ภาวะจิตที่เจ็บป่วยในหนังสยองขวัยเรื่อง Shawsham : cure : suicide : noriko
by samara17520 • วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553 16:24
ภาวะจิตที่เจ็บป่วยในหนังสยองขวัยเรื่อง Shawsham : cure : suicide : noriko
สถานการณ์ต่างๆในยุคปัจจุบันล้วนเป็นปัจจัยหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดภาวะตึงเครียดของคนในสังคมได้อย่างไม่ยาก ตกงาน ไม่มีเงินใช้ ผิดหวังในความรัก ได้สิ่งที่มุ่งหวังไม่ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนพร้อมแปรเปลี่ยนภาวะจิตอันปกติให้กลายกลับเป็น ?จิตที่เจ็บป่วย? ได้ในบันดล เมื่อจิตเจ็บป่วยแล้วไม่ได้รับการบำบัดอย่างถูกวิธีจึงอาจเกิดความคิดชั่ววูบแล่นเข้ามาในหัวสมองอันเปราะบางได้ง่าย อาทิ ความคิดอยากฆ่าตัวตาย!!! วันก่อนผู้เขียนเห็นข่าวในทีวีรายงานจากประเทศเคนยาว่า ชายวัยกลางคนชาวเคนยาท่านหนึ่งได้ฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอตนเองไว้กับเพดานบ้าน หรือเพดานชานอะไรทำนองนี้ มูลเหตุสุดสลดสืบเนื่องมาจากทีมฟุตบอลสุดรักในประเทศอังกฤษพ่ายแพ้ตกรอบรองชนะเลิศฟุตบอลชายรายการยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกซ์ คาดเดาว่าผู้ตายคงจะเป็นแฟนบอลแบบเข้ากระดูกดำ(แฟนพันธุ์แท้)ของทีมดังจากย่านลอนดอนเหนือ ภาวะผิดหวัง และซึมเศร้ามักมีได้ในแฟนบอลประเภทนี้อย่างปกติวิถี แต่เกินเลยถึงขนาดฆ่าตัวตายนี่ดูจะหนักไปเสียหน่อย บ้างก็ว่าพวกที่มีความผิดหวังอย่างรุนแรง(โดยที่ก่อนหน้านี้ได้ตั้งความคาดหวัง หรือเป้าประสงค์เอาไว้สูง)มักมีอาการเป็นประเภท ?จิตซึมเศร้า? (unipolar depression)ขาดพลังงาน และปัจจัยทางบวกเพื่อการดำรงชีวิต รู้สึกมีความภูมิใจในตนเองน้อยลง หรือต่ำลง ซึมเศร้ากับเหตุที่ผ่านมาอย่างสิ้นหวัง แถมในบางรายมีความคิดฆ่าตัวตายตามมาในภายหลัง(ดังที่เกิดกับชายชาวเคนยาคนดังกล่าว?) ต้องยอมรับอยู่ข้อหนึ่งว่าภาวะผิดหวังอย่างรุนแรงมักนำมาซึ่งความอ่อนแอ ในบางรายอาจมีอาการเจ็บป่วยทางจิตแทรกด้วยหากเป็นในระดับมากๆ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรายและกรณีไป เหตุการณ์ดังกล่าวมาข้างต้นนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนรวมทั้งคนใกล้ตัวในครอบครัวเราได้ จากรายงานภาวะจิตที่เจ็บป่วยในเอเชีย : กรณีการฆ่าตัวตายในเอเชีย สรุปว่า ประเทศศรีลังกา มีปริมาณคนฆ่าตัวตายมากที่สุดในโลก อัตราเฉลี่ย 55 ต่อ 100000 คน ส่วนในประเทศไทยอยู่ที่เฉลี่ย 7.7 ต่อ 100000 คน (ที่มาของข้อมูล : ฮันนาห์ บีช นิตยสารไทร์ 10 พฤศจิกายน 2546)ภาวะการฆ่าตัวตายในประเทศไทยถึงแม้จะดูว่าน้อยกว่าประเทศศรีลังกา แต่หากมองดูแนวโน้มในภาวะการณ์ปัจจุบันแล้วดูน่าเป็นห่วงยิ่ง แนวโน้มคนตกงานดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ค่าครองชีพสูง ค่าแรงคงเดิม(หรือปรับลด)สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยเชิงลบอันส่งผลให้คนไทยมีความตึงเครียดสูงขึ้น รวมทั้งมีภาวะจิตเจ็บป่วยเพิ่มมากขึ้นได้ในภายภาคหน้า ซึ่งอาจรวมถึงการฆ่าตัวตายตามมาได้ ครั้งหนึ่งผู้เขียนเคยดูหนังฝรั่งเรื่องหนึ่ง(เมื่อนานมาแล้ว)เรื่อง ?มิตรภาพ ความหวัง ความรุนเเรง? (The Shawshamk redemption) มีอยู่ฉากหนึ่งที่ผู้อาวุโส(ในเรือนจำ Shawshamk)ได้รับการปล่อยตัวออกมาเนื่องด้วยหมดวาระโทษแล้ว การออกมาสู่โลกกว้างแห่งเสรี การดำรงชีพในภาวะสังคมปัจจุบัน(ที่มิใช่ในเรือนจำ Shawshamk)ทำให้ท่านผู้อาวุโสท่านดังกล่าวได้รับการปฏิบัติที่ดูว่าต้อยต่ำกว่าผู้อื่น อาจจะเป็นในเชิงดูถูกดูแคลนด้วยสายตา จนนำมาสู่เหตุสลดในช่วงกลางเรื่องกลายๆ ชายชราผู้อาวุโสได้รับการยอมรับในเรือนจำที่เขาเรียกมันอย่าภาคภูมิว่า ?สถาบัน? แต่ในสังคมคนปกติ..........ไม่เป็นเฉกเช่นนั้น ท่านผู้คอตายกับไม้คานบ้านพัก พร้อมคำให้หวนระลึกคิดว่า ?สถานที่บางสถานที่ บางคนพยายามเพื่อให้หลีกลี้หนีมันออกมา แต่บางคนพยายามเพื่อให้ได้เข้าไปอยู่? เรื่องที่เล่ามาข้างต้นนี้จึงอาจกล่าวได้ว่าภาวะตึงเครียด เดียวดาย และจิตเจ็บป่วยมักเกิดขึ้นกับใครก็ได้ หากไม่รีบบำบัดเสียแต่เนิ่นๆอาจนำพาไปสู่ภาวะการณ์ที่เศร้าสลด สูญเสียตามมาได้ในไม่ช้า พูดถึงเรื่องอาการจิตเจ็บป่วย-อันนำมาซึ่งการฆ่าตัวตาย(หรืออาจจะคิด) จึงขอหยิบยกประเด็นที่ได้รับ ได้ชมมาจากหนังแผ่น(DVD)เรื่องหนึ่งเมื่อสอง-สามวันก่อนให้ได้หวนระลึกเอาไว้ ณ ห้วงนี้ เคยชมกับบ้างรึเปล่าครับหนังสยองขวัญเรื่อง cure ว่าด้วยเรื่องการฆ่าตัวตายในแบบแปลกๆ คือการสะกดจิตให้มีการฆ่าคนในครอบครัว หรือใครก็แล้วแต่ที่เราอยากให้ฆ่า การสะกดจิตในเรื่อง cure นี้เน้นใช้แสงไฟแช็คช่วยในการ ?สะกดจิต? (hypnosis)เพื่อให้เหยื่อเข้าสู่ภวังค์แห่ง ?ภาวะกึ่งสำนึก? (trance)ทีละน้อยๆ ตัวหนังมีมูลเหตุจูงใจแบบแปลกๆ บางฉากดูว่าเหมือนจบ แต่ก็ดูว่าไม่จบ พอดูหนังเรื่อง cure จบพานให้นึกถึงการสะกดจิตในประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อน ที่คนร้ายใช้เทคนิคบางประการสะกดจิตพนักงานร้านขายทอง(ร้านหนึ่ง)จนอยู่หมัด เสร็จสรรพเลยหยิบฉวยทองเส้นส่งให้คนร้ายเสียกำหนึ่งเป็นที่ฮือฮาเป็นข่าวใหญ่โตตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่หลายวัน คนร้ายจะใช้กลวิธีในการสะกดจิตเฉกเช่นในหนังเรื่อง cure รึเปล่า?(ยังเป็นปริศนาอยู่) พูดถึงเรื่องการสะกดจิตแล้วนี่ผู้เขียนนึกถึงเรื่องๆหนึ่งขึ้นมาได้ คือ ?การสวดภาณยักษ์? ท่านผู้อ่านพอจะรู้จักกันบ้างรึเปล่าครับการสวดภาณยักษ์ เชื่อกันครับว่าการสวดภาณยักษ์นี่มีมาแต่สมัยอยุธยาแล้ว(แต่ที่มีหลักฐานชัดเจนว่าเริ่มในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2394-2411) โดยมากมักประกอบพิธีกรรมในช่วงต้นๆปีใหม่ไทย อาจจะก่อนหรือหลังวันสงกรานต์ก็ได้ คนไทยโดยมากล้วนเชื่อกันว่าการสวดภาณยักษ์นี้จะช่วยขับไล่สิ่งอัปมงคลต่างๆ ผี ปีศาจ ของร้าย สิ่งชั่วออกไปจากร่างนั้นๆ(ร่างที่เข้าร่วมพิธี) แต่ในทางจิตวิทยากลับเชื่อกันว่าการสวดภาณยักษ์ เป็นหนึ่งในกระบวนการ ?สะกดจิตหมู่? (mass hypnosis) การใช้รูปแบบความ ?ขลัง ศักดิ์สิทธิ์? ของพิธีกรรม รวมทั้งพลังคลื่นเสียงแอมปริไฟร์หลายสิบวัตต์เข้ากระแทก เร้าอารมณ์ผู้เข้าร่วมในพิธีล้วนมีส่วน-ผลทำให้ผู้ที่มีจิตอ่อน(หรือผู้ที่มีความเชื่ออย่างแรงกล้า)เกิดภาวะที่เรียกกันว่า ?ทรานซ์? (ภาวะกึ่งสำนึก) สะลึมสะลือ ซึมเสร้า ร้องไห้หวีดร้อง บ้างก็เอะอะโวยวาย การสวดภาณยักษ์ในบางสำนักยังนิยมให้ผู้เข้าร่วมพิธีพูดหรือท่องคำบางคำ เช่นคำว่า นะนะนะนะนะนะนะนะ.........โดยมีจังหวะขึ้น-ลง ช้า-เร็ว ตามแต่เจ้าพิธีกำหนดมา ประกอบกับเสียงดนตรีหนัก-เบาไม่คงที่ ความขลัง(ที่เชื่อว่า) ภาวะจิตของผู้เข้าร่วมพิธีจึงอาจอ่อนแอลง เข้าสู่ภวังค์แห่งการโดนสะกดได้ง่าย(โดยมากในไทยนิยมสะกดแบบพ่อ-ลูก : แม่-ลูก) ร่ายรำ ท่าบางท่าโดยไม่รู้ตัวประหนึ่งเจ้าลง..........บ้างก็ว่าเป็นเจ้าเข้า-เจ้าลง บ้างก็ว่าเป็นความทุกข์ใจอันเอ่อล้นออกมา..........คุณเชื่ออะไร? พูดเรื่องการสะกดจิตมาพอควร คราวนี้จึงขอนำท่านผู้อ่านกลับมายังหนัง(ภาพยนตร์)อีกเรื่องหนึ่ง(ที่ดูน่าสนใจ) เป็นเรื่องเกี่ยวกับแนวจิตๆอีกเหมือนกัน สโลแกนของเรื่องนี้มีอยู่ว่า ?ฆ่าตัวตายอย่างเริงร่า?.........เคยเห็นกันมาบ้างรึเปล่าครับ? ในหนังแผ่นเรื่อง suicide circle (ญี่ปุ่น) มีอยู่หลายฉากในหนังเรื่องนี้ที่นำเสนอการฆ่าตัวตายอย่างเริงร่า แต่คงเป็นฉากแรกที่ยังคงตรึงตาตรึงใจของคนดู กับภาพที่เด็กนักเรียนสาว ม.ปลายราว 28 นาง ยืนจับมือกันเป็นแถวยาวสุดลูกหูลูกตาของชานชาลาสถานีรถไฟแห่งหนึ่ง พร้อมกับเหวี่ยงมือไปข้างหน้า 1-2-1-2-3 จวบจนรถไฟวิ่งเข้ามาใกล้เทียบชานชาลา พวกเธอทั้ง 28 นางจึงกระโดดลงไปให้รถไฟทับตายหมดทั้ง 28 นาง!!! เป็นการฆ่าตัวตายท่ามกลางผู้คน(ที่ได้เห็น)หมู่มากอย่างสยดสยอง แต่พวกเธอทั้ง 28 นางกลับมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส สนุกกับสิ่งที่ได้ประสบ ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? อาจ........อาจเป็นได้หรือเปล่าว่าคุณเธอทั้ง 28 นาง(สาว)อาจจะเกิดอาการ ?ทรอมา? (trauma) บาดแผลทางกาย หรือทางใจ ซึ่งกล่าวถึงการบุบสลาย เสียหายของกายร่างอย่างรุนแรง ช็อคหมดสติเพราะโดนเรื่องบางเรื่องเขย่าจนขวัญกระเจิดกระเจิง มีอาการวิตกกังวลมากกว่าคนปกติ ประกอบกับการสูญเสีย หรือพ่ายแพ้ อันนำมาสู่การควบคุมร่างกายไม่ได้ สภาวะจิตไม่คงที่ ซึมเศร้า ท้ายสุด(อาจ)ถูกใครบางคน หรือบางกลุ่มกระทำการสะกดจิตหมู่(mass hypnosis)..........มีโอกาสเป็นไปได้รึเปล่า? สุดท้าย..........หนังที่ดูเหมือนเป็นภาคต่อของ suicide circle อย่าง noriko dinner table (เห็นเพื่อนผู้เขียนบอกว่าคนไทยเรียกเรื่องนี้ว่า........สายสะดือของมิทสุโกะ)โครงเรื่องหลักของหนังกล่าวอ้างถึงเด็กสาวในสังคมชนบทคนหนึ่งที่ชื่อ ?โนริโกะ? ผู้ต้องการก้าวหน้า-ก้าวห่างความเป็น ?โนริโกะ? ไปสู่ ?มิสมิทสุโกะ? ผู้กล้าหาญเด็ดเดี่ยว กับการหนีออกจากบ้านมุ่งสู่รั้วเมืองหลวง(โตเกียว)กับการดั้นด้นค้นหาหญิงนิรนามผู้ใช้นามแฝงว่า ?สถานีอูเอโนะ 54? และอาชีพใหม่ที่ก่อกำเนิดเกิดขึ้นมาอย่างน่าขนหัวลุกในสังคมบริโภคนิยมยุคใหม่ในเกาะญี่ปุ่น..........?อาชีพครอบครัวเสมือน? (ครอบครัวเสมือน คือ การที่เราเป็นคนกำหนดให้คนที่เราไม่รู้จักมาเล่นบทคนในครอบครัวของเรา โดยมีการศึกษาถึงบทอย่างถ่องแท้ : คิดราคาเป็นรายชั่วโมงตามแต่บทจะยากหรือง่าย)อาชีพที่มีการเล่นกันในหนังเรื่อง noriko dinner table นี้เอง แฝงถึงความน่ากลัว มืดบอดของการโหยหาในสิ่งที่ตนขาดหายไปอย่างร้ายกาจในยุควัตถุนิยมครองเมือง อนึ่ง noriko dinner table ยังนำเสนอภาพของสังคมเมืองหลวงในภาวะเจ็บป่วยทางจิตได้ดีในอีกระดับ และแง่มุมอันสุดจะหม่นหมองในฉากจบ
สถานการณ์ต่างๆในยุคปัจจุบันล้วนเป็นปัจจัยหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดภาวะตึงเครียดของคนในสังคมได้อย่างไม่ยาก ตกงาน ไม่มีเงินใช้ ผิดหวังในความรัก ได้สิ่งที่มุ่งหวังไม่ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนพร้อมแปรเปลี่ยนภาวะจิตอันปกติให้กลายกลับเป็น ?จิตที่เจ็บป่วย? ได้ในบันดล เมื่อจิตเจ็บป่วยแล้วไม่ได้รับการบำบัดอย่างถูกวิธีจึงอาจเกิดความคิดชั่ววูบแล่นเข้ามาในหัวสมองอันเปราะบางได้ง่าย อาทิ ความคิดอยากฆ่าตัวตาย!!! วันก่อนผู้เขียนเห็นข่าวในทีวีรายงานจากประเทศเคนยาว่า ชายวัยกลางคนชาวเคนยาท่านหนึ่งได้ฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอตนเองไว้กับเพดานบ้าน หรือเพดานชานอะไรทำนองนี้ มูลเหตุสุดสลดสืบเนื่องมาจากทีมฟุตบอลสุดรักในประเทศอังกฤษพ่ายแพ้ตกรอบรองชนะเลิศฟุตบอลชายรายการยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกซ์ คาดเดาว่าผู้ตายคงจะเป็นแฟนบอลแบบเข้ากระดูกดำ(แฟนพันธุ์แท้)ของทีมดังจากย่านลอนดอนเหนือ ภาวะผิดหวัง และซึมเศร้ามักมีได้ในแฟนบอลประเภทนี้อย่างปกติวิถี แต่เกินเลยถึงขนาดฆ่าตัวตายนี่ดูจะหนักไปเสียหน่อย บ้างก็ว่าพวกที่มีความผิดหวังอย่างรุนแรง(โดยที่ก่อนหน้านี้ได้ตั้งความคาดหวัง หรือเป้าประสงค์เอาไว้สูง)มักมีอาการเป็นประเภท ?จิตซึมเศร้า? (unipolar depression)ขาดพลังงาน และปัจจัยทางบวกเพื่อการดำรงชีวิต รู้สึกมีความภูมิใจในตนเองน้อยลง หรือต่ำลง ซึมเศร้ากับเหตุที่ผ่านมาอย่างสิ้นหวัง แถมในบางรายมีความคิดฆ่าตัวตายตามมาในภายหลัง(ดังที่เกิดกับชายชาวเคนยาคนดังกล่าว?) ต้องยอมรับอยู่ข้อหนึ่งว่าภาวะผิดหวังอย่างรุนแรงมักนำมาซึ่งความอ่อนแอ ในบางรายอาจมีอาการเจ็บป่วยทางจิตแทรกด้วยหากเป็นในระดับมากๆ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรายและกรณีไป เหตุการณ์ดังกล่าวมาข้างต้นนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนรวมทั้งคนใกล้ตัวในครอบครัวเราได้ จากรายงานภาวะจิตที่เจ็บป่วยในเอเชีย : กรณีการฆ่าตัวตายในเอเชีย สรุปว่า ประเทศศรีลังกา มีปริมาณคนฆ่าตัวตายมากที่สุดในโลก อัตราเฉลี่ย 55 ต่อ 100000 คน ส่วนในประเทศไทยอยู่ที่เฉลี่ย 7.7 ต่อ 100000 คน (ที่มาของข้อมูล : ฮันนาห์ บีช นิตยสารไทร์ 10 พฤศจิกายน 2546)ภาวะการฆ่าตัวตายในประเทศไทยถึงแม้จะดูว่าน้อยกว่าประเทศศรีลังกา แต่หากมองดูแนวโน้มในภาวะการณ์ปัจจุบันแล้วดูน่าเป็นห่วงยิ่ง แนวโน้มคนตกงานดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ค่าครองชีพสูง ค่าแรงคงเดิม(หรือปรับลด)สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยเชิงลบอันส่งผลให้คนไทยมีความตึงเครียดสูงขึ้น รวมทั้งมีภาวะจิตเจ็บป่วยเพิ่มมากขึ้นได้ในภายภาคหน้า ซึ่งอาจรวมถึงการฆ่าตัวตายตามมาได้ ครั้งหนึ่งผู้เขียนเคยดูหนังฝรั่งเรื่องหนึ่ง(เมื่อนานมาแล้ว)เรื่อง ?มิตรภาพ ความหวัง ความรุนเเรง? (The Shawshamk redemption) มีอยู่ฉากหนึ่งที่ผู้อาวุโส(ในเรือนจำ Shawshamk)ได้รับการปล่อยตัวออกมาเนื่องด้วยหมดวาระโทษแล้ว การออกมาสู่โลกกว้างแห่งเสรี การดำรงชีพในภาวะสังคมปัจจุบัน(ที่มิใช่ในเรือนจำ Shawshamk)ทำให้ท่านผู้อาวุโสท่านดังกล่าวได้รับการปฏิบัติที่ดูว่าต้อยต่ำกว่าผู้อื่น อาจจะเป็นในเชิงดูถูกดูแคลนด้วยสายตา จนนำมาสู่เหตุสลดในช่วงกลางเรื่องกลายๆ ชายชราผู้อาวุโสได้รับการยอมรับในเรือนจำที่เขาเรียกมันอย่าภาคภูมิว่า ?สถาบัน? แต่ในสังคมคนปกติ..........ไม่เป็นเฉกเช่นนั้น ท่านผู้คอตายกับไม้คานบ้านพัก พร้อมคำให้หวนระลึกคิดว่า ?สถานที่บางสถานที่ บางคนพยายามเพื่อให้หลีกลี้หนีมันออกมา แต่บางคนพยายามเพื่อให้ได้เข้าไปอยู่? เรื่องที่เล่ามาข้างต้นนี้จึงอาจกล่าวได้ว่าภาวะตึงเครียด เดียวดาย และจิตเจ็บป่วยมักเกิดขึ้นกับใครก็ได้ หากไม่รีบบำบัดเสียแต่เนิ่นๆอาจนำพาไปสู่ภาวะการณ์ที่เศร้าสลด สูญเสียตามมาได้ในไม่ช้า พูดถึงเรื่องอาการจิตเจ็บป่วย-อันนำมาซึ่งการฆ่าตัวตาย(หรืออาจจะคิด) จึงขอหยิบยกประเด็นที่ได้รับ ได้ชมมาจากหนังแผ่น(DVD)เรื่องหนึ่งเมื่อสอง-สามวันก่อนให้ได้หวนระลึกเอาไว้ ณ ห้วงนี้ เคยชมกับบ้างรึเปล่าครับหนังสยองขวัญเรื่อง cure ว่าด้วยเรื่องการฆ่าตัวตายในแบบแปลกๆ คือการสะกดจิตให้มีการฆ่าคนในครอบครัว หรือใครก็แล้วแต่ที่เราอยากให้ฆ่า การสะกดจิตในเรื่อง cure นี้เน้นใช้แสงไฟแช็คช่วยในการ ?สะกดจิต? (hypnosis)เพื่อให้เหยื่อเข้าสู่ภวังค์แห่ง ?ภาวะกึ่งสำนึก? (trance)ทีละน้อยๆ ตัวหนังมีมูลเหตุจูงใจแบบแปลกๆ บางฉากดูว่าเหมือนจบ แต่ก็ดูว่าไม่จบ พอดูหนังเรื่อง cure จบพานให้นึกถึงการสะกดจิตในประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อน ที่คนร้ายใช้เทคนิคบางประการสะกดจิตพนักงานร้านขายทอง(ร้านหนึ่ง)จนอยู่หมัด เสร็จสรรพเลยหยิบฉวยทองเส้นส่งให้คนร้ายเสียกำหนึ่งเป็นที่ฮือฮาเป็นข่าวใหญ่โตตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่หลายวัน คนร้ายจะใช้กลวิธีในการสะกดจิตเฉกเช่นในหนังเรื่อง cure รึเปล่า?(ยังเป็นปริศนาอยู่) พูดถึงเรื่องการสะกดจิตแล้วนี่ผู้เขียนนึกถึงเรื่องๆหนึ่งขึ้นมาได้ คือ ?การสวดภาณยักษ์? ท่านผู้อ่านพอจะรู้จักกันบ้างรึเปล่าครับการสวดภาณยักษ์ เชื่อกันครับว่าการสวดภาณยักษ์นี่มีมาแต่สมัยอยุธยาแล้ว(แต่ที่มีหลักฐานชัดเจนว่าเริ่มในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2394-2411) โดยมากมักประกอบพิธีกรรมในช่วงต้นๆปีใหม่ไทย อาจจะก่อนหรือหลังวันสงกรานต์ก็ได้ คนไทยโดยมากล้วนเชื่อกันว่าการสวดภาณยักษ์นี้จะช่วยขับไล่สิ่งอัปมงคลต่างๆ ผี ปีศาจ ของร้าย สิ่งชั่วออกไปจากร่างนั้นๆ(ร่างที่เข้าร่วมพิธี) แต่ในทางจิตวิทยากลับเชื่อกันว่าการสวดภาณยักษ์ เป็นหนึ่งในกระบวนการ ?สะกดจิตหมู่? (mass hypnosis) การใช้รูปแบบความ ?ขลัง ศักดิ์สิทธิ์? ของพิธีกรรม รวมทั้งพลังคลื่นเสียงแอมปริไฟร์หลายสิบวัตต์เข้ากระแทก เร้าอารมณ์ผู้เข้าร่วมในพิธีล้วนมีส่วน-ผลทำให้ผู้ที่มีจิตอ่อน(หรือผู้ที่มีความเชื่ออย่างแรงกล้า)เกิดภาวะที่เรียกกันว่า ?ทรานซ์? (ภาวะกึ่งสำนึก) สะลึมสะลือ ซึมเสร้า ร้องไห้หวีดร้อง บ้างก็เอะอะโวยวาย การสวดภาณยักษ์ในบางสำนักยังนิยมให้ผู้เข้าร่วมพิธีพูดหรือท่องคำบางคำ เช่นคำว่า นะนะนะนะนะนะนะนะ.........โดยมีจังหวะขึ้น-ลง ช้า-เร็ว ตามแต่เจ้าพิธีกำหนดมา ประกอบกับเสียงดนตรีหนัก-เบาไม่คงที่ ความขลัง(ที่เชื่อว่า) ภาวะจิตของผู้เข้าร่วมพิธีจึงอาจอ่อนแอลง เข้าสู่ภวังค์แห่งการโดนสะกดได้ง่าย(โดยมากในไทยนิยมสะกดแบบพ่อ-ลูก : แม่-ลูก) ร่ายรำ ท่าบางท่าโดยไม่รู้ตัวประหนึ่งเจ้าลง..........บ้างก็ว่าเป็นเจ้าเข้า-เจ้าลง บ้างก็ว่าเป็นความทุกข์ใจอันเอ่อล้นออกมา..........คุณเชื่ออะไร? พูดเรื่องการสะกดจิตมาพอควร คราวนี้จึงขอนำท่านผู้อ่านกลับมายังหนัง(ภาพยนตร์)อีกเรื่องหนึ่ง(ที่ดูน่าสนใจ) เป็นเรื่องเกี่ยวกับแนวจิตๆอีกเหมือนกัน สโลแกนของเรื่องนี้มีอยู่ว่า ?ฆ่าตัวตายอย่างเริงร่า?.........เคยเห็นกันมาบ้างรึเปล่าครับ? ในหนังแผ่นเรื่อง suicide circle (ญี่ปุ่น) มีอยู่หลายฉากในหนังเรื่องนี้ที่นำเสนอการฆ่าตัวตายอย่างเริงร่า แต่คงเป็นฉากแรกที่ยังคงตรึงตาตรึงใจของคนดู กับภาพที่เด็กนักเรียนสาว ม.ปลายราว 28 นาง ยืนจับมือกันเป็นแถวยาวสุดลูกหูลูกตาของชานชาลาสถานีรถไฟแห่งหนึ่ง พร้อมกับเหวี่ยงมือไปข้างหน้า 1-2-1-2-3 จวบจนรถไฟวิ่งเข้ามาใกล้เทียบชานชาลา พวกเธอทั้ง 28 นางจึงกระโดดลงไปให้รถไฟทับตายหมดทั้ง 28 นาง!!! เป็นการฆ่าตัวตายท่ามกลางผู้คน(ที่ได้เห็น)หมู่มากอย่างสยดสยอง แต่พวกเธอทั้ง 28 นางกลับมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส สนุกกับสิ่งที่ได้ประสบ ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? อาจ........อาจเป็นได้หรือเปล่าว่าคุณเธอทั้ง 28 นาง(สาว)อาจจะเกิดอาการ ?ทรอมา? (trauma) บาดแผลทางกาย หรือทางใจ ซึ่งกล่าวถึงการบุบสลาย เสียหายของกายร่างอย่างรุนแรง ช็อคหมดสติเพราะโดนเรื่องบางเรื่องเขย่าจนขวัญกระเจิดกระเจิง มีอาการวิตกกังวลมากกว่าคนปกติ ประกอบกับการสูญเสีย หรือพ่ายแพ้ อันนำมาสู่การควบคุมร่างกายไม่ได้ สภาวะจิตไม่คงที่ ซึมเศร้า ท้ายสุด(อาจ)ถูกใครบางคน หรือบางกลุ่มกระทำการสะกดจิตหมู่(mass hypnosis)..........มีโอกาสเป็นไปได้รึเปล่า? สุดท้าย..........หนังที่ดูเหมือนเป็นภาคต่อของ suicide circle อย่าง noriko dinner table (เห็นเพื่อนผู้เขียนบอกว่าคนไทยเรียกเรื่องนี้ว่า........สายสะดือของมิทสุโกะ)โครงเรื่องหลักของหนังกล่าวอ้างถึงเด็กสาวในสังคมชนบทคนหนึ่งที่ชื่อ ?โนริโกะ? ผู้ต้องการก้าวหน้า-ก้าวห่างความเป็น ?โนริโกะ? ไปสู่ ?มิสมิทสุโกะ? ผู้กล้าหาญเด็ดเดี่ยว กับการหนีออกจากบ้านมุ่งสู่รั้วเมืองหลวง(โตเกียว)กับการดั้นด้นค้นหาหญิงนิรนามผู้ใช้นามแฝงว่า ?สถานีอูเอโนะ 54? และอาชีพใหม่ที่ก่อกำเนิดเกิดขึ้นมาอย่างน่าขนหัวลุกในสังคมบริโภคนิยมยุคใหม่ในเกาะญี่ปุ่น..........?อาชีพครอบครัวเสมือน? (ครอบครัวเสมือน คือ การที่เราเป็นคนกำหนดให้คนที่เราไม่รู้จักมาเล่นบทคนในครอบครัวของเรา โดยมีการศึกษาถึงบทอย่างถ่องแท้ : คิดราคาเป็นรายชั่วโมงตามแต่บทจะยากหรือง่าย)อาชีพที่มีการเล่นกันในหนังเรื่อง noriko dinner table นี้เอง แฝงถึงความน่ากลัว มืดบอดของการโหยหาในสิ่งที่ตนขาดหายไปอย่างร้ายกาจในยุควัตถุนิยมครองเมือง อนึ่ง noriko dinner table ยังนำเสนอภาพของสังคมเมืองหลวงในภาวะเจ็บป่วยทางจิตได้ดีในอีกระดับ และแง่มุมอันสุดจะหม่นหมองในฉากจบ
Replies (9)
The Shawshamk redemption

cure

suicide circle

noriko dinner table

เป็นพรืดเลย T___T
คราวหน้าขอแบบเว้นวรรคหน่อยจิคะ แบบนี้ ลากสายตาแล้วมึนนมากเลยอ่ะ
คราวหน้าขอแบบเว้นวรรคหน่อยจิคะ แบบนี้ ลากสายตาแล้วมึนนมากเลยอ่ะ
แก้ไขล่าสุด: 4/1/2553 00:34 โดย knompang
อ่านไม่จบ เพราะว่ามึนเสียก่อน คนแก่ตาลายน่ะ
พี่เอามาฉายเลยค่า อยากดูหมดแหละ แต่ตาลายอ่า โฮ
คนฆ่าตัวตายมีหลายสาเหตุ อกหัก หนีปัญหา โดดเดี่ยว แต่ละคนมีปัญหาไม่เหมือนกัน จึงมองโลกต่างกันปัญหาเล็กน้อยของอีกคน อาจจะใหญ่มากสำหรับอีกคน
หลายคนอาจจะมองว่าการฆ่าตัวตายมันเป็นเรื่องที่บาปมาก แต่น้อยคนจะรู้ว่าจึงๆแล้วคนที่มีแนวโน้มจะฆ่าตัวตาย หรือ ฆ่าแล้วสำเร็จ หรือไม่สำเร็จก็ตาม เนี่ยมีอาการป่วยทางจิต ซึ่งอาจเกิดจากภาวะซึมเศร้า เครียด มาจากปัญหารอบตัว หรือ ภูมิหลัง(อดีตในวัยเด็ก) บางคนอาจจะเป็นผลจากยาเสพติด
ทว่ากลุ่มที่น่าอันตรายที่สุดของคนที่ฆ่าตัวตาย คือ คนที่อยู่เฉยๆ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่มีความรู้สึกอะไรต่อชีวิตทั้งสิ้น ที่น่าอันตรายเพราะว่า ถ้าคนเรามีปัญหา เราจะดูออกจากสีหน้า น้ำเสียง ท่าทาง แต่ควนพวกนี้เราจะไม่สามารถดูออกได้ กว่าจะรู้ตัว พวกเขาก็จบชีวิตแล้ว
วิธีทางแก้ คือ ปรึกษาจิตแพทย์ เข้ากลุ่มบำบัด อย่ามองแต่เรื่องกรรม หรือ ผีเข้าอย่างเดียว บางครั้งอยู่ที่สภาพแวดล้อมด้วย ปัญหาบางอย่างมันไม่สามารถแก้ได้ ถ้าเราไม่สู้ หรือ หนีออกจากสภาพเดิมๆ อารมร์สิ้นหวังก็จะหวนมาทุกครั้ง
ปอลิ่ง ในไทย ภาคเหนือมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในประเทศค่ะ
หลายคนอาจจะมองว่าการฆ่าตัวตายมันเป็นเรื่องที่บาปมาก แต่น้อยคนจะรู้ว่าจึงๆแล้วคนที่มีแนวโน้มจะฆ่าตัวตาย หรือ ฆ่าแล้วสำเร็จ หรือไม่สำเร็จก็ตาม เนี่ยมีอาการป่วยทางจิต ซึ่งอาจเกิดจากภาวะซึมเศร้า เครียด มาจากปัญหารอบตัว หรือ ภูมิหลัง(อดีตในวัยเด็ก) บางคนอาจจะเป็นผลจากยาเสพติด
ทว่ากลุ่มที่น่าอันตรายที่สุดของคนที่ฆ่าตัวตาย คือ คนที่อยู่เฉยๆ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่มีความรู้สึกอะไรต่อชีวิตทั้งสิ้น ที่น่าอันตรายเพราะว่า ถ้าคนเรามีปัญหา เราจะดูออกจากสีหน้า น้ำเสียง ท่าทาง แต่ควนพวกนี้เราจะไม่สามารถดูออกได้ กว่าจะรู้ตัว พวกเขาก็จบชีวิตแล้ว
วิธีทางแก้ คือ ปรึกษาจิตแพทย์ เข้ากลุ่มบำบัด อย่ามองแต่เรื่องกรรม หรือ ผีเข้าอย่างเดียว บางครั้งอยู่ที่สภาพแวดล้อมด้วย ปัญหาบางอย่างมันไม่สามารถแก้ได้ ถ้าเราไม่สู้ หรือ หนีออกจากสภาพเดิมๆ อารมร์สิ้นหวังก็จะหวนมาทุกครั้ง
ปอลิ่ง ในไทย ภาคเหนือมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในประเทศค่ะ
เรื่อง Cure เนี่ย
ผมดูแล้วก็อึ้งๆ นะ
...
ผมดูแล้วก็อึ้งๆ นะ
...
Function Used time : 0:00:00:00.015