BRUNO เธอดอก แบบชาติหน้าไม่ต้องบอก
by AguileraAnimato • วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 07:37
เรื่องย่อ
BRUNO คือนักข่าวแฟชั่นตกอับจากเมืองออสเตรีย เพราะดันซ่าส์ไปป่วนมิลาน แฟชั่นวีค... เธอใฝ่ฝันว่าวันนึงจะต้องเป็นเซเลบที่โด่งดังจากประเทศนี้ต่อจากฮิตเลอร์ให้ได้ (ฮิตเลอร์ เป็นคนออสเตรียจ้า)
แล้วเธอจะทำตามความฝันนั้นอย่างไรล่ะ
BRUNO ตัดสินใจเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล มายังดินแดนแห่งเสรีภาพ อเมริกา ที่นี้แหละจะต้องเป็นเวทีแจ้งเกิดความดัง ความเป็นดาว แบบที่ความฉาวโฉ่หน้าไหนๆ ก็มิอาจจินตนาการถึง
กลับมาอีกครั้งกับหนังตลก เสียดแทง แสกหน้าสังคม(รึเปล่า)....หลังจากที่ปี 2006 โลกได้รู้จักกับ BORAT นักข่าวชาวคาซักสถานที่เดินทางจากดินแดนโลกที่สามมาเรียนรู้วัฒนธรรมโลกเจริญที่อเมริกา และตกหลุมรักกับพาเมล่า แอนเดอร์สัน
ความต่ำ ไพร่สถุล ของBORAT ก่อให้เกิดกระแสวิพากท์ วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ความสำเร็จของภาพยนตร์สวนทางกับกลุ่มชนบางพวกที่พากันออกอาการรับไม่ได้กับสันดารเสียของตัวละครในหนัง
หนังเปิดตัวอันดับ 1 บ๊อกซ์ ออฟฟิส ด้วยยอด 26 ล้าน และปิดตัวที่ 128 ล้านเหรียญ (จากทุนสร้างแค่ 18 ล้าน - - กำไรชัดๆ)
รวมทั้งกวาดรางวัลจากเวทีต่างๆมาทั่วโลก หนึ่งในนั้น คือถูกเสนอชื่อเข้าชิง สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จาก ออสก้าร์ด้วย
นักวิจารณ์ต่างให้ความเห็นว่า "นี้คือหนังตลกที่สนุก แสบสันต์ อย่างร้ายกาจ เหนือสิ่งอื่นใด มันคือการเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้วงการหนังตลก"
ฉะนั้นแล้ว คงไม่แปลก ถ้า Larry Charles ผกก. จะจับมือกับนักแสดงคนเก่งของเค้าอีกครั้ง สร้างตัวละครใหม่ขึ้นมา เพื่อบุกถล่มไม่ยั้งให้สังคมพังแบบฮากระจาย
และBruno ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เปิดตัวอันดับ 1 ด้วยยอด 30 ล้าน และกำลังทำรายได้ปัจจุบันถล่ม 50 ล้าน
BRUNO คือนักข่าวแฟชั่นตกอับจากเมืองออสเตรีย เพราะดันซ่าส์ไปป่วนมิลาน แฟชั่นวีค... เธอใฝ่ฝันว่าวันนึงจะต้องเป็นเซเลบที่โด่งดังจากประเทศนี้ต่อจากฮิตเลอร์ให้ได้ (ฮิตเลอร์ เป็นคนออสเตรียจ้า)
แล้วเธอจะทำตามความฝันนั้นอย่างไรล่ะ
BRUNO ตัดสินใจเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล มายังดินแดนแห่งเสรีภาพ อเมริกา ที่นี้แหละจะต้องเป็นเวทีแจ้งเกิดความดัง ความเป็นดาว แบบที่ความฉาวโฉ่หน้าไหนๆ ก็มิอาจจินตนาการถึง
กลับมาอีกครั้งกับหนังตลก เสียดแทง แสกหน้าสังคม(รึเปล่า)....หลังจากที่ปี 2006 โลกได้รู้จักกับ BORAT นักข่าวชาวคาซักสถานที่เดินทางจากดินแดนโลกที่สามมาเรียนรู้วัฒนธรรมโลกเจริญที่อเมริกา และตกหลุมรักกับพาเมล่า แอนเดอร์สัน
ความต่ำ ไพร่สถุล ของBORAT ก่อให้เกิดกระแสวิพากท์ วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ความสำเร็จของภาพยนตร์สวนทางกับกลุ่มชนบางพวกที่พากันออกอาการรับไม่ได้กับสันดารเสียของตัวละครในหนัง
หนังเปิดตัวอันดับ 1 บ๊อกซ์ ออฟฟิส ด้วยยอด 26 ล้าน และปิดตัวที่ 128 ล้านเหรียญ (จากทุนสร้างแค่ 18 ล้าน - - กำไรชัดๆ)
รวมทั้งกวาดรางวัลจากเวทีต่างๆมาทั่วโลก หนึ่งในนั้น คือถูกเสนอชื่อเข้าชิง สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จาก ออสก้าร์ด้วย
นักวิจารณ์ต่างให้ความเห็นว่า "นี้คือหนังตลกที่สนุก แสบสันต์ อย่างร้ายกาจ เหนือสิ่งอื่นใด มันคือการเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้วงการหนังตลก"
ฉะนั้นแล้ว คงไม่แปลก ถ้า Larry Charles ผกก. จะจับมือกับนักแสดงคนเก่งของเค้าอีกครั้ง สร้างตัวละครใหม่ขึ้นมา เพื่อบุกถล่มไม่ยั้งให้สังคมพังแบบฮากระจาย
และBruno ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เปิดตัวอันดับ 1 ด้วยยอด 30 ล้าน และกำลังทำรายได้ปัจจุบันถล่ม 50 ล้าน

Replies (43)
แค่ดูตัวอย่างในโรงมาก็รู้แล้ว แม่มโคตรบ้าเลย
I Am...Sacha Fierce
และนี้คือโฉมหน้าของนักแสดงคนเก่งที่มารับบทกึ่ง reality-fiction (รูปที่ 2)
Sasha Baron Cohen นักแสดงตลกชาวอังกฤษ ที่โด่งดังจากการรับบทเป็น Ali G ในซีรี่ย์ Da Ali G Show (ดังจนมาดอนน่าต้องช้อนตัว ali g ไปเป็นคนขับรถในเอมวี music - - รูปที่3)... จนในภายหลังเค้าก็ได้นำตัวละครตัวนี้ ขึ้นจอภาพยนตร์ครั้งแรก ในหนังเรื่อง Ali G Indahouse ต่อมาปี 2006 ซาช่านำตัวละครอีกตัวจากซีรี่ย์ชุดนี้ ที่ชื่อ Borat (นักข่าวชาวคาซักสถาน) มาแสดงในหนังชื่อเดียวกัน และโด่งดังไปทั่วโลก จนปี 2009 ถึงเวลาที่จะนำอีกหนึ่งตัวอีกตัวละครนึงในซีรี่ย์ชุดนี้ มาขึ้นจอเงิน ด้วยวิธีแบบเรียลริตี้ ทีวี เช่นเดียวกับสองเรื่องก่อนหน้า (Bruno เป็นตัวละครนึงที่โผล่ในบางเทปของ da ali g show เธอเป็นนักข่าวแฟชั่นของประเทศที่ใช้ภาษาเยรมันสื่อสาร แต่ไม่ใช่ประเทศเยรมัน)...เพราะทั้ง ali g และ borat ก็ได้ออกไปเรียกเสียงฮาแล้ว ไฉนจะปล่อยให้สาวสวยคนสุดท้ายของซีรี่ย์ชุดนี้ต้องอยู่เหงาคนเดียวแค่ในจอตู้ล่ะ
** ใครที่นึกไม่ออก ให้ลองสมมุติว่า คุณเป็น บอย ถลกเกียรติ แล้วมีแผนจะสร้าง พี่อู๊ด the movie / เจ๊มินท์ the movie อ่ะ ประมาณนั้นแหละ... แต่หนังชุดนี้ของ sacha มันแรงกว่าตรงนี้ถ่ายทำแบบ reality กันทั้งเรื่อง
ความสามารถทางการแสดงที่เนียนตลอดการถ่ายทำ ส่งผลให้ซาช่าได้รับรางวัลนักแสดงนำจากหลายเวที ทั้ง เทศกาลหนังโตรอนโต / ลูกโลกทองคำ / เอ็มทีวี มูฟวี่ / สมาคมนักวิจารณ์ลอส แองเจิ้ลลิส / สมาคมนักวิจารณ์ซาน ฟราสซิสโก้
ปัจจุบันให้กำเนิดทายาทกับนักแสดงสาว Isla Fisher (Confession of Shopholic)
และนี้คือโฉมหน้าของนักแสดงคนเก่งที่มารับบทกึ่ง reality-fiction (รูปที่ 2)
Sasha Baron Cohen นักแสดงตลกชาวอังกฤษ ที่โด่งดังจากการรับบทเป็น Ali G ในซีรี่ย์ Da Ali G Show (ดังจนมาดอนน่าต้องช้อนตัว ali g ไปเป็นคนขับรถในเอมวี music - - รูปที่3)... จนในภายหลังเค้าก็ได้นำตัวละครตัวนี้ ขึ้นจอภาพยนตร์ครั้งแรก ในหนังเรื่อง Ali G Indahouse ต่อมาปี 2006 ซาช่านำตัวละครอีกตัวจากซีรี่ย์ชุดนี้ ที่ชื่อ Borat (นักข่าวชาวคาซักสถาน) มาแสดงในหนังชื่อเดียวกัน และโด่งดังไปทั่วโลก จนปี 2009 ถึงเวลาที่จะนำอีกหนึ่งตัวอีกตัวละครนึงในซีรี่ย์ชุดนี้ มาขึ้นจอเงิน ด้วยวิธีแบบเรียลริตี้ ทีวี เช่นเดียวกับสองเรื่องก่อนหน้า (Bruno เป็นตัวละครนึงที่โผล่ในบางเทปของ da ali g show เธอเป็นนักข่าวแฟชั่นของประเทศที่ใช้ภาษาเยรมันสื่อสาร แต่ไม่ใช่ประเทศเยรมัน)...เพราะทั้ง ali g และ borat ก็ได้ออกไปเรียกเสียงฮาแล้ว ไฉนจะปล่อยให้สาวสวยคนสุดท้ายของซีรี่ย์ชุดนี้ต้องอยู่เหงาคนเดียวแค่ในจอตู้ล่ะ
** ใครที่นึกไม่ออก ให้ลองสมมุติว่า คุณเป็น บอย ถลกเกียรติ แล้วมีแผนจะสร้าง พี่อู๊ด the movie / เจ๊มินท์ the movie อ่ะ ประมาณนั้นแหละ... แต่หนังชุดนี้ของ sacha มันแรงกว่าตรงนี้ถ่ายทำแบบ reality กันทั้งเรื่อง
ความสามารถทางการแสดงที่เนียนตลอดการถ่ายทำ ส่งผลให้ซาช่าได้รับรางวัลนักแสดงนำจากหลายเวที ทั้ง เทศกาลหนังโตรอนโต / ลูกโลกทองคำ / เอ็มทีวี มูฟวี่ / สมาคมนักวิจารณ์ลอส แองเจิ้ลลิส / สมาคมนักวิจารณ์ซาน ฟราสซิสโก้
ปัจจุบันให้กำเนิดทายาทกับนักแสดงสาว Isla Fisher (Confession of Shopholic)

แก้ไขล่าสุด: 28/7/2552 08:07 โดย AguileraAnimato
Mockumentary Comes to Town
Mockumentary เป็นการสมาสของคำว่า Mock และ Documentary มีความหมายว่า "สารคดีเทียม" หรือถ้าจะพูดให้กว้างกว่านี้ก็คือ "การนำภาพเหตุการณ์จริง (ที่ดันเป็นการเฟคทำขึ้นมา)"
อย่างเช่นหนังคัลต์ในอดีตอย่าง "เปรตเดินดิน กินเนื้อคน" ที่จงใจลวงคนให้เชื่อว่าฟุทเทจในหนังเป็นภาพเหตุการณ์จริง (มีข่าวบอกว่า ผกก. สั่งให้นักแสดงทั้งหมด เก็บตัวหายไปจากสังคมเป็นเวลา1เดือน เพื่อทำให้คนเชื่อว่า--พวกเค้าตายไปแล้วจริงๆ)
หรือหนังอย่าง the blair witch project ก็แอบยืมรูปแบบของ mock มาใช้ในการโปรโมตหนังว่าเรื่องที่เกิดขึ้น จำลองมาจากเหตุการณ์จริง ด้วยการถ่ายทำแบบhome video มันทั้งเรื่อง
นี้จึงเป็นสิ่งที่โดดเด่นอย่างนึงของหนัง 3 เรื่องจากซาช่า เพราะมันถ่ายทำแบบเรียลริตี้-เฟคๆ
หนังใช้วิธีถ่ายทำโดยการกำหนด script ย่อยๆ ตามเส้นเรื่องที่เขียนไว้คร่าวๆ จากนั้นจึงให้ซาช่า สวมบทบาทตัวละครแล้วดำเนินเหตุการณ์นั้นๆด้วยสถานการณ์จริง กับผู้คนจริงๆ (โดยที่คนเหล่านั้น ไม่รู้ตัว)
และก็ Borat เองนั้นแหละที่นำให้วิธีการถ่ายทำแบบกองโจร ซุ่มถ่าย ฮิตขึ้นมา ถือเป็นปรากฎการณ์ที่น่าตื่นตะลึงของวงการหนังตลก (คาดว่าอาจมีผลส่งสืบเนื่องไปยัง สาระแนห้าวเป้ง)
เป็นคำถามที่น่าสนใจว่า ทำไมหนังแบบนี้จึงฮิต เพราะเราอยู่ในสังคมที่สื่อกับความจริงแทบจะกลืนกันเป็นเนื้อเดียวจนแยกไม่ออก
หรือเพราะมันเป็นเทคนิคแปลกใหม่ในการเติมแต่งชีวิตปกติให้มีสีสัน... ความตื่นเต้นจากการถูกแอบถ่าย ความสนุกที่ได้ดูปฏิกริยาผู้คนด้วยอารมณ์จริงๆ ในสถานการณ์ที่จำลองมาแบบ "ยิ้มหน่อยจ้า ดาราจำเป็น" "สาระแนโชว์"
ในขณะที่หนังตลกปัจจุบันเริ่มฝืดเคืองกับมุกที่พยายามปั้นจนหนืด และเสแสร้งพยายามจะฮาแบบไม่ไหวจะเคลียร์
ก็ยังพอมีแนวทางจากการแผ้วถากของซาช่าและทีม ให้รู้ว่าหนังตลกสามารถต่อยอดความสนุกได้ ด้วยการศึกษาความบันเทิงด้วยการเหยียบลงพื้นที่จริง เล่นกับความเป็นจริงของสังคม ปฏิกริยาโต้ตอบจริงๆของผู้คน อันแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่มีต่อการใช้ชีวิต นัยยะนึง ในหนังของ sacha สถานการณ์/ผู้คน ในหนังมักจะเป็นนิโกร เพศที่สาม ชาวต่างด้าว ชนชั้นชายขอบ รวมทั้งสถานการณ์เกี่ยวกับการเหยียดชนชั้น ความเชื่อและความศรัทธา ลัทธิบริโภคนิยม... เราอาจมองผ่านพฤติการณ์อุบาสว์ชาติหมาในเรื่องได้ว่า มันเป็นความจริงอย่างนึงของสังคมวันนี้ และสิ่งที่ผู้คนในหนังแสดงออกมา (โดยที่ไม่รู้ตัว) คือสิ่งที่พวกเค้าตอบโต้ แสดงออกต่อกลไกบางอย่างในสังคมที่อาศัยอยู่
หนังเข้าฉายบ้านเรา 30 ก.ค. นี้
ที่พารากอน และเฮ้าส์ เท่านั้น (แน่ใจว่าที่เฮ้าส์จะไม่ตัด)
หนังไม่เหมาะกับเด็ก สตรีหนีบจิต คนชราจริตแตก ไดโนเสาร์ และคนกลัวอวัยวะเพศ!!!
ตัวอย่างหนังในประเทศไทยจ้ะ
http://www.youtube.com/watch?v=9N2m2BwqkO8
Mockumentary เป็นการสมาสของคำว่า Mock และ Documentary มีความหมายว่า "สารคดีเทียม" หรือถ้าจะพูดให้กว้างกว่านี้ก็คือ "การนำภาพเหตุการณ์จริง (ที่ดันเป็นการเฟคทำขึ้นมา)"
อย่างเช่นหนังคัลต์ในอดีตอย่าง "เปรตเดินดิน กินเนื้อคน" ที่จงใจลวงคนให้เชื่อว่าฟุทเทจในหนังเป็นภาพเหตุการณ์จริง (มีข่าวบอกว่า ผกก. สั่งให้นักแสดงทั้งหมด เก็บตัวหายไปจากสังคมเป็นเวลา1เดือน เพื่อทำให้คนเชื่อว่า--พวกเค้าตายไปแล้วจริงๆ)
หรือหนังอย่าง the blair witch project ก็แอบยืมรูปแบบของ mock มาใช้ในการโปรโมตหนังว่าเรื่องที่เกิดขึ้น จำลองมาจากเหตุการณ์จริง ด้วยการถ่ายทำแบบhome video มันทั้งเรื่อง
นี้จึงเป็นสิ่งที่โดดเด่นอย่างนึงของหนัง 3 เรื่องจากซาช่า เพราะมันถ่ายทำแบบเรียลริตี้-เฟคๆ
หนังใช้วิธีถ่ายทำโดยการกำหนด script ย่อยๆ ตามเส้นเรื่องที่เขียนไว้คร่าวๆ จากนั้นจึงให้ซาช่า สวมบทบาทตัวละครแล้วดำเนินเหตุการณ์นั้นๆด้วยสถานการณ์จริง กับผู้คนจริงๆ (โดยที่คนเหล่านั้น ไม่รู้ตัว)
และก็ Borat เองนั้นแหละที่นำให้วิธีการถ่ายทำแบบกองโจร ซุ่มถ่าย ฮิตขึ้นมา ถือเป็นปรากฎการณ์ที่น่าตื่นตะลึงของวงการหนังตลก (คาดว่าอาจมีผลส่งสืบเนื่องไปยัง สาระแนห้าวเป้ง)
เป็นคำถามที่น่าสนใจว่า ทำไมหนังแบบนี้จึงฮิต เพราะเราอยู่ในสังคมที่สื่อกับความจริงแทบจะกลืนกันเป็นเนื้อเดียวจนแยกไม่ออก
หรือเพราะมันเป็นเทคนิคแปลกใหม่ในการเติมแต่งชีวิตปกติให้มีสีสัน... ความตื่นเต้นจากการถูกแอบถ่าย ความสนุกที่ได้ดูปฏิกริยาผู้คนด้วยอารมณ์จริงๆ ในสถานการณ์ที่จำลองมาแบบ "ยิ้มหน่อยจ้า ดาราจำเป็น" "สาระแนโชว์"
ในขณะที่หนังตลกปัจจุบันเริ่มฝืดเคืองกับมุกที่พยายามปั้นจนหนืด และเสแสร้งพยายามจะฮาแบบไม่ไหวจะเคลียร์
ก็ยังพอมีแนวทางจากการแผ้วถากของซาช่าและทีม ให้รู้ว่าหนังตลกสามารถต่อยอดความสนุกได้ ด้วยการศึกษาความบันเทิงด้วยการเหยียบลงพื้นที่จริง เล่นกับความเป็นจริงของสังคม ปฏิกริยาโต้ตอบจริงๆของผู้คน อันแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่มีต่อการใช้ชีวิต นัยยะนึง ในหนังของ sacha สถานการณ์/ผู้คน ในหนังมักจะเป็นนิโกร เพศที่สาม ชาวต่างด้าว ชนชั้นชายขอบ รวมทั้งสถานการณ์เกี่ยวกับการเหยียดชนชั้น ความเชื่อและความศรัทธา ลัทธิบริโภคนิยม... เราอาจมองผ่านพฤติการณ์อุบาสว์ชาติหมาในเรื่องได้ว่า มันเป็นความจริงอย่างนึงของสังคมวันนี้ และสิ่งที่ผู้คนในหนังแสดงออกมา (โดยที่ไม่รู้ตัว) คือสิ่งที่พวกเค้าตอบโต้ แสดงออกต่อกลไกบางอย่างในสังคมที่อาศัยอยู่
หนังเข้าฉายบ้านเรา 30 ก.ค. นี้
ที่พารากอน และเฮ้าส์ เท่านั้น (แน่ใจว่าที่เฮ้าส์จะไม่ตัด)
หนังไม่เหมาะกับเด็ก สตรีหนีบจิต คนชราจริตแตก ไดโนเสาร์ และคนกลัวอวัยวะเพศ!!!
ตัวอย่างหนังในประเทศไทยจ้ะ
http://www.youtube.com/watch?v=9N2m2BwqkO8

แก้ไขล่าสุด: 28/7/2552 08:31 โดย AguileraAnimato
ไม่อยากเชื่อว่าคนเดิมแสดง หน้าตาเปลี่ยนไปเลยอะ
รักดอก จึงหยอกเล่น
มาดูกันซิว่า Bruno ที่แสนน่ารักน่าชัง ชีไปป่วนที่ไหนบ้าง
มิลานแฟชั่นวีค!!!!!!
ในขณะที่ บารอน โคเฮน และผู้สมรู้ร่วมคิดได้อุปโลกน์ให้ บรูโน่ เป็นหนึ่งในทีมข่าวที่ไปทำข่าวงานแฟชั่นวีคที่ยุโรป พวกเขาก็ได้ศึกษาข้อมูลของแฟชั่นโชว์ต่างๆ ที่เขาสามารถเข้าไปถ่ายทำตามตารางการถ่ายทำ โดยที่ไม่อยากเสี่ยงด้วยการถ่ายทำเพียงเมืองเดียว พวกเขาก็ได้ไปงานแฟชั่นวีคทั้งที่นิวยอร์ค, ปารีส และมิลาน
ทีมงานได้ไปถึงมิลานแฟชั่นวีคในช่วงปลายเดือนกันยายนปี 2008 พวกเขามีไอเดียถึงสิ่งที่ บรูโน่ จะต้องแต่งตัวในชุดสูทที่ทำด้วยตีนตุ๊กแกทั้งชุด ในที่สุด บารอน โคเฮน ก็ก้าวออกจากรถเดินเข้าไปในแฟชั่นวีค แต่ความพยายามครั้งแรกก็ต้องล้มเหลว เมื่อยามรักษาการณ์จำหน้าเขาได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โยนทีมงาน Bruno ออกจากแฟชั่นโชว์ และตั้งข้อหาเขาว่าบุกรุกสถานที่ส่วนตัว
บารอน โคเฮน ยังถูกหมายหัวจากมิลานแฟชั่นวีค โดยทางองค์กรแฟชั่นแห่งประเทศอิตาลีก็ได้ออกจดหมายถึงดีไซน์เนอร์ทุกคนว่า ให้ระวังชายที่ชื่อ บรูโน่ เข้ามาในงานแฟชั่นโชว์ของพวกเขาโดยไม่ได้รับเชิญ ซึ่งถ้าพวกเขาถ้าเจอก็ให้ปฏิเสธไม่ให้เขาและทีมงานเข้างานโดยทันที โดยประกาศนี้ได้ถูกเผยแพร่ทั้งทางทีวี, วิทยุและอินเตอร์เน็ต ซึ่งทำให้บารอน โคเฮน กลายเป็นเหมือนผู้ต้องหาหลบหนีคดี โดยตำรวจมิลานก็ยังได้รับคำสั่งว่า ถ้าเห็น บารอน โคเฮน เมื่อไรก็สามารถจับกุมได้ทันที
แม้แผนการของเขาดูจะยากลำบากมากขึ้น แต่ทีมงานก็ไม่ได้ยอมยกธงขาวอย่างแน่นอน โดย บารอน โคเฮน ได้เกิดไอเดียว่าพวกเขาทุกคนต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก โดยผู้กำกับ ชาร์ล ได้เปลี่ยนทรงผมโกนหนวดโกนเคราออกหมด ในขณะเดียวกันผู้อำนวยการสร้าง มาเซอร์ ก็ได้ตัดผม รวมถึงทีมงานคนอื่นๆที่เครื่องแต่งกายทุกชุดทุกชิ้นของพวกเขาก็ถูกเปลี่ยนใหม่หมด
ในที่สุด ทีมงานก็ได้เปลี่ยนร่างกลายเป็นแฟชั่นนิสต้าเหมือนกับสภาพแวดล้อม นี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะถ่ายฉากชุดตีนตุ๊กแกที่พวกเขาคิดไว้ให้เป็นชิ้นเป็นอัน แต่สิ่งที่ยืนอยู่ระหว่างพวกเขาและฉากก็คือตำรวจ และการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากกว่าเดิม ที่คอยตรวจตราจับตัว บรูโน่ อยู่นั้นเอง
ช่วงเวลาเพียงแค่ 30 นาทื ก่อนที่งานแฟชั่นโชว์ของดีไซน์เนอร์ อกาธา หลุยส์ เดอ ลา ปราด้า ผู้ที่สร้างชีวิตให้กับ บรูโน่ รู้ว่าเขาควรต้องทำยังไงกับโอกาสทองนี้ ทีมงานก็สร้างตัวตนที่น่าเชื่อถือใหม่ของเขา บรูโน่ ไม่ใช่พิธีกรของรายการ Funkyzeit Mit Bruno อีกต่อไป แต่เขาพรางตัวมาในรูปลักษณ์ของช่างภาพชาวอิตาเลียนที่มีเสื้อผ้าเก๋ไก๋
บารอน โคเฮน ได้เข้าไปกับ ไฮนส์ ช่างแต่งหน้าและผู้ร่วมเขียนบทในงานแฟชั่นโชว์ เขาได้เจอมุมเหมาะที่เปิดโอกาสให้เขาได้เปลี่ยนชุดกลายเป็น บรูโน่ เขาพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะเมื่อเขาห่างจากยามรักษาความปลอดภัยเพียงไม่กี่นิ้ว นักแสดงผู้นี้รู้ว่าถ้าเขาถูกเปิดโปงเมื่อไหร่ ก็อาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเขาในการได้ทำแบบนี้ และสิ่งที่พวกเขาได้วางแผนกันไว้ก็จะต้องพังพินาศ อย่างไรก็ตามก่อนที่โชว์จะเริ่ม เขาก็คว้าโอกาสทองและพุ่งตัวออกจากที่หลบซ่อนขึ้นไปในรันเวย์ บารอน โคเฮน เดินวิ่งผ่านเหล่านางแบบที่กำลังยืนตะลึง และในที่สุดเขาก็ถูกรวบโดยยามรักษาความปลอดภัย
ทีมงานสร้างรู้สึกปลื้มปิติเมื่อเห็น บารอน โคเฮน ในคราบของ บรูโน่ ที่กำลังใส่ชุดตีนตุ๊กแกลื่นล้มบนรันเวย์ ผู้ชมต่างส่งเสียงโห่อื้ออึงในขณะที่กล้องก็กำลังถ่ายไป จนเมื่อทีมงานได้ภาพตามที่ต้องการแล้ว ทางทีมรักษาความปลอดภัยก็จัดการปิดไฟและลาก บารอน โคเฮน ลงจากรันเวย์ ตำรวจใส่กุญแจมือเขาและพาตัวเขาไปขังในคุก ในขณะที่ทีมงานคนอื่นๆก็กำลังใล่ตามเขา ถึงแม้ว่าเขาจะแก้ตัวว่าตัวเองทำผิดพลาดโดยสุจริต แต่ บารอน โคเฮน ก็ถูกเปลื้องผ้าค้นตัว และถูกสอบปากคำโดยตำรวจถึงเจ็ดนาย
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สะทกสะท้าย เพราะทีมงานได้มุ่งหน้าไปในการผจญภัยครั้งต่อไป โดยไม่ถึงวันหลังจากที่ บารอน โคเฮน ต้องผ่านการตรวจตราร่างกายแบบหมดจด เขาเอ่ยขึ้นมาว่า "พวกเขาจะไปแฟชั่นวีคที่ปารีสอาทิตย์หน้าต่อกันเลยไหม" ทีมงานคนอื่นๆก็ต่างตอบว่า "ได้เลย... มุ่งหน้าสู่ปารีส" พวกเขาถ่ายทำกันภายในสองวันในเดือนตุลาคม และได้ที่นั่งดีในการแฟชั่นโชว์ของ สเตล่า แม็คคาร์นี่ย์ และ Jean-Charles de Castelbajac ซึ่ง บรูโน่ เองก็ได้ใส่ชุดที่เวิ่นเว้ออีกครั้ง
พวกเขายังได้ไปถ่ายทำกันในไนท์คลับที่เบอร์ลิน ซึ่งเป็นฉากที่ บรูโน่ บอกลาโลกแห่งแฟชั่น โดยในระหว่างค่ำคืนอันแสนบ้าคลั่ง บรูโน่ ก็ได้แอบเข้าไปในบู๊ทของดีเจ ปิดเพลงที่กำลังแผดเสียงอยู่ และได้มอบสุนทรพจน์ความยาวกว่า 10 นาทีให้กับนักเที่ยวที่กำลังยืนงงอยู่
ตามคำบอกเล่าของแฟชั่นนิสต้าเสียสติคนนี้ เขาบอกผู้ฟังว่าสุนทรพจน์นี้ "สำคัญที่สุดนับตั้งแต่คำสุนทรพจน์ของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์” คงจะไม่ต้องเดาให้มากความ เมื่อนักเที่ยวที่ถวิลหาเสียงดนตรีต่างรู้สึกไม่พอใจ โดยเฉพาะเมื่อดนตรีของพวกเขาถูกปิดลง และเริ่มด่าทอใส่คนแปลกหน้าที่จู่ๆมาพล่ามอะไรให้ฟัง ในที่สุดยามรักษาความปลอดภัยของคลับก็มาโยน บรูโน่ ออกไป ในขณะที่พวกคนเมาที่ไม่พอใจก็เริ่มที่จะทำร้ายร่างกาย บรูโน่ โดยพวกเขาก็ยังได้อัดนักแสดงเข้าที่คอ ในขณะที่อีกคนก็ฉีกเสื้อผ้าเขา
(ข้อมูลจาก สหมงคลฟิลม์ ขอบคุณสำหรับproduction noteครับ)
มาดูกันซิว่า Bruno ที่แสนน่ารักน่าชัง ชีไปป่วนที่ไหนบ้าง
มิลานแฟชั่นวีค!!!!!!
ในขณะที่ บารอน โคเฮน และผู้สมรู้ร่วมคิดได้อุปโลกน์ให้ บรูโน่ เป็นหนึ่งในทีมข่าวที่ไปทำข่าวงานแฟชั่นวีคที่ยุโรป พวกเขาก็ได้ศึกษาข้อมูลของแฟชั่นโชว์ต่างๆ ที่เขาสามารถเข้าไปถ่ายทำตามตารางการถ่ายทำ โดยที่ไม่อยากเสี่ยงด้วยการถ่ายทำเพียงเมืองเดียว พวกเขาก็ได้ไปงานแฟชั่นวีคทั้งที่นิวยอร์ค, ปารีส และมิลาน
ทีมงานได้ไปถึงมิลานแฟชั่นวีคในช่วงปลายเดือนกันยายนปี 2008 พวกเขามีไอเดียถึงสิ่งที่ บรูโน่ จะต้องแต่งตัวในชุดสูทที่ทำด้วยตีนตุ๊กแกทั้งชุด ในที่สุด บารอน โคเฮน ก็ก้าวออกจากรถเดินเข้าไปในแฟชั่นวีค แต่ความพยายามครั้งแรกก็ต้องล้มเหลว เมื่อยามรักษาการณ์จำหน้าเขาได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โยนทีมงาน Bruno ออกจากแฟชั่นโชว์ และตั้งข้อหาเขาว่าบุกรุกสถานที่ส่วนตัว
บารอน โคเฮน ยังถูกหมายหัวจากมิลานแฟชั่นวีค โดยทางองค์กรแฟชั่นแห่งประเทศอิตาลีก็ได้ออกจดหมายถึงดีไซน์เนอร์ทุกคนว่า ให้ระวังชายที่ชื่อ บรูโน่ เข้ามาในงานแฟชั่นโชว์ของพวกเขาโดยไม่ได้รับเชิญ ซึ่งถ้าพวกเขาถ้าเจอก็ให้ปฏิเสธไม่ให้เขาและทีมงานเข้างานโดยทันที โดยประกาศนี้ได้ถูกเผยแพร่ทั้งทางทีวี, วิทยุและอินเตอร์เน็ต ซึ่งทำให้บารอน โคเฮน กลายเป็นเหมือนผู้ต้องหาหลบหนีคดี โดยตำรวจมิลานก็ยังได้รับคำสั่งว่า ถ้าเห็น บารอน โคเฮน เมื่อไรก็สามารถจับกุมได้ทันที
แม้แผนการของเขาดูจะยากลำบากมากขึ้น แต่ทีมงานก็ไม่ได้ยอมยกธงขาวอย่างแน่นอน โดย บารอน โคเฮน ได้เกิดไอเดียว่าพวกเขาทุกคนต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก โดยผู้กำกับ ชาร์ล ได้เปลี่ยนทรงผมโกนหนวดโกนเคราออกหมด ในขณะเดียวกันผู้อำนวยการสร้าง มาเซอร์ ก็ได้ตัดผม รวมถึงทีมงานคนอื่นๆที่เครื่องแต่งกายทุกชุดทุกชิ้นของพวกเขาก็ถูกเปลี่ยนใหม่หมด
ในที่สุด ทีมงานก็ได้เปลี่ยนร่างกลายเป็นแฟชั่นนิสต้าเหมือนกับสภาพแวดล้อม นี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะถ่ายฉากชุดตีนตุ๊กแกที่พวกเขาคิดไว้ให้เป็นชิ้นเป็นอัน แต่สิ่งที่ยืนอยู่ระหว่างพวกเขาและฉากก็คือตำรวจ และการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากกว่าเดิม ที่คอยตรวจตราจับตัว บรูโน่ อยู่นั้นเอง
ช่วงเวลาเพียงแค่ 30 นาทื ก่อนที่งานแฟชั่นโชว์ของดีไซน์เนอร์ อกาธา หลุยส์ เดอ ลา ปราด้า ผู้ที่สร้างชีวิตให้กับ บรูโน่ รู้ว่าเขาควรต้องทำยังไงกับโอกาสทองนี้ ทีมงานก็สร้างตัวตนที่น่าเชื่อถือใหม่ของเขา บรูโน่ ไม่ใช่พิธีกรของรายการ Funkyzeit Mit Bruno อีกต่อไป แต่เขาพรางตัวมาในรูปลักษณ์ของช่างภาพชาวอิตาเลียนที่มีเสื้อผ้าเก๋ไก๋
บารอน โคเฮน ได้เข้าไปกับ ไฮนส์ ช่างแต่งหน้าและผู้ร่วมเขียนบทในงานแฟชั่นโชว์ เขาได้เจอมุมเหมาะที่เปิดโอกาสให้เขาได้เปลี่ยนชุดกลายเป็น บรูโน่ เขาพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะเมื่อเขาห่างจากยามรักษาความปลอดภัยเพียงไม่กี่นิ้ว นักแสดงผู้นี้รู้ว่าถ้าเขาถูกเปิดโปงเมื่อไหร่ ก็อาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเขาในการได้ทำแบบนี้ และสิ่งที่พวกเขาได้วางแผนกันไว้ก็จะต้องพังพินาศ อย่างไรก็ตามก่อนที่โชว์จะเริ่ม เขาก็คว้าโอกาสทองและพุ่งตัวออกจากที่หลบซ่อนขึ้นไปในรันเวย์ บารอน โคเฮน เดินวิ่งผ่านเหล่านางแบบที่กำลังยืนตะลึง และในที่สุดเขาก็ถูกรวบโดยยามรักษาความปลอดภัย
ทีมงานสร้างรู้สึกปลื้มปิติเมื่อเห็น บารอน โคเฮน ในคราบของ บรูโน่ ที่กำลังใส่ชุดตีนตุ๊กแกลื่นล้มบนรันเวย์ ผู้ชมต่างส่งเสียงโห่อื้ออึงในขณะที่กล้องก็กำลังถ่ายไป จนเมื่อทีมงานได้ภาพตามที่ต้องการแล้ว ทางทีมรักษาความปลอดภัยก็จัดการปิดไฟและลาก บารอน โคเฮน ลงจากรันเวย์ ตำรวจใส่กุญแจมือเขาและพาตัวเขาไปขังในคุก ในขณะที่ทีมงานคนอื่นๆก็กำลังใล่ตามเขา ถึงแม้ว่าเขาจะแก้ตัวว่าตัวเองทำผิดพลาดโดยสุจริต แต่ บารอน โคเฮน ก็ถูกเปลื้องผ้าค้นตัว และถูกสอบปากคำโดยตำรวจถึงเจ็ดนาย
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สะทกสะท้าย เพราะทีมงานได้มุ่งหน้าไปในการผจญภัยครั้งต่อไป โดยไม่ถึงวันหลังจากที่ บารอน โคเฮน ต้องผ่านการตรวจตราร่างกายแบบหมดจด เขาเอ่ยขึ้นมาว่า "พวกเขาจะไปแฟชั่นวีคที่ปารีสอาทิตย์หน้าต่อกันเลยไหม" ทีมงานคนอื่นๆก็ต่างตอบว่า "ได้เลย... มุ่งหน้าสู่ปารีส" พวกเขาถ่ายทำกันภายในสองวันในเดือนตุลาคม และได้ที่นั่งดีในการแฟชั่นโชว์ของ สเตล่า แม็คคาร์นี่ย์ และ Jean-Charles de Castelbajac ซึ่ง บรูโน่ เองก็ได้ใส่ชุดที่เวิ่นเว้ออีกครั้ง
พวกเขายังได้ไปถ่ายทำกันในไนท์คลับที่เบอร์ลิน ซึ่งเป็นฉากที่ บรูโน่ บอกลาโลกแห่งแฟชั่น โดยในระหว่างค่ำคืนอันแสนบ้าคลั่ง บรูโน่ ก็ได้แอบเข้าไปในบู๊ทของดีเจ ปิดเพลงที่กำลังแผดเสียงอยู่ และได้มอบสุนทรพจน์ความยาวกว่า 10 นาทีให้กับนักเที่ยวที่กำลังยืนงงอยู่
ตามคำบอกเล่าของแฟชั่นนิสต้าเสียสติคนนี้ เขาบอกผู้ฟังว่าสุนทรพจน์นี้ "สำคัญที่สุดนับตั้งแต่คำสุนทรพจน์ของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์” คงจะไม่ต้องเดาให้มากความ เมื่อนักเที่ยวที่ถวิลหาเสียงดนตรีต่างรู้สึกไม่พอใจ โดยเฉพาะเมื่อดนตรีของพวกเขาถูกปิดลง และเริ่มด่าทอใส่คนแปลกหน้าที่จู่ๆมาพล่ามอะไรให้ฟัง ในที่สุดยามรักษาความปลอดภัยของคลับก็มาโยน บรูโน่ ออกไป ในขณะที่พวกคนเมาที่ไม่พอใจก็เริ่มที่จะทำร้ายร่างกาย บรูโน่ โดยพวกเขาก็ยังได้อัดนักแสดงเข้าที่คอ ในขณะที่อีกคนก็ฉีกเสื้อผ้าเขา
(ข้อมูลจาก สหมงคลฟิลม์ ขอบคุณสำหรับproduction noteครับ)

ค่ายทหารแห่งอัลลาบาม่า
หลังจาก บรูโน่ ตัดสินใจว่า เขาจะเป็นชายแท้เพื่อค้นหาความสำเร็จ เขาเดินทางข้ามทวีปเพื่อที่จะแก้การเป็นเกย์ ซึ่งสถานที่ที่จะจุดมุ่งหมายนี้ให้สำเร็จก็คือค่ายทหารที่อัลลาบาม่า ซึ่งก็เป็นโชคร้ายสำหรับค่ายทหารแห่งนี้ ที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากผู้บุกรุกคนนี้ได้
ทีมงานได้วางแผนว่าพวกเขาจะขอความช่วยเหลือจากกองกำลังห้องกันแห่งชาติ โดยพวกเขาได้อธิบายว่าจุดประสงค์ในการมาเยี่ยมครั้งนี้ ก็คือให้ผู้ชมทางบ้านรู้ว่ามันเป็นอย่างไรบ้างในการใช้ชีวิต และทำงานเป็นพลทหารในโรงเรียนฝึกการเป็นทหาร ซึ่งเมื่ออยู่ในนั้นแล้ว บารอน โคเฮน ที่แต่งตัวแฟชั่นลายทหารใหม่ล่าสุด (โดลเช่ แอนด์ กาบบาน่า) และหลอกล่อให้นายทหารสองคนกลายเป็นดาราจำเป็น
มันไม่ใช่วันที่ดีของกองกำลังป้องกันแห่งชาติ เมื่อรถแวนของทีมงานเดินทางมาถึงสถานที่ฝึก ก็ดูจะไม่มีใครถามถึงบัตรแสดงความเป็นตัวตนเลย และที่ยิ่งแปลกไปกว่านั้น มันกลายเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ทีมงานมั่นใจว่า ลูกบ้าเที่ยวล่าสุดของพวกเขาจะต้องทำสำเร็จแน่
ในขณะที่พวกเขากำลังเก็บภาพที่ต้องการ ทีมงานก็ได้ยินเสียงตระโกนจากพลทหารที่ฝึกอยู่ว่า บารอน โคเฮน อยู่ในค่ายฝึกทหารแห่งนี้ พวกเขาจึงตัดสินใจเก็บข้ามของและบึ่งออกจากค่ายโดยทันที พวกเขาพาตัว บารอน โคเฮน จับใส่รถแวนแล้วขับมุ่งหน้าไปหาประตูทางเข้าออก ทางทหารที่รู้ตัวว่าโดนหลอกก็ตระโกนไล่หลัง พร้อมกับสั่งให้ปิดประตูหน้า พวกเขารอดมาได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งถ้ามันช้าไปกว่านั้นอีกเพียงแค่สิบวินาที ทีมงานก็คงต้องเสียฟุตเทจทั้งหมด รวมถึงไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกพักใหญ่อย่างแน่นอน
(ข้อมูลจาก สหมงคลฟิลม์ ขอบคุณสำหรับproduction noteครับ)
หลังจาก บรูโน่ ตัดสินใจว่า เขาจะเป็นชายแท้เพื่อค้นหาความสำเร็จ เขาเดินทางข้ามทวีปเพื่อที่จะแก้การเป็นเกย์ ซึ่งสถานที่ที่จะจุดมุ่งหมายนี้ให้สำเร็จก็คือค่ายทหารที่อัลลาบาม่า ซึ่งก็เป็นโชคร้ายสำหรับค่ายทหารแห่งนี้ ที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากผู้บุกรุกคนนี้ได้
ทีมงานได้วางแผนว่าพวกเขาจะขอความช่วยเหลือจากกองกำลังห้องกันแห่งชาติ โดยพวกเขาได้อธิบายว่าจุดประสงค์ในการมาเยี่ยมครั้งนี้ ก็คือให้ผู้ชมทางบ้านรู้ว่ามันเป็นอย่างไรบ้างในการใช้ชีวิต และทำงานเป็นพลทหารในโรงเรียนฝึกการเป็นทหาร ซึ่งเมื่ออยู่ในนั้นแล้ว บารอน โคเฮน ที่แต่งตัวแฟชั่นลายทหารใหม่ล่าสุด (โดลเช่ แอนด์ กาบบาน่า) และหลอกล่อให้นายทหารสองคนกลายเป็นดาราจำเป็น
มันไม่ใช่วันที่ดีของกองกำลังป้องกันแห่งชาติ เมื่อรถแวนของทีมงานเดินทางมาถึงสถานที่ฝึก ก็ดูจะไม่มีใครถามถึงบัตรแสดงความเป็นตัวตนเลย และที่ยิ่งแปลกไปกว่านั้น มันกลายเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ทีมงานมั่นใจว่า ลูกบ้าเที่ยวล่าสุดของพวกเขาจะต้องทำสำเร็จแน่
ในขณะที่พวกเขากำลังเก็บภาพที่ต้องการ ทีมงานก็ได้ยินเสียงตระโกนจากพลทหารที่ฝึกอยู่ว่า บารอน โคเฮน อยู่ในค่ายฝึกทหารแห่งนี้ พวกเขาจึงตัดสินใจเก็บข้ามของและบึ่งออกจากค่ายโดยทันที พวกเขาพาตัว บารอน โคเฮน จับใส่รถแวนแล้วขับมุ่งหน้าไปหาประตูทางเข้าออก ทางทหารที่รู้ตัวว่าโดนหลอกก็ตระโกนไล่หลัง พร้อมกับสั่งให้ปิดประตูหน้า พวกเขารอดมาได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งถ้ามันช้าไปกว่านั้นอีกเพียงแค่สิบวินาที ทีมงานก็คงต้องเสียฟุตเทจทั้งหมด รวมถึงไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกพักใหญ่อย่างแน่นอน
(ข้อมูลจาก สหมงคลฟิลม์ ขอบคุณสำหรับproduction noteครับ)

ยิ้มหน่อยจ้า ดาราจำเป็น
มาดูกันซิว่า เซเลบคนไหนบ้างที่ตกหลุมพรางของบรูโน่และทีมงาน
Madonna
เธอคนนี้ไม่ได้มาปรากฎตัวในหนัง แต่ก็มีฉากนึงที่บรูโน่พาดพึงถึง และมันสร้างความรู้สึกไม่พอใจกับเธอมาก
ซาช่า บารอน โคเฮน กล่าวคำขอโทษเจ้าแม่ขาแด๊นส์มาดอนน่า หลังจากล้อเลียนเธอใน Bruno ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขา โดยส่งดอกไม้และจดหมายมาเพื่อแสดงความขอโทษ
ในตอนหนึ่งเขาได้ล้อเลียนการรับบุตรบุญธรรมจากชาติโลกที่สามมาเลี้ยง โดยเป็นฉากที่ บรูโน่ หยิบทารกชาวแอฟริกัน ออกมาจากกล่องไม้ในรางรับสัมภาระที่เครื่องบิน ก่อนที่จะหันมาที่กล้องแล้วพูดว่า "แองเจลิน่า ก็มีคนนึง, มาดอนน่า ก็มีคนนึง, ตอนนี้ บรูโน่ ก็มีแล้วคนนึง"
มาดอนน่า ซึ่งประสบกับปัญหาการรับเลี้ยงดู เมอร์ซี่ เจมส์ วัยสามขวบ หลังจากถูกศาลตอบปฏิเสธในการเลี้ยงดู ซึ่งทำให้ โคเฮน ได้ออกมากล่าวขอโทษว่า มุขนี้ของเขาดูไร้น้ำใจกับสิ่งที่ มาดอนน่า เผชิญอยู่ตอนนี้
ตัวแทนของ โคเฮน แถลงว่า "ซาช่า เป็นนักแสดงตลกที่กล้าบ้าบิ่น ซึ่งถ้าเขาทำให้คนหัวเสียในมุขตลกของเขา มันก็อาจเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ มาดอนน่า ออกมาพูดว่ามุขนี้ของเขาดูแล้งน้ำใจเกินไปหน่อย ซึ่งเขาก็เข้าใจดีและส่งดอกไม้พร้อมการ์ดคำขอโทษที่เขียนว่า "อย่าเคืองกันเลยนะ"
(ข้อมูลจาก สหมงคลฟิลม์ ขอบคุณสำหรับproduction noteครับ)
มาดูกันซิว่า เซเลบคนไหนบ้างที่ตกหลุมพรางของบรูโน่และทีมงาน
Madonna
เธอคนนี้ไม่ได้มาปรากฎตัวในหนัง แต่ก็มีฉากนึงที่บรูโน่พาดพึงถึง และมันสร้างความรู้สึกไม่พอใจกับเธอมาก
ซาช่า บารอน โคเฮน กล่าวคำขอโทษเจ้าแม่ขาแด๊นส์มาดอนน่า หลังจากล้อเลียนเธอใน Bruno ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขา โดยส่งดอกไม้และจดหมายมาเพื่อแสดงความขอโทษ
ในตอนหนึ่งเขาได้ล้อเลียนการรับบุตรบุญธรรมจากชาติโลกที่สามมาเลี้ยง โดยเป็นฉากที่ บรูโน่ หยิบทารกชาวแอฟริกัน ออกมาจากกล่องไม้ในรางรับสัมภาระที่เครื่องบิน ก่อนที่จะหันมาที่กล้องแล้วพูดว่า "แองเจลิน่า ก็มีคนนึง, มาดอนน่า ก็มีคนนึง, ตอนนี้ บรูโน่ ก็มีแล้วคนนึง"
มาดอนน่า ซึ่งประสบกับปัญหาการรับเลี้ยงดู เมอร์ซี่ เจมส์ วัยสามขวบ หลังจากถูกศาลตอบปฏิเสธในการเลี้ยงดู ซึ่งทำให้ โคเฮน ได้ออกมากล่าวขอโทษว่า มุขนี้ของเขาดูไร้น้ำใจกับสิ่งที่ มาดอนน่า เผชิญอยู่ตอนนี้
ตัวแทนของ โคเฮน แถลงว่า "ซาช่า เป็นนักแสดงตลกที่กล้าบ้าบิ่น ซึ่งถ้าเขาทำให้คนหัวเสียในมุขตลกของเขา มันก็อาจเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ มาดอนน่า ออกมาพูดว่ามุขนี้ของเขาดูแล้งน้ำใจเกินไปหน่อย ซึ่งเขาก็เข้าใจดีและส่งดอกไม้พร้อมการ์ดคำขอโทษที่เขียนว่า "อย่าเคืองกันเลยนะ"
(ข้อมูลจาก สหมงคลฟิลม์ ขอบคุณสำหรับproduction noteครับ)

พอลล่า อับดุล
นักร้องทีนป๊อปจากยุค 80 และปัจจุบันเป็นหนึ่งในกรรมการเวทีการประกวดร้องเพลง American Idol เล่าถึงการที่ตัวเองกลายเป็นดาราจำเป็นใน Bruno ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ ซาช่า บารอน โคเฮน
โดย พอลล่า ได้รับโทรศัพท์ที่บอกว่า เธอถูกโหวตให้เป็นศิลปินยอดเยี่ยมประจำปีของประเทศเยอรมัน และถูกเชิญให้ไปสัมภาษณ์ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แต่เมื่อเธอเดินทางมาถึงบางอย่างก็ดูแปลกๆ เมื่อเธอได้พบกับ บรูโน่ ผู้ชายแต่งตัวประหลาดที่ไว้ผมทรงโมฮ๊อกส์ ซึ่งตอนแรกเธอก็คิดว่า มันอาจจะเป็นเหมือนกับเกมส์โชว์เพี้ยนๆจากประเทศญี่ปุ่น
แต่เธอก็สังหรณ์ใจอีกครั้ง เมื่อในห้องสัมภาณ์นั้นไม่มีเฟอร์นิเจอร์เลยสักชิ้นเดียว จากนั้น บรูโน่ ก็เรียกให้คนตัดหญ้าชาวเม็กซิกันคลานเข้ามาทำตัวเป็นเก้าอี้ เขาบอกให้ให้ พอลล่า นั่งลงบนตัวพวกเขา ซึ่งเธอก็ตอบปฏิเสธ แต่เขาก็พยายามกดตัวเธอให้นั่งลงไป ก่อนที่จะเตะอีกชาวเม็กซิกันอีกคนให้ล้มลง
ถึงตอนนี้ พอลล่า ก็รู้แล้วว่านี้มันผิดปกติแบบสุดๆ เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากห้องสัมภาษณ์ โดยมี บรูโน่ และทีมช่างภาพวิ่งตามไปจนเธอขึ้นรถหนีไป
แน่นอนที่ พอลล่า อับดุล ไม่ได้รับรางวัลที่ว่านี้จริงๆ
(ข้อมูลจาก สหมงคลฟิลม์ ขอบคุณสำหรับproduction noteครับ)
นักร้องทีนป๊อปจากยุค 80 และปัจจุบันเป็นหนึ่งในกรรมการเวทีการประกวดร้องเพลง American Idol เล่าถึงการที่ตัวเองกลายเป็นดาราจำเป็นใน Bruno ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ ซาช่า บารอน โคเฮน
โดย พอลล่า ได้รับโทรศัพท์ที่บอกว่า เธอถูกโหวตให้เป็นศิลปินยอดเยี่ยมประจำปีของประเทศเยอรมัน และถูกเชิญให้ไปสัมภาษณ์ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แต่เมื่อเธอเดินทางมาถึงบางอย่างก็ดูแปลกๆ เมื่อเธอได้พบกับ บรูโน่ ผู้ชายแต่งตัวประหลาดที่ไว้ผมทรงโมฮ๊อกส์ ซึ่งตอนแรกเธอก็คิดว่า มันอาจจะเป็นเหมือนกับเกมส์โชว์เพี้ยนๆจากประเทศญี่ปุ่น
แต่เธอก็สังหรณ์ใจอีกครั้ง เมื่อในห้องสัมภาณ์นั้นไม่มีเฟอร์นิเจอร์เลยสักชิ้นเดียว จากนั้น บรูโน่ ก็เรียกให้คนตัดหญ้าชาวเม็กซิกันคลานเข้ามาทำตัวเป็นเก้าอี้ เขาบอกให้ให้ พอลล่า นั่งลงบนตัวพวกเขา ซึ่งเธอก็ตอบปฏิเสธ แต่เขาก็พยายามกดตัวเธอให้นั่งลงไป ก่อนที่จะเตะอีกชาวเม็กซิกันอีกคนให้ล้มลง
ถึงตอนนี้ พอลล่า ก็รู้แล้วว่านี้มันผิดปกติแบบสุดๆ เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากห้องสัมภาษณ์ โดยมี บรูโน่ และทีมช่างภาพวิ่งตามไปจนเธอขึ้นรถหนีไป
แน่นอนที่ พอลล่า อับดุล ไม่ได้รับรางวัลที่ว่านี้จริงๆ
(ข้อมูลจาก สหมงคลฟิลม์ ขอบคุณสำหรับproduction noteครับ)

Chris Martin and all his dumb friends
นักแสดงตลก ซาช่า บารอน โคเฮน ได้รวบรวมรายชื่อนักร้องซุปเปอร์สตาร์ อาทิเช่น โบโน่ จากวง U2, คริส มาร์ติน จากวง Coldplay, สติงค์ นักร้องนำจากวง The Police และกลุ่มศิลปิน The Village People เพื่อมาร่วมกันอัดเสียงเพื่อใช้ในภาพยนตร์สุดอื้อฉาวเรื่อง Bruno โดยเขายังพยายามจัดคอนเสิร์ตเพื่อการกุศลแบบหลอกๆขึ้นมา
โดยเขาใช้ชื่อเพลงนี้ว่า Dove of Peace ซึ่งมีเนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่ร้องว่า "สำหรับชาวแอฟริกันที่ใช้ชีวิตอยู่ในนรก และไม่มีโอกาสได้สวมใส่ปราด้า"
ซึ่งเมื่อ คริส มาร์ติน นักร้องนำวง Coldplay รู้ความจริงว่าตัวเองกำลังโดนหลอก เขาก็รู้สึกขำสุดๆ โดยผู้จัดการวงได้เล่าถึงตอนที่ คริส กำลังบันทึกเสียงว่า "คริส มาร์ติน หยุดหัวเราะไม่ได้เลยในขณะที่บันทึกเสียง ทุกท่อนของเนื้อเพลงเต็มไปด้วยมุขตลกร้าย"
โคเฮน ยังถือโอกาสชวนเพื่อนเก่าของเขาอย่าง มาดอนน่า เพื่อมาร่วมร้องเพลงด้วย โดยตัวแทนของ โคเฮน ได้ออกมาเล่าว่า "มาดอนน่า เคยร่วมงานกับ โคเฮน ในมิวสิควีดีโอ เขาจึงเลยติดต่อไปทางผู้จัดการของเธอ ซึ่งถ้าเขาได้ตัวเธอมา มันก็จะเป็นการรวมศิลปินมาร้องเพลงล้อที่ยิ่งใหญและประสบความสำเร็จที่สุด และโดยเพลงนี้จะถูกปล่อยเป็นซิงเกี้ลด้วย"
(ข้อมูลจาก สหมงคลฟิลม์ ขอบคุณสำหรับproduction noteครับ)
นักแสดงตลก ซาช่า บารอน โคเฮน ได้รวบรวมรายชื่อนักร้องซุปเปอร์สตาร์ อาทิเช่น โบโน่ จากวง U2, คริส มาร์ติน จากวง Coldplay, สติงค์ นักร้องนำจากวง The Police และกลุ่มศิลปิน The Village People เพื่อมาร่วมกันอัดเสียงเพื่อใช้ในภาพยนตร์สุดอื้อฉาวเรื่อง Bruno โดยเขายังพยายามจัดคอนเสิร์ตเพื่อการกุศลแบบหลอกๆขึ้นมา
โดยเขาใช้ชื่อเพลงนี้ว่า Dove of Peace ซึ่งมีเนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่ร้องว่า "สำหรับชาวแอฟริกันที่ใช้ชีวิตอยู่ในนรก และไม่มีโอกาสได้สวมใส่ปราด้า"
ซึ่งเมื่อ คริส มาร์ติน นักร้องนำวง Coldplay รู้ความจริงว่าตัวเองกำลังโดนหลอก เขาก็รู้สึกขำสุดๆ โดยผู้จัดการวงได้เล่าถึงตอนที่ คริส กำลังบันทึกเสียงว่า "คริส มาร์ติน หยุดหัวเราะไม่ได้เลยในขณะที่บันทึกเสียง ทุกท่อนของเนื้อเพลงเต็มไปด้วยมุขตลกร้าย"
โคเฮน ยังถือโอกาสชวนเพื่อนเก่าของเขาอย่าง มาดอนน่า เพื่อมาร่วมร้องเพลงด้วย โดยตัวแทนของ โคเฮน ได้ออกมาเล่าว่า "มาดอนน่า เคยร่วมงานกับ โคเฮน ในมิวสิควีดีโอ เขาจึงเลยติดต่อไปทางผู้จัดการของเธอ ซึ่งถ้าเขาได้ตัวเธอมา มันก็จะเป็นการรวมศิลปินมาร้องเพลงล้อที่ยิ่งใหญและประสบความสำเร็จที่สุด และโดยเพลงนี้จะถูกปล่อยเป็นซิงเกี้ลด้วย"
(ข้อมูลจาก สหมงคลฟิลม์ ขอบคุณสำหรับproduction noteครับ)

Eminem
เหตุการณ์นี้เพิ่งเป็นประเด็นร้อนไปเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมาที่งาน MTV Movie Awards ซาช่า บารอน โคเฮน ได้สวมบทเป็น บรูโน่ ในชุดกามเทพเกย์ โรยตัวลงมาจากเพดานแล้วเอาหว่างขาไปคร่อมอยู่บนใบหน้าของ อิมิเน็ม จนทำให้แร๊ปเปอร์ชื่อดังรู้สึกหัวเสียแบบสุดๆ แล้วเดินออกไปจากงานประกาศผลรางวัลทันที
โดยหลังจากงานประกวด ปารีส ฮิลตัน ไฮโซสาวชื่อดังได้ออกมาเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "มันเป็นเรื่องจริงแน่นอนค่ะ ฉันได้เข้าไปถาม อิมิเน็ม ในปาร์ตี้ส่วนตัวของเขา เขาบอกว่าตัวเองรู้สึกโกรธมาก เพราะอยู่ดีๆก็มีคนเอาอวัยวะส่วนล่างของร่างกายมาวางไว้บนหน้าของเขา เป็นใครจะไม่โกรธล่ะ"
แต่ทางผู้จัดการการประกวดก็ออกมาบอกว่า สิ่งที่ผู้ชมเห็นเป็นเพียงแค่การแสดงเท่านั้น โดยทั้ง โคเฮน และ อิมิเน็ม ต่างซักซ้อมเอาไว้แล้วสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงแต่มันออกมามากกว่าที่ซ้อมเอาไว้หน่อย ซึ่งก็ทำให้แร๊ปเปอร์หนุ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาจริงๆ
ทางด้าน อิมิเน็ม เขาก็ยังไม่ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ที่ว่านี้แต่อย่างใด
(ข้อมูลจาก สหมงคลฟิลม์ ขอบคุณสำหรับproduction noteครับ)
เหตุการณ์นี้เพิ่งเป็นประเด็นร้อนไปเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมาที่งาน MTV Movie Awards ซาช่า บารอน โคเฮน ได้สวมบทเป็น บรูโน่ ในชุดกามเทพเกย์ โรยตัวลงมาจากเพดานแล้วเอาหว่างขาไปคร่อมอยู่บนใบหน้าของ อิมิเน็ม จนทำให้แร๊ปเปอร์ชื่อดังรู้สึกหัวเสียแบบสุดๆ แล้วเดินออกไปจากงานประกาศผลรางวัลทันที
โดยหลังจากงานประกวด ปารีส ฮิลตัน ไฮโซสาวชื่อดังได้ออกมาเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "มันเป็นเรื่องจริงแน่นอนค่ะ ฉันได้เข้าไปถาม อิมิเน็ม ในปาร์ตี้ส่วนตัวของเขา เขาบอกว่าตัวเองรู้สึกโกรธมาก เพราะอยู่ดีๆก็มีคนเอาอวัยวะส่วนล่างของร่างกายมาวางไว้บนหน้าของเขา เป็นใครจะไม่โกรธล่ะ"
แต่ทางผู้จัดการการประกวดก็ออกมาบอกว่า สิ่งที่ผู้ชมเห็นเป็นเพียงแค่การแสดงเท่านั้น โดยทั้ง โคเฮน และ อิมิเน็ม ต่างซักซ้อมเอาไว้แล้วสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงแต่มันออกมามากกว่าที่ซ้อมเอาไว้หน่อย ซึ่งก็ทำให้แร๊ปเปอร์หนุ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาจริงๆ
ทางด้าน อิมิเน็ม เขาก็ยังไม่ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ที่ว่านี้แต่อย่างใด
(ข้อมูลจาก สหมงคลฟิลม์ ขอบคุณสำหรับproduction noteครับ)

Ron Paul
ผู้เคยเป็นหนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิปดีประจำปี 2008 รู้สึกโกรธเมื่อนักแสดงตลก ซาช่า บารอน โคเฮน ล่อลวงให้เขามีเพศสัมพันธ์ด้วยในภาพยนตร์เรื่องล่าสุด Bruno
พอล ซึ่งเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรจากรัฐเท็กซัส ได้ออกมาเผยว่า โคเฮน ได้หลอกเขาให้เข้าไปสัมภาษณ์พิเศษ โดยอ้างว่าตัวเองเป็นผู้สื่อข่าวเรื่องด้านการเงินและการลงทุน ก่อนที่จะเปลื้องผ้าต่อหน้านักการเมืองเพื่อที่จะเสนอตัวให้ โดย พอล รู้สึกงงกับเรื่งอที่เกิดขึ้น จนเมื่อเขาเห็นตัวเองในหนังตัวอย่างที่ถูกปล่อยฉายทั่วโลก
พอล เล่าถึงเหตุการณ์นี้ว่า "ผมรอการถูกสัมภาษณ์โดยผู้สื่อข่าวด้านการเงินจากประเทศออสเตรีย แต่เมื่อ โคเฮน เข้ามาเขาก็ถอดกางเกงลงและเสื้อคลุม ตอนนั้นผมคิดในใจว่า "เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย" ผมวิ่งออกจากห้องนั้นทันทีโดยไม่มีการสัมภาษณ์เกิดขึ้น ผมคิดว่านี้มันเป็นการแกล้งกันที่แย่ที่สุด"
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ โคเฮน เจอแบบนี้ โดยใน Borat ภาพยนตร์เรื่องที่แล้วของเขา ดาราและประชาชนหลายคนขู่ว่าจะฟ้อง โคเฮน ในข้อหาที่พวกเขาถูกทำให้อับอายโดยที่เจ้าตัวไม่รู้
(ข้อมูลจาก สหมงคลฟิลม์ ขอบคุณสำหรับproduction noteครับ)
ผู้เคยเป็นหนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิปดีประจำปี 2008 รู้สึกโกรธเมื่อนักแสดงตลก ซาช่า บารอน โคเฮน ล่อลวงให้เขามีเพศสัมพันธ์ด้วยในภาพยนตร์เรื่องล่าสุด Bruno
พอล ซึ่งเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรจากรัฐเท็กซัส ได้ออกมาเผยว่า โคเฮน ได้หลอกเขาให้เข้าไปสัมภาษณ์พิเศษ โดยอ้างว่าตัวเองเป็นผู้สื่อข่าวเรื่องด้านการเงินและการลงทุน ก่อนที่จะเปลื้องผ้าต่อหน้านักการเมืองเพื่อที่จะเสนอตัวให้ โดย พอล รู้สึกงงกับเรื่งอที่เกิดขึ้น จนเมื่อเขาเห็นตัวเองในหนังตัวอย่างที่ถูกปล่อยฉายทั่วโลก
พอล เล่าถึงเหตุการณ์นี้ว่า "ผมรอการถูกสัมภาษณ์โดยผู้สื่อข่าวด้านการเงินจากประเทศออสเตรีย แต่เมื่อ โคเฮน เข้ามาเขาก็ถอดกางเกงลงและเสื้อคลุม ตอนนั้นผมคิดในใจว่า "เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย" ผมวิ่งออกจากห้องนั้นทันทีโดยไม่มีการสัมภาษณ์เกิดขึ้น ผมคิดว่านี้มันเป็นการแกล้งกันที่แย่ที่สุด"
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ โคเฮน เจอแบบนี้ โดยใน Borat ภาพยนตร์เรื่องที่แล้วของเขา ดาราและประชาชนหลายคนขู่ว่าจะฟ้อง โคเฮน ในข้อหาที่พวกเขาถูกทำให้อับอายโดยที่เจ้าตัวไม่รู้
(ข้อมูลจาก สหมงคลฟิลม์ ขอบคุณสำหรับproduction noteครับ)

รักดอกๆ ต้องบอกดังๆ
บรูโน่กับงานเปิดตัวภาพยนตร์ตามเมืองใหญ่ๆทั่วโลก
แต่ละที่สุดยอดมากๆๆๆๆ
(ดีนะ ไม่มาเมืองไทย)
LONDON
บรูโน่กับงานเปิดตัวภาพยนตร์ตามเมืองใหญ่ๆทั่วโลก
แต่ละที่สุดยอดมากๆๆๆๆ
(ดีนะ ไม่มาเมืองไทย)
LONDON

อีกซักรูป

แอลเอ

LA อีกรูป

ซิดนี่ย์

Paris

Berlin

Madrid
(ขอเปลี่ยนรูปนะ)
ป.ล. มาเพิ่มเติมว่า หนังจะเข้าที่ เซลทรัล เวิลด์ ด้วยครับ
อ่อ แล้วก็ที่ทราบมาอีกอย่างคือ ทุกฉบับที่ฉายในโรงจะถูกตัดออกไปประมาณนิดนึง แต่ก็ไม่ทำให้เสียอรรถรสหนัง เพราะมัน นิดนึง จริงๆ
(ขอเปลี่ยนรูปนะ)
ป.ล. มาเพิ่มเติมว่า หนังจะเข้าที่ เซลทรัล เวิลด์ ด้วยครับ
อ่อ แล้วก็ที่ทราบมาอีกอย่างคือ ทุกฉบับที่ฉายในโรงจะถูกตัดออกไปประมาณนิดนึง แต่ก็ไม่ทำให้เสียอรรถรสหนัง เพราะมัน นิดนึง จริงๆ

แก้ไขล่าสุด: 29/7/2552 19:15 โดย AguileraAnimato
เจ๋งจ๊าบ ....(อุทานได้เชยมากตรู)
อยากดูๆๆ ต้องควงหน้องน้ำหนึ่งสุดที่รักไปดูให้ได้
อยากดูๆๆ ต้องควงหน้องน้ำหนึ่งสุดที่รักไปดูให้ได้
แบบว่า.................... ก็อยากดูนะ
แต่ทำไมมันต้องตัดออกไปนิดนึงด้วยล่ะ มันตัดอะไรไป แน่ใจเหรอ ว่าไม่เสียอรรถรส น่ะ
แต่ทำไมมันต้องตัดออกไปนิดนึงด้วยล่ะ มันตัดอะไรไป แน่ใจเหรอ ว่าไม่เสียอรรถรส น่ะ

แล้วเราจะไปดูกับใครละเนี่ยยย อิอิ
***ประกาศรับสมัครคนออกค่าตั๋วหนังด่วนนน***
***ประกาศรับสมัครคนออกค่าตั๋วหนังด่วนนน***

ไปดูกันเต๊อะ!!!!!
รุ่นพี่ที่ทำงานในสหมงคลบอกว่า
ฉากที่ตัดไป มันผะอืดผะ"อม" มากๆๆๆๆ
แต่ก็แค่เสี้ยวๆๆๆอ่ะ รับรองว่าไม่สะกิดต่อมกระหายคนดูให้สงสัยหรอกจ้า
ฉากที่ตัดไป มันผะอืดผะ"อม" มากๆๆๆๆ
แต่ก็แค่เสี้ยวๆๆๆอ่ะ รับรองว่าไม่สะกิดต่อมกระหายคนดูให้สงสัยหรอกจ้า
แบบว่า ถ้าดูหนัง แบบ รู้ว่าโดนตัด มันจะเซ็งเป็ด น่ะ เหอๆ
แต่ ก็น่าดู นะเรื่องนี้ แต่โรงหนังแถวบ้าน คงไม่เอามาฉายมั้ง
แต่ ก็น่าดู นะเรื่องนี้ แต่โรงหนังแถวบ้าน คงไม่เอามาฉายมั้ง
นึกว่าจะเข้าแต่ที่ HOUSE
วันนี้เห็น แบนเนอร์ ตรง CTW มาด้วย
หนังอะไรไม่รู้ ด๊อก ดอก ~
ตอน BORAT ก็นะ ... เสื๊อมเสื่อม - -"
วันนี้เห็น แบนเนอร์ ตรง CTW มาด้วย
หนังอะไรไม่รู้ ด๊อก ดอก ~
ตอน BORAT ก็นะ ... เสื๊อมเสื่อม - -"
นึกว่าจะเข้าแต่ที่ HOUSE
วันนี้เห็น แบนเนอร์ ตรง CTW มาด้วย
หนังอะไรไม่รู้ ด๊อก ดอก ~
ตอน BORAT ก็นะ ... เสื๊อมเสื่อม - -"
วันนี้เห็น แบนเนอร์ ตรง CTW มาด้วย
หนังอะไรไม่รู้ ด๊อก ดอก ~
ตอน BORAT ก็นะ ... เสื๊อมเสื่อม - -"
ไปดูกะคุงพี่ป่าน ป่ะนุช ไปด้วยกานนนนนนน
ไปดูหนัง ดูหนัง โว้วๆๆๆ
อิอิ
ลองแก้ไขข้อความก่อง
ไปดูหนัง ดูหนัง โว้วๆๆๆ
อิอิ
ลองแก้ไขข้อความก่อง
แก้ไขล่าสุด: 28/7/2552 17:58 โดย knompang
ตอนแรกเฉยๆนะ ตอนนี้ชักอยากดูละ
I've see this movie last thursday ka, it was awesomely fun and hilarious ka. But not sure in Thailand na ka, they might censer or delete some of "sexual violent" scenes out ka.
One thing I would say is "this is all about guy guy and guy" ka. But this movie made many good sarcastic points which is issue that are happening in the world and people just behave like an ignorance person. :)
One thing I would say is "this is all about guy guy and guy" ka. But this movie made many good sarcastic points which is issue that are happening in the world and people just behave like an ignorance person. :)
แก้ไขล่าสุด: 28/7/2552 17:49 โดย Piccolo Amore
IMy bad, sorry ka. Double posted.
แก้ไขล่าสุด: 28/7/2552 17:46 โดย Piccolo Amore
ขาสวยนะยะ
น่าดูมากๆ เค่อะ
น่าดูมากๆ เค่อะ
ขอบคุณ คุณหนึ่งค่ะสำหรับข้อมูล
ช่างเป็นหนังที่ ...... หาคำบรรยายไม่ได้จริงๆ
ช่างเป็นหนังที่ ...... หาคำบรรยายไม่ได้จริงๆ
บรูโน่กับงานเปิดตัวภาพยนตร์ตามเมืองใหญ่ๆทั่วโลก
จะใช้คำว่าเจ๋งดีไหมนี้ - - *
จะใช้คำว่าเจ๋งดีไหมนี้ - - *
แก้ไขล่าสุด: 29/7/2552 11:43 โดย โคตรโหดกระโดดยิง
เอิ่มมม เพิ่งสังเกต คห 19
เซนเซอร์นิดนึงดีมั๊ยอะ - -"
เซนเซอร์นิดนึงดีมั๊ยอะ - -"
ไปดูด้วยกันมั๊ยคะคุณทุเรีัยน
ค่าตั๋วเราก็ออกกันคนละครึ่งไง... 555+
ค่าตั๋วเราก็ออกกันคนละครึ่งไง... 555+
ไปด้วยคนๆๆ อยากไปดู
ไปด้วยน้า
เผอิญเพื่อนที่นัดไว้ เค้าไม่ว่างอ่ะ เลยไม่มีคนไปดูด้วย
ไปดูวันไหนกันดีอ่ะ
ป.ล. : ิnokz ~ * นิ ลาแบน ป่ะ
เอารูปออกแล้วจ้า
เผอิญเพื่อนที่นัดไว้ เค้าไม่ว่างอ่ะ เลยไม่มีคนไปดูด้วย
ไปดูวันไหนกันดีอ่ะ
ป.ล. : ิnokz ~ * นิ ลาแบน ป่ะ
เอารูปออกแล้วจ้า
เป็นหนึ่งในหนัง ที่เรานับถอยหลังรอในปีนี้เลยล่ะ
ไปดูมาล่ะครับ
สุดยอดอ่ะ
กราบตรีนนนนน sacha เลยอ่ะ....
หนังมันตลกอ่ะ ตลกอยู่แล้ว แต่ทำเราน้ำตาซึมได้ไงเนี้ย... อร๊ากกกก อยากเขียนรีวิวถึงหนังยาวๆ
สุดยอดอ่ะ
กราบตรีนนนนน sacha เลยอ่ะ....
หนังมันตลกอ่ะ ตลกอยู่แล้ว แต่ทำเราน้ำตาซึมได้ไงเนี้ย... อร๊ากกกก อยากเขียนรีวิวถึงหนังยาวๆ
ยังงี้..ต้องไปดูซะแร้ว...
545555
ชอบบบบบบ

Function Used time : 0:00:00:00.016