ใหญ่ขึ้น! อลังขึ้น! เป๊ะหรือเละ? กับ SIlent Hill: Revelation (มีสปอยล์นะจ๊ะ)

by kirin_bolt • วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555 14:56
หลังจากที่เฝ้ารอ Silent Hill ภาคต่ออย่างใจจดใจจ่อมาเป็นเวลาหลายเดือน ในที่สุดวันพฤหัสที่ผ่านมาก็เป็นวันแรกที่หนังเข้าฉาย โรงที่ผมไปดูคือ SF World Cinema ที่ CentralWorld และเป็นโรงที่ฉายแบบ 3D ด้วย จริงๆแล้วไม่ได้ตั้งใจอยากจะไปดูแบบ 3D หรอกเพราะมันเปลืองเงิน เดือนนึงยิ่งดูหนังโรงบ่อยๆนี่อาจจะทำเอาจนกันได้เลยทีเดียว T^T

จริงๆต้องออกตัวก่อนว่าโดยส่วนตัวผมเป็นแฟนเกม Silent Hill ตั้งแต่ภาคแรกแล้วอยู่แล้ว จึงรู้พล็อตเรื่องของเกมมาก่อนทำให้ค่อนข้างคาดหวังกับหนังพอสมควร หลังจากที่ภาคแรกก็ทำออกมาได้โอเคในแง่ของการให้ความเคารพกับเกมต้นฉบับ

เนื้อเรื่องของ Silent Hill: Revelation นั้นอิงมาจากเนื้อเรื่องของตัวเกมในภาค 3 ซะมาก แต่มีการปรับเปลี่ยนบางส่วนให้เข้ากับการทำหนัง ตัวละครหลักของภาคนี้คือ Heather ลูกสาวของโรส ตัวเอกในภาคแรกที่พาลูกสาวให้รอดพ้นจากเมือง Silent Hill (แต่ตัวเองติดแหง่กอยู่ข้างในออกมาไม่ได้) ในภาคนี้น้องนางชีโตเป็นสาวอายุ 18 แถมเปลี่ยนชื่อตัวเองจาก แชรอน ชื่อเดิมตอนเป็นเด็กน้อยด้วย (ดีนะที่ไม่ตั้งชื่อเล่นแปลกๆสองพยางค์แบบ น้องลูกโบว์ น้องขนมเนย แบบวัยรุ่นสมัยนี้ 555)

เอาล่ะไม่พูดพร่ำทำเพลงละ ขอไล่เป็นจุดๆแล้วกันว่าชอบ/ไม่ชอบอะไรในภาคนี้มั่ง

เริ่มจากข้อดีก่อนแล้วกัน

1. Production design พัฒนาขึ้นจากภาคแรก รู้สึกทึ่งมากกับการดัดแปลงใช้วัสดุต่างๆที่คาดไม่ถึงมาสร้าง “another world” ของ Silent Hill ได้อย่างที่เรียกว่าสำเนาถูกต้องมากมาย แอบสงสัยว่าผนังที่ลอกล่อนเนี่ยใช้ถุงก๊อบแก๊บเปื่อยๆแปะเอาแล้วใช้สีพ่นรึเปล่า ดูเหมือนจริงมาก แอบเก๋นิดนึงนะ

2. ชอบการออกแบบปีศาจภาคนี้โดยเฉพาะ Mannequin หรือหุ่นลองเสื้อที่ภาคนี้มาแนว transformer เป็นแมงมุมยักษ์ (อาจจะฟังดูการ์ตูนๆแต่หน้าตาและท่าทางในหนังแลดูคุกคามมากๆ) เจ้านี่เป็นตัวละครตัวเดียวที่เป็น CG ไม่เหมือนตัวอื่นที่ใช้วิธีการตัดชุดยางให้คนจริงๆใส่ข้างใน (เบื้องหลังภาคแรกโชว์การออกแบบท่าเต้น เอ้ย! ท่าเดินของปีศาจแต่ละตัวด้วย กว่าจะได้ท่าเดินแต่ละตัวใช้เวลาฝึกนานอยู่นะ แอบปลื้มปริ่ม ณ จุดนี้)

มาพูดถึงข้อเสียกันบ้าง

1. คือ…มันไม่น่ากลัวอ่ะแก มันแค่สะดุ้ง (เพราะอานิสงค์ของ 3D) แต่บางคนอาจจะแย้งว่าก็หนังมันไม่ได้แนวหลอกหลอนแนวผีๆ ออกแนวเป็นฝันร้าย + Psychology ไม่ใช่หรือ? ซึ่งก็จริง เพราะจริงๆผมก็ไม่ได้คาดหวังกับการไปดูแล้วจะต้องกรี๊ดลั่นโรงอยู่แล้ว แต่หนังมันพลาดตรงที่ อย่างน้อยมันควรจะให้ความรู้สึกที่ดูอึดอัด ดูประสาทหลอน ดูเล่นกับจิตวิทยาคนดูมากกว่านี้สิ? ซึ่งภาคนี้ไม่มีอารมณ์นั้น feeling ของหนังเลยดร็อปลงเยอะพอสมควร สิ่งที่เราจะได้เห็นมันก็เลยมีแต่งาน production ที่โฉ่งฉ่าง อลังการแต่ไม่ทรงพลัง ออกแนว fantasy มากไปหน่อย จะว่าไปแล้วระหว่างที่ดูอยู่ก็นึกถึงผลงานยุคหลังๆของทาเซ็ม ซิงค์อย่าง Immortals ในแง่ที่ว่าภาพสวยจัดมาก เทพมากแต่เนื้อเรื่องเข้าขั้นอนาถ อยากให้ทีมผู้สร้างภาคหน้า (ถ้ามี) โทนดาวน์เรื่องงานดีไซน์อลังการลงเยอะๆหน่อยแล้วให้ความสำคัญกับเนื้อเรื่องและสไตล์การเล่าเรื่อง ก็จะทำให้หนังดีกว่าเดิมได้ไม่ยาก เพราะตัวเกมต้นฉบับมีอะไรดีๆให้หยิบมาใช้เยอะมาก

2. ปัญหาที่สองคือเรื่อง casting นางเอกภาคนี้หน้าแก่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก Heather หน้าตาล้ำวัยมากกกกกก ดูแล้วไม่เหมือนเด็ก 18 แต่เหมือนคนอายุ 23-25 มากกว่า แถมแอ็คติ้งนางก็ไม่นำพาอย่างแรง ไอ้ฉากที่ควรจะใส่อารมณ์กว่านี้ก็ดันทำหน้านิ่งๆซะงั้น (แต่ยังดีกว่าคริสเท่น สจ๊วต ผู้ซึ่งหน้าป่วยตลอดกาล) เลยเดาไม่ถูกว่าสรุปแล้วแม่นางเห็นปีศาจแล้วรู้สึกอะไรกันแน่ หวาดกลัว? พรั่นพรึง? สับสน? แต่ที่น่าสงสารมากที่สุดก็คือ แคร์รี่ แอนน์ มอสส์ ที่ห่างหายงานแสดงไปนาน ชี comeback ได้อย่างน่าสลดหดหู่สุดๆ แต่ก็เข้าใจนะว่าบทมันไม่ค่อยส่ง จริงๆหนังน่าจะให้ background ตัวละครให้มากกว่านี้หน่อยว่าทำไมถึงต้องบ้าลัทธิขนาดนี้ อย่างอีป้ามหาภัยคริสทาเบลล่าในภาคแรก คนดูยังรู้ว่า อ้อ อีนี่มันโรคจิต อีล่าแม่มด ดูแล้วเกลียด ไรงี้ อยากแช่งให้ตายไวๆ แต่ตัวร้ายภาคนี้มาเหมือนแบบ “เค้าเรียกชั้นมาเติมให้หนังมันเต็มๆแค่นั้นอ่ะค่ะ” แล้วที่ปวดตับมากที่สุดคือฉากแบ็ทเทิ้ลท้ายเรื่อง ฮะ? อะไรนะ หนังสยองเหรอ อ้าว? นึกว่าเล่น tekken อยู่ อีบ้า! เอา Pyramid Head กับอีเจ๊ชุดหนัง Fetish มาสู้กันซะงั้น ดีนะเนี่ยที่ไม่มีปล่อยคอมโบ้สุดยอด 99 hits ไปด้วย หนังจะได้หลุดวงโคจรไปอย่างสมบูรณ์แบบ 555

บทสรุป

อ่านไปอ่านมาอาจจะคิดว่าผมไม่ชอบเรื่องนี้ จริงๆก็สองอารมณ์นะจุดที่ชอบก็ชอบ แต่จุดที่รำคาญก็รำคาญ โชคดีมากที่หนังได้เทคนิก 3D มาช่วยชีวิต

อันนี้เป็นข้อแนะนำสำหรับคนดูสามกลุ่ม

1. คนที่ยังไม่เคยดูภาคแรก แนะนำให้ไปหาภาคแรกมาดูก่อนจะได้เข้าใจอะไรๆในภาค 2 ได้ดีขึ้น

2. ส่วนคนที่ดูแรกภาคแรกมาแล้วแต่ไม่ได้เป็นแฟนเกม จะรู้สึกผิดหวังกับพล็อตเรื่อง แต่ถ้าคิดว่าเอาเถอะช่วงฮาโลวีนก็ดูๆไปอย่าคิดมาก หนังเรื่องนี้ก็ให้ความบันเทิงอยู่นะ

3. คนที่ดูภาคแรกมาแล้วและเป็นแฟนเกม จะปลื้มมากกับงาน production เพราะมันสวยงามออกมาโขลกเดียวกันกับในเกมเลย (มีกระต่ายน้อย signature ในเกมภาค 3 ด้วย หน้าตางุงิครุคริน่าสะสมมาก) แถม Pyramid Head ก็ดูโดดเด่นมากๆ แฟนเกมน่าจะชอบตรงจุดนี้

คะแนนผมให้ 6/10 นะ ตอนแรกจะให้ 5 แต่เพิ่มมาให้อีก 1 คะแนนกับความตั้งใจของทีมงาน production มา ณ จุดนี้




ปล.1 อี Heather ร่างมารตอนโต make up ได้เห่ยมาก หน้าตาเหมือนเด็ก emo ชิบ อารมณ์สยองหายไปในบัดดล

ปล.2 หนังสั้นมาก หลายๆคนที่เดินออกจากโรงแอบบ่นว่าหนังจบไวไป ยังดูไม่เต็มอิ่มเลย

attachment

Replies (11)

#1ChaChaKoi • 27/10/2555 15:50
กะลังจะมารีวิวพอดี มีแนวร่วมละ 555 เนื่องจากเราเป็นคนไ่ม่เล่นเกม แต่ดูภาคแรกแล้วติดใจมากมาย จึง
ไปดูภาคสองมาเมื่อวาน คิดเหมือนกันว่าหนังมันสั้นไปนิดนึง "อารมณ์แบบ เฮ่ย ตกลงว่ามันจบแล้วใช่มะ"
สิ่งที่ชอบจากภาคแรกคือการที่โรสต้องเก็บไอเท็มตามจุดต่างๆเพื่อนำไปไขปริศนาว่าที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้ แล้วพวกฉากวิ่งหนีสัตว์ประหลาดต่างๆก็ดูลุ้นกว่า ซึ่งการปูพื้นถึงสาเหตุความแค้นของอเลซซ่า ดูแล้วก็รู้สึกว่า "เออว่ะ เจอแบบนี้มันก็น่าแค้นอยู่หรอก" พอมาภาคนี้ เมื่อป๊ะป๋าของชารอนหายไป คุณลูกไม่ต้องไขปริศนาให้เหนื่อย เพราะพ่อทิ้งบทสรุปเฉลยเกมเอาไว้ให้เลย 55 อเลซซ่าในภาคนี้ คือเหมือนชีจะมาร้ายก็ไม่ร้าย จะดีก็ไม่ดี มันออกขัดๆกันไปหน่อย ส่วนนังป้ามหาภัย ก็ดูไม่โหดล้ำชวนให้น่าตบเท่านักป้าภาคแรก ความโหดหลอนถือว่าเบาไปเยอะ ภาคนี้ก็มีสัตว์ประหลาดออกมาให้ลุ้นกันอยู่หลายฉากเหมือนกัน แต่ก็สามารถหนีรอดออกมาได้อย่างง่ายดายจริงๆ =_= ถ้าถามว่าภาคนี้ชอบอะไรที่สุด คงเป็นสัตว์ประหลาดหุ่นโชว์แมงมุม ที่โผล่ออกมาช่วงกลางๆเรื่องละ เพราะออกแบบได้แนวมาก หลอนแบบเท่ๆดี คิดว่าเต็ม 10 ให้ 7 นะ
#2jzyjjx • 27/10/2555 16:24
รอบิทฯ แล้วกันค่ะ แฮ่ๆ
#3pea • 27/10/2555 16:56
ถามนิดนึงคือ

ทำไมลูกสาวนางเอกจากภาคที่แล้ว (เป็นนางเอกภาคนี้) ถึงออกมาจากเมืองได้

แต่ตัวแม่ถึงติดอยู่ ถ้าจำไม่ผิดตอนจบเหมือนจะติดอยู่ด้วยกันไม่ใช่หรอ ที่พอ

ไปถึงบ้านก็ยังมีแต่หมอก แต่ตัวพ่อที่อยู่ในมิติจริงกลับฝนตก ตกลงว่าออกมา

ได้ยังไงแล้วตัวแม่ทำไมถึงติดอยู่ หรือว่ามีเฉยในภาค 2 นี้???
#4markdemon • 27/10/2555 17:55
พึ่งกลับมา ขอแจมด้วยคน 55

หนังสั้นจริงๆ แถมเจ๊ดาเลียมีการอยู่ๆก็โผล่มา เล่าเรื่องภาคหนึ่งซะชนิดที่ว่าคนไม่เคยดูภาคแรกไม่ต้องหามาดูก็เข้าใจ ถ้าตัดฉากนี้ออกไปหนังมันจะสั้นกว่านี้อีกนะ!
เรื่องภาพต้องยอมรับว่าอลังขึ้นมากจริงๆ แถมการเดินเรื่องก็ชวนให้นึุกถึงเกม อารมณ์ประมาณเข้าบ้านผีสิงเป็นด่านๆอะนะ ถึงว่าทำไมงาน halloween horror night ถึงทำบ้านผีสิงของเรื่องนี้
ผมไม่ได้เล่นเกมนะ เคยเล่นภาคสองภาค นอกนั้นดู walkthrough เอา รู้สึกว่าตอนจบจบตรงไปหน่อย เล่นเกมมาก่อนนี่แทบไม่ต้องเดาเลย
ฉากแบทเทิลตอนจบรู้สึกเหมือนจขกทเลย นี่กรูดู silent hill อยู่ใช่มั้ย?! แต่ผมว่าร่างอสูร Claudia Wolf เหมือนอุลตร้าแมนแฮะ 55555

ใจจริงตั้งใจไปดูซาวด์แทร็ค แต่โรงหนังต่างจังหวัดอะเนอะ มีแต่พากษ์ไทย โคตรรำคาญคนพากษ์โดยเฉพาะตอนฮีทเทอร์แนะนำตัวในชั้นเรียน มุกก็ไม่ฮายังจะยัดใส่เข้าไปอีก เสียอารมณ์มาก

เรื่องมอนสเตอร์ ใบปิดเหมือนจะชูโรงพี่หัวปีระมิด ในหนังจริงๆกลับไม่เด่นซะงั้น เห้ย! หรือเด่น ตอนซัด Takken กับ Wolf ไง 555
กลายเป็นว่าฉากนางพยาบาลเป็นอีกฉากที่ผมชอบมาก ลุ้นจริงๆฮะ
แต่สำหรับตัวที่ชอบที่สุดคงเป็น Mannequin Spider นั่นแหละ หลอนได้ใจดีจริงๆ

ผมว่าความหลอนสู้ภาคแรกไม่ได้ จริงๆตั้งใจมาดูฉากหลอน แต่กลับได้ฉากแอคชั่นซะเพียบเลย ฉากแบบ Dramatic ก็ไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่แล้ว เฉยๆ ไม่สะดุ้ง ไม่รู้สึกถึงฝันร้ายอะไรเลย

ดนตรี ต้องพูดซะหน่อยเพราะตั้งใจเข้าไปฟังซาวด์แทร็คประกอบ เพลงหลอนๆไม่มีเลย ดนตรีประกอบกลายเป็นตื่นเต้นแบบหนังแอคชั่นซะหมด ยังดีที่ได้เพลงเก่า promise (reprise) มาใส่ตอนจบ


รวมๆผมว่าโอเคอยู่ คุ้มที่จะดู 3D แบบไม่เสียดาย เพราะอลังมากก นั่งดูไปทึ่งไป เพราะไม่ค่อยได้ดูหนัง 3D คิดเหมือนคนแ่ก่เลย ว่าหนังสมัยนี้มันอลังการกันขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย 555


ว่าแต่ว่ามีใครคิดเหมือนผมมั้ยว่าฉากนี้ไม่ใ่ช่ความบังเอิญ? 555

attachment
#5kirin_bolt • 27/10/2555 22:26
ถึงคุณ ChaChaKoi

ผมก็คิดเหมือนกันว่าภาคแรกมันไม่มีลูกเล่นในการเล่าเรื่องเลย โดยเฉพาะฉากที่วินเซนท์บอกว่าชั้นคือลูกของคลอเดียนะ ตอนดูอยู่อึ้งไปเลยว่าหนังจะรีบเฉลยไปไหน? แถมเฉลยกันตรงๆไม่มีอ้อมค้อมด้วย หลังจากนี้เฮเธอร์ก็เลยเหลือแค่ตามล่าแค่ไอเท็มเดียวคือ Seal of Metatron เท่านั้น

ส่วนตัวร้ายของภาคนี้อย่างคลอเดียเนี่ยอารมณ์แตกต่างจากในเกมอย่างสิ้นเชิง ในหนังนี่อารมณ์แบบเหมือนอาเจ๊ที่คุมแก๊งค์โฉดเฉยๆ แต่คลอเดียเวอร์ชั่นในเกมนี่ทั้งท่าทาง แววตา มันบ่งบอกว่าชีมี belief ในเรื่องของลัทธิอย่างท่วมท้น อารมณ์แบบสิ่งที่กูทำมัน absolute เป็นสิ่งที่ประเสริฐมากๆ เลยรู้สึกว่า เออ น่ากลัว...คนแบบนี้ทำอะไรก็ได้จริงๆ อาจจะด้วยเพราะลุ้คแบบ androgyny ที่ทำให้หน้าตาเหมือนทั้งผู้หญิงและผู้ชายในเวลาเดียวกันดูเหมือนคนไร้เพศ (คนละแบบกับกะเทยนะ) เลยทำให้รู้สึกเหมือนเป็น vessel ของพระเจ้าจริงๆ ไม่เหมือนคนบนโลกมนุษย์ เลยทำให้ดูลึกลับน่าขนลุก (Tilda Swinton บทแกเบรียลในเรื่อง constantine ถือเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดมาก)
attachment
#6kirin_bolt • 27/10/2555 22:41
ถึงคุณ Pea

เด็กที่เดินมากับโรสในตอนจบภาคแรกเป็นกายหยาบในรูปลักษณ์ของ Sharon ครับแต่ข้างในตัวเป็นส่วนผสมของ Alessa + Sharon จำเหตุการณ์ฆ่าล้างโคตรที่โบสถ์ใน Silent Hill ได้มั้ยครับ? ตอนที่ Alessa เดินมาจ้องตา Sharon อันนั้นคือการฟิวชั่นกันโดย Alessa ใช้กายหยาบของ Sharon ในการมาจุติใหม่

ส่วนเหตุผลที่ทำไม Sharon ถึงออกมาจากโลกของ Silent Hill นั้นหนังภาค 2 เฉลยไว้ชัดแจ้งมาก นั่นคือโรสพามาส่งที่บ้าน แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นซีนของตอนจบภาคหนึ่งรึเปล่าและไม่ได้บอกด้วยว่าได้ใช้วิธีการแยกวิญญาณของ Sharon ออกจากร่างที่โดน Alessa ยึดครองเพื่อให้เป็นอิสระออกจากโลกของ Silent Hill ส่วนตัวแม่เนี่ยหนังก็ไม่ได้บอกเหตุผลชัดเจนว่าทำไมถึงติดอยู่ที่โลกนั้นเหมือนกัน แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าพอทำงานรับใช้ Alessa ตอนฉากฆ่าที่โบสถ์แล้วก็เลยมีความดาร์คติดต่อสมควรอยู่ในโลกของ Silent Hill อะไรประมาณนั้นครับ
#7kirin_bolt • 27/10/2555 22:50
ถึงคุณ markdemon

ดนตรีภาคนี้ไมค่อยส่งเสริมอารมณ์หนังจริงๆครับ ทั้งๆที่ในเกมเนี่ยดนตรีประกอบจะเด่นมาก จะดูวังเวงๆหลอนๆเหมือนอยู่ในหมอกควันตลอดเวลา อย่างดนตรีในภาคแรกก็ยังมีการใช้เสียงของออร์แกนขับให้ดู religious เหมือนดนตรีตอนบอสใหญ่ออกมา แต่ภาคนี้กลับลดทอนความขลังนั้นลงไป โดยส่วนตัวผมคิดว่าเป็นเรื่องของเหตุผลทางการตลาดที่อยากให้หนังดู Niche น้อยลงกว่าภาคแรก เนื่องจากภาคแรกเนี่ยคนที่ดูเรื่องนี้คือคอเกมกับคนที่ชอบหนังสยองอยู่แล้ว แถมประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง นายทุนคงอยากขยาย target ไปกลุ่มอื่นด้วยเลยมีฉากที่ Cheesy ออกมาเยอะหน่อยเพื่อเรียกกระแสคนดู เช่นฉากไฟลุกในสวนสนุก อารมณ์แบบเก๋ป๊ะล่ะแก? อลังนะแก ไรงี้

ว่าแต่.....ภาคนั้นเหมือนโลโก้ Umbrella จริงๆด้วย อิอิ XD
#8แว่นจัง • 28/10/2555 00:32
ยังไม่ได้ดูภาคสอง แต่ขอแจมภาคหนึ่ง

เคยคิดไว้ว่าที่โรสติดอยู่เพราะดันไปช่วยอเลซซ่าล้างแค้นก็เลยติดอยู่ในวังวนนั้นตลอดไป และอเลซซ่าอาจโหยหาความรักของแม่ แบบที่โรสปกป้องลูก ก็เลยหน่วงไม่ให้ไป(ก็คืออีกครึ่งของอเลซซ่านั้นแหละ) พอรวมร่างกัน อเลซซ่าผสมชารอน ก็ขอติดออกไปเลย ออกไปไม่ได้ เพราะตอนใกล้ตายดันใช้พลังสร้างมิติสองกับสามไปแล้ว ก็เลยเหมือนโดนสาปให้ติดอยู่ตลอดไป
#9Icover • 28/10/2555 23:01
ไม่ปลื้มอ่ะ ให้ 3.5/10 บทเบาหวิว ชวนง่วงในหลายๆฉาก

+โปรดั๊กชั่นอิงวิดีโอเกมดีมากๆ
+การออกแบบสัตว์ประหลาดในเรื่อง สร้างสรรค์ดี
+พระเอกหล่อ

-เนื้อเรื่องไม่มีอะไรเลย
-นางเอกเก่งเกิน ทุกอย่างในเรื่องเอื้อให้นางเอกหมด
-บทเบาหวิว และเหตุผลหลวมหลายๆจุด
-ใช้ตัวประหลาดไม่คุ้ม แต่ละตัวออกมาแค่ 1-2 นาที
-ตอนจบที่ง่ายดาย ยิ่งกว่าการวิ่งเข้าห้องส้วมปลดทุกข์

เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆเดือนที่ดูหนังแล้วบ่นกับตัวเองว่าเมื่อไหร่จะจบ ขนาดซื้อตั๋วแบบลดครึ่งราคา 85 บาท ยังเสียดายตัง

//หยิบแผ่นวงจรปิดมาดูอีกรอบ
#10earthzy • 28/11/2555 00:43
ส่วนตัวชอบน่ะ ดู 3D ด้วย อลังงงงงง
#11natsu • 28/11/2555 14:59
ในภาคแรก โรสผู้เป็นแม่ถูกมีดแทงกลางอก ทำให้เลือดไหลออกมา เปิดทางให้ปีศาจเข้าไปอาละวาดข้างในโบสถ์ได้ แต่แล้วแผลที่ถูกแทงของโรสก็หายไปอย่างน่าอัศจรรย์ และโรสก็ติดอยู่อีกโลกหนึ่ง

ผมคิดว่าหนังต้องการสื่อว่า โรสตาย และกลายสภาพเป็นกายละเอียด คือสาเหตุที่อยู่ๆบาดแผลหายไป และทำให้เธอต้องอยู่คนละมิติกับคนที่ยังมีชีวิต และที่สำคัญคือ ดูเหมือนโรสจะไม่รู้ตัวว่าเธอได้ตายไปแล้ว
แก้ไขล่าสุด: 28/11/2555 18:51 โดย natsu
Login
Function Used time : 0:00:00:00.016
Go Last