10 ข้อมูลเด็ด จาก Evil Dead ปี 2013
by AguileraAnimato • วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 17:17
โพสในเฟสแล้ว ก็เก็บลงในบอร์ดด้วยเลย

1
รายได้ คำวิจารณ์ ส่งผลไปยังอนาคตของหนัง
Evil Dead เปิดรอบปฐมฤกษ์ที่งานเทศกาล SXSW โดยได้รับคำวิจารณ์ที่ดีจากคนดูและนักวิจารณ์ ที่บอกว่า โหด สะใจ สมใจคอหนังโหดแน่ๆ
"นี้คือหนังเลือดสาดที่จะทำให้คุณตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจ"
Bruce Diones จาก New Yorker
"เป็นงานรีเมคที่มีความสร้างสรรค์ในตัว นี้คือ 91 นาทีที่ลงตัว มากไปกว่านี้ก็คงจะทารุณเกินไป แต่น้อยกว่านี้ก็ไม่สะใจนะสิ"
Christopher Orr จาก The Atlantic
"เฟเดคารวะหนังต้นฉบับได้ทุกจุด และในขณะเดียวกันเขาก็รู้ที่ทางที่จะสร้างมันในแบบฉบับที่เป็นตัวเอง ซึ่งนั้นแหละ เต็มเหนี่ยวจริงๆเลยคุณ"
Jeffrey M. Anderson จาก Common Sense Media
"นี้คือหนังสยองขวัญที่จังหวะความระทึกไม่ตกลงหรืออ่อนแรงเลย มันคือความสนุกโดยที่ไม่จำเป็นต้องยัดมุกตลกอะไรลงไปทั้งสิ้น"
Mark Olsen จาก Los Angeles Times
"ไม่บ่อยนักที่เราจะพบหนังรีเมคที่จะสามารถเอาชนะใจแฟนหนังรุ่นเก่าได้"
Joe Leydon จาก Variety
"Evil Dead ฉบับใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่หนังที่สร้างขึ้นด้วยความรู้สึกที่น้อบนอมต่อต้นฉบับเท่านั้น แต่นี้ยังเป็นหนังโหด เลือดสาด มันส์ที่สุด นับตั้งแต่มีหนังเรื่อง Evil Dead เลยทีเดียว"
Chris Nashawaty จาก Entertainment Weekly
และด้วยทุนสร้างเพียง 17 ล้านเหรีญ กระแสปากต่อปากจากกลุ่มคนดูก็ช่วยนำให้ผีอมตะเปิดตัวในอันดับ 1 ของบ๊อกซ์ อ๊อฟฟิส ด้วยรายได้ 27 ล้านเหรียญ และกวาดรายได้ทั่วอเมริกาที่ 53 ล้าน (มากกว่าหนังทั้งสามภาครวมกัน) รายรับทั่วโลกอยู่ที่ 76 ล้านเหรียญ
ผลจากความสำเร็จทำให้ Fede ตัดสินเข็นภาคสองออกมาทันที โดยตอนนี้มันกำลังอยู่ในช่วงเขียนบท
ทางฟากของสิงห์รุ่นเก๋าอย่าง แซม ไรมี่ กับบรู๊ซ แคมเบลว์ ก็ออกมาแสดงความยินดี และพูดเปรยๆว่า ด้วยความสำเร็จของหนังทำให้เราอยากจะสร้างตอนต่อ Army of Darkness (Evil Dead 3) และคงดีไม่น้อยถ้าเราจะเชื่อมเรื่องราวของ Evil Dead 2 ฉบับรีเมค กับ Army of Darkness 2 เข้าด้วยกัน
อยากดูรึเปล่าล่ะ?

2
ทำไมเราต้องซีเรียสด้วยกับการใช้ซีจีในหนังสยองขวัญ
"ก็เพราะซีจีมันดูปลอมๆไงล่ะ" Fede Alveraz ผู้กำกับ Evil Dead ฉบับ 2013 กล่าว
และนั้นก็คือสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจจะพาหนังเรื่องนี้เข้าสู่นิพพานแห่งความสยองด้วยการไม่พึ่งพาสิ่งที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์กราฟฟิค แต่จะขอใช้การแต่งหน้า และเอฟเฟกต์ทำมือในกอง มาทำให้คนดูได้สะพรึง
หลายคนอาจหงุดหงิดเมื่อหนังฉบับใหม่ตัดอารมณ์ขันดาร์คๆออก แต่อารมณ์เป็นเรื่องของปัจเจก ทว่าวิธีการนำเสนอภาพบนจอต่างหากที่สมควรจะเป็นสิ่งที่ผู้กำกับควรตระหนัก และนั้นก็คงเป็นหนึ่งในสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการเคารพงานชิ้นครู ผ่านเทคนิคทำมือในหนังเรื่องนี้
หนังสมัยก่อนยังทำให้เรากลัวได้ ทั้งๆที่ตอนนั้นทีมงานก็แค่ใช้ของทั่วไปที่หาได้ตามครัว มาผสมกับทักษะงานฝีมือ ตกแต่งให้บรรดาภูติผีดูน่าสยอง แล้วนี้มันปีอะไรแล้ว ความรู้ วิทยาการในการแต่งหน้า ออกแบบเอฟเฟกต์ ก้าวหน้าไปถึงไหน ทำไมเราจะพัฒนามันให้ออกมาน่ากลัวไม่ได้
"ซีจีจะผลักคนดูออกจากหนัง เพราะอะไรเหรอ เพราะมันไม่จริงไง เราหลอกคนดูไม่ได้กับสิ่งที่คอมสร้าง" เฟเดกล่าว ซึ่งในส่วนนี้ ก็มีหลายคนสงสัย เพราะหนังสั้นของเขาที่โด่งดังในยูทูบ ก็เป็นหนังที่พึ่งพาซีจีในการนำเสนอ
"ซีจีอาจจะเข้าท่ากับหนังแนวอื่น แต่ไม่ใช่กับหนังสยองขวัญ ตัวอย่างเช่น ผมเคยดู I Am Legend แล้วเห็นซอมบี้ มันไม่น่ากลัวเลยจริงๆ"
และผมคิดว่าซีจีเหมาะกับการสร้างสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง หรือไม่สามารถจินตนาการได้ อย่างชนเผ่าใน Avatar เอเลี่ยน อะไรพวกนี้"
เฟเดยังกล่าวทิ้งท้ายว่า "มันก็มีบางฉากที่เราใช้เทคนิคที่เรียกว่า compositing (การซ้อนภาพในคอมพิวเตอร์) แน่นอนว่าถึงคุณจะใช้คอมซ้อนภาพ แต่สิ่งที่ปรากฎลงในฟุทเทจก็เป็นพร๊อพ เป็นเอฟเฟกต์จริงๆในกองถ่าย เราไม่ได้ใช้ซีจีเขียนขึ้นหรอกนะ"

3
เชื่อว่าหลายคนคงมีของรัก ของนำโชค ที่ตัวเองชอบพกไว้ หรือนำเสนอลงไปในผลงาน อาจจะด้วยความเชื่อ หรือรสนิยมส่วนตัวก็แล้วแต่
แซม ไรมี่ เองก็เช่นกัน เขามักจะนำรถยนต์ Oldsmobile Delta 88 ที่พ่อซื้อให้ในปี 1973 มาประกอบฉากในหนังเสมอ ไม่ใช่แค่หนังชุด Evil Dead แต่จริงๆต้องเป็นเกือบทุกเรื่องเลยด้วยซ้ำ คงมีแค่ Oz ที่เขาไม่สามารถหาเรื่องใส่ได้ (ก็มันคนละยุคนะสิ)
และใน Evil Dead ฉบับล่าสุด ตัวผกก. Fede ก็ทูลอัญเชิญเจ้ารถคนนี้มาวางในหนังด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการคารวะและแสดงจุดเชื่อมโยงเล็กๆน้อยๆให้แฟนหนังได้สังเกตกัน

4
ปีศาจจากต่างมิติจะไม่มีทางเล็ดลอดสู่โลกมนุษย์ได้เลย หากปราศจากหนังสือแห่งความตายที่ชื่อว่า Necronomicon Ex-Mortis
เจ้าหนังสือนี้ มีตัวตนจริงหรือไม่ และประวัติความเป็นมาเป็นเช่นไร?
คำตอบคือ หนังสือเล่มนี้ไม่มีอยู่จริง มันเป็นแค่คัมภีร์มนต์ดำที่เกิดจากจินตนาการของนักประพันธ์ที่ชื่อ H.P.Lovecraft ที่เขียนเอาไว้ในเรื่องสั้นที่ชื่อ The Hound แต่หลังจากนั้น ก็มีนักเขียนคนอื่น ขออ้างอิงถึงคัมภีร์ปีศาจนี้ในงานของเขา ส่งผลให้คนอ่าน เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้มีอยู่จริง
(ก็อารมณ์เดียวกับที่คนโบราณเชื่อว่า กินรี มักนารีผล มะม่วงหาวมะนาวโห่ มีจริงนั้นแหละ)
กระแสความเชื่อที่ว่า Necronomicon มีอยู่จริง ไม่ได้จบลงในยุคสมัยของเลิฟคราฟ (ช่วงปี 20s-30s) แต่มันได้กลายเป็นความเชื่อร่วมสมัยที่ส่งผลต่อเนื่อง มีคนเชื่อเป็นตุเป็นตะว่ามันมีจริง ถึงขนาดอ้างว่าเคยเห็นในพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่การกลั่นแกล้ง ล้อกันขำขำมากกว่า
แต่ไม่ว่าอย่างไร Necronomicon ก็ได้กลายเป็นไอเทมแห่งยุคสมัยไปเสียแล้ว สำนักพิมพ์หลายแห่งจึงตัดสินใจยืมชื่อมันมาใช้เป็นชื่อเรื่องหนังสือสัพเพเหระ เรื่องสั้นสยองขวัญ เป็นการเสริมความขลัง เรียกลูกค้าไปในตัว
ในโลกภาพยนตร์ ก็มีหนังสยองขวัญบางเรื่องที่นำหนังสือเล่มนี้ไปอ้างอิง เช่น Jason Goes to Hell ภาคที่ 9 ของแฟรนไชน์ศุกร์ 13
และแน่นอน Evil Dead ด้วยนั้นเอง
Tom Sullivan คือผู้รับผิดชอบการออกแบบหนังสือเล่มนี้ โดยเขาออกไอเดียว่าหนังสือทำจากผิวหนังของมนุษย์ ซึ่งในภาคแรกๆสภาพของมันก็ออกจะดูบู้บี้เล็กน้อย เนื่องจากทุนไม่เยอะ แต่หลังจากหนังได้ทุนเพิ่มขึ้นในภาคต่อ มันก็เริ่มจะดูสวยขึ้นตามลำดับของเงินทุน
ทว่าใน Evil Dead ฉบับล่าสุด มีปัญหาทางเรื่องลิขสิทธิ์หนังสือ จึงทำให้ทีมอาร์ทต้องออกแบบหนังสือใหม่ จากเดิมที่มีหน้าปีศาจเป็นปก ก็เปลี่ยนเป็นงานเย็บปักถักร้อยหนังมนุษย์แทน และเปลี่ยนชื่อจาก Necronomicon เป็น Naturom Demonto แทน

5
ยังจำได้ไหมว่าหนังสยองขวัญเลือดสาดเรื่องไหน คือเรื่องล่าสุดที่คุณได้ดูในโรง
คงนึกกันไม่ค่อยออกล่ะสิ เพราะนอกจากสิงหาสับแล้ว มันก็แทบจะไม่มีหนังเลือดสาดเรื่องไหนที่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์ในวงกว้างเลย
เราอาจมี Midnight Meat Train แต่มันก็มีฉากเลือดสาดอยู่ไม่กี่ฉาก
เราอาจมีหนังฝรั่งเศสแรงๆ อย่าง Haute Tension, Martyrs, Frontiere แต่มันได้ฉายในโรงไหมล่ะ
ก็ไม่
พื้นที่ของหนังสยองที่ขายความโหด กับโรงภาพยนตร์ เป็นเรื่องห่างไกลพอๆกับ รายการลีน่าจัง และช่อง TPBS
แต่ Evil Dead นี้แหละคือหนังสยองที่โหด อำมหิต ที่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์เรื่องล่าสุดในหลายรอบปี
จะแรงแค่ไหน ก็ไปฟังจากปากผู้กำกับเอง
Fede Alvarez เล่าให้ฟังว่า สามทหารเสือ บรู๊ซ แซม และร๊อบ (ทีมสร้างต้นตำรับ) ถึงกับส่ายหน้าตั้งแต่อ่านบทร่างแรกเลยว่า หนังไม่มีทางจะได้รับเรท R แน่นอน เพราะมันจะโดนปะหัวไว้เป็นเรท NC-17 (เรทบังคับใช้) แต่ Fede บอกว่าเขาไม่สนเรื่องเรตติ้ง ผู้กำกับหลายคนมักเขียนบทโดยพยายามประณีประนอมกับความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง ด้วยการจำกัดกรอบให้มันออกมาเอาใจเรตติ้ง แต่สำหรับเขา อยากเขียนอะไร อยากเห็นอะไร เขาจัดการเขียนเลย!
และก็เพราะความกล้าบ้าบิ่นนี้เอง ทีทำให้หนังได้รับเรต NC-17 ตามคำพยากรณ์ตั้งต้น ถึงกระนั้น Fede ก็หาได้ตื่นตระหนก แต่เขาก็ค่อยๆกลับไปตัดหนังออก เพื่อให้ได้รับเรต R (เพื่อให้ได้ฉายในวงกว้าง)
"คุณอาจจะกังวลว่าหนังคงถูกลดความโหดลงจนเสียอรรถรส แต่เปล่าเลย ฉากทุกฉากที่เขียนไว้ ถ่ายไว้ในตอนแรก มีอยู่ครบ เพียงแต่เราตัดให้มันสั้นลงเท่านั้นเอง รับประกันว่านี้จะเป็นหนังเรต R สุดโหดที่สุดที่คุณได้ดูมา"
จะแรงแค่ไหน แฟนหนังสยองต่างชาติ หรือคนที่ไปดูรอบพรีวิวมาแล้วก็บอกว่า เตรียมใจให้ดี เพราะหลังจาก 20 นาทีแรกไป จะไม่มีการหยุดพักให้หายใจ! และขอให้จับตาดูคนในโรงให้ดี เพราะจะต้องมีคนที่เดินออกจากโรงไป และไม่กลับมาอีกเลย

1
รายได้ คำวิจารณ์ ส่งผลไปยังอนาคตของหนัง
Evil Dead เปิดรอบปฐมฤกษ์ที่งานเทศกาล SXSW โดยได้รับคำวิจารณ์ที่ดีจากคนดูและนักวิจารณ์ ที่บอกว่า โหด สะใจ สมใจคอหนังโหดแน่ๆ
"นี้คือหนังเลือดสาดที่จะทำให้คุณตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจ"
Bruce Diones จาก New Yorker
"เป็นงานรีเมคที่มีความสร้างสรรค์ในตัว นี้คือ 91 นาทีที่ลงตัว มากไปกว่านี้ก็คงจะทารุณเกินไป แต่น้อยกว่านี้ก็ไม่สะใจนะสิ"
Christopher Orr จาก The Atlantic
"เฟเดคารวะหนังต้นฉบับได้ทุกจุด และในขณะเดียวกันเขาก็รู้ที่ทางที่จะสร้างมันในแบบฉบับที่เป็นตัวเอง ซึ่งนั้นแหละ เต็มเหนี่ยวจริงๆเลยคุณ"
Jeffrey M. Anderson จาก Common Sense Media
"นี้คือหนังสยองขวัญที่จังหวะความระทึกไม่ตกลงหรืออ่อนแรงเลย มันคือความสนุกโดยที่ไม่จำเป็นต้องยัดมุกตลกอะไรลงไปทั้งสิ้น"
Mark Olsen จาก Los Angeles Times
"ไม่บ่อยนักที่เราจะพบหนังรีเมคที่จะสามารถเอาชนะใจแฟนหนังรุ่นเก่าได้"
Joe Leydon จาก Variety
"Evil Dead ฉบับใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่หนังที่สร้างขึ้นด้วยความรู้สึกที่น้อบนอมต่อต้นฉบับเท่านั้น แต่นี้ยังเป็นหนังโหด เลือดสาด มันส์ที่สุด นับตั้งแต่มีหนังเรื่อง Evil Dead เลยทีเดียว"
Chris Nashawaty จาก Entertainment Weekly
และด้วยทุนสร้างเพียง 17 ล้านเหรีญ กระแสปากต่อปากจากกลุ่มคนดูก็ช่วยนำให้ผีอมตะเปิดตัวในอันดับ 1 ของบ๊อกซ์ อ๊อฟฟิส ด้วยรายได้ 27 ล้านเหรียญ และกวาดรายได้ทั่วอเมริกาที่ 53 ล้าน (มากกว่าหนังทั้งสามภาครวมกัน) รายรับทั่วโลกอยู่ที่ 76 ล้านเหรียญ
ผลจากความสำเร็จทำให้ Fede ตัดสินเข็นภาคสองออกมาทันที โดยตอนนี้มันกำลังอยู่ในช่วงเขียนบท
ทางฟากของสิงห์รุ่นเก๋าอย่าง แซม ไรมี่ กับบรู๊ซ แคมเบลว์ ก็ออกมาแสดงความยินดี และพูดเปรยๆว่า ด้วยความสำเร็จของหนังทำให้เราอยากจะสร้างตอนต่อ Army of Darkness (Evil Dead 3) และคงดีไม่น้อยถ้าเราจะเชื่อมเรื่องราวของ Evil Dead 2 ฉบับรีเมค กับ Army of Darkness 2 เข้าด้วยกัน
อยากดูรึเปล่าล่ะ?

2
ทำไมเราต้องซีเรียสด้วยกับการใช้ซีจีในหนังสยองขวัญ
"ก็เพราะซีจีมันดูปลอมๆไงล่ะ" Fede Alveraz ผู้กำกับ Evil Dead ฉบับ 2013 กล่าว
และนั้นก็คือสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจจะพาหนังเรื่องนี้เข้าสู่นิพพานแห่งความสยองด้วยการไม่พึ่งพาสิ่งที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์กราฟฟิค แต่จะขอใช้การแต่งหน้า และเอฟเฟกต์ทำมือในกอง มาทำให้คนดูได้สะพรึง
หลายคนอาจหงุดหงิดเมื่อหนังฉบับใหม่ตัดอารมณ์ขันดาร์คๆออก แต่อารมณ์เป็นเรื่องของปัจเจก ทว่าวิธีการนำเสนอภาพบนจอต่างหากที่สมควรจะเป็นสิ่งที่ผู้กำกับควรตระหนัก และนั้นก็คงเป็นหนึ่งในสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการเคารพงานชิ้นครู ผ่านเทคนิคทำมือในหนังเรื่องนี้
หนังสมัยก่อนยังทำให้เรากลัวได้ ทั้งๆที่ตอนนั้นทีมงานก็แค่ใช้ของทั่วไปที่หาได้ตามครัว มาผสมกับทักษะงานฝีมือ ตกแต่งให้บรรดาภูติผีดูน่าสยอง แล้วนี้มันปีอะไรแล้ว ความรู้ วิทยาการในการแต่งหน้า ออกแบบเอฟเฟกต์ ก้าวหน้าไปถึงไหน ทำไมเราจะพัฒนามันให้ออกมาน่ากลัวไม่ได้
"ซีจีจะผลักคนดูออกจากหนัง เพราะอะไรเหรอ เพราะมันไม่จริงไง เราหลอกคนดูไม่ได้กับสิ่งที่คอมสร้าง" เฟเดกล่าว ซึ่งในส่วนนี้ ก็มีหลายคนสงสัย เพราะหนังสั้นของเขาที่โด่งดังในยูทูบ ก็เป็นหนังที่พึ่งพาซีจีในการนำเสนอ
"ซีจีอาจจะเข้าท่ากับหนังแนวอื่น แต่ไม่ใช่กับหนังสยองขวัญ ตัวอย่างเช่น ผมเคยดู I Am Legend แล้วเห็นซอมบี้ มันไม่น่ากลัวเลยจริงๆ"
และผมคิดว่าซีจีเหมาะกับการสร้างสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง หรือไม่สามารถจินตนาการได้ อย่างชนเผ่าใน Avatar เอเลี่ยน อะไรพวกนี้"
เฟเดยังกล่าวทิ้งท้ายว่า "มันก็มีบางฉากที่เราใช้เทคนิคที่เรียกว่า compositing (การซ้อนภาพในคอมพิวเตอร์) แน่นอนว่าถึงคุณจะใช้คอมซ้อนภาพ แต่สิ่งที่ปรากฎลงในฟุทเทจก็เป็นพร๊อพ เป็นเอฟเฟกต์จริงๆในกองถ่าย เราไม่ได้ใช้ซีจีเขียนขึ้นหรอกนะ"

3
เชื่อว่าหลายคนคงมีของรัก ของนำโชค ที่ตัวเองชอบพกไว้ หรือนำเสนอลงไปในผลงาน อาจจะด้วยความเชื่อ หรือรสนิยมส่วนตัวก็แล้วแต่
แซม ไรมี่ เองก็เช่นกัน เขามักจะนำรถยนต์ Oldsmobile Delta 88 ที่พ่อซื้อให้ในปี 1973 มาประกอบฉากในหนังเสมอ ไม่ใช่แค่หนังชุด Evil Dead แต่จริงๆต้องเป็นเกือบทุกเรื่องเลยด้วยซ้ำ คงมีแค่ Oz ที่เขาไม่สามารถหาเรื่องใส่ได้ (ก็มันคนละยุคนะสิ)
และใน Evil Dead ฉบับล่าสุด ตัวผกก. Fede ก็ทูลอัญเชิญเจ้ารถคนนี้มาวางในหนังด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการคารวะและแสดงจุดเชื่อมโยงเล็กๆน้อยๆให้แฟนหนังได้สังเกตกัน

4
ปีศาจจากต่างมิติจะไม่มีทางเล็ดลอดสู่โลกมนุษย์ได้เลย หากปราศจากหนังสือแห่งความตายที่ชื่อว่า Necronomicon Ex-Mortis
เจ้าหนังสือนี้ มีตัวตนจริงหรือไม่ และประวัติความเป็นมาเป็นเช่นไร?
คำตอบคือ หนังสือเล่มนี้ไม่มีอยู่จริง มันเป็นแค่คัมภีร์มนต์ดำที่เกิดจากจินตนาการของนักประพันธ์ที่ชื่อ H.P.Lovecraft ที่เขียนเอาไว้ในเรื่องสั้นที่ชื่อ The Hound แต่หลังจากนั้น ก็มีนักเขียนคนอื่น ขออ้างอิงถึงคัมภีร์ปีศาจนี้ในงานของเขา ส่งผลให้คนอ่าน เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้มีอยู่จริง
(ก็อารมณ์เดียวกับที่คนโบราณเชื่อว่า กินรี มักนารีผล มะม่วงหาวมะนาวโห่ มีจริงนั้นแหละ)
กระแสความเชื่อที่ว่า Necronomicon มีอยู่จริง ไม่ได้จบลงในยุคสมัยของเลิฟคราฟ (ช่วงปี 20s-30s) แต่มันได้กลายเป็นความเชื่อร่วมสมัยที่ส่งผลต่อเนื่อง มีคนเชื่อเป็นตุเป็นตะว่ามันมีจริง ถึงขนาดอ้างว่าเคยเห็นในพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่การกลั่นแกล้ง ล้อกันขำขำมากกว่า
แต่ไม่ว่าอย่างไร Necronomicon ก็ได้กลายเป็นไอเทมแห่งยุคสมัยไปเสียแล้ว สำนักพิมพ์หลายแห่งจึงตัดสินใจยืมชื่อมันมาใช้เป็นชื่อเรื่องหนังสือสัพเพเหระ เรื่องสั้นสยองขวัญ เป็นการเสริมความขลัง เรียกลูกค้าไปในตัว
ในโลกภาพยนตร์ ก็มีหนังสยองขวัญบางเรื่องที่นำหนังสือเล่มนี้ไปอ้างอิง เช่น Jason Goes to Hell ภาคที่ 9 ของแฟรนไชน์ศุกร์ 13
และแน่นอน Evil Dead ด้วยนั้นเอง
Tom Sullivan คือผู้รับผิดชอบการออกแบบหนังสือเล่มนี้ โดยเขาออกไอเดียว่าหนังสือทำจากผิวหนังของมนุษย์ ซึ่งในภาคแรกๆสภาพของมันก็ออกจะดูบู้บี้เล็กน้อย เนื่องจากทุนไม่เยอะ แต่หลังจากหนังได้ทุนเพิ่มขึ้นในภาคต่อ มันก็เริ่มจะดูสวยขึ้นตามลำดับของเงินทุน
ทว่าใน Evil Dead ฉบับล่าสุด มีปัญหาทางเรื่องลิขสิทธิ์หนังสือ จึงทำให้ทีมอาร์ทต้องออกแบบหนังสือใหม่ จากเดิมที่มีหน้าปีศาจเป็นปก ก็เปลี่ยนเป็นงานเย็บปักถักร้อยหนังมนุษย์แทน และเปลี่ยนชื่อจาก Necronomicon เป็น Naturom Demonto แทน

5
ยังจำได้ไหมว่าหนังสยองขวัญเลือดสาดเรื่องไหน คือเรื่องล่าสุดที่คุณได้ดูในโรง
คงนึกกันไม่ค่อยออกล่ะสิ เพราะนอกจากสิงหาสับแล้ว มันก็แทบจะไม่มีหนังเลือดสาดเรื่องไหนที่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์ในวงกว้างเลย
เราอาจมี Midnight Meat Train แต่มันก็มีฉากเลือดสาดอยู่ไม่กี่ฉาก
เราอาจมีหนังฝรั่งเศสแรงๆ อย่าง Haute Tension, Martyrs, Frontiere แต่มันได้ฉายในโรงไหมล่ะ
ก็ไม่
พื้นที่ของหนังสยองที่ขายความโหด กับโรงภาพยนตร์ เป็นเรื่องห่างไกลพอๆกับ รายการลีน่าจัง และช่อง TPBS
แต่ Evil Dead นี้แหละคือหนังสยองที่โหด อำมหิต ที่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์เรื่องล่าสุดในหลายรอบปี
จะแรงแค่ไหน ก็ไปฟังจากปากผู้กำกับเอง
Fede Alvarez เล่าให้ฟังว่า สามทหารเสือ บรู๊ซ แซม และร๊อบ (ทีมสร้างต้นตำรับ) ถึงกับส่ายหน้าตั้งแต่อ่านบทร่างแรกเลยว่า หนังไม่มีทางจะได้รับเรท R แน่นอน เพราะมันจะโดนปะหัวไว้เป็นเรท NC-17 (เรทบังคับใช้) แต่ Fede บอกว่าเขาไม่สนเรื่องเรตติ้ง ผู้กำกับหลายคนมักเขียนบทโดยพยายามประณีประนอมกับความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง ด้วยการจำกัดกรอบให้มันออกมาเอาใจเรตติ้ง แต่สำหรับเขา อยากเขียนอะไร อยากเห็นอะไร เขาจัดการเขียนเลย!
และก็เพราะความกล้าบ้าบิ่นนี้เอง ทีทำให้หนังได้รับเรต NC-17 ตามคำพยากรณ์ตั้งต้น ถึงกระนั้น Fede ก็หาได้ตื่นตระหนก แต่เขาก็ค่อยๆกลับไปตัดหนังออก เพื่อให้ได้รับเรต R (เพื่อให้ได้ฉายในวงกว้าง)
"คุณอาจจะกังวลว่าหนังคงถูกลดความโหดลงจนเสียอรรถรส แต่เปล่าเลย ฉากทุกฉากที่เขียนไว้ ถ่ายไว้ในตอนแรก มีอยู่ครบ เพียงแต่เราตัดให้มันสั้นลงเท่านั้นเอง รับประกันว่านี้จะเป็นหนังเรต R สุดโหดที่สุดที่คุณได้ดูมา"
จะแรงแค่ไหน แฟนหนังสยองต่างชาติ หรือคนที่ไปดูรอบพรีวิวมาแล้วก็บอกว่า เตรียมใจให้ดี เพราะหลังจาก 20 นาทีแรกไป จะไม่มีการหยุดพักให้หายใจ! และขอให้จับตาดูคนในโรงให้ดี เพราะจะต้องมีคนที่เดินออกจากโรงไป และไม่กลับมาอีกเลย
Replies (6)

6
ชื่อตัวละครทั้ง 5 Eric David Mia Olivia Natalie หากนำพยัญชนะต้นในชื่อแต่ละคน มาเรียงลำดับใหม่ จะได้คำว่า Domen
เอ๊ย! ใช่ที่ไหนล่ะ Demon ไงล่ะ
นี้เป็นกิมมิคเล็กๆน้อยๆที่ทางผู้สร้างสอดไส้ลงไปในหนัง จากชื่อตัวละคร เราจบพบว่าไม่มีชื่อใดเลยที่เป็นชื่อตัวละครเดียวกับหนังฉบับแรก อันประกอบด้วย Ash, Cheryl, Scott, Linda, Shelly นั้นเพราะผู้สร้างต้องการหยิบยืมเพียงแค่สถานการณ์ในหนัง แต่ไม่ได้ต้องการตัวละครเก่าๆกลับมา
ดังนั้นตัดอกตัดใจกันได้แล้วสำหรับใครที่ต้องการฮีโร่แบบ Ash
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าได้เซ็งศพกันไป เพราะในหนังฉบับนี้จะมีตัวละครตัวนึงที่ลุกขึ้นมาเป็นฮี่โร่ที่ไล่ฆ่าบรรดาปีศาจไปจนถึงตอนจบ ที่ไม่สามารถบอกได้ว่า เขา/เธอ จะอยู่รอดจนจบไหม แต่ตัวละครนี้แหละที่ ผกก. บอกเลยว่า นี้คือตัวละครที่ผมหวังว่าทุกคนจะหลงรัก และผมหวังว่าทุกคนจะเอาในช่วยให้ เขาหรือเธอ คนนี้อยู่ต่อไปจนสุดปลายทางของแฟรนไชน์หนังชุดนี้
เดาสิว่าใคร

7
สิ่งนึงที่ Fede Alvarez ตั้งใจเปลี่ยนแปลงจากงานต้นฉบับ คือเหตุผลการเข้าป่าของตัวละคร
ในอดีตการที่วัยรุ่นจะพากันไปเที่ยวป่า ย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่ในปัจจุบันจะให้ทะเล่อทะล่าเข้าป่าไปแบบไร้พอยท์ก็ดูจะแปร่งไป.... เคยดูหนังสยองขวัญแล้วหงุดหงิดไหมว่า พวกเอ็งจะเข้าป่าทุรกันดารไปให้ชีวิตเสี่ยงตายเล่นทำไม
เพราะฉะนั้นในหนังฉบับนี้ ผกก. จึงให้เหตุผลไปว่าตัวละคร Mia เป็นผู้ป่วยที่ต้องการหักดิบยาเสพติด พี่ชายของเธอ เดวิด จึงตัดสินใจพาน้องสาวไปรักษาตัวในป่า โดยชวนแฟนสาว เพื่อนชาย และนางพยาบาลเพื่อนน้องสาวตามไปสมทบอีก 3 คน ด้วยเชื่อว่าการอยู่ห่างจากสังคมเมือง จะช่วยให้น้องสาวสามารถตัดขาดจากบรรยากาศความวุ่นวายของเมือง และเยียวยาสภาพร่างกายและจิตใจให้ฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
นอกจากนั้น Fede ยังกล่าวอีกว่า ภาวะของการเสี้ยนยา หรือการตกเป็นทาสของสิ่งเสพติด ก็ไม่ต่างกับการถูกผีเข้าเลย เพราะผู้ป่วยกำลังตกเป็นเหยื่อจากสิ่งชั่วร้ายภายนอกที่เข้ามาสิงสู่ร่างกาย และพวกเขาก็ต้องพยายามเอาชนะปีศาจในตัวให้ได้
ด้วยเนื้อหาที่เสริมประเด็นปัญหาวัยรุ่นขึ้นมา จึงทำให้ทีมผู้สร้างตัดสินใจเชิญสาวเปรี้ยว อดีตนักเต้นระบำเปลื้องผ้า ที่พลิกชีวิตตัวเองมาเป็นนักเขียนบทมือทองเจ้าของรางวัลออสก้าร์จากหนังเรื่อง Juno นั้นคือ Diablo Cody ให้มาช่วยเกลาบท เกลาสำนวนภาษาให้ออกมาเป็นหนังสยองขวัญที่สอดแทรกอารมณ์วัยรุ่นได้มากขึ้น (ผลงานเด่นของเธอนอกจาก Juno ก็ยังมี Jennifer's Body และ Young Adult ที่ต่างว่าด้วยปัญหาของผู้หญิงด้วยกันทั้งสิ้น)
Fede เชื่อว่าด้วยประเด็นเรื่องยาเสพติด จะทำให้คนดูหนังฉบับนี้สมผัสได้ถึงแง่มุมดราม่าที่เข้มข้นไม่แพ้ด้านสยองขวัญที่พร้อมประเคนให้เต็มหน้าตักเลย

8
คุณทราบหรือไม่ว่าในขณะที่หนังต้นฉบับใช้เลือดในการถ่ายทำ 300 แกลลอน แต่ในฉบับล่าสุดนั้นเข้าขั้นอุทกภัยทะลักจอ เพราะหนังใช้เลือดปลอมไปถึง 70000 แกลล่อน ซึ่งในจำนวนนั้น 50000 แกลล่อนถูกใช้สำหรับฉากสุดท้ายที่ทุกอย่างจะชุ่มโฉกไปด้วยเลือด เลือด และเลือด จนคุณมองเห็นทุกอย่างเจิ่งนองไปด้วยสีแดง....
Jane Levy ถึงกับบอกว่า มีการใช้เลือดในหนังเยอะมาก เยอะถึงขนาดที่มันเปื้อนไปทั่วทุกส่วน เข้าไปถึงในรูหู จนเกิดอาการอักเสบถึงขั้นที่ว่าเจ้าตัวปวดหู และไม่ได้ยินอะไรไปอาทิตย์นึงเต็มๆ
อย่างไรก็ตาม หนังที่ใช้เลือดปลอมในการถ่ายทำเยอะที่สุดตามที่มีการบันทึกมาก็ยังเป็น Piranha 3D ที่ใช้เลือดไปทั้งสิ้น 80000 แกลล่อนจ้ะ (คาดว่าเพราะหนังมีฉากที่ใหญ่กว่า และจำนวนเหยื่อสูงกว่า)
ส่วนหนังเรื่องอื่นๆที่ใช้เลือดในจำนวนมหาศาลก็มี Dead Alive 1000-5000 แกลล่อนโดยประมาณ ในฉากปราบซอมบี้ท้ายเรื่อง
A Nightmare on Elm Street 500 แกลล่อนในฉากน้ำพุทะลุเตียง

9. คุณรู้หรือไม่ว่า ปาค ชาน วุก ผู้กำกับหนังดิบจากเกาหลีใต้ เคยเป็นตัวเลือกแรกที่แซม ไรมี่ หมายมั่นจะให้กำกับ Evil Dead ฉบับใหม่
แต่ด้วยตารางงานที่แน่นขนัด (หนังเรื่อง stoker) รวมถึงชาน วุก เห็นว่าฉบับเดิมก็ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรีเมค เจ้าตัวจึงปฏิเสธโอกาสนี้ไป
ส้มเข่งใหญ่จึงไปตกกับ เฟเด อัลเวอเรซ ผู้กำกับอินดี้ชาวอุรุกวัย ที่มีหนังสั้นเรื่อง Panic Attack ของเขาดังจนกลายเป็นไวรัลฮิตในอินเตอร์เนท ไรมี่ชื่นชอบตัวหนังมาก จนตัดสินใจติดต่อเพื่อขอซื้อลิขสิทธิ์มาดัดแปลงเป็นหนังฮอลลีวู้ด และก็ทันใดนั้นเขาจึงคิดได้ว่า ทำไมไม่ลองให้โอกาสพ่อหนุ่มสุดครีเอทคนนี้ได้ลองทำ Evil Dead ฉบับใหม่ล่ะ เพราะตอนที่เขาทำ เขาก็อายุแค่ 22 ปี แถมไม่เคยเรียนหนังมาก่อน ทุนในการทำหนังก็ไม่เยอะ แต่เพราะความตั้งใจและรักในสิ่งที่ทำ ผสมลูกบ้าก็ทำให้หนังสำเร็จลงได้ ซึ่งไอ้สิ่งเหล่านี้นี้เองที่ไรมี่ค้นพบในตัวเฟเด และแล้วสัญญาการว่าจ้างก้เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนั้น
สามารถหาชม Panic Attack ได้ในยูทูบ แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมไรมี่ถึงเลือกชายคนนี้มารับภารกิจครั้งนี้ การจะทำหนังดีๆให้คนรัก ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะ ขอแค่ใช้หัวผสมความกล้าและความตั้งใจแบบสุดตีนก็พอ
http://www.youtube.com/watch?v=-dadPWhEhVk
ในส่วนของนักแสดงนำ ลิลลี่ คอลีน ลูกสาวคนสวยของนักร้องแนวโพรเกรซซีฟร๊อค ฟีล คอลีน เป็นตัวเลือกแรกที่จะมารับบทนำ ทว่าเนื่องด้วยตารางงานที่ทับซ้อน ทำให้เธอตัดสินใจบอกปัด Evil Dead ไป (สายสืบเข้าใจว่า City of Bones คือหนังที่เธอเลือกแสดง)
การออดิชั่นจึงเริ่มขึ้น และผลก็คือนักแสดงสาวจากซีรี่ย์ซิทคอมเรื่อง Suburgatory ที่ชื่อว่า Jane Levy ได้บทนี้ไป
สาวเจนได้แย้มปากเล่าถึงที่มาที่ไปของการคัดตัวให้ฟัง
"ฉันไม่เคยดูหนังต้นฉบับมาก่อน ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามีคนพูดถึงมันว่ายังไง แต่ตอนฉันอ่านบท ฉันชอบว่ะค่ะ แม่งทั้งมันส์ ทั้งน่ากลัวจริงๆ แถมยังมีโมเมนท์แบบบรู๊ซ วิลลิส อยู่ในหนังด้วย ตื่นเต้นมาก"
เมื่อถึงวันออดิชั่น เจนก็รู้ตัวว่าฝันร้ายได้เริ่มขึ้นแล้ว
"พวกเขาให้ฉันลองทำท่าเหมือนเจอพี่ชายเป็นครั้งแรก อืมมม ไม่เท่าไร แต่หลังจากนั้นสิ พวกเขาลองให้ฉันลองทำท่าถูกผีเข้ากลางห้อง ให้ฉันตะโกนไปมา แล้วที่เด็ดสุด พวกเขาให้ฉันลองทำท่าถูกฝังทั้งเป็น อยู่บนเก้าอี้พับ แถมยังมีคนจ้องฉันอีกตั้งห้าคน พระเจ้าฉันอายมากกกกกก"
แต่ผลที่ได้คือ ไรมี่ และบรู๊ซ แคมเบลว์ ถูกใจเธอมากๆ และนั้นทำให้เธอได้มีส่วนรวมในหนังสยองขวัญแห่งปีเรื่องนี้ แม้แต่ผกก.เฟเดยังชมว่าเธอเป็นนักแสดงที่แกร่งและเต็มที่กับทุกฉากจริงๆ
"ตอนที่หนังฉายรอบปฐมฤกษ์ ฉันดีใจกับผลตอบรับจริงๆ เวลาได้ยินคนดูเชียร์ให้ฉันรอดถึงตอนสุดท้าย มันตื่นเต้นๆจริง การแสดงหนังเรื่องนี้ทำให้ฉันได้สัมผัสถึงคุณค่าของการเป็นนักแสดงค่ะ"

10. Jane Lavy นักแสดงสาวที่รับบท Mia เหยื่อรายแรกของปีศาจในเรื่อง คือหญิงผู้รับบทหนักที่สุดในเรื่อง เพราะเธอต้องถูกกระทำชำเราในสไตล์"น้องเนยรักษ์โลก" ถูกน้ำร้อนลวก ตกบึงฉวาก ลิ้นแสกกลาง รวมไปถึงการอาเจียนที่เข้าขั้นมหาวิกฤต
สาวเจนเปิดเผยความลับของฉากอันเร่าร้อนนี้ว่า ทางทีมงานใช้ท่ออันเล็กๆเหน็บหลบมุมกล้องไว้ข้างๆปากเธอ จากนั้นเมื่อถึงเวลาถ่ายทำก็ปล่อยอ้วกเทียมใส่เธอ
หลังจากถ่ายทำฉากนี้ สาวเจนก็ถึงกับหลบไปร้องไห้ เพราะอ้วกมหาศาลที่เธอพ่นใส่เพื่อนนักแสดง มันทำให้เธอรู้สึกกำลังกดเพื่อนให้จมน้ำยังไงยังงั้นทีเดียว
อ้ออ จากเฟสบุค :) ขอบคุณที่เอามารวบรวมให้อ่านกันอีกรอบค่า
ที่เอามาลงในบอร์ดด้วย ก็เพื่อความสะดวกในการค้นอ่ะ
เราเคยจะหาข้อมูลในหนังบางเรื่องในเพจ หาแทบตายไม่เจอเลย ไปนั่งเปิดไทม์ไลน์ตั้งแต่ปีที่แล้ว ไล่มาทีละเดือน
เหนื่อยมากๆๆๆๆ เลยคิดว่าต่อไปนี้ถ้ามีข้อมูลสำคัญๆของหนัง ที่เป็นสกู๊ปเด็ดๆ ก็จะเอามาเก็บไว้ในบอร์ดด้วย
ระบบเซิจบอร์ดเรา กับ กูเกิ้ล ช่วยให้หาข้อมูลได้สะดวกสบายขึ้น
เราเคยจะหาข้อมูลในหนังบางเรื่องในเพจ หาแทบตายไม่เจอเลย ไปนั่งเปิดไทม์ไลน์ตั้งแต่ปีที่แล้ว ไล่มาทีละเดือน
เหนื่อยมากๆๆๆๆ เลยคิดว่าต่อไปนี้ถ้ามีข้อมูลสำคัญๆของหนัง ที่เป็นสกู๊ปเด็ดๆ ก็จะเอามาเก็บไว้ในบอร์ดด้วย
ระบบเซิจบอร์ดเรา กับ กูเกิ้ล ช่วยให้หาข้อมูลได้สะดวกสบายขึ้น
คาดว่าสมาชิกหลายคนคงไปดูกันมาแล้ว แต่อยากบอกว่า....
รอดู เอ็นด์เครดิต ให้จบด้วยนะครับ เย้
รอดู เอ็นด์เครดิต ให้จบด้วยนะครับ เย้
ตายล่ะผมดู end credit ไม่จบ พอดีรีบกลับอ่ะครับ...มีใครช่วยสปอยด์ให้หน่อยได้ไหมครับ
end credit ไม่มีอะไรครับ แค่ตาแก่ๆคนนึงร้อง groovy (เดาเอาเองละกันว่าใคร)
Function Used time : 0:00:00:00.017