เรื่องราวของ……. “ถังขยะสีขาว” (Gummo / 1997)
by samara17520 • วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556 16:04

เรื่องราวของ……. “ถังขยะสีขาว” (Gummo / 1997)
คือหนังของคนชายขอบ.....
ผมได้ดูหนังเรื่องนี้เมื่อซักปี 2542 (ราวปี 1999 / หรือประมาณเมื่อ 15 ปีที่แล้ว) หลังจากที่ Gummo ออกฉายที่อเมริกาได้ราว 3 ปี เกริ่นนิด…. สมัยปี 2542 การดูหนังส่วนใหญ่ยังต้องดูกับแบบม้วน VDO เป็นที่รู้กันว่าสมัยนั้นระบบการดูหนังด้วยเครื่องเล่น VCD และ DVD ยังไม่แพร่หลายและเป็นที่นิยม เนื่องด้วยตัวเครื่องเล่นหาซื้อยาก-มีราคาค่อนไปทางแพง แผ่นหนังก็ไม่ค่อยมีร้านบริการสำหรับเช่า(และซื้อขาย) การหาร้านเช่าม้วน VDO ดีๆซักร้านจึงเป็นทางออกสำหรับนักดูหนังที่ดีที่สุดในยุคนั้น และร้านซึทาญ่า สาขาถนนศรีภูวนารถ(ตั้งอยู่ตรงข้ามห้างไดอาน่า)ก็เป็นทางออกที่นักดูหนังย่านหาดใหญ่-ถนนศรีภูวนารถสมัยนั้นนิยมใช้บริการกัน สาเหตุหลักที่คนที่นี่ชอบมาใช้บริการร้านแห่งนี้ก็เพราะว่า ร้านสะอาด แอร์เย็น พนักงานบริการยิ้มแย้มแจ่มใสตลอด หนังยืมได้นานถึง 7 วัน(ร้านเช่าปกติจะให้แค่ 3 – 4 วัน) และราคาค่าเช่าค่อนข้างถูก แค่ 20 บาทต่อ 1 ม้วน VDO / 7 วัน(นำม้วนมาคืนเอง)
ระหว่างที่ผมไปเดินเลือกเช่าม้วน VDO ในร้านซึทาญ่าเป็นปกติ(ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์) สายตาเจ้ากรรมก็บังเอิญไปเห็นม้วนหนังแปลกๆม้วนหนึ่งเข้า หน้าปกหนังเป็นรูปเด็กชายคนหนึ่งกับทรงผมแปลกๆ และเด็กชายอีกคนหนึ่งในชุดบันนี่บอยสีชมพู ปกติผมจะดูแต่หนังสยองขวัญ แต่วันนั้นไม่รู้ว่าอะไรดลจิตดลใจ เลยแอบหยิบเจ้าม้วน VDO สำหรับเช่า หน้าปกแปลกๆกลับบ้านมาด้วย หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า Gummo ปี 1997 ของผู้กำกับ Harmony Korine โดยบทหนังเรื่องนี้พี่แกก็เป็นคนเขียนเองหมดทั้งเรื่องด้วย เรื่องนี้เป็นพากย์ไทยด้วยนะ ใช้ชื่อภาคภาษาไทยว่า “เอ๋อ” ในหนังเรื่อง Gummo หรือ เอ๋อ เท่าที่ดูๆจนจบ ลักษณะการถ่ายทำเป็นแบบภาพจากกล้อง HOME VDO คือเหมือนกับว่าเป็นการตัด-ยำ หนังชีวิตของคนหลายๆกลุ่มภายในเมืองเดียวกัน แล้วนำมาปะติดปะต่อเข้าจนกลายเป็นหนังเรื่องหนึ่ง
ใน Gummo / 1997 บอกเล่าถึงเหตุการณ์หลังพายุทอร์นาโดลูกใหญ่พัดถล่มเมืองเล็กๆแห่งนี้ผ่านพ้นไปได้ไม่นาน ความเสียหายจากพายุลูกดังกล่าวยังคงปรากฏให้ได้เห็นภายในเมืองที่ชื่อ Xenia ในรัฐ Ohio ภาพสุนัขถูกพายุพัดจนไปติดแหงกอยู่บนเสาก้างปลาบนหลังคาบ้าน ซากปรักหักพังของตัวอาคารบ้านเรือน และการใช้ชีวิตแบบ “อยู่ไปวันๆ” ของชาวเมืองที่นี่จึงมีให้ได้พบเห็นอยู่อย่างชินตา หนังเปิดเรื่องด้วยเด็กผู้ชายในชุดบันนี่บอยสีชมพู(ชุดกระต่ายสีชมพู) เดินไปๆมาๆบนสะพานลอยอันแสนสกปรก บันนี่บอยเกาะซี่ลูกกรงแล้วโหนเล่นอยู่ตรงนั้นและเปล่งเสียง…. พร้อมเพลงประกอบแสนประหลาด เพี้ยนๆ จั๊กจี้หัวใจ แต่บางคราก็ฟังแล้วอบอุ่นแบบแปลกแยก หลังจากนั้นหนังก็โฟกัสต่อไปที่เรื่องราวของ Solomon (Jacob Reynolds) เด็กหนุ่มทรงผมแปลก ร่างผอมกระหร่อง กับภารกิจพิชิตความเซ็งในชีวิตโดยกรรมวิธีต่างๆนานา อาทิ นั่งสุมหัวกันเล่าเรื่องตลกขบขันแบบกากๆ, ประสบการณ์เรื่องเพศแบบ 18+ และการปั่นจักรยานไปกับทีมเด็กแสบประจำเมือง ออกล่าแมวจรจัดเพื่อส่งขายภัตตาคารสุดหรูใน Xenia หนังเล่าเรื่องของตัวละครภายในวกไปวนมาซ้ำๆ นำเสนอภาพอันแสนสกปรก ไร้ซึ่งความสวยงาม จนหลายคนถึงกับบอกว่า Gummo มันคือหนังตีแสกหน้าสังคมอเมริกันชนอย่างแสนเจ็บปวดเป็นที่สุด อเมริกาดินแดนแห่งเสรีภาพและโอกาสกลับมีภาพของเมืองที่ซึ่งเหลวแหลก ชีวิตไร้ซึ่งความหวังใดใด ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ผู้คนสิ้นหวัง อยู่ไปวันๆ(ดังในหนังเรื่องนี้) มันเหมือนกับ “ถังขยะสีขาว” (White trash) ที่ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความยากจนข้นเเค้นในสังคมคนตะวันตกนั้นก็ยังมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมชนบททางตอนใต้ของอเมริกา ที่ซึ่งประชาชนคนผิวขาวที่นั่นยังคงยากจนและใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างขัดสน พวกนี้เรียกตัวเองว่า “ถังขยะสีขาว” หรือ White trash หรือ Redneck ซึ่งดูเหมือนในหนังเรื่อง Gummo / 1997 จะตีแผ่เรื่องราวของ White trash ได้ดีที่สุด เห็นภาพอย่างเด่นชัดเป็นรูปธรรม ชัดเจนซะจนเป็นที่เล่าลือว่า ตอนที่ Gummo ออกฉายในอเมริกา (และออกเป็นม้วน VDO) มีนักดูหนังจำนวนไม่น้อยที่ทนดูหนังเรื่องนี้ได้ไม่จบ เพราะหนังมันตีแสกหน้าสังคมซะจนคนดูรับไม่ได้ หนังมันนำเสนอเรื่องจริงที่คนส่วนใหญ่ในสังคมรู้ดี….แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ประหนึ่ง “ซุกขยะไว้ใต้พรม”
อนึ่ง : นิยามของคำว่า “ซุกขยะไว้ใต้พรม” คุณพี่ ส. ซึ่งเป็น Roommate ห้องเดียวกับผมสมัยออกพื้นที่วิจัยทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ได้ให้ความหมายและภาพลักษณ์ของคำๆนี้ไว้อย่างชัดเจนเป็นยิ่ง คืนนั้นเองผมและคุณพี่ ส. นอนอยู่บนโรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวงของประเทศฝรั่งหัวทอง ประเทศนี้เองขายธุรกิจทางการศึกษาเป็นหลัก มีแต่คำที่ใครๆก็เอ่ยปากชมว่า “มันน่าอยู่มาก ปลอดภัย และไม่น่ากลัวเลยสักนิด มันคือประเทศในฝันของใครหลายคนเลยล่ะ….” ปรากฏว่าคืนนั้นอากาศภายในห้องนอนค่อนข้างร้อน(ราว 18 องศา) ผมเลยเปิดหน้าต่างห้องนอนทิ้งไว้เพื่อให้ลมถ่ายเท เย็นๆดี(ไม่ต้องเปิดแอร์) แล้วหูหนึ่งก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน ผมกับคุณพี่ ส. ได้มีโอกาสเห็นกลุ่มวัยรุ่นนักเที่ยว เดินออกมาจากผับตรงข้ามโรงแรม กลุ่มวัยรุ่นชายประมาณ 10 คน อารมณ์คงประมาณคนเมากระมัง เดินออกมาได้ก็รุมทุบ ฟัด รถยนต์และถังขยะที่อยู่แถวนั้นกระจัดกระจาย สักพักคู่อริออกมาจากผับอีก 10 กว่าคน เลยได้ชมมวยสดกลางดึก ฝรั่งหัวทองกว่า 20 คนตะลุมบอนกันหน้าผับและโรงแรมที่พัก อีก 10 นาทีต่อมา รถตำรวจอีก 4 – 5 คันรถ พร้อมตำรวจวิ่งลงมาจากรถ ใช้กระบองรุม ทุบ ตี กลุ่มวัยรุ่น จับมัดมือไขว้หลังลากขึ้นรถตำรวจ ใครนะบอกว่าที่นี่ปลอดภัย 100% โกหกชัดๆ (ฮา) คุณพี่ ส. เลยว่า “ประเทศนี้ขายธุรกิจทางการศึกษา แน่นอนล่ะว่าการขายธุรกิจทางการศึกษา ประเทศต้องน่าอยู่ ปลอดภัย ต้องเน้นสร้างภาพให้คนภายนอกดูเชื่อมั่นไว้ก่อน แต่ที่พวกเราเห็นผ่านๆมาหลายอาทิตย์แล้วนี่ มันบ่งชี้เลยว่าความปลอดภัยที่นี่มีมากก็จริง แต่มันไม่ 100% เหมือนที่ใครเขายกยอปอปั้นเสียทีเดียว ประเทศแห่งนี้หน้าฉากเหมือนมีแต่คนรวยและชนชั้นกลางทั้งประเทศ แต่เท่าที่พวกเราลงพื้นที่เก็บข้อมูลแบบลึกๆแล้ว ยังมีคนจนในประเทศนี้อีกมาก เราได้มีโอกาสเห็นฝรั่งนั่งขอทาน ณ ใจกลางเมืองที่พวกเราไปพักอาศัย ประเทศแห่งนี้ประหนึ่งซุกขยะไว้ใต้พรมก็มิปาน” ซึ่งใน Gummo ก็คงประมาณที่พูดมานี้แหล่ะ…….
เล่าเรื่อง Gummo ต่ออีกนิด จะได้จบให้สมบูรณ์ เพราะภายในหนังเรื่องนี้ยังมีฉากที่ทำร้ายจิตใจคนรักสัตว์หลายฉาก(แน่นอนล่ะว่ามันจึงเป็นหนังเด็กที่เด็กไม่ควรดูอย่างยิ่ง) โดยเฉพาะฉากที่หลายคนทนรับไม่ได้เลย ซึ่งก็คือ “ฉากแก๊งค์เด็กแสบออกล่าแมว” โดยเป็นการตระเวนออกล่าแมวจรจัดของกลุ่ม-แก๊งค์นี้ ใช้ปืนยาวลูกกระสุนทำด้วยพลาสติกไล่ยิงจนมันตาย จากนั้นจึงใช้เท้าเหยียบหัวจนคอหัก นำซากแมวไปขายให้กับภัตตาคารอาหารแปลกประจำเมือง ฉากนี้เองถึงจะพอเดาออกว่าเป็นแมวปลอม แต่มันก็ยังเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมแต่ประการใดที่เด็ก-เยาวชนและคนรักสัตว์(โดยเฉพาะคนรักแมว)สมควรจะรับชมมัน จนในที่สุด Gummo ของผู้กำกับ Harmony Korine ถูกแยกประเภทโดย MPAA (Motion Picture Association of America )ให้ฉายในเรตของหนัง R ในกลุ่มหนัง Drama (ที่ดูจิตนิดๆ) หนังออกฉายครั้งแรกในอเมริกาเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ปี 1997 มีความยาวจนจบเรื่องประมาณ 89 นาที นำแสดงโดย Jacob Sewell, Nick Sutton เเละ Lara Tosh

Replies (4)
วิจารณ์ได้ดีมากค่ะ :D
ขอบคุณนะคะที่คอยหาหนังแปลกหลายๆแนว
เอามาเล่าสู่กันฟังแบบนี้ เราชอบอ่านมากเลย
โดยเฉพาะอย่างหนังแนวดาร์คหรือดิบมากๆ
เราสนใจอยากรู้เนื้อเรื่อง แต่ไม่กล้าดูเอง xD 55+
ถ้าดูเองคงทนดูไม่ไหวเพราะเป็นคนจิตอ่อนสะเทือนอารมณ์ง่าย
ก็ได้อ่านจากเว็บนี้แหละค่ะ ทำให้รู้เรื่องราวในแง่มุมที่แตกต่างบนโลกนี้เยอะแยะเลย สนุกดี ขอบคุณจริงๆค่ะ :)
ขอบคุณนะคะที่คอยหาหนังแปลกหลายๆแนว
เอามาเล่าสู่กันฟังแบบนี้ เราชอบอ่านมากเลย
โดยเฉพาะอย่างหนังแนวดาร์คหรือดิบมากๆ
เราสนใจอยากรู้เนื้อเรื่อง แต่ไม่กล้าดูเอง xD 55+
ถ้าดูเองคงทนดูไม่ไหวเพราะเป็นคนจิตอ่อนสะเทือนอารมณ์ง่าย
ก็ได้อ่านจากเว็บนี้แหละค่ะ ทำให้รู้เรื่องราวในแง่มุมที่แตกต่างบนโลกนี้เยอะแยะเลย สนุกดี ขอบคุณจริงๆค่ะ :)
โอ๊ะ ...ไปหาดูดีกว่า
หนังกัดและเสียดสีสังคม หนูช๊อบชอบ
ขอบคุณที่มารีวิวนะคะ
หนังกัดและเสียดสีสังคม หนูช๊อบชอบ
ขอบคุณที่มารีวิวนะคะ
เคยมีเปนวิดิโอเหมือนกัน นานมาก ชอบเพลงตอนแรกๆ ยังจำติดหูถึงตอนนี้เลย
จ๋าจ๊ะๆๆ ^_____^
เพื่อนชาวต่างชาติเคยเล่าให้ฟังว่า หนังเรื่องนี้เคยมีการเอาไปฉายในโรงหนังเล็กๆในชนบทด้วยง่า คนดูก็ประมาณ 60 - 70 คนได้(มั๊ง)
ฉายเเค่ฉากเปิดตัว(ฉากเด็กผู้ชายจับเเมวกดน้ำในถัง ทำให้มันตาย / ไว้ขายภัตตาคาร) ฉากนี้เล่นเอาคนดูเหวอกันเป็นเเถว 50 กว่าคนในโรงทนไม่ได้(ฉากทรมานสัตว์)เดินออกจากโรงกันเป็นเเถว (คิดว่าฉากนี้น่าจะเป็นเเมวปลอมนะ) เเต่มัน....เสื่อมง่าๆๆๆ >___< "
เพื่อนชาวต่างชาติเคยเล่าให้ฟังว่า หนังเรื่องนี้เคยมีการเอาไปฉายในโรงหนังเล็กๆในชนบทด้วยง่า คนดูก็ประมาณ 60 - 70 คนได้(มั๊ง)
ฉายเเค่ฉากเปิดตัว(ฉากเด็กผู้ชายจับเเมวกดน้ำในถัง ทำให้มันตาย / ไว้ขายภัตตาคาร) ฉากนี้เล่นเอาคนดูเหวอกันเป็นเเถว 50 กว่าคนในโรงทนไม่ได้(ฉากทรมานสัตว์)เดินออกจากโรงกันเป็นเเถว (คิดว่าฉากนี้น่าจะเป็นเเมวปลอมนะ) เเต่มัน....เสื่อมง่าๆๆๆ >___< "
แก้ไขล่าสุด: 15/4/2556 12:11 โดย samara17520
Function Used time : 0:00:00:00.014