เรื่อง Guinea Pig มี 8 ภาค ใช่ไหมครับ
by witchapon • วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 23:06
ถ้ามีภาคที่ 8 ผมขอดูภาพหน่อยก๊าบบ บ
ที่ผมกำลังโหลดอยู่นั้นมี 8 ภาค อ่ะ
ปล.ถ้ามีให้ดูครบทุกภาพก้อจะดีนะครับ ไว้โหลดเสร็จจะมาลงให้
ที่ผมกำลังโหลดอยู่นั้นมี 8 ภาค อ่ะ
ปล.ถ้ามีให้ดูครบทุกภาพก้อจะดีนะครับ ไว้โหลดเสร็จจะมาลงให้
Replies (7)
Guinea Pig มีทั้งหมด 7 ภาคไม่ใช่เหรอท่าน หนังเรื่องนี้ได้เป็นแรงจูงใจให้ฆาตกรต่อเนื่องสุโตมุ มิยาซากิ กระทำการฆาตรกรรมเหยื่อไปหลายราย ในญี่ปุ่นจึงจัดหนังเรื่องนี้เป็นหนังอันตราย และทางรัฐบาลได้มีคำสั่งให้งดสร้างภาคต่อหนังเรื่องนี้โดยเด็ดขาด
ปล. หรือมีคนเเอบสร้างภาค 8.....?
ปล. หรือมีคนเเอบสร้างภาค 8.....?
โอ้.....รู้เเล้วครับ Guinea Pig มีทั้งหมด 7 ภาค เเต่มีตอนย่อยรวมด้วย 1 ตอน(เลยเข้าใจกันว่ามี 8 ภาค อิอิ)
หนังชุด The Guinea Pig มีด้วยกัน 7 ภาค คือ
1. The Devil's Experiment
"Za ginipiggu: Akuma no jikken" (1985)
ภาคแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ทำการลักพาตัวผู้หญิงไปทำการทรมานต่างๆ นานา เพื่อจะทดสอบดูว่าคนเราสามารถทนความทรมานได้ถึงระดับไหน การทรมานมีตั้งแต่ถูกซ้อม รุมโทรม ไปจนถึงฉากเข็มแทงลูกกระตาและการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่วิปริตมากมาย
2. Flower of Flesh and Blood
"Za ginipiggu 2: Chiniku no hana" (1985)
หนังเริ่มจากสนัฟฟ์ฟิล์ม (Snuff Film) เรื่องหนึ่งถูกส่งไปให้ผู้กำกับ ฮิเดชิ ฮิโน (Hideshi Hino) ...ซึ่งสนัฟฟ์ฟิล์มเรื่องนั้นเป็นเรื่องของฆาตกรฆ่าหั่นศพที่แต่งชุดซามูไร ฆาตกรเริ่มจากฉีดยาบางอย่างใส่ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อ จากนั้นก็เริ่มชำแหละผู้หญิงคนดังกล่าวและนำเอาชิ้นส่วนไปเก็บไว้เป็นของสะสม ...หนังภาคนี้มีที่มาจากการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ซึ่งคนที่แสดงเป็นฆาตกรในเรื่อง ก็คือคนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้ในช่วงทศวรรษที่ 1970 นั่นเอง
นอกจากนี้เมื่อ ชาลี ชีน (Charlie Sheen) ได้ดูหนังเรื่องนี้ เขาก็เข้าใจว่าเป็นสนัฟฟ์ฟิล์มของจริง เลยติดต่อไปที่ MPAA (Motion Picture Association of America) ซึ่งได้ติดต่อไปยัง FBI อีกที ให้สืบสวนเรื่องนี้ ก็ปรากฏว่าได้กำลังมีการสอบสวนพอดี โดยทางเจ้าหน้าที่บังคับให้ทางผู้ทำหนังพิสูจน์ให้ได้ว่า ฉากต่างๆ ที่เห็นในหนัง เป็นการจัดทำขึ้น ...โชคยังดีที่ทางผู้กำกับได้เก็บเบื้องหลังการถ่ายทำไว้ ทำให้มีหลักฐานว่าหนังเรื่องนี้เป็นการจัดฉากสร้างขึ้น ...เลยรอดตัวกันไป
3. He Never Dies
"Za ginipiggu 3: Senritsu! Shinanai otoko" (1986)
ภาค 3 เป็นเรื่องเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่นั่งตัดส่วนต่างๆ ของตัวเองออก แล้วก็เล่นกับชิ้นส่วนต่างๆ ที่เขาตัดออกมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง จนกระทั่งเพื่อนของเขามาหา ผลสุดท้ายเขาก็เหลือแต่หัว (รู้สึกตอนจบจะไม่ตายนะ)
4. Mermaid in a Manhole
"Za ginipiggu 4: Manhoru no naka no ningyo" (1988)
ภาคที่ 4 มีที่มาจากการ์ตูนของ ฮิเดชิ ฮิโน และกำกับด้วยตัวเขาเอง ...หนังในภาคนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตกรคนหนึ่งที่ได้พบกับนางเงือกโดยบังเอิญ และเขาได้ลงมือวาดภาพนางเงือก แต่ทันใดนั้นเอง ...นางเงือกก็เริ่มร้องไห้เพราะความเจ็บปวด เขาจึงสังเกตเห็นว่ามีแผลอยู่บนตัวนางเงือก นางเงือกที่ต้องติดอยู่ในท่อน้ำทิ้ง (Sewer) เป็นเวลานานจะต้องติดโรคจากสภาพแวดล้อมข้างล่างนั่นแน่ๆ เขาจึงพานางเงือกกลับมาที่บ้านจากนั้นไม่นานร่างกายของนางเงือกก็เริ่มเป็นแผลและมีเลือดออก จิตกรจึงใช้เลือดและน้ำหนองจากแผลมาวาดภาพเหมือน (Portrait) ของนางเงือก แต่ขณะที่กำลังวาดอยู่นั้น อาการของนางเงือกก็ยิ่งแย่ลงและตายในที่สุด (ทั้งเลือด ทั้งน้ำหนอง มีหนอนไต่ยั้วเยี้ยอีก ... แหวะสุดๆ)
5. Android of Notre Dame
"Za ginipiggu 5: Notorudamu no andoroido" (1988)
เป็นเรื่องของนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามจะหาวิธีรักษาอาการป่วยของน้องสาวของเขา นักวิทยาศาสตร์ต้องการ หนูทดลอง (Guinea Pig) ซึ่งก็มีชายลึกลับคนหนึ่งมาหานักวิทยาศาสตร์และได้เสนอขายศพให้แก่เขา เมื่อได้ศพมา นักวิทยาศาสตร์ก็ดำเนินการทดลอง แต่การทดลองดำเนินไปได้ไม่ดีนัก นักวิทยาศาสตร์โกรธและตัดศพออกเป็นชิ้นๆ ชายลึกลับมาหานักวิทยาศาสตร์อีกครั้งและได้เสนอขายศพอื่นให้อีก การทดลองจึงได้ดำเนินต่อไป
6. Devil Woman Doctor
"Za ginipiggu 6: Peter no akuma no joi-san" (1990)
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหมอสาวคนหนึ่งที่มีอาการทรานเวสไทท์ (Transvestite) รูปแบบของหนังในภาคนี้จะเป็นบทละครสั้นๆ หลายตอนที่เกี่ยวข้องกับวิธีการรักษาคนป่วยของหมอสาวคนนี้ และก็เลือดสาดอีกตามเคย ...หนังในภาคนี้เปลี่ยนจากแนวกราฟฟิกสยองขวัญมาเป็นแนวแลพสติก คอมมิดี้ (Slapstick Comedy)
7. Slaughter Special
"Za ginipiggu 7: Zansatsu supeshyaru" (1991)
เป็นหนังภาคที่ 7 และเป็นภาคสุดท้ายของหนังชุดนี้ เป็นภาคที่รวมเอาจุดเด่นของแต่ละภาคก่อนหน้าเข้าไว้ด้วยกัน
หนังชุด The Guinea Pig มีด้วยกัน 7 ภาค คือ
1. The Devil's Experiment
"Za ginipiggu: Akuma no jikken" (1985)
ภาคแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ทำการลักพาตัวผู้หญิงไปทำการทรมานต่างๆ นานา เพื่อจะทดสอบดูว่าคนเราสามารถทนความทรมานได้ถึงระดับไหน การทรมานมีตั้งแต่ถูกซ้อม รุมโทรม ไปจนถึงฉากเข็มแทงลูกกระตาและการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่วิปริตมากมาย
2. Flower of Flesh and Blood
"Za ginipiggu 2: Chiniku no hana" (1985)
หนังเริ่มจากสนัฟฟ์ฟิล์ม (Snuff Film) เรื่องหนึ่งถูกส่งไปให้ผู้กำกับ ฮิเดชิ ฮิโน (Hideshi Hino) ...ซึ่งสนัฟฟ์ฟิล์มเรื่องนั้นเป็นเรื่องของฆาตกรฆ่าหั่นศพที่แต่งชุดซามูไร ฆาตกรเริ่มจากฉีดยาบางอย่างใส่ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อ จากนั้นก็เริ่มชำแหละผู้หญิงคนดังกล่าวและนำเอาชิ้นส่วนไปเก็บไว้เป็นของสะสม ...หนังภาคนี้มีที่มาจากการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ซึ่งคนที่แสดงเป็นฆาตกรในเรื่อง ก็คือคนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้ในช่วงทศวรรษที่ 1970 นั่นเอง
นอกจากนี้เมื่อ ชาลี ชีน (Charlie Sheen) ได้ดูหนังเรื่องนี้ เขาก็เข้าใจว่าเป็นสนัฟฟ์ฟิล์มของจริง เลยติดต่อไปที่ MPAA (Motion Picture Association of America) ซึ่งได้ติดต่อไปยัง FBI อีกที ให้สืบสวนเรื่องนี้ ก็ปรากฏว่าได้กำลังมีการสอบสวนพอดี โดยทางเจ้าหน้าที่บังคับให้ทางผู้ทำหนังพิสูจน์ให้ได้ว่า ฉากต่างๆ ที่เห็นในหนัง เป็นการจัดทำขึ้น ...โชคยังดีที่ทางผู้กำกับได้เก็บเบื้องหลังการถ่ายทำไว้ ทำให้มีหลักฐานว่าหนังเรื่องนี้เป็นการจัดฉากสร้างขึ้น ...เลยรอดตัวกันไป
3. He Never Dies
"Za ginipiggu 3: Senritsu! Shinanai otoko" (1986)
ภาค 3 เป็นเรื่องเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่นั่งตัดส่วนต่างๆ ของตัวเองออก แล้วก็เล่นกับชิ้นส่วนต่างๆ ที่เขาตัดออกมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง จนกระทั่งเพื่อนของเขามาหา ผลสุดท้ายเขาก็เหลือแต่หัว (รู้สึกตอนจบจะไม่ตายนะ)
4. Mermaid in a Manhole
"Za ginipiggu 4: Manhoru no naka no ningyo" (1988)
ภาคที่ 4 มีที่มาจากการ์ตูนของ ฮิเดชิ ฮิโน และกำกับด้วยตัวเขาเอง ...หนังในภาคนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตกรคนหนึ่งที่ได้พบกับนางเงือกโดยบังเอิญ และเขาได้ลงมือวาดภาพนางเงือก แต่ทันใดนั้นเอง ...นางเงือกก็เริ่มร้องไห้เพราะความเจ็บปวด เขาจึงสังเกตเห็นว่ามีแผลอยู่บนตัวนางเงือก นางเงือกที่ต้องติดอยู่ในท่อน้ำทิ้ง (Sewer) เป็นเวลานานจะต้องติดโรคจากสภาพแวดล้อมข้างล่างนั่นแน่ๆ เขาจึงพานางเงือกกลับมาที่บ้านจากนั้นไม่นานร่างกายของนางเงือกก็เริ่มเป็นแผลและมีเลือดออก จิตกรจึงใช้เลือดและน้ำหนองจากแผลมาวาดภาพเหมือน (Portrait) ของนางเงือก แต่ขณะที่กำลังวาดอยู่นั้น อาการของนางเงือกก็ยิ่งแย่ลงและตายในที่สุด (ทั้งเลือด ทั้งน้ำหนอง มีหนอนไต่ยั้วเยี้ยอีก ... แหวะสุดๆ)
5. Android of Notre Dame
"Za ginipiggu 5: Notorudamu no andoroido" (1988)
เป็นเรื่องของนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามจะหาวิธีรักษาอาการป่วยของน้องสาวของเขา นักวิทยาศาสตร์ต้องการ หนูทดลอง (Guinea Pig) ซึ่งก็มีชายลึกลับคนหนึ่งมาหานักวิทยาศาสตร์และได้เสนอขายศพให้แก่เขา เมื่อได้ศพมา นักวิทยาศาสตร์ก็ดำเนินการทดลอง แต่การทดลองดำเนินไปได้ไม่ดีนัก นักวิทยาศาสตร์โกรธและตัดศพออกเป็นชิ้นๆ ชายลึกลับมาหานักวิทยาศาสตร์อีกครั้งและได้เสนอขายศพอื่นให้อีก การทดลองจึงได้ดำเนินต่อไป
6. Devil Woman Doctor
"Za ginipiggu 6: Peter no akuma no joi-san" (1990)
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหมอสาวคนหนึ่งที่มีอาการทรานเวสไทท์ (Transvestite) รูปแบบของหนังในภาคนี้จะเป็นบทละครสั้นๆ หลายตอนที่เกี่ยวข้องกับวิธีการรักษาคนป่วยของหมอสาวคนนี้ และก็เลือดสาดอีกตามเคย ...หนังในภาคนี้เปลี่ยนจากแนวกราฟฟิกสยองขวัญมาเป็นแนวแลพสติก คอมมิดี้ (Slapstick Comedy)
7. Slaughter Special
"Za ginipiggu 7: Zansatsu supeshyaru" (1991)
เป็นหนังภาคที่ 7 และเป็นภาคสุดท้ายของหนังชุดนี้ เป็นภาคที่รวมเอาจุดเด่นของแต่ละภาคก่อนหน้าเข้าไว้ด้วยกัน
เพิ่มเติมจากข้างบนนะครับ
- Transvestile แปลง่ายๆ ก็ "สาวดุ้น" นั่นแหละครับ
- Slapstick Comedy คือ "ตลกเงียบ แต่รุนแรง" นึกถึงชาร์ลีแชปปลิน กับพวกลูนนี่ตูนส์เอาไว้เลยครับ
.
.
.
เข้าเรื่อง...
จริงๆ ผมว่าจะนับ Slaughter Special เป็น Part ของซีรีส์หนูตะเภาก็ไม่เหมาะนักนะครับ
ผมว่ามันเหมาะจะเป็น Special Feature มากกว่า
เพราะมันเป็นการเอาซีนของแต่ละ Part มายำๆ รวมๆ กันแค่นั้นเอง
ส่วน Part ที่คนส่วนมากจะเข้าใจว่าเป็นของหนูตะเภาน่าจะเป็น
"Lucky Sky Diamond" ครับ ส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็น Part ที่ 7 ของซีรี่ส์นี้
แต่ว่ายังไม่มีการยืนยันจากสตูดิโอว่าใช่รึเปล่า เพราะฉะนั้น Part นี้จึงยังเป็น Unofficial อยู่ครับ

...
- Transvestile แปลง่ายๆ ก็ "สาวดุ้น" นั่นแหละครับ
- Slapstick Comedy คือ "ตลกเงียบ แต่รุนแรง" นึกถึงชาร์ลีแชปปลิน กับพวกลูนนี่ตูนส์เอาไว้เลยครับ
.
.
.
เข้าเรื่อง...
จริงๆ ผมว่าจะนับ Slaughter Special เป็น Part ของซีรีส์หนูตะเภาก็ไม่เหมาะนักนะครับ
ผมว่ามันเหมาะจะเป็น Special Feature มากกว่า
เพราะมันเป็นการเอาซีนของแต่ละ Part มายำๆ รวมๆ กันแค่นั้นเอง
ส่วน Part ที่คนส่วนมากจะเข้าใจว่าเป็นของหนูตะเภาน่าจะเป็น
"Lucky Sky Diamond" ครับ ส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็น Part ที่ 7 ของซีรี่ส์นี้
แต่ว่ายังไม่มีการยืนยันจากสตูดิโอว่าใช่รึเปล่า เพราะฉะนั้น Part นี้จึงยังเป็น Unofficial อยู่ครับ

...
แก้ไขล่าสุด: 11/2/2553 03:07 โดย ~cenobite+
สุดยอดได้ความรู้อีกแว้ว ขอบคุณครับ
สุดยอดทู้นี้ ชอบๆ
ขอบคุณทุกคห.ค่ะ
ขอบคุณทุกคห.ค่ะ
ขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมนะครับ แต่ไม่ใช่เรื่องหนัง
slapstick จริงๆมันหมายถึง "ตลกเจ็บตัว" ครับ
ตลกแบบที่พวกหนังฝรั่ง การ์ตูนฝรั่ง มันชอบเล่นกัน
คลาสสิคเลยก็ ไอ้มุกที่ วัตถุทรงคล้ายๆเตารีดตกใส่หัวอ่ะครับ (นึกออกไหม) ในการ์ตูนลูนี่ ทูนส์ อ่ะครับ
หรือพวกมุกแบบถูกอัดติดกำแพง ตกตึก ไฟไหม้ตัวเอง ไฟช๊อต ในทอม แอนเจอรี่ / โรด รันเนอร์
แบบนี้ก็คือ slapstick ครับ
slapstick จะเป็นมุกตลกเจ็บตัว แต่ไม่โหดอำมหิตนะครับ เพราะจะออกมาในเชิงไร้เหตุผล โอเวอร์มากกว่า
(เช่นโดนหินตกใส่หัว แต่ก็ไม่ตาย / หรือป๊อบอายชกตัวร้ายทะลุกระจกร้าน)...
จริงๆมันก็มีมาตั้งนานมากๆแล้ว แต่มาบูมสุดๆจนกลายเป็น genreย่อยๆของ comedy ก็ยุคหนังเงียบ อาจเพราะการที่หนังไร้เสียง ทำให้การแสดงของตัวละครจำเป็นต้องสื่อท่าทางให้เวอร์กว่าความเป็นจริง จนกลายเป็นเรื่องน่าขบขันไป เช่นเวลาตัวละครเจ็บปวด โชคร้าย อะไรเช่นนี้
ก็น่าคิดนะว่า slapstick อันเป็นสิ่งที่คนฝรั่งนิยมมันพัฒนามาเป็นวัฒนธรรมการชมชอบดูโฮม วิดีโอ ชาวบ้านรึเปล่า พวกแบบลื่น หกล้ม หัวคะมำ หรือการชมมวยปล้ำที่ต่อสู้กันดุเดือด แต่ก็ชวนขำบันเทิงเสียมากกว่า
ในทางภาพยนตร์
slapstick จริงๆมันหมายถึง "ตลกเจ็บตัว" ครับ
ตลกแบบที่พวกหนังฝรั่ง การ์ตูนฝรั่ง มันชอบเล่นกัน
คลาสสิคเลยก็ ไอ้มุกที่ วัตถุทรงคล้ายๆเตารีดตกใส่หัวอ่ะครับ (นึกออกไหม) ในการ์ตูนลูนี่ ทูนส์ อ่ะครับ
หรือพวกมุกแบบถูกอัดติดกำแพง ตกตึก ไฟไหม้ตัวเอง ไฟช๊อต ในทอม แอนเจอรี่ / โรด รันเนอร์
แบบนี้ก็คือ slapstick ครับ
slapstick จะเป็นมุกตลกเจ็บตัว แต่ไม่โหดอำมหิตนะครับ เพราะจะออกมาในเชิงไร้เหตุผล โอเวอร์มากกว่า
(เช่นโดนหินตกใส่หัว แต่ก็ไม่ตาย / หรือป๊อบอายชกตัวร้ายทะลุกระจกร้าน)...
จริงๆมันก็มีมาตั้งนานมากๆแล้ว แต่มาบูมสุดๆจนกลายเป็น genreย่อยๆของ comedy ก็ยุคหนังเงียบ อาจเพราะการที่หนังไร้เสียง ทำให้การแสดงของตัวละครจำเป็นต้องสื่อท่าทางให้เวอร์กว่าความเป็นจริง จนกลายเป็นเรื่องน่าขบขันไป เช่นเวลาตัวละครเจ็บปวด โชคร้าย อะไรเช่นนี้
ก็น่าคิดนะว่า slapstick อันเป็นสิ่งที่คนฝรั่งนิยมมันพัฒนามาเป็นวัฒนธรรมการชมชอบดูโฮม วิดีโอ ชาวบ้านรึเปล่า พวกแบบลื่น หกล้ม หัวคะมำ หรือการชมมวยปล้ำที่ต่อสู้กันดุเดือด แต่ก็ชวนขำบันเทิงเสียมากกว่า
ในทางภาพยนตร์
หนังชุด The Guinea Pig นี้นอกจากตอน The Devil's Experiment เเละFlower of Flesh and Blood เเล้วนี่ผมขอเเนะนำอีกตอนหนึ่ง เป็นตอนที่ผมชอบมากๆเลย.........?
ตอนนั้นคือ......He Never Dies เสียวดี ตอนเฉพาะที่พี่เเกเอาของมีคมมาตัด เฉือนตัวเองจนพรุน อ๊ากกกกกก เเต่....ก็ตลกนะเออ ผมดูไปทั้งเสียว ทั้งตลก อิอิ ^ _ ^
ตอนนั้นคือ......He Never Dies เสียวดี ตอนเฉพาะที่พี่เเกเอาของมีคมมาตัด เฉือนตัวเองจนพรุน อ๊ากกกกกก เเต่....ก็ตลกนะเออ ผมดูไปทั้งเสียว ทั้งตลก อิอิ ^ _ ^
Function Used time : 0:00:00:00.027