อย่างที่ทุกคนพอจะทราบกันดีนะครับ ว่า Quentin Tarentino คือผู้กำกับที่มักจะสนุกกับการเล่นแร่แปรธาตุหยิบยืมองค์ประกอบจากภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ที่ตัวเองหลงใหลมาใช้ในผลงานตัวเอง ราวกับเป็นการแสดงออกถึงรสนิยมความชอบ และเป็นการบูชาครู

ภาพยนตร์ชุด Kill Bill ทั้งสองvol. เป็นเหมือนพานไหว้ครูใบใหญ่ ที่สักการะอาจารย์และภาพยนตร์ทั้งหลาย ด้วยการนำตัวละคร เพลงประกอบ บทสนทนา จากเรื่องนั้นเรื่องนู้นมาไว้ด้วยกัน ทั้งหนังคาวบอยสปาเก็ทตี้ หนังซามูไร หนังกังฟู หนังเกรดบี หนังบู๊ทุนต่ำ เก็บเล็กผสมน้อย จัดวางให้เป็นรูปร่างภายในเรื่องเล่าที่ต้องการ ปักคมกระบี่อาบเลือดตัวเองลงบนกลางพานแทนธูปเทียนแล้วขอขมาต่อบรรดาปรมาจารย์หนังเหล่านั้น

ด้วยความที่เคยเป็นพนักงานร้านเช่าวิดีโอมาก่อน ต้นทุนทางภาพยนตร์ของเควนติน จึงมีเยอะมากหน่อย เค้าหลงใหลคลุกคลีต่อกองวิดีโอเป็นร้อยๆม้วน และหนังหลายเรื่องๆในอดีต ก็กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครตัวนึงใน KILL BILL

“ป๋ามะม่วงแกหยิบหนังเรื่องนี้ให้อะฮั้นไปดู บอกว่านี้เป็นแรงบันดาลใจตัวละครของคุณ ฉันหยิบมันมาดุแล้วก็อุทานในใจว่า ตายหอย นี้มันหนังโป๊นิว่ะ” ดารีลห์ ฮันน่า นักแสดงสาวในบท Elle Driver อุทานหลังจากดูวิดีโอม้วนนั้นจบ



เรากำลังพูดถึง และแนะนำให้ทุกคนรู้จัก Thriller- A Cruel Picture - ภาพยนตร์สัญชาติสวีดิชสุดถ่อย ที่ตั้งชื่อหนังประกาศโต้งๆถึงความต่ำช้าของตัวมัน ... Thriller มีอีกชื่อตอนจัดจำหน่ายในอเมริกาว่า They Call Her One Eye

หนังเล่าเรื่องของสาวใบ้วัยกำดัดที่ถูกชายโฉดลักพาตัวไปแล้วข่มขืน กักขัง หน่วงเหนี่ยว และบังคับให้เธอขายบริการเพื่อแลกกับเฮโรอีนที่มันบังคับให้เธอเสพย์จนติด สาวน้อยปฏิเสธและดิ้นรนเพื่อหาทางหนี แต่สุดท้ายก็ถูกลงฑัณฑ์ด้วยการจับควักลูกตาสดๆ..... วันเวลาผ่านไปจากตีนเท่าฝาหอย จนหอยเท่าฝาตีน จากสาวสองตา มาเป็นอีหน้านิ่งตาเดียว อีนางตัดสินใจเก็บเงินสะสมจากการขายจี่หอยแล้วไปลงทะเบียนเรียนยิงปืน และสอบใบขับขี่ เพื่อตระเวนล้างแค้นชายโฉด และกลุ่มลูกค้าทั้งหมดให้ตายตกลงนรกตามๆกัน



หนังออกมาเสื่อมๆเกรดบี ภาพถ่ายอภิโธ่กุดทังประมาณ The Last House on the Left และ I Spit on Your Grave เลยครับ ไม่มีการจัดไฟ หรือมีก็คงจัดแบบพอถ่ายติด การใช้เพลงประกอบแบบไม่มีที่มาที่ไป การแสดงที่แข็งเป็นท่อนดิลโด้ไม่ได้ชาร์ทแบต และที่สำคัญคือมีหลักใหญ่ใจความอยู่ที่เหตุการณ์ “ชำเราและชำระ(แค้น)” ด้วยกันทั้งสามเรื่อง แต่ที่ต่างกันคือสองเรื่องนั้นมันดูสนุกกว่าชัดๆ

Thriller มีปัญหาที่การลำดับเรื่องราวที่น่าอืดอาด จนบรรยากาศของหนังอึดอัน ไม่กระตุ้นเร้าความตื่นเต้นหรือบันเทิงได้ ทั้งๆที่หนังสามารถเดินตามรอยไถแปรจากหนังแนวเดียวกันที่เน้นขายความรุนแรง หนึ่งสิ่งที่ทำให้หนังดูเนือยมาจากเรื่อง Sound ในหนัง ตลอดทั้งเรื่อง หนังจะทิ้งเราไว้กับเสียง ambient อู้อี้อึ้งๆเสมือนว่ามันไปบันทึกเสียงกันในถ้ำลิเจีย จนเรารู้สึกว่าหนังมันอึดอัดเกินความจำเป็น ทั้งที่ภาพในหนังมันไม่ได้รบกวนขนาดนั้นเลย ที่ตลกกว่านั้นจนอาจจะเป็นจุดเด่นของหนังคือฉากล้างแค้นของตัวละครด้วยปืน หนังใช้วิธี Delay ภาพและsound effect ภาพที่ปรากฏจึงเป็น slow motion มรณกรรมแบบประหลาดอย่างที่ไม่จำเป็นต่ออารมณ์หนังเลย เพราะมันไม่ได้เร้าหรือน่าสนใจตรงไหน กลายเป็นดูไก่กาอาราเล่เสียมากกว่า



แต่หนังก็มีช่วงเวลาที่รุนแรงทรกรรมคนดูพอสมควร ในฉากข่มขืน และฉากค้าบริการที่ดูเป็นธรรมชาติๆมากเกินไปจนรู้สึกเหมือนเป็น home video ของตัวละคร..... และในฉากที่ถือเป็นจุดสุดขั้นของความโหดในหนังก็คือฉากควัก/แทง ลูกตานางเอกที่ถูกถกเถียงกันมาก ด้วยความสมจริงจากการที่มีของเหลวไหลออกมาระหว่างที่แทง หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าผู้กำกับน่าจะใช้ศพคนตายไปแล้วมาเป็นสตั๊นท์ในฉากนี้

หนังได้รับเกียรติให้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในประวัติศาสตร์สวีเดนที่ถูกแบน ก่อนที่จะโอนอ่อนยอมเฉือนจาก 107 นาทีออกจนเหลือ 104 นาที และ 82 นาที (ไม่ตัดทั้งเรื่องเลยล่ะ).... ซึ่งจากที่เราดูแล้ว ฉากโป๊ก็อล่างฉ่างตามปกติของหนังจำพวกนี้แหละ เพียงแต่มุมกล้องของหนังส่ำส่อนเจาะจงเครื่องเพศนักแสดงหญิงมากเกินไป จนจะกลายเป็นหนังโป๊สอดไส้ไปแล้ว.... ซึ่งนอกเหนือจากความรุนแรงทางเพศ และฉากลูกตาแล้ว ในส่วนอื่นๆก็ไม่ได้มีความน่าสมจริงสมจังอะไร ออกจะเป็นหนังป่วยๆพิกลพิการเรื่องนึง ที่พร่องในการสร้างอารมณ์ร่วมเป็นอย่างมาก

เรียกได้ว่าถ้าเควนติน ไม่พูดถึงหนังเรื่องนี้ มันก็ไม่ได้มีคุณค่าอะไรให้น่าใส่ใจเท่าไรนักหรอก

(ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราชอบแนะนำแต่หนังแบบนี้ คือจริงๆเราเห็นคนอื่นแนะนำแบบอื่นแล้ว กลัวหนังพวกนี้จะถูกทอดทิ้งอ่ะ)