มีเรื่องถามหน่อยครับ(เกี่ยวกับการเรียน)
by Psycho • วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2556 10:02
อยากถามว่า ถ้าโตขึ้นอยากเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์ หรือทำงานเกี่ยวกับด้านภาพยนตร์(จำพวกผู้กำกับ) จะต้องเลือกเรียนสายไหนตอนมัธยมปลายครับ
Replies (9)
สายไหนก็ได้ครับ
เพราะในการที่จะไปต่อพวกนิเทศ หรือภาพยนตร์ ตอนเรียนมหาลัย ส่วนใหญ่ใช้คะแนนสังคม ภาษาไทยขั้นพื้นฐาน อะไรพวกนี้นะ ไม่ได้ต้องการสกิลวิทยาศาสตร์ หรือคณิตขั้นแอดวานซ์ เราไม่ได้จะไปสอบหมอ สอบวิศวะ หรือจะเอาสกิลภาษา เพื่อไปสอบเข้าคณะอักษร ศิลปศาสตร์
ป.ล. แต่นี้ก็นานแล้ว เราก้ไม่แน่ใจว่าระบบสอบเข้าแต่ละที่เป็นไง เพราะบางที่ก็ใช้ความถนัดทางนิเทศศิลป์ด้วย เช่น ลาดกระบัง ถ้าน้องอยากเข้าอย่างน้อยช่วงมัธยมควรเริ่มเรียนดรออิ้ง หรือหัดวาดสตอรี่บอร์ด ให้เป็นนะ
เพราะในการที่จะไปต่อพวกนิเทศ หรือภาพยนตร์ ตอนเรียนมหาลัย ส่วนใหญ่ใช้คะแนนสังคม ภาษาไทยขั้นพื้นฐาน อะไรพวกนี้นะ ไม่ได้ต้องการสกิลวิทยาศาสตร์ หรือคณิตขั้นแอดวานซ์ เราไม่ได้จะไปสอบหมอ สอบวิศวะ หรือจะเอาสกิลภาษา เพื่อไปสอบเข้าคณะอักษร ศิลปศาสตร์
ป.ล. แต่นี้ก็นานแล้ว เราก้ไม่แน่ใจว่าระบบสอบเข้าแต่ละที่เป็นไง เพราะบางที่ก็ใช้ความถนัดทางนิเทศศิลป์ด้วย เช่น ลาดกระบัง ถ้าน้องอยากเข้าอย่างน้อยช่วงมัธยมควรเริ่มเรียนดรออิ้ง หรือหัดวาดสตอรี่บอร์ด ให้เป็นนะ
ขอบคุณครับ ^U^
ของผมคิดว่าไม่ต้องเน้นอะไรแบบนั้นนะครับ
ถ้าชอบก็เรียนฟิล์มได้เพราะผมเลือกที่จะเข้า ม เอกชนมากกว่า
แต่ถึงยังไงตอนปีแรกๆก็จะมีวิชาพื้นฐานให้เรียนอยุ่ดีละคับ
ถ้าชอบก็เรียนฟิล์มได้เพราะผมเลือกที่จะเข้า ม เอกชนมากกว่า
แต่ถึงยังไงตอนปีแรกๆก็จะมีวิชาพื้นฐานให้เรียนอยุ่ดีละคับ
สำหรับนิเทศศาสตร์นะครับ ไม่ว่าจะม.รัฐหรือเอกชน
น้องจะเรียนสายไหนก็ได้ครับ เพียงแต่ถ้าเรียนสายวิทย์มา ก็จะได้เปรียบเวลาเรียนวิชาบังคับพื้นฐานพวกที่ยังเป็นวิทย์ และพวกสถิติ
ถ้าเรียนศิลป์คำนวณ หรือภาษา ก็จะได้เปรียบด้านภาษาอังกฤษครับ
แต่เอาจริงๆ แล้วน้องเรียนไรก็ได้ครับ เพราะเข้ามาแล้วจะเรียกได้ว่า "โละ" ทุกวิชาของม.ปลายแล้วเริ่มนับ 1 ใหม่หมดเลยครับ ทั้งประวัติวิทยุ โทรทัศน์ การถ่ายรูป การเขียน การพูด เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้ไม่มีในวิชาม.ปลายเลย
ทีนี้ก็อยู่แค่ที่ว่า น้องจะเข้านิเทศ ของรัฐหรือเอกชน ถ้าเอกชนก็ต้องยอมรับว่าเขาดีจริงในแง่อุปกรณ์ เครื่องมือทันสมัย น้องจะได้จับโน่นนี่นั่น ทำเป็นทุกกระบวนท่าตั้งแต่ปี1 ปี2 แต่ม.รัฐจะเน้นทฤฏฎีเยอะหน่อยและเข้าภาคจริงจังตอนปี 3 แต่ก็จะมี connection กับค่ายภาพยนตร์ค่ายหนึ่งครับ
ปล.ขอให้น้องโชคดี มีไรก็ถามมาได้ พี่มีเพื่อนเป็นคอหนังโหดที่อยู่ภาคฟิล์มเหมือนกัน แต่ไม่รู้ชื่อลอกอิน 555
น้องจะเรียนสายไหนก็ได้ครับ เพียงแต่ถ้าเรียนสายวิทย์มา ก็จะได้เปรียบเวลาเรียนวิชาบังคับพื้นฐานพวกที่ยังเป็นวิทย์ และพวกสถิติ
ถ้าเรียนศิลป์คำนวณ หรือภาษา ก็จะได้เปรียบด้านภาษาอังกฤษครับ
แต่เอาจริงๆ แล้วน้องเรียนไรก็ได้ครับ เพราะเข้ามาแล้วจะเรียกได้ว่า "โละ" ทุกวิชาของม.ปลายแล้วเริ่มนับ 1 ใหม่หมดเลยครับ ทั้งประวัติวิทยุ โทรทัศน์ การถ่ายรูป การเขียน การพูด เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้ไม่มีในวิชาม.ปลายเลย
ทีนี้ก็อยู่แค่ที่ว่า น้องจะเข้านิเทศ ของรัฐหรือเอกชน ถ้าเอกชนก็ต้องยอมรับว่าเขาดีจริงในแง่อุปกรณ์ เครื่องมือทันสมัย น้องจะได้จับโน่นนี่นั่น ทำเป็นทุกกระบวนท่าตั้งแต่ปี1 ปี2 แต่ม.รัฐจะเน้นทฤฏฎีเยอะหน่อยและเข้าภาคจริงจังตอนปี 3 แต่ก็จะมี connection กับค่ายภาพยนตร์ค่ายหนึ่งครับ
ปล.ขอให้น้องโชคดี มีไรก็ถามมาได้ พี่มีเพื่อนเป็นคอหนังโหดที่อยู่ภาคฟิล์มเหมือนกัน แต่ไม่รู้ชื่อลอกอิน 555
ผมก็อยากเป็นคนเขียนบทภาพยนต์ครับ ไม่ก็ทำงานเกี่ยวกับพวกผู้กำกับภาพยนต์ไรงี้ เป็นความฝันเพิ่งมารู้ว่าอยากทำจริงๆเอาตอน ม.6 เเต่น่าเสียดายตอนนี้เรียนมหาลัยอยู่สายนิติศาสตร์(ใกล้จบ)ซะเเล้ว ...เง้อ
ในระดับมหาวิทยาลัย สาขาทางภาพยนตร์ จะอยู่ด้วยกัน 2 คณะคือ ในคณะนิเทศศาสตร์หรือสื่อสารมวลชนทั้งหลาย คนส่วนใหญ่จะทราบดี
กับอีกอันคือภาควิชานิเทศศิลป์ (ที่ต้องเรียกเป็นภาควิชาเพราะมันอยู่ในคณะสถาปัตย์อีกที) ซึ่งน่าจะมีเปิดอยู่ที่เดียวคือ ที่พระจอมเกล้าฯลาดกระบังครับ
ความแตกต่างของทั้ง 2 สายนี้คือ
นิเทศศาสตร์ จะต้องเรียนวิชาพื้นฐานของคณะหลายตัว เกี่ยวกับวิชาทางนิเทศศาสตร์เช่น การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ วาทวิทยา วารสาร
ข้อดีคือ ทำให้เรารู้อะไรหลายๆอย่างเบื้องต้นเกี่ยวกับสื่อทั้งหมด สามารถนำไปประยุกต์ในการทำงานได้ แต่กว่าจะได้เรียนวิชาเอก จะต้องรอถึง
ปี 2-3 อย่างนิเทศฯ จุฬาฯ เลือกวิชาเอกตอนปี 3 และวิชาที่เรียนก็จะเป็นงานสร้างที่ mass คือทำออกมาเพื่อให้เข้าใจง่ายๆอะไรประมาณนี้
นิเทศศิลป์ สาขาภาพยนตร์ที่ลาดกระบัง เลือกเอกตั้งแต่ต้น แต่ก็ได้เรียนวิชาพื้นฐานอื่นๆด้วย มีวาดเส้น การถ่ายภาพ นิเทศศิลป์ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าวิชาจะต่างคือ นิเทศศิลป์จะเน้นเป็นทางศิลปะคือทางอาร์ต วิชาเรียนต่างๆก็จะมีทั้งสอนให้ทำงานแบบ mass และแบบ art แบบ
หนังที่ดูแล้วล้ำลึกแต่ไม่เข้าใจ 555 ประมาณนั้นซึ่งในสาขาภาพยนตร์เองก็จะมีให้เลือกเรียนอีกคือเป็นทาง ภาพยนตร์ กับ ดิจิทัลมีเดีย คืือทำ
พวกกราฟฟิคประกอบในหนัง
วิธีการเข้า
นิเทศศาสตร์ ม.รัฐ ใช้ GAT กับ PAT มีให้เลือกยื่นคะแนนวิทย์ กับยื่อคะแนนทางภาษาต่างประเทศภาษาที่ 3 ฉะนั้นเรียนสายไหนใน ม.ปลายก็ได้แต่ทางศิลป์ภาษาจะโอเคสุด เพราะส่วนใหญ่จะรับสัดส่วนจากภาษาที่ 3 เยอะ
นิเทศศิลป์ สาขาภาพยนตร์ คณะสถาปัตยกรรม ที่พระจอมเกล้าฯลาดกระบัง สอบตรงอย่างเดียวไม่มีรอบแอดฯ สอบวิชาพวกออกแบบ มีให้วาดสตอรี่บอร์ดด้วย เรียนสายไหนก็ได้ เพราะยังไงต้องเรียนพิเศษทางนิเทศศิลป์เพิ่มแน่ๆ 555 (ควรจะเรียนนะถ้าจะเข้าเพราะแข่งขันสูงมากจริงๆ และข้อสอบไม่พื้นๆนะ- -" )
การทำงาน
จบจากทั้ง 2 แบบทำงานได้เหมือนกันครับ แต่นิเทศศิลป์จะได้ทางโปรัดกชั่นเยอะกว่า แต่นิเทศศาสตร์เราจะได้ทางสื่อสารอื่นๆด้วย คือมีวิชาโทสาขาอื่นให้เรียนเพิ่มเติมเช่นเราเรียนเอกภาพยนตร์แต่เราสามารถเลือกวิชาโทโฆษณาได้ ซึ่งทำให้เรามีสามารถหลากหลายมากขึ้น ซึ่งนิเทศศิลป์สาขาภาพยนตร์จะไม่มี แต่นิเทศศิลป์ก็จะได้ทางศิลปะ คือเราสามารถไปทำกราฟฟิคดีไซเนอร์ได้หรือทางศิลปะได้ด้วย
สรุป
ถ้ามั่นใจว่ารักทางนี้ก็เลือก นิเทศศิลป์ สาขาภาพยนตร์ไปเลย เพราะจะได้อยู่กับสิ่งที่เราชอบจริงๆ แต่ฝีมือทางศิลปะต้องมีพอสมควรด้วย จริงๆนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ก็ต้องใช้นะเพราะต้องมีการวาดสตอรี่บอร์ดด้วยแต่น้อยกว่าทางนิเทศศิลป์ที่ต้องมีทำฉากทำพร็อบอะไรด้วย แต่ถ้าเน้นเป็นผู้กำกับ 2 คณะนี้โอเคแต่ถ้าเป็นคนเขียนบทจริงๆจังๆ ทั้ง 2 สาขานี้ ถือว่าไม่ที่สุดนะคือก็มีวิชาเขียนบท แต่ไม่ได้เน้นจัดหนักมาก ถ้าอยากเขียนบทจริงจังมีอีกสาขาคือ สาขาศิลปะการละคร ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ จะมีสาขาเขียนบทเลย เพราะรายวิชาต่างๆในคณะนี้ก็เอื่อแก่การเป็นคนเขียนบทมาก(เพราะคณะนี้ต้องเรียนรายวิชาจำพวกประวัติศาสตร์ ปรัชญา วรรณกรรม วรรณคดี ซึ่งเป็นวัตถุดิบอย่างดีในการเขียนบทเพราะคนเขียนบทต้องมีความรู้รอบๆตัวเยอะและเป็นคนอ่านเยอะด้วย)
ปล1.สาขานิเทศศิลป์ ในมหาวิทยาลัยอื่นๆที่ชื่อสาขา นิเทศศิลป์เฉยๆ จะเป็นการเรียนเน้นทางออกแบบกราฟฟิคนะครับไม่ใช่ทางภาพยนตร์ ยกเว้นที่ลาดกระบังทางนิเทศศิลป์จะมี 3 สาขาคือ สาขาภาพยนตร์และดิจิทัล สาขาการถ่ายภาพ สาขานิเทศศิลป์ ซึ่งอยู่ในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์อีกที)
ปล2.นิเทศศิลป์ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.บูรพา ปัจจุบันก็ไม่แน่ใจว่ามีสาขาภาพยนตร์เพิ่มหรือยังน้อง จขกท ลองหาข้อมูลดูครับ
ปล3.คณะนิเทศสาสตร์ คณะวารสารศาสตร์ คณะสื่อสารมวลชน คือเรียนเหมือนกันต่างแค่ชื่อเรียก แต่ยังไงก่อนจะเลือองหาข้อมูลก่อนนะครับว่า ในคณะนั้นๆมีสาขาภาพยนตร์หรือเปล่า เพราะไม่ใช่ทุกที่ที่จะมีสาขาภาพยนตร์
ปล4.สาขาศิลปะการละครมีที่คณะอักษรฯศิลปากรด้วย ซึ่งจริงๆแล้วสาขาศิลปะการละครนี้จะเป็นการเน้นงานทางละครเวทีไม่ใข่ทางภาพยนตร์แต่ก็ประยุกต์กันได้ เพียงแต่มีสาขาการเขียนบทโดยตรง คณะอักษรฯจะรับรวมไม่แยกเอกแล้วจึงค่อยแยกตอนปี 2 ครับ (คณะอักษรฯ ไม่ได้มีแต่สาขาทางภาษานะครับ ^^ )
กับอีกอันคือภาควิชานิเทศศิลป์ (ที่ต้องเรียกเป็นภาควิชาเพราะมันอยู่ในคณะสถาปัตย์อีกที) ซึ่งน่าจะมีเปิดอยู่ที่เดียวคือ ที่พระจอมเกล้าฯลาดกระบังครับ
ความแตกต่างของทั้ง 2 สายนี้คือ
นิเทศศาสตร์ จะต้องเรียนวิชาพื้นฐานของคณะหลายตัว เกี่ยวกับวิชาทางนิเทศศาสตร์เช่น การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ วาทวิทยา วารสาร
ข้อดีคือ ทำให้เรารู้อะไรหลายๆอย่างเบื้องต้นเกี่ยวกับสื่อทั้งหมด สามารถนำไปประยุกต์ในการทำงานได้ แต่กว่าจะได้เรียนวิชาเอก จะต้องรอถึง
ปี 2-3 อย่างนิเทศฯ จุฬาฯ เลือกวิชาเอกตอนปี 3 และวิชาที่เรียนก็จะเป็นงานสร้างที่ mass คือทำออกมาเพื่อให้เข้าใจง่ายๆอะไรประมาณนี้
นิเทศศิลป์ สาขาภาพยนตร์ที่ลาดกระบัง เลือกเอกตั้งแต่ต้น แต่ก็ได้เรียนวิชาพื้นฐานอื่นๆด้วย มีวาดเส้น การถ่ายภาพ นิเทศศิลป์ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าวิชาจะต่างคือ นิเทศศิลป์จะเน้นเป็นทางศิลปะคือทางอาร์ต วิชาเรียนต่างๆก็จะมีทั้งสอนให้ทำงานแบบ mass และแบบ art แบบ
หนังที่ดูแล้วล้ำลึกแต่ไม่เข้าใจ 555 ประมาณนั้นซึ่งในสาขาภาพยนตร์เองก็จะมีให้เลือกเรียนอีกคือเป็นทาง ภาพยนตร์ กับ ดิจิทัลมีเดีย คืือทำ
พวกกราฟฟิคประกอบในหนัง
วิธีการเข้า
นิเทศศาสตร์ ม.รัฐ ใช้ GAT กับ PAT มีให้เลือกยื่นคะแนนวิทย์ กับยื่อคะแนนทางภาษาต่างประเทศภาษาที่ 3 ฉะนั้นเรียนสายไหนใน ม.ปลายก็ได้แต่ทางศิลป์ภาษาจะโอเคสุด เพราะส่วนใหญ่จะรับสัดส่วนจากภาษาที่ 3 เยอะ
นิเทศศิลป์ สาขาภาพยนตร์ คณะสถาปัตยกรรม ที่พระจอมเกล้าฯลาดกระบัง สอบตรงอย่างเดียวไม่มีรอบแอดฯ สอบวิชาพวกออกแบบ มีให้วาดสตอรี่บอร์ดด้วย เรียนสายไหนก็ได้ เพราะยังไงต้องเรียนพิเศษทางนิเทศศิลป์เพิ่มแน่ๆ 555 (ควรจะเรียนนะถ้าจะเข้าเพราะแข่งขันสูงมากจริงๆ และข้อสอบไม่พื้นๆนะ- -" )
การทำงาน
จบจากทั้ง 2 แบบทำงานได้เหมือนกันครับ แต่นิเทศศิลป์จะได้ทางโปรัดกชั่นเยอะกว่า แต่นิเทศศาสตร์เราจะได้ทางสื่อสารอื่นๆด้วย คือมีวิชาโทสาขาอื่นให้เรียนเพิ่มเติมเช่นเราเรียนเอกภาพยนตร์แต่เราสามารถเลือกวิชาโทโฆษณาได้ ซึ่งทำให้เรามีสามารถหลากหลายมากขึ้น ซึ่งนิเทศศิลป์สาขาภาพยนตร์จะไม่มี แต่นิเทศศิลป์ก็จะได้ทางศิลปะ คือเราสามารถไปทำกราฟฟิคดีไซเนอร์ได้หรือทางศิลปะได้ด้วย
สรุป
ถ้ามั่นใจว่ารักทางนี้ก็เลือก นิเทศศิลป์ สาขาภาพยนตร์ไปเลย เพราะจะได้อยู่กับสิ่งที่เราชอบจริงๆ แต่ฝีมือทางศิลปะต้องมีพอสมควรด้วย จริงๆนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ก็ต้องใช้นะเพราะต้องมีการวาดสตอรี่บอร์ดด้วยแต่น้อยกว่าทางนิเทศศิลป์ที่ต้องมีทำฉากทำพร็อบอะไรด้วย แต่ถ้าเน้นเป็นผู้กำกับ 2 คณะนี้โอเคแต่ถ้าเป็นคนเขียนบทจริงๆจังๆ ทั้ง 2 สาขานี้ ถือว่าไม่ที่สุดนะคือก็มีวิชาเขียนบท แต่ไม่ได้เน้นจัดหนักมาก ถ้าอยากเขียนบทจริงจังมีอีกสาขาคือ สาขาศิลปะการละคร ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ จะมีสาขาเขียนบทเลย เพราะรายวิชาต่างๆในคณะนี้ก็เอื่อแก่การเป็นคนเขียนบทมาก(เพราะคณะนี้ต้องเรียนรายวิชาจำพวกประวัติศาสตร์ ปรัชญา วรรณกรรม วรรณคดี ซึ่งเป็นวัตถุดิบอย่างดีในการเขียนบทเพราะคนเขียนบทต้องมีความรู้รอบๆตัวเยอะและเป็นคนอ่านเยอะด้วย)
ปล1.สาขานิเทศศิลป์ ในมหาวิทยาลัยอื่นๆที่ชื่อสาขา นิเทศศิลป์เฉยๆ จะเป็นการเรียนเน้นทางออกแบบกราฟฟิคนะครับไม่ใช่ทางภาพยนตร์ ยกเว้นที่ลาดกระบังทางนิเทศศิลป์จะมี 3 สาขาคือ สาขาภาพยนตร์และดิจิทัล สาขาการถ่ายภาพ สาขานิเทศศิลป์ ซึ่งอยู่ในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์อีกที)
ปล2.นิเทศศิลป์ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.บูรพา ปัจจุบันก็ไม่แน่ใจว่ามีสาขาภาพยนตร์เพิ่มหรือยังน้อง จขกท ลองหาข้อมูลดูครับ
ปล3.คณะนิเทศสาสตร์ คณะวารสารศาสตร์ คณะสื่อสารมวลชน คือเรียนเหมือนกันต่างแค่ชื่อเรียก แต่ยังไงก่อนจะเลือองหาข้อมูลก่อนนะครับว่า ในคณะนั้นๆมีสาขาภาพยนตร์หรือเปล่า เพราะไม่ใช่ทุกที่ที่จะมีสาขาภาพยนตร์
ปล4.สาขาศิลปะการละครมีที่คณะอักษรฯศิลปากรด้วย ซึ่งจริงๆแล้วสาขาศิลปะการละครนี้จะเป็นการเน้นงานทางละครเวทีไม่ใข่ทางภาพยนตร์แต่ก็ประยุกต์กันได้ เพียงแต่มีสาขาการเขียนบทโดยตรง คณะอักษรฯจะรับรวมไม่แยกเอกแล้วจึงค่อยแยกตอนปี 2 ครับ (คณะอักษรฯ ไม่ได้มีแต่สาขาทางภาษานะครับ ^^ )
แก้ไขล่าสุด: 12/1/2556 23:58 โดย pea
เราเรียนนิเทศเอกวารสาร ม.เอกชน แต่ลงวิชาโทภาพยนตร์ ตอนม.ปลายจะเรียนสายอะไรก็ได้ค่ะ
สมัยที่เราเรียน(โปรดอย่าถามว่ากี่ปีมาแล้ว) ช่วงปี1-2 จะเรียนวิชาของคณะนิเทศและวิชาพื้นฐาน คือ วิชาที่ทุกคนเรียนเหมือนกัน ปี2 เทอมสองถึงจะเริ่มเข้าสู่วิชาเอก ปี3-4 จะเริ่มลงมือจริงๆละ
ตอนนั้นเราเรียนภาพยนตร์เป็นวิชาโท อาจจะไม่ได้เรียนเรื่องการถ่ายทำเต็มที่เหมือนเด็กเอก แต่จะเรียนเกี่ยวกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ระบบวงการภาพยนตร์ วิจารณ์หนัง บางวิชาก็ดูหนังเรื่องเดียวทั้งเทอมแล้วหาสัญลักษณ์ ตีความ สื่ออะไรยังไง
น้องต้องศึกษาระบบการเรียนของมหาวิทยาลัยที่ต้องการจะเข้าให้ดีค่ะ เพราะการเรียนภาพยนตร์โดยตรงอาจจะไม่ตรงใจก็ได้ อย่างม.เราวิชาเขียนบทก็จะมีสำหรับคนเรียนเอกการแสดงด้วย หรือเอกวิทยุโทรทัศน์ก็มีเขียนบทละครเหมือนกัน ซึ่งสามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
สรุปคือ ตอนม.ปลายเรียนสายที่ชอบเถอะ ถ้าจะให้แนะนำเรียนภาษาต่างประเทศไว้แล้วจะดี พอต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็พยายามทำคะแนนให้สูงๆ จะได้มีทางเลือกเยอะๆ ไปหาข้อมูลดูว่าที่ไหนเปิดสาขาภาพยนตร์หรือเกี่ยวข้องบ้าง ของแบบนี้ต้องลอง
สมัยที่เราเรียน(โปรดอย่าถามว่ากี่ปีมาแล้ว) ช่วงปี1-2 จะเรียนวิชาของคณะนิเทศและวิชาพื้นฐาน คือ วิชาที่ทุกคนเรียนเหมือนกัน ปี2 เทอมสองถึงจะเริ่มเข้าสู่วิชาเอก ปี3-4 จะเริ่มลงมือจริงๆละ
ตอนนั้นเราเรียนภาพยนตร์เป็นวิชาโท อาจจะไม่ได้เรียนเรื่องการถ่ายทำเต็มที่เหมือนเด็กเอก แต่จะเรียนเกี่ยวกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ระบบวงการภาพยนตร์ วิจารณ์หนัง บางวิชาก็ดูหนังเรื่องเดียวทั้งเทอมแล้วหาสัญลักษณ์ ตีความ สื่ออะไรยังไง
น้องต้องศึกษาระบบการเรียนของมหาวิทยาลัยที่ต้องการจะเข้าให้ดีค่ะ เพราะการเรียนภาพยนตร์โดยตรงอาจจะไม่ตรงใจก็ได้ อย่างม.เราวิชาเขียนบทก็จะมีสำหรับคนเรียนเอกการแสดงด้วย หรือเอกวิทยุโทรทัศน์ก็มีเขียนบทละครเหมือนกัน ซึ่งสามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
สรุปคือ ตอนม.ปลายเรียนสายที่ชอบเถอะ ถ้าจะให้แนะนำเรียนภาษาต่างประเทศไว้แล้วจะดี พอต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็พยายามทำคะแนนให้สูงๆ จะได้มีทางเลือกเยอะๆ ไปหาข้อมูลดูว่าที่ไหนเปิดสาขาภาพยนตร์หรือเกี่ยวข้องบ้าง ของแบบนี้ต้องลอง
แก้ไขล่าสุด: 13/1/2556 01:08 โดย tibby-bibty
คห.6 แน่นปึ้กมากๆๆ
เด็กลาดกระบังใช่ป่ะนิ^^
เด็กลาดกระบังใช่ป่ะนิ^^
เข้าใจว่าถ้าจะเรียนสาขานี้ทุนทางบ้านต้องหนาระดับหนึ่ง เคยคุยกับเด็ก ม กรุงเทพ คนหนึ่ง ที่เรียนด้านนี้ เห็นบอกว่าทำโปรเจคจบใช้เงินคนละประมาณ 60,000 บาท ...
รบกวนคนที่เรียนด้านนี้ช่วยชี้แจงหน่อยว่า ผมเข้าใจถูกไหม ... ผิดพลาดขออภัยครับ
รบกวนคนที่เรียนด้านนี้ช่วยชี้แจงหน่อยว่า ผมเข้าใจถูกไหม ... ผิดพลาดขออภัยครับ
แก้ไขล่าสุด: 14/1/2556 19:49 โดย nana_idol
Function Used time : 0:00:00:00.015