เรื่องย่อมีสปอยส์
หนังเปิดเรื่องด้วยคำอ้างถึงจากส่วนหนึ่งของคัมภีร์ไบเบิ้ล “Book of Revelation” ว่านี่คือวาระสุดท้ายของโลกแล้ว พร้อมกับเสนอภาพบ้านเมือง ท้องถนนที่รกร้างไม่มีผู้คน มีแต่ซอมบี้กระหายเนื้อที่กำลังเคี้ยวกินอวัยวะเหยื่ออย่างเพลิดเพลิน ปากและตัวเต็มไปด้วยเลือด ท่ามกลางกลุ่มซอบบี้ มีผู้รอดชีวิตแต่งตัวคล้าย Lara Croft เป็นนักรบสาวชื่อ Heather (Michelle Rose) เธอได้ช่วยแม่ลูกคู่หนึ่ง (Kelly Murray) จากการถูกซอมบี้ทำร้ายและพาพวกเขามาอาศัยอยู่ในบ้านของเธอ แต่แล้วเธอก็มารู้ทีหลังว่าผู้ที่เธอช่วยเหลือมานั้น ไม่ได้เป็นมิตรแต่อย่างใด ทำให้เธอต้องต่อสู้กับพวกซอมบี้และต่อสู้กับกลุ่มลัทธินอกรีต ที่พยายามตามฆ่าเด็กชายร่างซาตานที่อาศัยอยู่กับเธอ

[img width=200 height=150]http://www.bloggang.com/data/t/thunwakom/picture/1261908785.jpg[/img] [img width=200 height=150]http://www.bloggang.com/data/t/thunwakom/picture/1261908812.jpg[/img] [img width=200 height=150]http://www.bloggang.com/data/t/thunwakom/picture/1261908935.jpg[/img]

ในอพาร์ทเม้นท์ที่ห่างออกไปหลังหนึ่ง ยังมี Dean (Jay Costelo) และภรรยาของเขา Dana (Alisha Gaddis) รอบๆ อพาร์ทเม้นพวกเขา เต็มไปด้วยพวกซอมบี้ที่ร่อนเร่ไปมามากมาย Dean หมกมุ่นอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กับงานเขียนของตนเรื่องซอมบี้โดยไม่สนใจสิ่งรอบ ข้าง แม้กระทั่งภรรยาของตนเอง หลังจากขาดพลังงานไฟฟ้าคอมพิวเตอร์ของเขาก็ได้เชื่อมต่อกับพลังงานลึกลับแบบ ใหม่ จากเถาวัลย์ที่เลื้อยเข้ามาในบ้านของเขา [ทำให้นึกถึงต้นไม้ในหนังเรื่อง 'Little Shop of Horrors'] ที่ไม่จำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้า แต่ใช้พลังงานชีวิตในการทำงานจนกลายเป็นคอมพิวเตอร์ปิศาจ

ที่อพาร์ท เม้นอีกแห่งหนึ่งแวมไพร์ 2 ตน Stan (Alonzo F. Jones) และภรรยา Stellie (Shamika Ann Franklin) ต้องดิ้นรนหาอาหารที่เป็นเลือดมนุษย์ ที่หาได้ยากเต็มที Stan ได้ลักพาตัวหญิงสาวคนหนึ่งชื่อNatalie (Annemarie Pazmino) และคอยใช้เข็มฉีดยาดูดเลือดเธอเพียงเพื่อที่จะอยู่รอดเท่านั้น [พวกเขาไม่กัดกินเธอเพราะไม่ต้องการให้เธอเป็นแวมไพร์] แต่พบว่าเลือดของ Natalie มีรสประหลาด ไม่ถูกใจ Stellie และทั้งคู่คิดว่าแค่ Natalie เพียงคนเดียวคงมีเลือดไม่พอที่จะทำให้พวกเขาอยู่รอดได้ Stan จึงมีความคิดออกไปหา ผู้ชายซักคนมา เพื่อจะได้มีเด็กเกิดใหม่กับ Natalie ให้มีเลือดทานต่อไปได้ไม่ขาด แต่ทว่า Stellie ได้ป่วยจากการกัดกินเลือดจากแขนของ Natalie จนในที่สุด Natalie กลับเล่นงานพวกเขาอย่างสาสม

[img width=200 height=150]http://www.bloggang.com/data/t/thunwakom/picture/1261909944.jpg[/img] [img width=200 height=150]http://www.bloggang.com/data/t/thunwakom/picture/1261909885.jpg[/img] [img width=200 height=150]http://www.bloggang.com/data/t/thunwakom/picture/1261909973.jpg[/img]

Edges Of Darkness ถือเป็นหนังสยองขวัญ Indie Film ต้นทุนต่ำ ที่มีการถ่ายภาพ ออกแบบซอมบี้ ออกแบบท่าทางในการต่อสู้ และทำฉากเลือดแหวะได้ออกมาน่าดูดี เหมือนกับนั่งดูหนังเรื่อง 'Night of the Living Dead' , 'The Addiction' , 'Resident Evil' และ 'The Exorcist' ผสมเรื่องราวเข้าด้วยกันเป็นโครงเรื่องใหม่ ที่ดู ก๊อปเก๋ ดี แต่เสียดาย กับบทที่แสนจะเรียบๆง่ายๆ ไปหน่อย (เว้นเสียแต่ ไดอะล็อกของเจ้าเด็กนั่นในตอนท้าย ที่ออกแนวๆดี)

มีสิ่งที่ทำให้ Edges Of Darkness ดูไม่เหมือนหนังซอมบี้เรื่องอื่นๆ ตรงที่ไม่ได้เป็นการต่อสู้ระหว่างซอมบี้และมนุษย์ แต่กลับเป็นการดิ้นรนต่อสู้เอาชีวิตรอดระหว่างมนุษย์กันเองมากกว่า พวกซอมบี้ได้แต่เร่ร่อนไปมาตามท้องถนนและคอยจับอาหารหากมีมนุษย์พลัดหลงเข้า มาตามทาง ต่างจากพวกที่รอดชีวิตที่ต่างต้องห้ำหั่นกันเอง (เหมือนจะบอกนัยๆ นะเนี่ยะว่า วันสิ้นโลก มันถึงตั้งนานแล้ว 5555 )

น่าดูเพราะ : การออกแบบซอมบี้กับฉากเลือดที่ออกมาดูเจ๋งไม่แพ้หนังฟอร์ม
ไม่ น่าดูเพราะ : บทเดินเรื่องที่เนิบนาบและพูดคุยกันนานจนน่าเบื่อ กับความสับสนที่ไม่เคลียร์ไม่มีที่มาที่ไปในบางจุด ฉากต่อสู้มีน้อยคนที่ชอบความตื่นเต้นอาจจะไม่ชอบ

ระดับมาตรฐานของหนังคิดว่า ยังไม่ถึง หนังเกรด B แต่ถ้าหากนี่เป็นหนังฝีมือนักศึกษา คิดว่าคงสามารถกวาดรางวัลตามเทศกาลหนังได้ไม่ยาก

ให้ 5/10

ขอบคุงสำหรับรีวิวจ้า

ขอบคุณจ้า ^__^