ดู Evil Dead มาแล้ว ชอบมากกกกก
by icover • วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 16:52
ไม่ได้ดูหนังผีที่มันส์และสะใจ เหนื่อยขนาดนี้ในรอบหลายปี!
แต่แอบขัดใจการหักมุมเรื่องตัวละครนิดนึง ยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่อ่ะ
แบตโทรศัพท์จะหมด เดี๋ยวรอถึงบ้านจะมาเขียนข้อดี-ข้อเสียของหนังเรื่องนี้ให้
((มีแอบสปอยส์เบาๆนะคะ))
แต่แอบขัดใจการหักมุมเรื่องตัวละครนิดนึง ยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่อ่ะ
แบตโทรศัพท์จะหมด เดี๋ยวรอถึงบ้านจะมาเขียนข้อดี-ข้อเสียของหนังเรื่องนี้ให้
((มีแอบสปอยส์เบาๆนะคะ))
Replies (14)
ข้อดี
+กระชับ ปูพื้นฐานตัวละครดี คุมจังหวะของหนังได้สม่ำเสมอ
+โหด สะใจ สยองขวัญ เหมาะกับสมาชิกหนังโหดทุกท่าน
+ชอบปมประเด็นการ "เลิกยาเสพติด" ทำให้บทหนังมีมิติและสมจริง
+ความตื่นเต้นและสยองแบบนันสต๊อป ทำเอา จขกท. หัวใจจะวายตลอดการรับชม หลังหนังจบรู้สึกเหนื่อยแห่กๆ
+ไม่มีฉากตลก (อันนี้ชอบเป็นการส่วนตัว เพราะ เราไม่ชอบหนังผีอารมณ์ร้ายแบบแซมไรมี่เท่าไหร่ ซึ่งดีแล้วที่ให้ อัลเวเรซ มารีเมค)
+ออกแบบฉากฆาตรกรรมได้สร้างสรรค์และน่ากลัว
+หลายๆฉากบูชาและให้เกียรติเวอร์ชั่นต้นฉบับ ดำเนินเรื่องตามแนวทางหนังเกรด บี เป๊ะๆ
+การแสดงของนักแสดงอยู่ในเกณฑ์ดี เอฟเฟคดูเหมือนจริงและไม่แฟนตาซีเกินไป
ข้อเสีย
-ดนตรีประกอบที่ไม่น่าจดจำ ไม่มีเอกลักษณ์
-จุดหักมุมของตัวละครเอกที่ไม่ค่อยเมคเซ้นส์ (จริงๆหนังมันก็ไม่สมจริงอยู่แล้ว แต่เราก็รู้สึกว่ามันขัดใจอยู่ดี)
-ตอนจบของหนังน่าจะมีกิมมิคให้มากกว่านี้ เบื่อแล้วกับโมเม้นท้องฟ้าสดใส แสงแดดส่องมา เฟดเข้า end credit (ไม่รวมน้ำจิ้มที่เสริมตอนหลังจบ end credit นะ)
-ทำคนดูปิดตาบ่อยเกินไป เพราะเสียวไส้
สรุปภาพรวมให้ 9.7/10 หัก 0.3 ตามข้อเสียข้างบน 3 ข้อ วันนี้หลังออกมาจากโรงรู้สึกแฮปปี้มาก คงเพราะไม่ได้รู้สึกดูหนังและคุ้มค่าตั๋วแบบนี้มานาน (ล่าสุดเจ็บใจกับเรื่อง Mama) สำหรับเราชอบมากค่ะ อีกอย่างเวอร์ชั่นต้นฉบับเราไม่ค่อยชอบ-ไม่ประทับใจเป็นการส่วนตัวอยู่ด้วยเท่าไหร่ ทำให้ฉบับรีเมคนี้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายของซีรี่ย์หนังเรื่องนี้ทันที ยังไงก็ไม่อยากให้คอหนังโหดพลาด Evil Dead กันนะคะ แต่ก็อย่างว่าช่วงนี้โดนกระแสไออ้อนแมน กับ ฤดูที่ฉันเหงา แย่มาร์จิ้นอยู่ แต่รอบที่เราไปดูคนก็เยอะดีค่ะ
+กระชับ ปูพื้นฐานตัวละครดี คุมจังหวะของหนังได้สม่ำเสมอ
+โหด สะใจ สยองขวัญ เหมาะกับสมาชิกหนังโหดทุกท่าน
+ชอบปมประเด็นการ "เลิกยาเสพติด" ทำให้บทหนังมีมิติและสมจริง
+ความตื่นเต้นและสยองแบบนันสต๊อป ทำเอา จขกท. หัวใจจะวายตลอดการรับชม หลังหนังจบรู้สึกเหนื่อยแห่กๆ
+ไม่มีฉากตลก (อันนี้ชอบเป็นการส่วนตัว เพราะ เราไม่ชอบหนังผีอารมณ์ร้ายแบบแซมไรมี่เท่าไหร่ ซึ่งดีแล้วที่ให้ อัลเวเรซ มารีเมค)
+ออกแบบฉากฆาตรกรรมได้สร้างสรรค์และน่ากลัว
+หลายๆฉากบูชาและให้เกียรติเวอร์ชั่นต้นฉบับ ดำเนินเรื่องตามแนวทางหนังเกรด บี เป๊ะๆ
+การแสดงของนักแสดงอยู่ในเกณฑ์ดี เอฟเฟคดูเหมือนจริงและไม่แฟนตาซีเกินไป
ข้อเสีย
-ดนตรีประกอบที่ไม่น่าจดจำ ไม่มีเอกลักษณ์
-จุดหักมุมของตัวละครเอกที่ไม่ค่อยเมคเซ้นส์ (จริงๆหนังมันก็ไม่สมจริงอยู่แล้ว แต่เราก็รู้สึกว่ามันขัดใจอยู่ดี)
-ตอนจบของหนังน่าจะมีกิมมิคให้มากกว่านี้ เบื่อแล้วกับโมเม้นท้องฟ้าสดใส แสงแดดส่องมา เฟดเข้า end credit (ไม่รวมน้ำจิ้มที่เสริมตอนหลังจบ end credit นะ)
-ทำคนดูปิดตาบ่อยเกินไป เพราะเสียวไส้
สรุปภาพรวมให้ 9.7/10 หัก 0.3 ตามข้อเสียข้างบน 3 ข้อ วันนี้หลังออกมาจากโรงรู้สึกแฮปปี้มาก คงเพราะไม่ได้รู้สึกดูหนังและคุ้มค่าตั๋วแบบนี้มานาน (ล่าสุดเจ็บใจกับเรื่อง Mama) สำหรับเราชอบมากค่ะ อีกอย่างเวอร์ชั่นต้นฉบับเราไม่ค่อยชอบ-ไม่ประทับใจเป็นการส่วนตัวอยู่ด้วยเท่าไหร่ ทำให้ฉบับรีเมคนี้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายของซีรี่ย์หนังเรื่องนี้ทันที ยังไงก็ไม่อยากให้คอหนังโหดพลาด Evil Dead กันนะคะ แต่ก็อย่างว่าช่วงนี้โดนกระแสไออ้อนแมน กับ ฤดูที่ฉันเหงา แย่มาร์จิ้นอยู่ แต่รอบที่เราไปดูคนก็เยอะดีค่ะ
อยากดูจัง เเต่โรงที่บ้านไม่เข้า T_T
สนุกมาก น่ากลัวเสียวไส้ดี แต่แบบว่าตกใจแอบหลบหลายทีมาก555 คอเคล็ดเลย
ชอบมากเหมือนกัน
หนังทำได้ดี แล้วก็สนุกมาก โหดมาก ชอบมากเลย
แล้วก็แอบเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ เรื่อง "จุดหักมุมตัวละครเอก"
คือ สภาพสมบูรณ์อะไรจะขนาดนั้น แผลก็หายหมดจด หน้าใสวิ้ง
ก่อนหน้านี้ ออกจะยับเยิน แผลเต็มไปหมด เละเทะไปทั้งตัวแล้วนี่
(สงสัยจัง ถ้าตูโดนสิง แล้วตัดขาตัวเอง ขาตูจะงอกขึ้นมาใหม่ด้วยไหม)
หนังทำได้ดี แล้วก็สนุกมาก โหดมาก ชอบมากเลย
แล้วก็แอบเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ เรื่อง "จุดหักมุมตัวละครเอก"
คือ สภาพสมบูรณ์อะไรจะขนาดนั้น แผลก็หายหมดจด หน้าใสวิ้ง
ก่อนหน้านี้ ออกจะยับเยิน แผลเต็มไปหมด เละเทะไปทั้งตัวแล้วนี่
(สงสัยจัง ถ้าตูโดนสิง แล้วตัดขาตัวเอง ขาตูจะงอกขึ้นมาใหม่ด้วยไหม)
แก้ไขล่าสุด: 16/5/2556 03:38 โดย demonbug1
^^
คิดแบบเดียวกันทุกข้อทุกประการเลยค่ะ คือตัวละครนั้นอ่วมเละจนไม่น่ารอด เพราะเราก็ดูจนถอดใจว่ากลายเป็นอีกฝ่ายอย่างเต็มตัวไปแล้ว ไหงรอดสมบูรณ์ตีบทอินโนเซนต์ แข็งแกร่งซะงั้น
คิดแบบเดียวกันทุกข้อทุกประการเลยค่ะ คือตัวละครนั้นอ่วมเละจนไม่น่ารอด เพราะเราก็ดูจนถอดใจว่ากลายเป็นอีกฝ่ายอย่างเต็มตัวไปแล้ว ไหงรอดสมบูรณ์ตีบทอินโนเซนต์ แข็งแกร่งซะงั้น
หลังจากที่ไปดูรอบหมู่กับแก๊งค์ Horrorclub แล้วอยากบอกว่า ... สนุกมากกกก
... เห็นด้วยกับฉากก่อนจบ คืออยู่ดีๆ อ้าว!! หายป่วยเร็วจัง เรายังไม่คิดว่าจะหายไวปานวอกเยี่ยงนี้
... เกลียดเสียงไวโอลินแหลมๆไปเลย มันพาให้จิตจะหลุดไปตามสายที่ไม้สีไวโอลินลากให้เป็นเสียงเพลง มันทำให้หายใจไม่ค่อยคล่อง (ดูฉากโหดๆได้นะ แต่มึนหัวกับซาวนด์ประกอบเนี่ยแหละ)
... ดูจบ อยากกินสเต็กเนื้อแรร์แทบจะทันที มันยังมีความกระหายในเนื้อที่ฉ่ำเลือด
#ปล. ไม่รู้มีใครสงสัยแบบผมบ้างว่า ไอ้ปืนตะปูที่อีตาอีริคมาใช้ในรอบสองเนี่ย มันไปเอาลูกตะปูมาจากไหน ?
... เห็นด้วยกับฉากก่อนจบ คืออยู่ดีๆ อ้าว!! หายป่วยเร็วจัง เรายังไม่คิดว่าจะหายไวปานวอกเยี่ยงนี้
... เกลียดเสียงไวโอลินแหลมๆไปเลย มันพาให้จิตจะหลุดไปตามสายที่ไม้สีไวโอลินลากให้เป็นเสียงเพลง มันทำให้หายใจไม่ค่อยคล่อง (ดูฉากโหดๆได้นะ แต่มึนหัวกับซาวนด์ประกอบเนี่ยแหละ)
... ดูจบ อยากกินสเต็กเนื้อแรร์แทบจะทันที มันยังมีความกระหายในเนื้อที่ฉ่ำเลือด
#ปล. ไม่รู้มีใครสงสัยแบบผมบ้างว่า ไอ้ปืนตะปูที่อีตาอีริคมาใช้ในรอบสองเนี่ย มันไปเอาลูกตะปูมาจากไหน ?
....เราว่าอีตาแว่นนี่เป็นตัวละครที่อึดถึกทนมาก ยิ่งกว่าผีอีก
ปล.ไม่ได้ดูหลังจบend credit เลยยยย ไปดูกับพี่สาว พอดูจบพี่รีบเดินออกจากโรง555
ปล.ไม่ได้ดูหลังจบend credit เลยยยย ไปดูกับพี่สาว พอดูจบพี่รีบเดินออกจากโรง555
ชอบเสียงร้องเพลงเพราะมาก เสียงกังวานสุดๆ
สงสัยเรื่องการชำระวิญญาณ ทำไมผลออกมาไม่เหมือนกัน
แว่นอึดมาก อึดสุดๆ
พี่ชายก็แสนดี แสนดีจนคนในโรงแทบจะด่า
ตอนแรกๆถึงกลางเรื่องชวนเสียวไส้ ส่วนตัวโอเค สังเกตว่าในโรงน่าจะกลัวกันมาก
ตอนสุดท้ายจบในแบบผีอมตะของคนยุค 2013 ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังมาก พอทำออกมาในแบบนี้โอเคเลย ถึงแม้จะเน้นสยองและระทึกขวัญมากกว่าภาคเก่าก็ตามที
สงสัยเรื่องการชำระวิญญาณ ทำไมผลออกมาไม่เหมือนกัน
แว่นอึดมาก อึดสุดๆ
พี่ชายก็แสนดี แสนดีจนคนในโรงแทบจะด่า
ตอนแรกๆถึงกลางเรื่องชวนเสียวไส้ ส่วนตัวโอเค สังเกตว่าในโรงน่าจะกลัวกันมาก
ตอนสุดท้ายจบในแบบผีอมตะของคนยุค 2013 ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังมาก พอทำออกมาในแบบนี้โอเคเลย ถึงแม้จะเน้นสยองและระทึกขวัญมากกว่าภาคเก่าก็ตามที
หลังเครดิตไม่มีอะไรค่ะ แค่อิตาแก่แอชโผล่มาให้หลานๆหายคิดถึง แกก็บ่นๆไปเรื่อยตามภาษาคนแก่ 55
ถือว่าภาคนี้ทำออกมาได้ดีที่เดี๋ยวทำให้เสียวไส้ดียิ่งฉากห้องใต้ดินแล้วเอาคัดเตอร์มา...เสียวมาก
แต่ภาคนี้นี้ก็มีเผยวิธีที่โดนสิงแล้วกลับมามีชีวิตปกติได้อีก
แต่ภาคนี้นี้ก็มีเผยวิธีที่โดนสิงแล้วกลับมามีชีวิตปกติได้อีก
ดีๆที่มีคนตั้งกระทู้ในบอร์ด จะได้ขอพ่วงไปด้วยเลย เอาลงแต่เฟสบุ๊คอย่างเดียวไม่ดี เพราะระบบเซิจมันหายาก ลงในบอร์ดดีกว่า เข้ากูเกิ้ลก็หาได้
-----------------

ในปี 2012 โลกได้รู้จักหนังสยองขวัญเรื่องดัง The Cabin in the Woods หนังสยองขวัญที่มาพร้อมการแหกขยี้บี้ขย่ำทฎษฎีหนังสยองไล่เชือด โดยเฉพาะหมุดหลักสำคัญอย่างหนัง Evil Dead ถ้ามองในแง่ดี เราก็จะมองได้ว่า Cabin เป็นบทวิเคราะห์หนังสยองขวัญจากอดีตถึงปัจจุบัน คนทำ ทำด้วยความรู้จริง รู้ลึก และตั้งใจจะยั่วล้อความซ้ำซากเพื่อเป็นการคารวะและตั้งใจชุบชีวิตหนังแนวนี้ให้ไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ แต่ในทางตรงกันข้ามการมาของกระท่อมน้อยในป่าใหญ่ก็ทำให้หนังพวกนี้ที่ทำไล่หลังหมดรูปหมดรอยได้เช่นกัน เพราะคนจะดูมันในฐานะปีศาจแก่ๆที่พยายามผุดร่างจากนรกในวัยเกษียณออกมาเห่าให้คนกลัว... แต่ไม่เป็นผล เพราะพื้นฐานของการเกิด"ความกลัว"ขึ้นได้ ต้องมาจาก "ความไม่รู้" ไม่คุ้นชิน ไม่รู้จัก (เช่นคนสมัยก่อนกลัวความมืด กลัวฟ้าผ่า กลัวไข้ทรพิษ) แต่เมื่อเรารู้จักมันดีพอ มันก็เป็นได้แค่คำขู่ ที่เรารู้ทางแก้
เพราะฉะนั้นหนังสยองขวัญในแนวเชือดที่อยู่ในยุค post-cabin จึงมีสองวิธีที่จะเอาตัวรอด นั้นคือ 1. คิดบทแบบฉลาดโคตรๆ หักมุมมากๆ ตลบหลังคนดูฉุดๆ 2. ถ้าคนดูคิดว่ารู้ว่าอะไรน่ากลัวจนเดาทางได้แล้ว เราก็ทำให้คนดูเห็นมากกว่าที่เขาเคยเห็น ให้กลัวมากกว่าที่เคยได้กลัว ถ้าคนดูคิดว่าแน่ เราก็จะปราบคนดูด้วยการทำให้หนังจากที่น่ากลัว ให้กลายเป็นน่ากลัวสัสๆไปเลย
และแน่นอนว่า Fede Alveraz เลือกข้อหลังอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องเน้นทางด้านสมอง แต่ไปเพาะกายสร้างความเขย่าขวัญให้น่ากลัวมากขึ้นที่สุดเท่าที่หนังเรตอาร์จะมอบให้ได้
(จึงไม่น่าแปลกใจที่คำวิจารณ์ของคนดูใน imdb จะไปในทิศทางลบต่อหนัง ว่าเป็นหนังขายโหดอย่างเดียว บทไม่มีอะไรน่าสนใจ - ก็นั้นแหละเจตนารมณ์คนสร้าง)
สิ่งที่ดีอย่างนึงในหนัง คือการเพิ่มปมดราม่าของตัวละคร
จริงๆ Evil Dead ต้นฉบับมันมีข้อโหว่งนิดนึง (ไม่อยากเรียกว่าข้อเสีย เพราะมันไม่ได้เลวร้าย แต่มันทำให้น้ำหนักของบทเบาไป) ก็คือ หนังมันไม่มีแบ๊คกราวน์ตัวละครเลย ไม่มีปม ความต้องการอะไรของตัวละคร เราแทบจะไม่รู้เลยว่านอกจากชื่อและความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ฉันท์แฟน พวกเขามีอดีตอย่างไร พวกเขาทำอาชีพอะไร ชอบอะไร สนใจอะไร ส่วนนี้ทำให้ตัวละครในต้นฉบับดูเบาหวิวเหมือนใบไม้ปลิวในป่าช้า
หรือแม้แต่ stereotype ชั้นต่ำๆตื้นๆของหนังสยองขวัญอย่าง การแจงตัวละครออกเป็น 5 หมู่ สาวเรียบร้อย สาวร่าน หนุ่มใจดี หนุ่มเลือดร้อน หนุ่มเนิร์ด หนังต้นฉบับก้ไม่มี เรื่องมันเลยมีแค่แก่นๆแกระๆอยู่แค่มาถูกผีหลอกเท่านั้นจบ ไม่มีแก่นเรื่อง ประเด็น อะไรให้ยึดจับ
มาในฉบับปัจจุบัน ผู้กำกับ จึงตอบโจทย์ที่ว่าตัวละครมากระท่อมกลางป่า เพราะต้องการพาเพื่อนในกลุ่มมาบำบัดการเลิกยาเสพย์ติด ซึ่งความต้องการที่จะเอาชนะฤทธิ์ของยาก็จะนำไปสู่ธีมสำคัญของเรื่อง
อาการเสี้ยนยาในหนัง เลยถูกอุปมาเข้ากับการถูกผีเข้าอย่างครบรสชาติ ทั้งอาการเกิดภาพหลอน ความคลุ้มคลั่ง การทำร้ายร่างกายตัวเอง หรือมีพฤติกรรมแปรปรวน สองบุคลิกในตัว หนังทำให้เราคิดไปกับมันว่า ตกลง"มีอา"ถูกผีเข้า หรือเป็นเพราะผีเฮโรอีนในตัวมันเสี้ยนสำแดงอิทธิฤทธิ์กันแน่
การต่อสู้ถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อในหนัง จึงไม่ใช่แค่การเอาชนะจอมมาร แต่เป็นการเอาชนะจิตใจด้านมืดของตัวเอง ความต้องการที่จะมีชีวิตรอด ไม่ต่างอะไรจากการพิสูจน์ตัวเองให้รู้ว่าแกร่ง และน่ากลัวพอที่จะหักดิบจากยาเสพติด
สิ่งเหล่านี้ถูกนำเสนอให้เห็นเป็นรูปธรรม ตั้งแต่การถูกผีสิง ที่ไม่ใช่อาการวูบไหวทางจิตแบบหนังเหนือธรรมชาติทั่วไป แต่มันคือการถูก"สอดใส่"จากสารมฤตยูเข้าไปในร่างกาย ไม่ต่างจากการเสพยา หรือแม้แต่การปรากฎตัวของผีร้ายในเรื่อง
หรือข้อพิสูจน์อีกอย่างที่ทำให้การเสพยารองรับการสิงของผี ก็คือ การที่ตัวละครจะถูกสิงได้ จะต้องได้รับสาร หรือธาตุบางอย่างจากปีศาจเป็นสื่อก่อน เพราะฉะนั้นผีในอีวิว เดด จึงมีเซนส์ในแบบเดียวกับซอมบี้ คือเป็นเชื้อที่แพร่จากกันต่อกัน จากเลือด จากน้ำลาย จากอ้วก เข้าไปติดเชื้อแล้วลุกลามติดต่อกันจนสูญสิ้นความเป็นมนุษย์
หากยังจำกันได้ในหนังต้นฉบับ เราแทบจะไม่เห็นตัวจริงของสิ่งลึกลับในป่าเลย เราจะเห็นแค่ภาพแทนสายตามัน วิ่งไล่เหยื่อในป่า เอาจริงๆมันอาจจะเป็นกายทิพย์ที่ไม่มีตัวตน แต่ร่างที่มันปรากฎให้เห็นในหนังปี 2013 ก็คือร่างของ Mia นั้นเอง นั้นคือภาพแทนของตัวตนด้านลบของตัวเธอ ที่สุดท้ายก็มีเพียงเธอที่จะกำจัดปีศาจ (จิตกระสันเฮโรอีน) ออกไปจากตัวเองได้
Mia ในอีวิว เดด จึงแกร่งพอที่จะรับไม้ต่อจาก Ash (พระเอกต้นฉบับ) ทั้งสองเป็นผู้รอดชีวิตที่อยู่ในสภาวะกึ่งคนกึ่งผี ถูกผีสิง และก็เอาชนะผีทั้งจากภายในตัว และภายนอกรายล้อมได้ และยิ่งเมื่อมองว่า Mia เป็นผู้หญิงยิ่งคิดว่าเธอเป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก
เท่าที่แอดมินนึกออก ไม่มี final girl ในหนังเรื่องไหน ที่สามารถเอาชีวิตรอดได้ โดยไม่ต้องถูกข่มขืน ถูกทำให้บ้า ถูกทำให้ตายไปแล้วกลับมาเกิดใหม่ได้เหมือน Mia ลองนึกดู ลอลี่ (ฮาโลวีน) แนนซี่ (ไนท์แมร์ ออน เอลม์ สทรีท) ซิดนี่ย์ (สครีม) แม้แต่ริปลี่ย์ (เอเลี่ยน) พวกนี้ถูกเชิดชูให้เป็นฮีโร่เนี้ยนตั้งแต่ต้น ภาพลักษณ์ของพวกเธอใสสะอาด เป็นบุคคลที่ไม่แปดเปื้อนมลทิน (ถูกข่มขืน) ไม่ตกไปเป็นพวกของปีศาจก่อน เพราะพวกเธอยืนอยู่บนข้างธรรมมะตั้งแต่ต้นจนจบ

(final girl เป็นศัพท์ในหนังสยอง หมายถึงตัวละครผู้หญิงที่สามารถเอาชนะตัวร้ายจนถึงตอนจบ มีการวิเคราะห์มากมายหลายตำรา ถึงสาเหตุที่ผู้กำกับเลือกให้ผู้หญิงเป็นผู้อยู่รอดคนสุดท้าย ตั้งแต่ ผู้หญิงน่ารัก คนจะเอาใจช่วย / ผู้หญิง มักตกเป็นวัตถุในการจับจ้อง และโบยตี เป็นวัตถุทางเพศ ในหนังสยอง การมอบตำแหน่งชนะเลิศ จึงเป็นการคืนอำนาจให้กับเพศหญิงในโลกหนังสยอง ไปจนถึงผู้หญิงที่เอาตัวรอด คือสัญลักษณ์ของผู้หญิงที่ดี มีคุณธรรม ไม่ร่าน อยู่ในศีลในธรรม ผกก.ส่วนใหญ่มักเชิดชูคุณธรรมระดับตื้นๆตรงนี้อย่างไม่รู้ตัว)
การที่ได้เห็น ปีศาจกลับมาเป็นเทพได้ในตอนท้ายของหนัง อาจทำให้เรารู้สึกดีที่ว่า ทุกวิญญาณบาปสามารถกลับคืนสู่อ้อมอกพระเจ้าได้ หากว่าพวกเขาจะได้รับโอกาสในการแก้ไขตัวเอง
มีคำพูดนึงที่แอดมินไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนพูดไว้ (เดาว่าบรู๊ซ แคมเบลว์) ถึงเหตุผลในการรีเมคหนังที่คลาสสิค ที่แฟนๆเรียกร้องให้เลิกสร้าง ลุงบอกว่า "เด็กในยุคนี้ควรจะมี ผีอมตะ ในแบบฉบับของพวกเขาไว้ดูบ้าง" และนั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผีชั่วถึงเป็นอมตะอยู่เหนือยุคสมัยมาเป็นเวลานาน

ช่วงเม้าธ์มอย
ฉากน้องเนยรักษ์โลก: เวอร์ชั่นนี้ทำไม่ค่อยมันส์เท่าไร ของเดิมถึงจะดูรากหญ้าเหมือนเอากิ่งข่อยมาใช้ แต่เรารู้สึกมันถึงพริกถึงขิงกว่า อันนี้ออกแนวปลาไหลมุด
คัมภีร์มรณะ: ของเก่ามันจะไม่มีดีเทลอะไรมาก เปิดมาอ่านก็จบ ผีหลอก แต่ฉบับใหม่ คัมภีร์มันมีเนื้อหาเพิ่มขึ้น คือมันบอกไว้เลยว่าจะต้องมีคนตายกี่คน ต้องตายด้วยวิธีไหน พูดง่ายๆคือมันเป็นหนังสือ ฮาว ทู บูชายันต์ เหยื่อในเรื่องก็จะโดนสังเวยตามหนังสือ นอกจากนั้นยังมีวิธีการเรียกมอนสเตอร์ตอนท้ายออกมา อาจกล่าวได้ว่าคัมภีร์ในภาคนี้มีบทบาทมากขึ้นกว่าจากของเดิมเยอะ
(สปอย)
ฉากที่หายไปจากตัวอย่างหนัง: ฉากมีอาโผล่หัวจากห้องใต้ดินมาร้องเพลงกล่อมเด็ก / ฉากมีอาเดินกลางถนนตอนท้ายเรื่อง / ฉากเดวิดตัดอะไรสักอย่างเลือดกระฉูดใส่หน้า
-----------------

ในปี 2012 โลกได้รู้จักหนังสยองขวัญเรื่องดัง The Cabin in the Woods หนังสยองขวัญที่มาพร้อมการแหกขยี้บี้ขย่ำทฎษฎีหนังสยองไล่เชือด โดยเฉพาะหมุดหลักสำคัญอย่างหนัง Evil Dead ถ้ามองในแง่ดี เราก็จะมองได้ว่า Cabin เป็นบทวิเคราะห์หนังสยองขวัญจากอดีตถึงปัจจุบัน คนทำ ทำด้วยความรู้จริง รู้ลึก และตั้งใจจะยั่วล้อความซ้ำซากเพื่อเป็นการคารวะและตั้งใจชุบชีวิตหนังแนวนี้ให้ไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ แต่ในทางตรงกันข้ามการมาของกระท่อมน้อยในป่าใหญ่ก็ทำให้หนังพวกนี้ที่ทำไล่หลังหมดรูปหมดรอยได้เช่นกัน เพราะคนจะดูมันในฐานะปีศาจแก่ๆที่พยายามผุดร่างจากนรกในวัยเกษียณออกมาเห่าให้คนกลัว... แต่ไม่เป็นผล เพราะพื้นฐานของการเกิด"ความกลัว"ขึ้นได้ ต้องมาจาก "ความไม่รู้" ไม่คุ้นชิน ไม่รู้จัก (เช่นคนสมัยก่อนกลัวความมืด กลัวฟ้าผ่า กลัวไข้ทรพิษ) แต่เมื่อเรารู้จักมันดีพอ มันก็เป็นได้แค่คำขู่ ที่เรารู้ทางแก้
เพราะฉะนั้นหนังสยองขวัญในแนวเชือดที่อยู่ในยุค post-cabin จึงมีสองวิธีที่จะเอาตัวรอด นั้นคือ 1. คิดบทแบบฉลาดโคตรๆ หักมุมมากๆ ตลบหลังคนดูฉุดๆ 2. ถ้าคนดูคิดว่ารู้ว่าอะไรน่ากลัวจนเดาทางได้แล้ว เราก็ทำให้คนดูเห็นมากกว่าที่เขาเคยเห็น ให้กลัวมากกว่าที่เคยได้กลัว ถ้าคนดูคิดว่าแน่ เราก็จะปราบคนดูด้วยการทำให้หนังจากที่น่ากลัว ให้กลายเป็นน่ากลัวสัสๆไปเลย
และแน่นอนว่า Fede Alveraz เลือกข้อหลังอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องเน้นทางด้านสมอง แต่ไปเพาะกายสร้างความเขย่าขวัญให้น่ากลัวมากขึ้นที่สุดเท่าที่หนังเรตอาร์จะมอบให้ได้
(จึงไม่น่าแปลกใจที่คำวิจารณ์ของคนดูใน imdb จะไปในทิศทางลบต่อหนัง ว่าเป็นหนังขายโหดอย่างเดียว บทไม่มีอะไรน่าสนใจ - ก็นั้นแหละเจตนารมณ์คนสร้าง)
สิ่งที่ดีอย่างนึงในหนัง คือการเพิ่มปมดราม่าของตัวละคร
จริงๆ Evil Dead ต้นฉบับมันมีข้อโหว่งนิดนึง (ไม่อยากเรียกว่าข้อเสีย เพราะมันไม่ได้เลวร้าย แต่มันทำให้น้ำหนักของบทเบาไป) ก็คือ หนังมันไม่มีแบ๊คกราวน์ตัวละครเลย ไม่มีปม ความต้องการอะไรของตัวละคร เราแทบจะไม่รู้เลยว่านอกจากชื่อและความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ฉันท์แฟน พวกเขามีอดีตอย่างไร พวกเขาทำอาชีพอะไร ชอบอะไร สนใจอะไร ส่วนนี้ทำให้ตัวละครในต้นฉบับดูเบาหวิวเหมือนใบไม้ปลิวในป่าช้า
หรือแม้แต่ stereotype ชั้นต่ำๆตื้นๆของหนังสยองขวัญอย่าง การแจงตัวละครออกเป็น 5 หมู่ สาวเรียบร้อย สาวร่าน หนุ่มใจดี หนุ่มเลือดร้อน หนุ่มเนิร์ด หนังต้นฉบับก้ไม่มี เรื่องมันเลยมีแค่แก่นๆแกระๆอยู่แค่มาถูกผีหลอกเท่านั้นจบ ไม่มีแก่นเรื่อง ประเด็น อะไรให้ยึดจับ
มาในฉบับปัจจุบัน ผู้กำกับ จึงตอบโจทย์ที่ว่าตัวละครมากระท่อมกลางป่า เพราะต้องการพาเพื่อนในกลุ่มมาบำบัดการเลิกยาเสพย์ติด ซึ่งความต้องการที่จะเอาชนะฤทธิ์ของยาก็จะนำไปสู่ธีมสำคัญของเรื่อง
อาการเสี้ยนยาในหนัง เลยถูกอุปมาเข้ากับการถูกผีเข้าอย่างครบรสชาติ ทั้งอาการเกิดภาพหลอน ความคลุ้มคลั่ง การทำร้ายร่างกายตัวเอง หรือมีพฤติกรรมแปรปรวน สองบุคลิกในตัว หนังทำให้เราคิดไปกับมันว่า ตกลง"มีอา"ถูกผีเข้า หรือเป็นเพราะผีเฮโรอีนในตัวมันเสี้ยนสำแดงอิทธิฤทธิ์กันแน่
การต่อสู้ถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อในหนัง จึงไม่ใช่แค่การเอาชนะจอมมาร แต่เป็นการเอาชนะจิตใจด้านมืดของตัวเอง ความต้องการที่จะมีชีวิตรอด ไม่ต่างอะไรจากการพิสูจน์ตัวเองให้รู้ว่าแกร่ง และน่ากลัวพอที่จะหักดิบจากยาเสพติด
สิ่งเหล่านี้ถูกนำเสนอให้เห็นเป็นรูปธรรม ตั้งแต่การถูกผีสิง ที่ไม่ใช่อาการวูบไหวทางจิตแบบหนังเหนือธรรมชาติทั่วไป แต่มันคือการถูก"สอดใส่"จากสารมฤตยูเข้าไปในร่างกาย ไม่ต่างจากการเสพยา หรือแม้แต่การปรากฎตัวของผีร้ายในเรื่อง
หรือข้อพิสูจน์อีกอย่างที่ทำให้การเสพยารองรับการสิงของผี ก็คือ การที่ตัวละครจะถูกสิงได้ จะต้องได้รับสาร หรือธาตุบางอย่างจากปีศาจเป็นสื่อก่อน เพราะฉะนั้นผีในอีวิว เดด จึงมีเซนส์ในแบบเดียวกับซอมบี้ คือเป็นเชื้อที่แพร่จากกันต่อกัน จากเลือด จากน้ำลาย จากอ้วก เข้าไปติดเชื้อแล้วลุกลามติดต่อกันจนสูญสิ้นความเป็นมนุษย์
หากยังจำกันได้ในหนังต้นฉบับ เราแทบจะไม่เห็นตัวจริงของสิ่งลึกลับในป่าเลย เราจะเห็นแค่ภาพแทนสายตามัน วิ่งไล่เหยื่อในป่า เอาจริงๆมันอาจจะเป็นกายทิพย์ที่ไม่มีตัวตน แต่ร่างที่มันปรากฎให้เห็นในหนังปี 2013 ก็คือร่างของ Mia นั้นเอง นั้นคือภาพแทนของตัวตนด้านลบของตัวเธอ ที่สุดท้ายก็มีเพียงเธอที่จะกำจัดปีศาจ (จิตกระสันเฮโรอีน) ออกไปจากตัวเองได้
Mia ในอีวิว เดด จึงแกร่งพอที่จะรับไม้ต่อจาก Ash (พระเอกต้นฉบับ) ทั้งสองเป็นผู้รอดชีวิตที่อยู่ในสภาวะกึ่งคนกึ่งผี ถูกผีสิง และก็เอาชนะผีทั้งจากภายในตัว และภายนอกรายล้อมได้ และยิ่งเมื่อมองว่า Mia เป็นผู้หญิงยิ่งคิดว่าเธอเป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก
เท่าที่แอดมินนึกออก ไม่มี final girl ในหนังเรื่องไหน ที่สามารถเอาชีวิตรอดได้ โดยไม่ต้องถูกข่มขืน ถูกทำให้บ้า ถูกทำให้ตายไปแล้วกลับมาเกิดใหม่ได้เหมือน Mia ลองนึกดู ลอลี่ (ฮาโลวีน) แนนซี่ (ไนท์แมร์ ออน เอลม์ สทรีท) ซิดนี่ย์ (สครีม) แม้แต่ริปลี่ย์ (เอเลี่ยน) พวกนี้ถูกเชิดชูให้เป็นฮีโร่เนี้ยนตั้งแต่ต้น ภาพลักษณ์ของพวกเธอใสสะอาด เป็นบุคคลที่ไม่แปดเปื้อนมลทิน (ถูกข่มขืน) ไม่ตกไปเป็นพวกของปีศาจก่อน เพราะพวกเธอยืนอยู่บนข้างธรรมมะตั้งแต่ต้นจนจบ

(final girl เป็นศัพท์ในหนังสยอง หมายถึงตัวละครผู้หญิงที่สามารถเอาชนะตัวร้ายจนถึงตอนจบ มีการวิเคราะห์มากมายหลายตำรา ถึงสาเหตุที่ผู้กำกับเลือกให้ผู้หญิงเป็นผู้อยู่รอดคนสุดท้าย ตั้งแต่ ผู้หญิงน่ารัก คนจะเอาใจช่วย / ผู้หญิง มักตกเป็นวัตถุในการจับจ้อง และโบยตี เป็นวัตถุทางเพศ ในหนังสยอง การมอบตำแหน่งชนะเลิศ จึงเป็นการคืนอำนาจให้กับเพศหญิงในโลกหนังสยอง ไปจนถึงผู้หญิงที่เอาตัวรอด คือสัญลักษณ์ของผู้หญิงที่ดี มีคุณธรรม ไม่ร่าน อยู่ในศีลในธรรม ผกก.ส่วนใหญ่มักเชิดชูคุณธรรมระดับตื้นๆตรงนี้อย่างไม่รู้ตัว)
การที่ได้เห็น ปีศาจกลับมาเป็นเทพได้ในตอนท้ายของหนัง อาจทำให้เรารู้สึกดีที่ว่า ทุกวิญญาณบาปสามารถกลับคืนสู่อ้อมอกพระเจ้าได้ หากว่าพวกเขาจะได้รับโอกาสในการแก้ไขตัวเอง
มีคำพูดนึงที่แอดมินไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนพูดไว้ (เดาว่าบรู๊ซ แคมเบลว์) ถึงเหตุผลในการรีเมคหนังที่คลาสสิค ที่แฟนๆเรียกร้องให้เลิกสร้าง ลุงบอกว่า "เด็กในยุคนี้ควรจะมี ผีอมตะ ในแบบฉบับของพวกเขาไว้ดูบ้าง" และนั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผีชั่วถึงเป็นอมตะอยู่เหนือยุคสมัยมาเป็นเวลานาน

ช่วงเม้าธ์มอย
ฉากน้องเนยรักษ์โลก: เวอร์ชั่นนี้ทำไม่ค่อยมันส์เท่าไร ของเดิมถึงจะดูรากหญ้าเหมือนเอากิ่งข่อยมาใช้ แต่เรารู้สึกมันถึงพริกถึงขิงกว่า อันนี้ออกแนวปลาไหลมุด
คัมภีร์มรณะ: ของเก่ามันจะไม่มีดีเทลอะไรมาก เปิดมาอ่านก็จบ ผีหลอก แต่ฉบับใหม่ คัมภีร์มันมีเนื้อหาเพิ่มขึ้น คือมันบอกไว้เลยว่าจะต้องมีคนตายกี่คน ต้องตายด้วยวิธีไหน พูดง่ายๆคือมันเป็นหนังสือ ฮาว ทู บูชายันต์ เหยื่อในเรื่องก็จะโดนสังเวยตามหนังสือ นอกจากนั้นยังมีวิธีการเรียกมอนสเตอร์ตอนท้ายออกมา อาจกล่าวได้ว่าคัมภีร์ในภาคนี้มีบทบาทมากขึ้นกว่าจากของเดิมเยอะ
(สปอย)
ฉากที่หายไปจากตัวอย่างหนัง: ฉากมีอาโผล่หัวจากห้องใต้ดินมาร้องเพลงกล่อมเด็ก / ฉากมีอาเดินกลางถนนตอนท้ายเรื่อง / ฉากเดวิดตัดอะไรสักอย่างเลือดกระฉูดใส่หน้า
จัดเต็มเลยนะคะ คุณหนึ่ง ^^
พึ่งนึกออกว่าไม่ชอบเพลงประกอบเท่าไร
จริงๆชอบเพลงในเทรลเลอร์มากกว่ากว่า จังหวะจะโคน ลงตัว
เพลงในหนังมันก็ไม่ได้แย่หรอก แต่การไปแซมเปิ้ลเสียงร้องไซเรน ไม่รู้มีใครฟังออกไหม
มันทำให้นึกถึงหนังแบบภัยพิบัติ หรือหนังอย่าง silent hill มากกว่า
จริงๆชอบเพลงในเทรลเลอร์มากกว่ากว่า จังหวะจะโคน ลงตัว
เพลงในหนังมันก็ไม่ได้แย่หรอก แต่การไปแซมเปิ้ลเสียงร้องไซเรน ไม่รู้มีใครฟังออกไหม
มันทำให้นึกถึงหนังแบบภัยพิบัติ หรือหนังอย่าง silent hill มากกว่า
ชอบที่เขาเอาประเด็นยาเสพติดมาใช้ในเรื่องนี่แหละ มันดูสมจริง ช่วงแรกจะให้ความรู้สึกแบบ เออ คนดูมันก็รู้แหละว่าผีเข้า แต่คนที่อยู่ในหนังอะมันคิดไม่ออกหรอก เนอะ ก็นึกว่าหิวยา
อ่านต่อก่อน ยังอ่านไม่จบ 555
==
อ่านจบละ
บ่องตงนะตอนเราดูจบความรู้สึกแรกคือ กลิ่นเลือดมาจากไหน
เฮ้ นี่กรูเมาเลือดดดดดดดดดดดดด
อ่านต่อก่อน ยังอ่านไม่จบ 555
==
อ่านจบละ
บ่องตงนะตอนเราดูจบความรู้สึกแรกคือ กลิ่นเลือดมาจากไหน
เฮ้ นี่กรูเมาเลือดดดดดดดดดดดดด
แก้ไขล่าสุด: 14/5/2556 10:44 โดย poiily
Function Used time : 0:00:00:00.015