's 70's ที่เป็นเรื่องราวปัจจุบัน ร่วมสมัยมากขึ้น แต่ก็ยอมรับว่า สู้งานเก่าๆ ของป๋าโรมัน ยังไม่ได้ แต่ก็ยังมือไม่ตกกระป๋องเสียทีเดียว แต่งานเก่าๆเขาเจ๋งกว่าเยอะ เช่น ROSEMARY's BABY หนังทริลเลอร์นิ่งๆ เน้นการแสดงเหมือนกัน แต่ ว่า อันนั้น มันเอาคนดูอยู่จริงๆ มีพลังมาก ผมชอบมาก แต่ The Ghost Writer อันนี้ ยังมีจุดหลุดๆ เยอะอยู่ แต่ไม่เลวร้ายนะ แค่มันเหมือน มีช่วง หนังมีพลัง และหนังหมดพลัง และเด๊ยวก็มีพลังอีก อะไรแบบนี้
แต่ที่น่าสนใจของเรื่อง คือเรื่องประเด็นนักการเมือง ในเรื่องนี่หละครับ ทำออกมาได้น่าสนใจดี กับ คนที่ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร ทำให้สุดท้าย ก็จบลงด้วยความรุนแรง ที่สุมสร้างมาจากความแค้น ที่ตนเคยทำในอดีต แม้ว่า จะตายเป็นฮีโร่ก็ตาม แต่สุดท้าย ถ้าแก้ปัญหา ด้วยความรุนแรง จุดจบก็ต้องย่อมมีความรุนแรง ความเกลียดชัง ความแค้น (เหมือนที่ผู้ชุมนุมในหนัง) มีเช่นกัน.....แม้ว่า หนังอาจจะเกิดที่เมืองนอก ดูเป็นเรื่องราวไกลตัว จากชีวิตพวกเรา ดูแล้วไม่อิน แต่ผมกลับดูแล้วอินดีนะ เพราะจะว่าไป มันก็ไม่ไกลตัวเราเลย มันก็มีความคล้ายคลึงในบางแง่มุม กับเรื่องจริง ..... ดังนั้น หนังเรื่องนี้ ประเด็นการเมืองและความรุนแรงในหนัง ก็เอามาเปรียบเทียบกับเรื่องในบ้านเราได้อยู่เช่นกัน ว่าใครที่ถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร ย่อมอยู่ไม่สุขแน่นอน และอาจจะตายไม่รู้ตัวสักวัน ....ก็ต้องคอยดูกันไป อิอิ
ส่วนอาชีพพระเอก ในเรื่อง ผมว่าอาชีพนี้ ก็น่าเศร้านะครับ เขียนงาน แต่ไม่มีสิทธ์ได้ชื่อ ได้แค่ เรียงเรียง เขียนงาน ตามที่เจ้าของต้องการ แล้วตีพิมพ์ในนามของเจ้าของเอง ตัวเองไม่มีเครดิต...... ผมเห็นหนังสือคนดังในไทยเยอะแยะ ก็นิยมใช้ "Ghost Writer" กันเยอะเหมือนกัน น่าเศร้านะครับ
อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ โดยรวมก็ยังคงเป็นหนังที่ดี เพราะหนังมันดำเนินอยู่บนเกาะเล็กๆ เงียบๆ โล่งๆ มันเลย แบบ ค่อนข้างทึมๆ บางคนอาจจะว่าอึดอัดเงียบไป.... แต่มันคุมให้ชวนตามได้ หนังน่าสนใจ เพราะตัวละคร ที่ขับเรื่องให้เดินต่อไป ทำได้น่าสนใจ น่าติดตาม และต้องยอมรับ ว่า ตัวละคร เมีย ของเพรียซ บรอสแนน ในเรื่อง ดูเปนตัวละครที่มีเสน่ห์น่าค้นหามาก เพราะอะไรที่ดูลึกลับๆ ทำให้หนังดูน่าสนใจดี แต่ถึงยังไง ทุกคนเล่นดีหมด
มาตกม้าตาย ตรงช่วงกลางเรื่อง ที่พระเอก ขับรถ ออกนอกเกาะไปฝั่ง ซึ่งช่วงนี้ หนังจะเงียบๆ และกินเวลาอยู่ เลยหลับไป ตื่นมาอีกที พระเอก กำลังขึ้นเรือกลับเกาะแล้ว และยังมีเรื่อง ช่องโหว่ที่เคลียร์แบบไม่เข้าใจ (หรือเป็นพล็อตตลกร้าย?) ทำให้ ยังมีข้อด้อย
แต่หนังโดยรวมแล้ว เป้นหนัง ที่สวยงาม ดูดี และมีเสน่ห์ที่ลึกลับในตัวดีครับ (6/10)
THE GHOST WRITER....ยังไม่เคยดูจ้า เดี๋ยวต้องไปหามาดูซะเเย้วววว อิอิ ^ 0 ^
ปล. ถามนิดนึงนะคุณ alwa_ritsila ทำไมหนังเรื่อง "เเม่มด" ฉากสุดท้ายต้องถอดโกงเกงลิงด้วยจ๊ะ......ตกใจโหมะเยยยยย ^ 0 ^
ปล. ถามนิดนึงนะคุณ alwa_ritsila ทำไมหนังเรื่อง "เเม่มด" ฉากสุดท้ายต้องถอดโกงเกงลิงด้วยจ๊ะ......ตกใจโหมะเยยยยย ^ 0 ^

ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน 55
5555 ติสท์ไง ขอถอดนิดนึง อิอิ
อยากดูโกสต์ ไรท์เตอร์ ว่าจะหาเวลาว่างไปดู ไม่เข้าพระราม 2 อีกแหงมม ต้องพายเรือเข้าเมืองอีกแย้วว T__T
เด่ว จะลองหามาดูมั่ง ขอบคุณคร๊าบบ
Function Used time : 0:00:00:00.016