Time of the wolf เรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่เหนื่อยอิ๊บเป๊งงง...
by knompang • วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552 01:15
อ่อยยยย!!
เมื่อวานคนโก้ ว่างม๊ากมาก เลยหยิบหนังติดมือไประรานบ้านเพื่อนสองเรื่อง ตอนแรกเรื่องนี้เปิดดูไปรอบแล้ว แต่ที่บ้านเป็นอะไรไม่รู้ ปรับให้มันพูดภาษาบองชูๆๆ ไม่ได้ เลยปิดไป เพราะดูพากษ์ไทยไม่ค่อยได้อารมณ์
ได้หนังเรื่องนี้มาจากคนแปลกหน้า เห็นว่าเปHนผู้กำกับคนเดียวกับฟันนี่เกมส์ เลยขอเขามาแบบหน้าด้านๆ ผ่าง!!
Time of the wolf แปลแบบชาวบ้าน งูๆปลาๆ ประสาหนมปังก็แปลว่า เวลาของหมาป่า (ไงล่ะ อึ้งไปเลยสิ ว่าแปลได้ 55555+)
หนังฝรั่งเศส ที่บอกเล่าเรื่องราว ของครอบครัวนึงอันประกอบด้วย พ่อแม่ ลูกสาวคนโต และลูกชายคนเล็ก ที่ขับรถกลับมาบ้าน แล้วพบว่าบ้านของตัวเองถูกยึดครองโดยคนแปลกหน้า ที่มันมาจากไหนก็ไม่รู้ มาเอาบ้านตรูไปเฉยเลย
การเจรจาพยายามต่อรองไม่สำเร็จ ฝ่ายพ่อโดนยิงตาย ด้วยว่าไอ้คนหน้าแปลก เอ้ย!! แปลกหน้า (หน้าแปลกนั่นคนที่หนมไปขอหนังเขามา กร๊ากๆ) มันมีปืนน ใครมีปืนก็ได้บ้านไปสิเธอ
ฝ่ายเจ้าของบ้านที่แท้จริง เลยต้องระหกระเหินเร่ร่อน ไปอย่างอนาถา
เมื่อวานคนโก้ ว่างม๊ากมาก เลยหยิบหนังติดมือไประรานบ้านเพื่อนสองเรื่อง ตอนแรกเรื่องนี้เปิดดูไปรอบแล้ว แต่ที่บ้านเป็นอะไรไม่รู้ ปรับให้มันพูดภาษาบองชูๆๆ ไม่ได้ เลยปิดไป เพราะดูพากษ์ไทยไม่ค่อยได้อารมณ์
ได้หนังเรื่องนี้มาจากคนแปลกหน้า เห็นว่าเปHนผู้กำกับคนเดียวกับฟันนี่เกมส์ เลยขอเขามาแบบหน้าด้านๆ ผ่าง!!
Time of the wolf แปลแบบชาวบ้าน งูๆปลาๆ ประสาหนมปังก็แปลว่า เวลาของหมาป่า (ไงล่ะ อึ้งไปเลยสิ ว่าแปลได้ 55555+)
หนังฝรั่งเศส ที่บอกเล่าเรื่องราว ของครอบครัวนึงอันประกอบด้วย พ่อแม่ ลูกสาวคนโต และลูกชายคนเล็ก ที่ขับรถกลับมาบ้าน แล้วพบว่าบ้านของตัวเองถูกยึดครองโดยคนแปลกหน้า ที่มันมาจากไหนก็ไม่รู้ มาเอาบ้านตรูไปเฉยเลย
การเจรจาพยายามต่อรองไม่สำเร็จ ฝ่ายพ่อโดนยิงตาย ด้วยว่าไอ้คนหน้าแปลก เอ้ย!! แปลกหน้า (หน้าแปลกนั่นคนที่หนมไปขอหนังเขามา กร๊ากๆ) มันมีปืนน ใครมีปืนก็ได้บ้านไปสิเธอ
ฝ่ายเจ้าของบ้านที่แท้จริง เลยต้องระหกระเหินเร่ร่อน ไปอย่างอนาถา

Replies (5)
งวดนี้หนมปังคนโก้ว
เล่นท่ายากเลยนะ
นอกจากฟันนี่ เกมส์ แล้ว
หนังของตาฮาเนเก้เรื่องอื่นมันแทบจะไม่เป็นโครงสร้าง
เล่า้เรื่องแบบสากลเลย (มี piano teacher ที่พอจะรู้เรื่องอยู่ แต่ก็ต้องเข้าใจซึมซับหลายรอบหน่อย)
เล่นท่ายากเลยนะ
นอกจากฟันนี่ เกมส์ แล้ว
หนังของตาฮาเนเก้เรื่องอื่นมันแทบจะไม่เป็นโครงสร้าง
เล่า้เรื่องแบบสากลเลย (มี piano teacher ที่พอจะรู้เรื่องอยู่ แต่ก็ต้องเข้าใจซึมซับหลายรอบหน่อย)
ตลอดทั้งเรื่องหนังเล่นโทนเดียว ทึมๆ แถมไม่ค่อยจะบอกอะไรมากมาย เรื่องเกิดที่ไหนไม่รุ้ รู้แต่ต้องหมู่บ้านๆนึง ซึ่งเหมือนว่าผู้คนกำลังอดอยาก น่าจะเกิดภัยอะไรซักอย่าง เดาๆว่า น้ำเป็นพิษมั้ง (หนังมันบอกไม่ชัด หรือปวดหัว จนอ่านซับไม่รุ้เรื่องก็ไม่รู้นะงิ) เลยต้องแย่งกันกิน แย่งกันอยู่ เป็นเวลาที่เราไม่ค่อยจะมีน้ำใจต่อกัน ใครอยากอยุ่รอดก็ต้องเป็นหมาป่า ล่าเนื้อมาแบบหน้าด้านๆ สิ้นหวังแล้ว พระเจ้า!! แงๆ
เราจะได้ดูการพยายามมีชีวิตต่อไปแบบไม่กระโชกโฮกฮาก ของสามคน ในตอนแรก และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาในหนังผ่านไป ได้เห็นความหม่นหมอง ความหวังที่ริบหรี่ การเชื่อมั่นในอะไรซักอย่าง ที่ลึกๆในใจเราก็รู้ว่า สิ่งที่คิดมันเหมือนหลอกตัวเอง การที่ตัวละครกอดกันร้องไห้ด้วยความกลัว กลัวว่าจะไม่มีกันและกัน (น่าน!! พูดเหมือนดูหนังรักเลยตรู = =") เล่นเอาตรูจะร้องไห้ตาม ฮ่วย!!
บรรยากาศหนังหม่นหมอง ไร้ซึ่งความหวัง และไม่รุ้ว่าจะจบลงที่ใด (น่าน ยังมีอารมณ์สุนทรี) คือเราคนดูอ่ะ รุ้สึกว่า มันเหมือนไม่มีหวังเลย อย่าไปเดาว่ามันจะจบลงแบบสุขสม ก็บรรยากาศหนัง มันไม่น่าจะพาไปจบแบบสุขสมเลยนี่ฟ่า แต่ตัวละครในหนัง ยังดูเหมือนว่า แววตาพวกเขามีความหวังตลอดเวลา
หวังว่ารถไฟจะมา และจะได้ออกไปจากที่บ้าๆ อดอยาก ไม่มีจะกิน นี่เสียที แถมหนังมันยังชอบแบบให้ความหวังแบบประกายไฟบนไม้ขีด แล้วตาผู้กำกับก็เป่าไฟที่ปลายไม้ขีดให้ดับ (อ่า!! สะจายยย)
หนังทำให้เราอึดอัด จะลุ้นก็ไม่รุ้จะลุ้นอะไร ก็ดูแล้วๆ ไร้แสงประกายเรืองรองสิ้นดี แต่จะไม่ลุ้นเลย ก็เวทนา ตัวละครจริงๆ พับผ่าสิ!!
ดูไปได้ราวๆเลยครึ่งเรื่องไปหน่อย คนโก้ ปวดหัวจี๊ด อารมณ์ประมาณว่า ตรูอึดอัด สมองจะแตกแล้ว ฮ่วยๆ!
แม้ตอนสุดท้าย ทุกคนก็ยังหวัง แต่ความหวังมัน ยังอยู่บนปลายไม้ขีดนั่นแหละ ที่ไม่รู้ว่า ตาผู้กำกับจะเป่าให้ดับหรือเปล่า เพราะหนังมันชิงจบก่อน ที่จะได้รู้....
ส่วนตัว ดูได้ ดูดี แต่อย่าบ่อย ปวดหัวค่อด อึดอัด ดูมากๆ อกจะระแตกตาย อ่อยยยยย เรื่องเดียว ทำเอาเพลียใจ เหนื่อยกว่าตีแมงสาบหน้าร้อนอีกกกก ...เฮ้ออ
เราจะได้ดูการพยายามมีชีวิตต่อไปแบบไม่กระโชกโฮกฮาก ของสามคน ในตอนแรก และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาในหนังผ่านไป ได้เห็นความหม่นหมอง ความหวังที่ริบหรี่ การเชื่อมั่นในอะไรซักอย่าง ที่ลึกๆในใจเราก็รู้ว่า สิ่งที่คิดมันเหมือนหลอกตัวเอง การที่ตัวละครกอดกันร้องไห้ด้วยความกลัว กลัวว่าจะไม่มีกันและกัน (น่าน!! พูดเหมือนดูหนังรักเลยตรู = =") เล่นเอาตรูจะร้องไห้ตาม ฮ่วย!!
บรรยากาศหนังหม่นหมอง ไร้ซึ่งความหวัง และไม่รุ้ว่าจะจบลงที่ใด (น่าน ยังมีอารมณ์สุนทรี) คือเราคนดูอ่ะ รุ้สึกว่า มันเหมือนไม่มีหวังเลย อย่าไปเดาว่ามันจะจบลงแบบสุขสม ก็บรรยากาศหนัง มันไม่น่าจะพาไปจบแบบสุขสมเลยนี่ฟ่า แต่ตัวละครในหนัง ยังดูเหมือนว่า แววตาพวกเขามีความหวังตลอดเวลา
หวังว่ารถไฟจะมา และจะได้ออกไปจากที่บ้าๆ อดอยาก ไม่มีจะกิน นี่เสียที แถมหนังมันยังชอบแบบให้ความหวังแบบประกายไฟบนไม้ขีด แล้วตาผู้กำกับก็เป่าไฟที่ปลายไม้ขีดให้ดับ (อ่า!! สะจายยย)
หนังทำให้เราอึดอัด จะลุ้นก็ไม่รุ้จะลุ้นอะไร ก็ดูแล้วๆ ไร้แสงประกายเรืองรองสิ้นดี แต่จะไม่ลุ้นเลย ก็เวทนา ตัวละครจริงๆ พับผ่าสิ!!
ดูไปได้ราวๆเลยครึ่งเรื่องไปหน่อย คนโก้ ปวดหัวจี๊ด อารมณ์ประมาณว่า ตรูอึดอัด สมองจะแตกแล้ว ฮ่วยๆ!
แม้ตอนสุดท้าย ทุกคนก็ยังหวัง แต่ความหวังมัน ยังอยู่บนปลายไม้ขีดนั่นแหละ ที่ไม่รู้ว่า ตาผู้กำกับจะเป่าให้ดับหรือเปล่า เพราะหนังมันชิงจบก่อน ที่จะได้รู้....
ส่วนตัว ดูได้ ดูดี แต่อย่าบ่อย ปวดหัวค่อด อึดอัด ดูมากๆ อกจะระแตกตาย อ่อยยยยย เรื่องเดียว ทำเอาเพลียใจ เหนื่อยกว่าตีแมงสาบหน้าร้อนอีกกกก ...เฮ้ออ

แก้ไขล่าสุด: 29/12/2552 01:42 โดย knompang
หนึ่งเอา เปียโน ทีชชะเล่อ !! มาดูม่างงง
= ="
น่าน !!ตรู หาเรื่องอีกละ
= ="
น่าน !!ตรู หาเรื่องอีกละ
Time of the wolf นี่ ภาษาไทยแปลว่า เวลามุ้งมิ้งตะวันใกล้ตกดิน ใช่ป่าวว หนังมันถึงได้ดูหม่นหมอง 555
ว่าแต่ หนมรีบดู piano teacher เลย จะได้ซึ้ง.. อิอิ
ว่าแต่ หนมรีบดู piano teacher เลย จะได้ซึ้ง.. อิอิ
ดูแล้วอะเปียโน ทีชเชอร์ อุแม่เจ้า ซึ้งในรสเปียในเลย
Function Used time : 0:00:00:00.018