[ฉายSeries]American Horror Story : Asylum พรมแดง เปิดโรงพยาบาลรับคนไข้ "Welcome to Briarcliff"
by แว่นจัง • วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555 20:34
กลับมากับซีซั่นที่ 2 แล้วกับ American Horror Story หรือ AHS เหล่าแฟนๆก็รอกันใหญ่ว่าบ้านสยองจะมาต่อกันแบบไหน ผู้สร้างมาแหกโค้งให้เซอร์ไพรส์เล็กๆว่า เป็นตอนใหม่ไม่ใช่ตอนต่อ สำหรับซีซั่น 2 นี้ในชื่อว่า Asylum ใครยังไม่เคยดูซีรียส์เรื่องนี้เลยสบายใจได้ เริ่มดูใหม่ได้เลย ถึงจะมีนักแสดงเก่าๆบางคนจากซีซั่นแรกมาร่วมด้วย แต่ไม่มีการเกี่ยวข้องเลยนะ แถมซีซั่นนี้ได้แม่เหล็กดูดสาวๆ คือ Adam Levine นักร้องนำจากวง Maroon 5
ถ้าใครไม่เคยดูเลยจะมาหาความน่ากลัวแบบผีโผล่พุ่งมาก็ไม่ถึงขนาดนั้น ซีซั่นนี้ดูถ้าจะเป็นแนวจิตวิทยาบวกความบิดเบี้ยวของจิตมนุษย์ในแดนรวมคนบ้า
คนดีจะกลายเป็นคนบ้า หรือ คนบ้าในคราบคนที่อ้างว่าดี เราจะโดนซีรียส์เรื่องนี้หลอก หรือ จะเชื่อดีไหม
เชิญเปลี่ยนชุดเป็นชุดผู้ป่วย เพราะที่เห็นนี้ไม่มีใครปกติหลงเหลืออยู่
ถ้าใครไม่เคยดูเลยจะมาหาความน่ากลัวแบบผีโผล่พุ่งมาก็ไม่ถึงขนาดนั้น ซีซั่นนี้ดูถ้าจะเป็นแนวจิตวิทยาบวกความบิดเบี้ยวของจิตมนุษย์ในแดนรวมคนบ้า
คนดีจะกลายเป็นคนบ้า หรือ คนบ้าในคราบคนที่อ้างว่าดี เราจะโดนซีรียส์เรื่องนี้หลอก หรือ จะเชื่อดีไหม
เชิญเปลี่ยนชุดเป็นชุดผู้ป่วย เพราะที่เห็นนี้ไม่มีใครปกติหลงเหลืออยู่

Replies (97)
มานั่งรอชมครับผม
ตอนแรกชื่อ "Welcome to Briarcliff"
สำหรับเรื่องฉายซีรียส์อาจไม่ได้ฉายตลอดรอดฝั่ง ทั้งThe Walking Dead หรือ AHS แต่อาจทำเป็นscreenshotมา(ถ้าว่าง) เพราะแค่เรื่องนี้แคปไปแคปมาปาไปเกือบ 350 รูป เยอะกว่าหนังเรื่องหนึ่งอีก คราวนี้เลยใช้กลวิธีรวมรูปจะได้พากย์โดยรวมได้เร็วยิ่งขึ้น
การฉายหนังแบบนี้สำหรับชาวหนังโหดหน้าใหม่อาจถาม ทำไมไม่ลงแบบคลิปไปเลย
คือ เว็บไม่มีพื้นที่พอ และ เอกลักษณ์ของเว็บเราก็ฉายแห้งๆแบบนี้ละจ๊ะ ส่วนจะไปหาดูที่ไหน ก็torrentทั่วไปเลย แล้วถามว่าเรื่องนี้จะมีซับไทยไหมมีอยู่แล้ว แต่รอหน่อย เพราะชาวบ้านเขาทำกัน
แต่ถ้าดูซับEngแล้วไม่เก็ต ก็มาถามในเว็บหรือFBก็ได้เพราะก่อนฉายดูไปประมาณสอง-สามรอบ และมีการหาข้อมูลเพิ่มเติมบ้าง น่าจะตอบปัญหาด้านภาษาได้
อะวกกลับมาพูดถึงเรื่องนี้ต่อ ในซีซั่นสองนี้ จะมี13ตอนน่าจะจบตอนปลายๆเดือนธันวาคม
เรื่องย่อๆ คือ คู่แต่งงานใหม่มาสำรวจโรงพยาบาลจิตเวชร้างในย่านตะวันออกของอเมริกา(ในรัฐแมสซาชูเซตส์) ที่มีตำนานเล่าขานกันว่าผู้ป่วยที่เข้ามารักษาที่นี้ไม่มีใครออกไปได้อีกเลย ในอดีตโรงพยาบาลแห่งนี้รับทั้งคนป่วยทางจิตจริงๆ รวมถึงโรคที่ยังไม่มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ในสมัยยุค1960 หรือไม่มียารักษา เช่น โรคติดเซ็กส์ ติดเหล้า แม้กระทั่งเป็นเลสเบี้ยน ก็ไม่รอด แถมในโรงพยาบาลนี้ยังรับอาชญกรป่วยทางจิตมารักษาอีกด้วย
เอาละมาดูกันดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นในที่แห่งนี้
พากย์ไทยโดย Horrorclub.net
สำหรับเรื่องฉายซีรียส์อาจไม่ได้ฉายตลอดรอดฝั่ง ทั้งThe Walking Dead หรือ AHS แต่อาจทำเป็นscreenshotมา(ถ้าว่าง) เพราะแค่เรื่องนี้แคปไปแคปมาปาไปเกือบ 350 รูป เยอะกว่าหนังเรื่องหนึ่งอีก คราวนี้เลยใช้กลวิธีรวมรูปจะได้พากย์โดยรวมได้เร็วยิ่งขึ้น
การฉายหนังแบบนี้สำหรับชาวหนังโหดหน้าใหม่อาจถาม ทำไมไม่ลงแบบคลิปไปเลย
คือ เว็บไม่มีพื้นที่พอ และ เอกลักษณ์ของเว็บเราก็ฉายแห้งๆแบบนี้ละจ๊ะ ส่วนจะไปหาดูที่ไหน ก็torrentทั่วไปเลย แล้วถามว่าเรื่องนี้จะมีซับไทยไหมมีอยู่แล้ว แต่รอหน่อย เพราะชาวบ้านเขาทำกัน
แต่ถ้าดูซับEngแล้วไม่เก็ต ก็มาถามในเว็บหรือFBก็ได้เพราะก่อนฉายดูไปประมาณสอง-สามรอบ และมีการหาข้อมูลเพิ่มเติมบ้าง น่าจะตอบปัญหาด้านภาษาได้
อะวกกลับมาพูดถึงเรื่องนี้ต่อ ในซีซั่นสองนี้ จะมี13ตอนน่าจะจบตอนปลายๆเดือนธันวาคม
เรื่องย่อๆ คือ คู่แต่งงานใหม่มาสำรวจโรงพยาบาลจิตเวชร้างในย่านตะวันออกของอเมริกา(ในรัฐแมสซาชูเซตส์) ที่มีตำนานเล่าขานกันว่าผู้ป่วยที่เข้ามารักษาที่นี้ไม่มีใครออกไปได้อีกเลย ในอดีตโรงพยาบาลแห่งนี้รับทั้งคนป่วยทางจิตจริงๆ รวมถึงโรคที่ยังไม่มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ในสมัยยุค1960 หรือไม่มียารักษา เช่น โรคติดเซ็กส์ ติดเหล้า แม้กระทั่งเป็นเลสเบี้ยน ก็ไม่รอด แถมในโรงพยาบาลนี้ยังรับอาชญกรป่วยทางจิตมารักษาอีกด้วย
เอาละมาดูกันดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นในที่แห่งนี้
พากย์ไทยโดย Horrorclub.net
รายชื่อนักแสดงในซีซั่นนี้
Zachary Quinto : Dr. Oliver Thredson
Joseph Fiennes : Monsignor Timothy Howard
Sarah Paulson : Lana Winters
Evan Peters : Kit Walker
Lily Rabe : Sister Mary Eunice
Lizzie Brocheré : Grace
James Cromwell : Dr. Arthur Arden
Jessica Lange : Sister Jude
Adam Levine : Leo
Jenna Dewan-Tatum : Teresa
Chloë Sevigny : Shelly สาวติดเซ็กส์
Mark Consuelos : Spivey
Clea DuVall : Wendy Paisa
Franka Potente
Britne Oldford : Alma Walker
Mark Margolis : Sam Goodwin
Zachary Quinto : Dr. Oliver Thredson
Joseph Fiennes : Monsignor Timothy Howard
Sarah Paulson : Lana Winters
Evan Peters : Kit Walker
Lily Rabe : Sister Mary Eunice
Lizzie Brocheré : Grace
James Cromwell : Dr. Arthur Arden
Jessica Lange : Sister Jude
Adam Levine : Leo
Jenna Dewan-Tatum : Teresa
Chloë Sevigny : Shelly สาวติดเซ็กส์
Mark Consuelos : Spivey
Clea DuVall : Wendy Paisa
Franka Potente
Britne Oldford : Alma Walker
Mark Margolis : Sam Goodwin
มารอให้กำลังใจแว่นจัง
//นั่งไขว่ห้างรอคนรับใช้เสิร์ฟอาหารค่ำ
//นั่งไขว่ห้างรอคนรับใช้เสิร์ฟอาหารค่ำ

ตีตั๋วเข้าโรงค่ะ
เปิดฉากมาด้วยLeoและTeresa คู่แต่งงานใหม่ ตัดสินใจฮันนีมูนด้วยการตระเวนสำรวจสถานที่สุดเฮี้ยนในตำนาน12แห่ง และพวกเขาก็มาถึงที่ Briarcliff Manor
ถ่ายรูปกันไปตลอดทาง หวานเจี๊ยบจ๊าบ แหมมมมันอิจฉา
ด้วยความช่วยเหลือของไอโฟน Teresa เล่าถึงความเป็นมาของที่แห่งนี้
Briarcliff Manor สร้างขึ้นปี 1908 เพื่อเป็นสถานที่รักษาผู้ป่วยวัณโรค และเป็นสถานที่รักษาวัณโรคที่ใหญ่ที่สุดในด้านชายฝั่งตะวันออกของอเมริกา(ทางชายฝั่งตะวันออกของอเมริกาที่ติดมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งแต่รัฐเมนเรื่อยไปจนถึงรัฐฟลอริดา)
ว่ากันว่ามีคนเสียชีวิตในที่แห่งนี้ถึง46,000 คน และมีการลำเลียงศพผ่านทางอุโมงที่เรียกกันว่า Death Chute
ทั้งคู่ก็ยังหวานกันอย่างดูดดื่มไปตลอดทาง ลีโอเร่งให้รีบสำรวจให้เสร็จก่อนมืดซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ถ่ายรูปกันไปตลอดทาง หวานเจี๊ยบจ๊าบ แหมมมมันอิจฉา
ด้วยความช่วยเหลือของไอโฟน Teresa เล่าถึงความเป็นมาของที่แห่งนี้
Briarcliff Manor สร้างขึ้นปี 1908 เพื่อเป็นสถานที่รักษาผู้ป่วยวัณโรค และเป็นสถานที่รักษาวัณโรคที่ใหญ่ที่สุดในด้านชายฝั่งตะวันออกของอเมริกา(ทางชายฝั่งตะวันออกของอเมริกาที่ติดมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งแต่รัฐเมนเรื่อยไปจนถึงรัฐฟลอริดา)
ว่ากันว่ามีคนเสียชีวิตในที่แห่งนี้ถึง46,000 คน และมีการลำเลียงศพผ่านทางอุโมงที่เรียกกันว่า Death Chute
ทั้งคู่ก็ยังหวานกันอย่างดูดดื่มไปตลอดทาง ลีโอเร่งให้รีบสำรวจให้เสร็จก่อนมืดซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น

แก้ไขล่าสุด: 19/10/2555 22:30 โดย แว่นจัง
แล้วทั้งคู่ก็มาอยู่ชั้นสอง Teresaเล่าต่อมาว่า
โบสถ์คาธอลิกซื้อที่แห่งนี้ต่อในปี 1962 เพื่อเป็นสถานที่รักษาอาชญกรที่ป่วยทางจิต โดยตามตำนานเล่าว่าเมื่อเข้ามาอยู่ในBriarcliffแล้ว จะไม่มีทางได้กลับออกมา คนไข้ที่มีชื่อเสียงของที่แห่งนี้ คือ ฆาตกรต่อเนื่องนามว่า Bloodyface
แล้วLeoไปเจอเก้าอี้ที่ใช้ช็อตไฟฟ้ารักษาผู้ป่วย หลังจากนั้นคู่แต่งงานใหม่ก็ประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะกัน ด้วยการสวมบทคุณหมอฉีดยาคนไข้ แต่แล้วก็มีเสียงดังเหมือนมีคนเคาะประตูเหล็กที่ไหนซักแห่งในโรงพยาบาลร้างแห่งนี้ Teresaเลยตัดสินใจไปดู เผื่อจะเจอBloodyface ขณะที่Leoที่หงุดหงิดเล็กน้อยเพราะโดนขัดจังหวะก็บอกว่าอาจเป็นเสียงท่อน้ำเก่าๆก็ได้
โบสถ์คาธอลิกซื้อที่แห่งนี้ต่อในปี 1962 เพื่อเป็นสถานที่รักษาอาชญกรที่ป่วยทางจิต โดยตามตำนานเล่าว่าเมื่อเข้ามาอยู่ในBriarcliffแล้ว จะไม่มีทางได้กลับออกมา คนไข้ที่มีชื่อเสียงของที่แห่งนี้ คือ ฆาตกรต่อเนื่องนามว่า Bloodyface
แล้วLeoไปเจอเก้าอี้ที่ใช้ช็อตไฟฟ้ารักษาผู้ป่วย หลังจากนั้นคู่แต่งงานใหม่ก็ประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะกัน ด้วยการสวมบทคุณหมอฉีดยาคนไข้ แต่แล้วก็มีเสียงดังเหมือนมีคนเคาะประตูเหล็กที่ไหนซักแห่งในโรงพยาบาลร้างแห่งนี้ Teresaเลยตัดสินใจไปดู เผื่อจะเจอBloodyface ขณะที่Leoที่หงุดหงิดเล็กน้อยเพราะโดนขัดจังหวะก็บอกว่าอาจเป็นเสียงท่อน้ำเก่าๆก็ได้

แก้ไขล่าสุด: 19/10/2555 22:30 โดย แว่นจัง
Bloodyface ที่หน้าเหมือนเป็นญาตินักร้องนำวงSlipknotเวลาใส่หน้ากาก
สภาพภายนอก
ขอเข้าโรงหน่อยค่ะ มาช้าไปนิ๊ดด
ปาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
และไปถึงตรงใกล้ๆกันเป็นประตูเหล็กมีช่องด้านล่างให้สอดอาหารเข้าไปให้ได้ Teresaเข้าไปดูยังไม่เห็นอะไร เลยLeoว่าคงไม่กล้าที่จะดูว่าในห้องนี้มีอะไรอยู่กันแน่
Leoจึงเอาโทรศัพท์เข้าไปจะได้บันทึกภาพในห้องจะได้รู้ว่ามีอะไรอยู่บ้าง ส่วนTeresaก็จัดหนักให้Leo ขณะที่Leo กำลังเคลิ้มได้ที่เขาก็โวยวายผลักTeresaที่คุกเขาอยู่จนเกือบกระเด็น เธอตกใจสุดขีดเมื่อLeoดึงแขนออกมา
เลือดสาดกระเซ็น โทรศัพท์ของTeresaตกอยู่หลังประตูเหล็ก และเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังไปทั่วโรงพยาบาลร้างแห่งนี้
Leoจึงเอาโทรศัพท์เข้าไปจะได้บันทึกภาพในห้องจะได้รู้ว่ามีอะไรอยู่บ้าง ส่วนTeresaก็จัดหนักให้Leo ขณะที่Leo กำลังเคลิ้มได้ที่เขาก็โวยวายผลักTeresaที่คุกเขาอยู่จนเกือบกระเด็น เธอตกใจสุดขีดเมื่อLeoดึงแขนออกมา
เลือดสาดกระเซ็น โทรศัพท์ของTeresaตกอยู่หลังประตูเหล็ก และเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังไปทั่วโรงพยาบาลร้างแห่งนี้

แก้ไขล่าสุด: 19/10/2555 22:29 โดย แว่นจัง
เลือดสาดกระเซ็น
มาแว้ววว
แรงกัดของสิ่งมีชีวิตปริศนาทำให้Leoถึงกับแขนขาด
ย้อนกลับไปปี 1964
ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง Kit Walker ทำงานเป็นคนดูแลปั๊ม ก่อนปิดปั๊มดันเจอลูกค้ามาเป็นครอบครัว คนเป็นพ่อดูหงุดหงิดลงท้ายด้วยการโยนเงินค่าน้ำมันลงบนพื้น
Kit อวยพรให้เดินทางปลอดภัยก่อนเดินมาปิดปั๊มและสบถถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ แล้วเก็บเงินใส่กล่องลงบัญชีให้เรียบร้อย
ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง Kit Walker ทำงานเป็นคนดูแลปั๊ม ก่อนปิดปั๊มดันเจอลูกค้ามาเป็นครอบครัว คนเป็นพ่อดูหงุดหงิดลงท้ายด้วยการโยนเงินค่าน้ำมันลงบนพื้น
Kit อวยพรให้เดินทางปลอดภัยก่อนเดินมาปิดปั๊มและสบถถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ แล้วเก็บเงินใส่กล่องลงบัญชีให้เรียบร้อย

แก้ไขล่าสุด: 19/10/2555 22:30 โดย แว่นจัง
ปิดเสียงมือถือ ย่องเข้าโรงฉายเบาๆ
มารอดูด้วยใจระทึก ตึ๊ก ๆๆ ...
ขณะที่กำลังปิดปั๊มอย่างอารมณ์ดี จู่ๆไฟก็ดับKitรีบวิ่งไปที่ตู้เซฟทันที ก่อนที่มีอะไรโผล่มาให้ตกใจ กลายเป็นBilly และกลุ่มเพื่อนของKit
Kit บอกBillyว่าทำแบบนี้มันอันตราย เดี๋ยวเกิดยิงเพราะนึกว่าเป็นโจรจะให้ทำไรอย่างไร
ทุกคนหัวเราะBilly ชูปืนแกว่งไปมา Kit รีบวิ่งไปเอาปืนคืนมาใส่เซฟไว้อย่างเดิม
เฮ้ยKitขอยืมปืนหน่อยสิวะ จะเอาไปขู่ไอ้ดำที่มาเกาะแกะกับน้องสาวคนเล็กของRandyว่ะ BillyถามKit
Kitตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า พวกแกเสียสติไปแล้วหรือไง ยังไงก็ไม่มีทางไปกับพวกแกแล้วก็ปืนกระบอกนี้ด้วย
Billyหยุดหัวเราะแล้วถามKitว่า
Alเจ้าของปั๊มให้เงินเดือนแกเท่าไรวะ ได้ข่าวมาว่าแกมีคนใช้ด้วยหนิหว่า
Billyหยิบช็อกโกแลตมาแกะกิน ก่อนพูดต่อว่า
อืมมมม ช็อกโกแลต แล้วยิ้มเยาะKit ก่อนจะเดินออกไปทั้งกลุ่ม ทิ้งให้Kitยืนอยู่ด้วยเสียงหน้ากังวล
Kit บอกBillyว่าทำแบบนี้มันอันตราย เดี๋ยวเกิดยิงเพราะนึกว่าเป็นโจรจะให้ทำไรอย่างไร
ทุกคนหัวเราะBilly ชูปืนแกว่งไปมา Kit รีบวิ่งไปเอาปืนคืนมาใส่เซฟไว้อย่างเดิม
เฮ้ยKitขอยืมปืนหน่อยสิวะ จะเอาไปขู่ไอ้ดำที่มาเกาะแกะกับน้องสาวคนเล็กของRandyว่ะ BillyถามKit
Kitตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า พวกแกเสียสติไปแล้วหรือไง ยังไงก็ไม่มีทางไปกับพวกแกแล้วก็ปืนกระบอกนี้ด้วย
Billyหยุดหัวเราะแล้วถามKitว่า
Alเจ้าของปั๊มให้เงินเดือนแกเท่าไรวะ ได้ข่าวมาว่าแกมีคนใช้ด้วยหนิหว่า
Billyหยิบช็อกโกแลตมาแกะกิน ก่อนพูดต่อว่า
อืมมมม ช็อกโกแลต แล้วยิ้มเยาะKit ก่อนจะเดินออกไปทั้งกลุ่ม ทิ้งให้Kitยืนอยู่ด้วยเสียงหน้ากังวล

แก้ไขล่าสุด: 19/10/2555 22:27 โดย แว่นจัง
Kitขับรถมาถึงบ้าน แล้วทักทายผู้หญิงในบ้านว่า คุณนายWalker ฝ่ายผู้หญิงบอกKitว่า ยังไม่คุ้นกับคำว่าคุณนายWalker พร้อมเรียกเขาว่า คุณWalker
Kitหยิบแหวนแต่งงานที่วางอยู่มาใส่ ทั้งคู่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน
Kitบอกให้Alma ภรรยาผิวสีของเขาว่าเขาอยากจะบอกให้ญาติทั้งสองฝ่ายรู้ว่า ทั้งสองแต่งงานกันแล้ว แต่Almaท้วงว่า ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ก่อนKitจะพูดว่า โลกนี้แหละผิด
คู่แต่งงานหนุ่มสาวคู่นี้ไม่ได้สนใจอาหารมื้อเย็น แล้วทั้งคู่ก็เข้าห้องนอนทันที
ช็อกโกแลตก่อนหน้านี้บิลลี่หมายถึงคนรับใช้ ซึ่งก็คือAlma นั้นช่วงยุค1960 เป็นช่วงที่ความขัดแย้งเรื่องการเหยียดสีผิวในอเมริกานั้นค่อนข้างรุนแรงในหลายๆรัฐ ในซีรียส์นี้เป็นเมืองเล็กๆจึงยอมมีเรื่องการเหยียดสีผิว หรือ เรื่องอะไรที่เราเห็นว่าธรรมดามากๆในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่ผิดมาก โดยเฉพาะตามความเชื่อทางศาสนา
Kitหยิบแหวนแต่งงานที่วางอยู่มาใส่ ทั้งคู่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน
Kitบอกให้Alma ภรรยาผิวสีของเขาว่าเขาอยากจะบอกให้ญาติทั้งสองฝ่ายรู้ว่า ทั้งสองแต่งงานกันแล้ว แต่Almaท้วงว่า ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ก่อนKitจะพูดว่า โลกนี้แหละผิด
คู่แต่งงานหนุ่มสาวคู่นี้ไม่ได้สนใจอาหารมื้อเย็น แล้วทั้งคู่ก็เข้าห้องนอนทันที
ช็อกโกแลตก่อนหน้านี้บิลลี่หมายถึงคนรับใช้ ซึ่งก็คือAlma นั้นช่วงยุค1960 เป็นช่วงที่ความขัดแย้งเรื่องการเหยียดสีผิวในอเมริกานั้นค่อนข้างรุนแรงในหลายๆรัฐ ในซีรียส์นี้เป็นเมืองเล็กๆจึงยอมมีเรื่องการเหยียดสีผิว หรือ เรื่องอะไรที่เราเห็นว่าธรรมดามากๆในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่ผิดมาก โดยเฉพาะตามความเชื่อทางศาสนา

แก้ไขล่าสุด: 19/10/2555 22:26 โดย แว่นจัง
ทั้งคู่มีความสุขด้วยกัน ก่อนที่Almaออกไปเตรียมอาหารมื้อค่ำต่อ ขณะที่Kitนอนสูบบุหรี่พลางฟังเพลงไปด้วย คลื่นวิทยุก็ไม่ชัด ซักพักมีแสงไฟสว่างวาบเหมือนไฟหน้ารถ
Kitรีบแต่งตัวหยิบปืน ตะโกนบอกให้Almaซ่อนอยู่ในครัว และออกไปหน้าบ้านกวาดตามอง ซึ่งเขานึกว่าบิลลี่อาจรู้ความจริงแล้วว่าเขาแต่งงานอยู่กินกับสาวผิวสีที่คนเข้าใจกันว่าเป็นคนรับใช้ เขาตะโกนเรียกชื่อบิลลี่ แต่เมื่อมองไปก็ไม่พบรถซักคน
ปรากฎว่าแสงสว่างนั้นไม่ได้มาจากรถ มันมาจากท้องฟ้า สว่างจ้าราวกับไฟสปอตไลท์
Kitรีบแต่งตัวหยิบปืน ตะโกนบอกให้Almaซ่อนอยู่ในครัว และออกไปหน้าบ้านกวาดตามอง ซึ่งเขานึกว่าบิลลี่อาจรู้ความจริงแล้วว่าเขาแต่งงานอยู่กินกับสาวผิวสีที่คนเข้าใจกันว่าเป็นคนรับใช้ เขาตะโกนเรียกชื่อบิลลี่ แต่เมื่อมองไปก็ไม่พบรถซักคน
ปรากฎว่าแสงสว่างนั้นไม่ได้มาจากรถ มันมาจากท้องฟ้า สว่างจ้าราวกับไฟสปอตไลท์

แก้ไขล่าสุด: 19/10/2555 22:25 โดย แว่นจัง
Kitรีบวิ่งเข้าบ้านหลังจากได้ยินเสียงร้องของAlma
เมื่อเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มร้องเรียกภรรยาสาวของเขา สายตาก็เห็นบ้านเหมือนถูกรื้อค้นของกระจัดกระจายระเนระนาด แสงสว่างนั้นเจิดจ้าไปทั่วแถมด้วยเสียงแหลมบาดหูบ้านสั่นอย่างไร Kitล้มตัวลงเอามืออุดหูเสียงนั้นทำให้เขาปวดหัวจนแทบทนไม่ได้
และเสียงก็หยุดลง
เมื่อเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มร้องเรียกภรรยาสาวของเขา สายตาก็เห็นบ้านเหมือนถูกรื้อค้นของกระจัดกระจายระเนระนาด แสงสว่างนั้นเจิดจ้าไปทั่วแถมด้วยเสียงแหลมบาดหูบ้านสั่นอย่างไร Kitล้มตัวลงเอามืออุดหูเสียงนั้นทำให้เขาปวดหัวจนแทบทนไม่ได้
และเสียงก็หยุดลง

แก้ไขล่าสุด: 19/10/2555 22:24 โดย แว่นจัง
แต่แค่ครู่เดียว ข้าวของก็ลอยไปติดเพดานชั้นหนึ่งของบ้าน
Kitได้เผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวเข้าให้แล้ว
เขาส่งเสียงร้องด้วยกลัวเมื่อมนุษย์ต่างดาวยื่นมือที่มีนิ้วยาวๆเข้ามาใกล้
Kitได้เผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวเข้าให้แล้ว
เขาส่งเสียงร้องด้วยกลัวเมื่อมนุษย์ต่างดาวยื่นมือที่มีนิ้วยาวๆเข้ามาใกล้

แก้ไขล่าสุด: 19/10/2555 22:24 โดย แว่นจัง
มีมนุษย์ต่างดาวด้วย (*0*)
รูปใหญ่มากดูลำบากจัง
ตัดมาที่ตอนเช้าหญิงสาวคนหนึ่งขับรถเข้ามา
เธอคือ Lana Winter จากหนังสือพิมพ์The Gazette เธอมีนัดกับซิสเตอร์Jude เธอจอดรถหน้าตึกอิฐสีแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่
เล่นกันหน่อยๆ
ลาน่าหันไปมองเมื่อมีมือมาแตะที่ไหล่เธอ เป็นหญิงสาวหน้าตาอัปลักษณ์
หญิงสาวคนดังกล่าวยื่นดอกไม้ให้ลาน่ารับไว้แล้วหนามก็ตำนิ้วเธอจนเลือดออก
รูปมองเห็นไหมตอนรวมรูปมันกะลำบากเพราะแคปมาพอดี แต่พอรวมรูปมันจะใหญ่ตอนเช็คครั้งสุดท้ายมันจะไม่เหมือนตอนโพส
เธอคือ Lana Winter จากหนังสือพิมพ์The Gazette เธอมีนัดกับซิสเตอร์Jude เธอจอดรถหน้าตึกอิฐสีแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่
เล่นกันหน่อยๆ
ลาน่าหันไปมองเมื่อมีมือมาแตะที่ไหล่เธอ เป็นหญิงสาวหน้าตาอัปลักษณ์
หญิงสาวคนดังกล่าวยื่นดอกไม้ให้ลาน่ารับไว้แล้วหนามก็ตำนิ้วเธอจนเลือดออก
รูปมองเห็นไหมตอนรวมรูปมันกะลำบากเพราะแคปมาพอดี แต่พอรวมรูปมันจะใหญ่ตอนเช็คครั้งสุดท้ายมันจะไม่เหมือนตอนโพส

แก้ไขล่าสุด: 19/10/2555 22:32 โดย แว่นจัง
แล้วซิสเตอร์Mary Euniceก็เดินเข้ามาบอกหญิงผู้ป่วยที่มอบดอกไม้ให้ลาน่าว่า
"Pepper อย่าไปกวนคุณผู้หญิงคนนี้สิจ๊ะ"
ลาน่าตอบกลับซิสเตอร์ว่า "ไม่ได้กวนเลยค่ะ ไม่เป็นอะไรหรอก เธอพยายามผูกมิตรกับดิฉันค่ะ"
ซิสเตอร์หน้าเด็กตอบกลับว่า "เป็นสิค่ะ ผู้หญิงคนนี้อันตรายทีเดียว เธอจับลูกชายของพี่สาวกดน้ำแล้วตัดหูเขาขาดทั้งสองข้าง"
ลาน่าได้แต่ยิ้งแห้งๆก่อนจะรีบตามซิสเตอร์แมร์รี่ ยูนิซ เข้าไปในตึก
เมื่อเข้าไปข้างใน เสียงกรีดร้องฟังไม่ได้ศัพท์ เสียงโวยวาย เสียงด่าทอของคนไข้ดังขึ้นเป็นระยะๆ
ซิสเตอร์ยูนิซยิ้มให้นักข่าวสาวก็พูดถึงบันไดที่ตั้งอยู่กลางตัวตึกว่า
"บันไดนี้ ซฺสเตอร์จู๊ดบอกว่าเป็น "บันไดสู่สวรงสวรรค์" ค่ะ "
ลาน่าเดินตามซิสเตอร์ขึ้นไป ซิสเตอร์คว้าดอกกุหลาบเมื่อกี้โยนใส่ตะกร้าที่ถือมา
"Pepper อย่าไปกวนคุณผู้หญิงคนนี้สิจ๊ะ"
ลาน่าตอบกลับซิสเตอร์ว่า "ไม่ได้กวนเลยค่ะ ไม่เป็นอะไรหรอก เธอพยายามผูกมิตรกับดิฉันค่ะ"
ซิสเตอร์หน้าเด็กตอบกลับว่า "เป็นสิค่ะ ผู้หญิงคนนี้อันตรายทีเดียว เธอจับลูกชายของพี่สาวกดน้ำแล้วตัดหูเขาขาดทั้งสองข้าง"
ลาน่าได้แต่ยิ้งแห้งๆก่อนจะรีบตามซิสเตอร์แมร์รี่ ยูนิซ เข้าไปในตึก
เมื่อเข้าไปข้างใน เสียงกรีดร้องฟังไม่ได้ศัพท์ เสียงโวยวาย เสียงด่าทอของคนไข้ดังขึ้นเป็นระยะๆ
ซิสเตอร์ยูนิซยิ้มให้นักข่าวสาวก็พูดถึงบันไดที่ตั้งอยู่กลางตัวตึกว่า
"บันไดนี้ ซฺสเตอร์จู๊ดบอกว่าเป็น "บันไดสู่สวรงสวรรค์" ค่ะ "
ลาน่าเดินตามซิสเตอร์ขึ้นไป ซิสเตอร์คว้าดอกกุหลาบเมื่อกี้โยนใส่ตะกร้าที่ถือมา

เปิดเข้ามาในห้องซิสเตอร์จู๊ดที่กำลังโกนหัวผู้ป่วยหญิงคนหนึ่ง
ซิสเตอร์ยูนีซเปิดเข้ามาแบบไม่ดูตามาตาเรือ เลยพูดว่าเอ่อ นี่คุณนักข่าวค่ะ ซิสเตอร์
ซิสเตอร์จู๊ดจึงสั่งให้แซลลี่ ผู้ป่วยคนดังกล่าวปัดเศษผมออกจากตัว แล้วหล่อนก็ด่าซิสเตอร์จู๊ดว่า
"ต่อให้ซิสเตอร์โกนผมฉันไปจนหมด ฉันก็ยังเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจทีสุดในที่นี้อยู่ดีนั้นแหละ"
แซลลี่หยุดพูดเมื่อเห็นสายไฟจากบัตตาเลี่ยน ซิสเตอร์จู๊ดสั่งให้ซิสเตอร์ยูนิซพาแซลลี่ไปที่ห้องนั่งเล่นของโรงพยาบาล ก่อนหันมาถามชื่อแขกของเธอ
"ชื่อ ลาน่า วินเทอร์ส์ ค่ะ ซิสเตอร์ค่ะ ดิฉันขอถามนะคะว่าแซลลี่ทำอะไรผิด ซิสเตอร์ถึงลงโทษเธอแบบนี้"
ซิสเตอร์จู๊ดตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า
"คุณมาสัมภาษณ์เรื่องเบเกอร์รี่ของที่นี่ไม่ใช่หรือ จะมาถามเรื่องนี้ทำไม"
"ดิฉันชอบขนมปังของที่นี่มากค่ะ ทานทุกเช้าเลย"
ลาน่าเปลี่ยนเรื่อง เพราะกลัวซิสเตอร์จะโกรธเธอ
ซิสเตอร์ยูนีซเปิดเข้ามาแบบไม่ดูตามาตาเรือ เลยพูดว่าเอ่อ นี่คุณนักข่าวค่ะ ซิสเตอร์
ซิสเตอร์จู๊ดจึงสั่งให้แซลลี่ ผู้ป่วยคนดังกล่าวปัดเศษผมออกจากตัว แล้วหล่อนก็ด่าซิสเตอร์จู๊ดว่า
"ต่อให้ซิสเตอร์โกนผมฉันไปจนหมด ฉันก็ยังเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจทีสุดในที่นี้อยู่ดีนั้นแหละ"
แซลลี่หยุดพูดเมื่อเห็นสายไฟจากบัตตาเลี่ยน ซิสเตอร์จู๊ดสั่งให้ซิสเตอร์ยูนิซพาแซลลี่ไปที่ห้องนั่งเล่นของโรงพยาบาล ก่อนหันมาถามชื่อแขกของเธอ
"ชื่อ ลาน่า วินเทอร์ส์ ค่ะ ซิสเตอร์ค่ะ ดิฉันขอถามนะคะว่าแซลลี่ทำอะไรผิด ซิสเตอร์ถึงลงโทษเธอแบบนี้"
ซิสเตอร์จู๊ดตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า
"คุณมาสัมภาษณ์เรื่องเบเกอร์รี่ของที่นี่ไม่ใช่หรือ จะมาถามเรื่องนี้ทำไม"
"ดิฉันชอบขนมปังของที่นี่มากค่ะ ทานทุกเช้าเลย"
ลาน่าเปลี่ยนเรื่อง เพราะกลัวซิสเตอร์จะโกรธเธอ

ซิสเตอร์เลยเล่าถึงอาการของแซลลี่ว่า
"จิตแพทย์วินิจฉัยแซลลี่ว่ามีอาการผิดปรกติ เปรียบกับนางไม้"
"ซิสเตอร์หมายถึง อาการติดเซ็กส์หรือคะ" ลาน่าถาม
"นั่นมันคำอธิบายของพวกหมอเถื่อนๆ หญิงสาวคนนั้นป่วยเพราะตัณหาของเธอ ไอ้อาการป่วยทางจิตนั้นมันคือคำอธิบายสมัยใหม่ของคำว่าบาป"
"ชื่อของคุณ ลาน่า ตั้งตามดาราใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ ซิสเตอร์" นักข่าวสาวตอบ
"ชื่อนั้น เทียบไม่ได้กับJennifer Jones หรอก เธอผู้นั้นเป็นหญิงสาวที่เหมาะสมอย่างแท้จริง ได้ดูหนังเรื่องThe Song of Bernadette ไหม"
"ได้ดูค่ะ หนังสุดคลาสสิคเลยนะคะ ได้ยินมาว่าคุณก็เป็นดาวเด่นของที่นี่เหมือนกันนี่ค่ะ"
"ไม่ใช่หรอกMonsignor Timothy Howard ต่างหาก"
"จิตแพทย์วินิจฉัยแซลลี่ว่ามีอาการผิดปรกติ เปรียบกับนางไม้"
"ซิสเตอร์หมายถึง อาการติดเซ็กส์หรือคะ" ลาน่าถาม
"นั่นมันคำอธิบายของพวกหมอเถื่อนๆ หญิงสาวคนนั้นป่วยเพราะตัณหาของเธอ ไอ้อาการป่วยทางจิตนั้นมันคือคำอธิบายสมัยใหม่ของคำว่าบาป"
"ชื่อของคุณ ลาน่า ตั้งตามดาราใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ ซิสเตอร์" นักข่าวสาวตอบ
"ชื่อนั้น เทียบไม่ได้กับJennifer Jones หรอก เธอผู้นั้นเป็นหญิงสาวที่เหมาะสมอย่างแท้จริง ได้ดูหนังเรื่องThe Song of Bernadette ไหม"
"ได้ดูค่ะ หนังสุดคลาสสิคเลยนะคะ ได้ยินมาว่าคุณก็เป็นดาวเด่นของที่นี่เหมือนกันนี่ค่ะ"
"ไม่ใช่หรอกMonsignor Timothy Howard ต่างหาก"

ย่องเข้าโรงมามั่ง เอาที่นอนปูผ้าห่มพร้อมนอนชม !!!
"ก่อนหน้านี้ที่นี่มีชื่อเรียกว่า "หลุมนรก" แต่พอท่านMonsignor Howard เข้ามาปรับปรุงที่นี่ก็ดีขึ้นมาก"
"เบเกอร์รี่ของซิสเตอร์ก็มีชื่อมากนะคะ" ลาน่าบอก
"นั้นไม่ใช่ความคิดของฉันหรอกคนเดียวหรอก" ซิสเตอร์จู๊ดตอบ พร้อมบอกให้ลาน่าจดตาม
"เป็นความคิดของท่านMonsignor Howard ท่านได้ว่ารากฐานว่าอาการป่วยจะดีขึ้นด้วยสามอย่าง คือ ความอุดมสมบูรณ์ การสวดมนต์ และ ความบริสุทธิ์ เบเกอร์รี่นั้นแค่ปลายบนสุดของรากฐานเท่านั้นเอง"
นอกจากนี้ซิสเตอร์ยังบอกว่าคนป่วยนอกจากรัฐจะส่งมาแล้ว ยังมีบางส่วนมาจากชุมชนแออัดในเมืองอีกด้วย ซึ่งเป็นการทำบุญทำทานรักษาคนยากไร้ของท่านMonsignor Howard
แล้วซิสเตอร์ยูนิซก็วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาในห้องอีกครั้ง ก่อนจะนึกได้ว่าลืมเคาะประตู เธอเลยจะวิ่งออกไปเคาะประตูก่อน
"เบเกอร์รี่ของซิสเตอร์ก็มีชื่อมากนะคะ" ลาน่าบอก
"นั้นไม่ใช่ความคิดของฉันหรอกคนเดียวหรอก" ซิสเตอร์จู๊ดตอบ พร้อมบอกให้ลาน่าจดตาม
"เป็นความคิดของท่านMonsignor Howard ท่านได้ว่ารากฐานว่าอาการป่วยจะดีขึ้นด้วยสามอย่าง คือ ความอุดมสมบูรณ์ การสวดมนต์ และ ความบริสุทธิ์ เบเกอร์รี่นั้นแค่ปลายบนสุดของรากฐานเท่านั้นเอง"
นอกจากนี้ซิสเตอร์ยังบอกว่าคนป่วยนอกจากรัฐจะส่งมาแล้ว ยังมีบางส่วนมาจากชุมชนแออัดในเมืองอีกด้วย ซึ่งเป็นการทำบุญทำทานรักษาคนยากไร้ของท่านMonsignor Howard
แล้วซิสเตอร์ยูนิซก็วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาในห้องอีกครั้ง ก่อนจะนึกได้ว่าลืมเคาะประตู เธอเลยจะวิ่งออกไปเคาะประตูก่อน

ซิสเตอร์ยูนิซพยายามกระซิบไม่ให้ลาน่าได้ยินเพื่อบอกซิสเตอร์จู๊ดว่า คนไม่ดีกำลังมาถึงอยู่แล้ว
ลาน่าก็ยังได้ยินและขอไปดูด้วยทันที เธอลืมเรื่องเบเกอร์รี่ไปหมดสิ้น
"คนสติไม่ดีคนนั้นคือ Bloodyfaceใช่ไหมคะ ที่เดินไปมาสวมหน้ากากทำจากหนังของเหยื่อที่เป็นหญิงสาว เห็นว่าเขาลงมือฆ่าถลกหนังเหยื่อไปแล้วอย่างน้อยสามคน ตอนนี้ชุมชนของเรากำลังมีคนโรคจิตคุกคามนะคะ ขอดิฉันเข้าไปดูให้เห็นกับตาหน่อยคะ แค่สามนาทีเท่านั้น"
ซิสเตอร์รู้ทันทีว่าเป้าหมายแท้จริงของนักข่าวคืออะไร ถึงกับหัวเสียทันที และชี้หน้าบอกลาน่าว่า หล่อนไม่รู้อะไรซะแล้ว
ลาน่าก็ยังได้ยินและขอไปดูด้วยทันที เธอลืมเรื่องเบเกอร์รี่ไปหมดสิ้น
"คนสติไม่ดีคนนั้นคือ Bloodyfaceใช่ไหมคะ ที่เดินไปมาสวมหน้ากากทำจากหนังของเหยื่อที่เป็นหญิงสาว เห็นว่าเขาลงมือฆ่าถลกหนังเหยื่อไปแล้วอย่างน้อยสามคน ตอนนี้ชุมชนของเรากำลังมีคนโรคจิตคุกคามนะคะ ขอดิฉันเข้าไปดูให้เห็นกับตาหน่อยคะ แค่สามนาทีเท่านั้น"
ซิสเตอร์รู้ทันทีว่าเป้าหมายแท้จริงของนักข่าวคืออะไร ถึงกับหัวเสียทันที และชี้หน้าบอกลาน่าว่า หล่อนไม่รู้อะไรซะแล้ว

ซิสเตอร์จู๊ดบอกถ้าอยากได้นักก็จดไปซะ ทางรัฐส่งBloodyfaceมาที่นี้เพื่อดูว่าเขาจะขึ้นศาลได้หรือไม่
และBloodyfaceก็เป็นแค่ชายหนุ่มที่ธรรมดาๆ
นั่นคือ Kit Walker นั้นเอง
และBloodyfaceก็เป็นแค่ชายหนุ่มที่ธรรมดาๆ
นั่นคือ Kit Walker นั้นเอง

เข้ามาก็โดนจับแก้ผ้า ฉีดน้ำล้างตัว สาดผงคล้ายๆแป้ง แล้วถูกจับฉีดยา ใส่เสื้อรัด และบอกซิสเตอร์เมื่อเขาลืมตาตื่นมาว่า เขาไม่ได้ฆ่าใครทั้งสิ้น
ซิสเตอร์จู๊ดบอกกับคิทว่า ที่เจ้าหน้าที่ส่งมาไม่ได้จะมาแก้ไขอะไรทั้งสิ้น แค่กักตัวเขาไว้และรอเวลาว่าจะจัดการแบบใดกับเขาดี ที่นี่ให้เขาสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปกับพระเจ้าเท่านั้น
คิทตอบว่าพวกสัตว์ประหลาดต่างหากที่เป็นคนทำ
ซิสเตอร์จู๊ดตอบว่าไอ้มุขมนุษย์ตัวเขียวๆไม่ได้ผลที่นี่หรอก
คิดย้ำว่าพวกนั้นไม่ใช่คนมันคือสัตว์ประหลาด
ซิสเตอร์จู๊ดบอกกับคิทว่า ที่เจ้าหน้าที่ส่งมาไม่ได้จะมาแก้ไขอะไรทั้งสิ้น แค่กักตัวเขาไว้และรอเวลาว่าจะจัดการแบบใดกับเขาดี ที่นี่ให้เขาสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปกับพระเจ้าเท่านั้น
คิทตอบว่าพวกสัตว์ประหลาดต่างหากที่เป็นคนทำ
ซิสเตอร์จู๊ดตอบว่าไอ้มุขมนุษย์ตัวเขียวๆไม่ได้ผลที่นี่หรอก
คิดย้ำว่าพวกนั้นไม่ใช่คนมันคือสัตว์ประหลาด

ซิสเตอร์พูดต่อหลังจากคิทบอกไม่เชื่อในพระเจ้าแและยืนยันสิ่งที่เขาเผชิญหน้ามา
"ที่นี่สัตว์ประหลาด คือ มนุษย์ และ สัตว์ประหลาดตัวนั้น มันคือแก"
แล้วซิสเตอร์หันมาถามอีกครั้งว่า
"ฉันอยากรู้นะว่าหนังผู้หญิงผิวดำคนนั้นมันเลื่อนหลุดออกจากกระดูกเหมือนเหยื่อคนอื่นๆไหม"
"ถุยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"
คิทถ่มน้ำลายใส่ซิสเตอร์
ซฺิสเตอร์หบิยผ้ามาเช็ดก่อนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
"แล้วแกจะเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป"
"ที่นี่สัตว์ประหลาด คือ มนุษย์ และ สัตว์ประหลาดตัวนั้น มันคือแก"
แล้วซิสเตอร์หันมาถามอีกครั้งว่า
"ฉันอยากรู้นะว่าหนังผู้หญิงผิวดำคนนั้นมันเลื่อนหลุดออกจากกระดูกเหมือนเหยื่อคนอื่นๆไหม"
"ถุยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"
คิทถ่มน้ำลายใส่ซิสเตอร์
ซฺิสเตอร์หบิยผ้ามาเช็ดก่อนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
"แล้วแกจะเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป"

แม่ชีค่าาาาาาาา แม่ชีซาดิสไปหยิบอุปกรณ์แล้วมาฝาดไปที่ลำตัวของคิท วอลก์เกอร์

คิทลงมาห้องนั่งเล่นของโรงพยาบาล เจอแต่คนที่บ้าจริงๆแล้วมาเจอแซลลี่ลวนลามจะเปิดเสื้อที่ผูกไว้จนเห็นผลและก้น
เธอบอกเขาว่าเจอฤทธิ์ของอีป้าแม่ชีจู๊ดแล้วละสิ คิทได้แต่ไล่หล่อนไปไกลๆ
เขารู้สึกแปลกๆกับที่นี่เหลือเกิน
ในห้องเปิดเพลง Dominique
เพลงดังกล่าวดังในช่วงยุค1960มากเป็นเพลงพูดถึงบาทหลวงชื่อโดมินิค ร้องโดย The Singing Nun
เธอบอกเขาว่าเจอฤทธิ์ของอีป้าแม่ชีจู๊ดแล้วละสิ คิทได้แต่ไล่หล่อนไปไกลๆ
เขารู้สึกแปลกๆกับที่นี่เหลือเกิน
ในห้องเปิดเพลง Dominique
เพลงดังกล่าวดังในช่วงยุค1960มากเป็นเพลงพูดถึงบาทหลวงชื่อโดมินิค ร้องโดย The Singing Nun

แก้ไขล่าสุด: 20/10/2555 02:29 โดย แว่นจัง
คิทจะเดินไปปิดแผ่นเสียง จู่ๆก็มีผู้หญิงที่ดูท่าทางปกติที่สุดเดินมาบอกอย่าปิดเพลงเด็ดขาด ไม่งั้นเขาจะต้องลำบากแน่ๆ
คิทสงสัยว่าทำไมต้องเชื่อเธอ
สาวคนนี้บอกว่าเพราะฉันไม่ได้ป่วยแล้วอีกอย่างห้องนั่งเล่นจะเปิดให้ใช้ต่อเมื่อเพลงนี้เปิดอยู่ และเธอย้ำทุกที่มีกฎรวมถึงที่นี้เช่นกัน เธอเรียนรู้มาด้วยตัวเองและเรียนรู้ด้วยวิธีที่แสนเจ็บปวด
แล้วจู่ๆก็มีคนป่วยร่างกำยำมาถามเขาว่า เป็นไอ้ฆาตกรสุดโหดอย่างนั้นหรอ
"ได้ข่าวว่าแก ถลกหนังเหยื่อคนสุดท้ายเป็นๆเพราะแกไม่ชอบผิวดำของหล่อนใช่ไหม"
หลังจากนั้นคิทก็ผลักคนป่วยคนนี้ออกไปก่อนจะมีเรื่องชกต่อยกัน
คิทสงสัยว่าทำไมต้องเชื่อเธอ
สาวคนนี้บอกว่าเพราะฉันไม่ได้ป่วยแล้วอีกอย่างห้องนั่งเล่นจะเปิดให้ใช้ต่อเมื่อเพลงนี้เปิดอยู่ และเธอย้ำทุกที่มีกฎรวมถึงที่นี้เช่นกัน เธอเรียนรู้มาด้วยตัวเองและเรียนรู้ด้วยวิธีที่แสนเจ็บปวด
แล้วจู่ๆก็มีคนป่วยร่างกำยำมาถามเขาว่า เป็นไอ้ฆาตกรสุดโหดอย่างนั้นหรอ
"ได้ข่าวว่าแก ถลกหนังเหยื่อคนสุดท้ายเป็นๆเพราะแกไม่ชอบผิวดำของหล่อนใช่ไหม"
หลังจากนั้นคิทก็ผลักคนป่วยคนนี้ออกไปก่อนจะมีเรื่องชกต่อยกัน

คิทโดนต่อยอย่างไม่มีท่าสูง ท่ามกลางเสียงเชียร์ให้ทั้งคู่ต่อยกัน
แม่ชีมหาภัยเข้ามาห้ามทัพด้วยเสียงนกหวีดดด
ทุกคนถอยหลบไปด้านข้างของห้องด้วยความกลัว
คิทชี้นิ้วไปที่ตัวก่อเหตุ
แม่ชีมหาภัยก็เดินไปเปิดเพลงตามเดิม
แม่ชีมหาภัยเข้ามาห้ามทัพด้วยเสียงนกหวีดดด
ทุกคนถอยหลบไปด้านข้างของห้องด้วยความกลัว
คิทชี้นิ้วไปที่ตัวก่อเหตุ
แม่ชีมหาภัยก็เดินไปเปิดเพลงตามเดิม

เพลงหยุดไปเพราะตอนที่ผู้ป่วยหญิงที่เขามาคุยกับคิท เข้ามาห้ามทัพโดนผู้ป่วยที่มาหาเรื่องคิทผลักกระเด็นไปโดนเครื่องเล่นแผ่นเสียง
แล้วคิทก็โดนกระหน่ำตี
เขารู้สึกตัวพร้อมโดนขังในห้องแยกขังเดียวพร้อมใส่เสื้อรัด ในหัวเขามีแต่ช่วงเวลาที่เขาเคยมีความสุขและรอยยิ้มของAlma
แล้วคิทก็โดนกระหน่ำตี
เขารู้สึกตัวพร้อมโดนขังในห้องแยกขังเดียวพร้อมใส่เสื้อรัด ในหัวเขามีแต่ช่วงเวลาที่เขาเคยมีความสุขและรอยยิ้มของAlma

หลังจากนั้นไม่นานมีจานอาหารเลื่อนเข้ามาใต้ประตู คิดยื่นขึ้น และเห็นผู้หญิงที่เจอในห้องนั่งเล่นเป็นคนอาสาเอาอาหารมาให้ แถมยังให้บุหรี่สูบด้วย
"มาช่วยทำไม"
"สิ่งที่นายทำมันย้อนกลับมาหานายไง"
เธอตอบ
"แล้วเธอทำอะไรถึงมาอยู่ที่นี่ละ"
"เขาหาว่าฉันใช้ขวานฟันคนในครอบครัวตายหมดนะสิ อยากถามไหมละว่าฉันทำหรือเปล่า"
"แล้วเธอฆ่าพวกเขาหรือเปล่าละ"
เธอตอบทันทีว่า"ไม่" และถามคิทว่า
"แล้วนายละฆ่าเมียหรือเปล่า"
"เปล่า ไม่ได้ฆ่า"
"มาช่วยทำไม"
"สิ่งที่นายทำมันย้อนกลับมาหานายไง"
เธอตอบ
"แล้วเธอทำอะไรถึงมาอยู่ที่นี่ละ"
"เขาหาว่าฉันใช้ขวานฟันคนในครอบครัวตายหมดนะสิ อยากถามไหมละว่าฉันทำหรือเปล่า"
"แล้วเธอฆ่าพวกเขาหรือเปล่าละ"
เธอตอบทันทีว่า"ไม่" และถามคิทว่า
"แล้วนายละฆ่าเมียหรือเปล่า"
"เปล่า ไม่ได้ฆ่า"

"งั้นนายก็ลำบากแล้วละถ้าตอบแบบนั้น เพราะพวกนั้นจะบอกว่านายจิตปกติ แล้วจะส่งนายไปที่ที่สยดสยองกว่านี้อีกมาก"
คิทสงสัยว่าในโลกใบนี้ยังมีที่ที่แย่กว่าโรงพยาบาลแห่งนี้อีกหรือ
คิทถามชื่อผู้หญิงคนนี้ก่อนเธอจะไป
"ฉันชื่อเกรซ" เธอตอบ
คิทสงสัยว่าในโลกใบนี้ยังมีที่ที่แย่กว่าโรงพยาบาลแห่งนี้อีกหรือ
คิทถามชื่อผู้หญิงคนนี้ก่อนเธอจะไป
"ฉันชื่อเกรซ" เธอตอบ

ไปนอนก่อนนะคะ พรุ่งนี้มาดูต่อ ฝันดีค่ะ
ซิสเตอร์ยูนีซร้องไห้เหมือนเด็กๆตอนซิสเตอร์จู๊ดเข้ามายังห้องนั่งเล่น แล้วก็รู้ว่าวิลลี่คนไข้คนหนึ่งตายแล้วเมื่อคืน
"ทำไมไม่มีใครบอกฉัน" ซิสเตอร์จู๊ดถามด้วยอารมณ์เสีย
ซิสเตอร์ยูนีซตอบว่า หมออาร์เดนบอกว่าเขาจะจัดการเอง
ซิสเตอร์จู๊ดจึงไปถามหมออาร์เดนบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนไข้เมื่อคืน หมอจึงบอกว่าคนไข้ป่วยทางจิตใจแล้วยังป่วยทางร่างกายด้วย คนไข้ป่วยแล้วก็ตายก็แค่นั้นไม่เห็นมีอะไร
แล้วหมอจึงให้ดูดอกไม้ที่เกิดจากการอาบรังสี
ซึ่งทำให้ซิสเตอร์พูดถึงความไม่เชื่อในวิทยาศาสตร์แบบที่หมออาร์เดนยึดถือ เธอเชื่อในพลังของธรรมชาติและพระเจ้ามากกว่า
"ทำไมไม่มีใครบอกฉัน" ซิสเตอร์จู๊ดถามด้วยอารมณ์เสีย
ซิสเตอร์ยูนีซตอบว่า หมออาร์เดนบอกว่าเขาจะจัดการเอง
ซิสเตอร์จู๊ดจึงไปถามหมออาร์เดนบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนไข้เมื่อคืน หมอจึงบอกว่าคนไข้ป่วยทางจิตใจแล้วยังป่วยทางร่างกายด้วย คนไข้ป่วยแล้วก็ตายก็แค่นั้นไม่เห็นมีอะไร
แล้วหมอจึงให้ดูดอกไม้ที่เกิดจากการอาบรังสี
ซึ่งทำให้ซิสเตอร์พูดถึงความไม่เชื่อในวิทยาศาสตร์แบบที่หมออาร์เดนยึดถือ เธอเชื่อในพลังของธรรมชาติและพระเจ้ามากกว่า

ซิสเตอร์จู๊ดถามต่อว่าช่วงนี้มีคนไข้ที่ไม่มีญาติตายบ่อยมาก พวกนี้ไม่มีญาติ ไม่มีคนมาเศร้าโศกไม่มีคนมาถามคำถามอะไรทั้งสิ้น ซิสเตอร์ถามว่าศพคนไข้อยู่ที่ใด
"เผาศพสิ "จากเถ้าสู่เถ้า จากธุลีสู่ธุลี"แบบนั้นไงละ"
ภาพตัดไปที่จานแดงๆ มีมือมาคว้ากิน หรือว่าแท้จริงแล้วไม่มีการเผาศพแต่อย่างใด แต่กลับให้เศษเนื้อให้ผู้ป่วยกิน?
แล้วภาพตัดกลับมาที่แม่ชีมหาโหด
"ฉันขอเตือนไว้ก่อนนะหมอ ฉันจะคอยจับตาดูการกระทำของคุณ และอย่าลืมละว่าฉันเป็นผูชนะเสมอเวลาแข่งในโลกที่ผู้ชายเป็นใหญ่"
ซิสเตอร์จู๊ดยิ้มเตือนอย่างน่าสะพรึ่งกลัว
ปกติคาธอลิกไม่มีการเผาศพ วลีดังกล่าวหมออาร์เดนต้องการเสียดสีความเชื่อของซิสเตอร์จู๊ด
"เผาศพสิ "จากเถ้าสู่เถ้า จากธุลีสู่ธุลี"แบบนั้นไงละ"
ภาพตัดไปที่จานแดงๆ มีมือมาคว้ากิน หรือว่าแท้จริงแล้วไม่มีการเผาศพแต่อย่างใด แต่กลับให้เศษเนื้อให้ผู้ป่วยกิน?
แล้วภาพตัดกลับมาที่แม่ชีมหาโหด
"ฉันขอเตือนไว้ก่อนนะหมอ ฉันจะคอยจับตาดูการกระทำของคุณ และอย่าลืมละว่าฉันเป็นผูชนะเสมอเวลาแข่งในโลกที่ผู้ชายเป็นใหญ่"
ซิสเตอร์จู๊ดยิ้มเตือนอย่างน่าสะพรึ่งกลัว
ปกติคาธอลิกไม่มีการเผาศพ วลีดังกล่าวหมออาร์เดนต้องการเสียดสีความเชื่อของซิสเตอร์จู๊ด

แก้ไขล่าสุด: 20/10/2555 00:22 โดย แว่นจัง
// เปิดประตูก้าวเท้าเข้าโรงบาล เอ๊ย...โรงหนัง
แก้ไขล่าสุด: 20/10/2555 16:48 โดย nikkishi
ในบ้านหลังนี้
ลาน่า นักข่าว อาศัยอยู่กับ เวนดี้ ครูสาว ทั้งสองคนเป็นเลสเบี้ยน
ลาน่าแซวแฟนสาวว่าเมากัญชาก่อนกินข้าวเลยหรอ เวนดี้ตอบที่ต้องเมาเพราะฝีมือทำกับข้าวของลาน่านั้นรสชาติไม่ไหวจริงๆ
"ยัยป้าแก่แม่ชีนั้นโกหกทั้งเพ"
ลาน่าพูดถึงเรื่องที่ไปโรงพยาบาลวันนี้ให้เวนดี้ฟัง เวนดี้สนับสนุนให้ลาน่าตีแผ่โรงพยาบาลแห่งนี้แบบที่เคยมีคนทำกับโรงพยาบาลจิตเวชอีกแห่งในอดีต
ก่อนทั้งคู่จะจูบกัน เวนดี้รีบปิดมูลี่ ด้วยกลัวที่คนข้างนอกจะเห็น เพราะการเป็นเลสเบี้ยนนั้นไม่เป็นที่ยอมรับของคนในยุคนั้นอย่างมาก
ลาน่าปิดท้ายว่า "ทุกอย่างที่ทำไป ฉันทำเพื่อเธอนะเวนดี้ไม่ใช่เพราะบรรณาธิการบ้าบอที่จะให้ฉันมาเขียนบทความเรื่องทำกับข้าว ทั้งๆที่ฝีมือทไอาหารฉันห่วยมาก"
ลาน่า นักข่าว อาศัยอยู่กับ เวนดี้ ครูสาว ทั้งสองคนเป็นเลสเบี้ยน
ลาน่าแซวแฟนสาวว่าเมากัญชาก่อนกินข้าวเลยหรอ เวนดี้ตอบที่ต้องเมาเพราะฝีมือทำกับข้าวของลาน่านั้นรสชาติไม่ไหวจริงๆ
"ยัยป้าแก่แม่ชีนั้นโกหกทั้งเพ"
ลาน่าพูดถึงเรื่องที่ไปโรงพยาบาลวันนี้ให้เวนดี้ฟัง เวนดี้สนับสนุนให้ลาน่าตีแผ่โรงพยาบาลแห่งนี้แบบที่เคยมีคนทำกับโรงพยาบาลจิตเวชอีกแห่งในอดีต
ก่อนทั้งคู่จะจูบกัน เวนดี้รีบปิดมูลี่ ด้วยกลัวที่คนข้างนอกจะเห็น เพราะการเป็นเลสเบี้ยนนั้นไม่เป็นที่ยอมรับของคนในยุคนั้นอย่างมาก
ลาน่าปิดท้ายว่า "ทุกอย่างที่ทำไป ฉันทำเพื่อเธอนะเวนดี้ไม่ใช่เพราะบรรณาธิการบ้าบอที่จะให้ฉันมาเขียนบทความเรื่องทำกับข้าว ทั้งๆที่ฝีมือทไอาหารฉันห่วยมาก"

ป้าทำอาหาร
แล้วตัดไปกับฉากที่สวดมนต์และใช้น้ำหอม
แล้วตัดไปกับฉากที่สวดมนต์และใช้น้ำหอม

อาหารที่ทำไฮโซมากมีไฟลุกพรึ่บขึ้นมา ตัดมาที่ป้าแม่ชีมหาภัยใส่ชุดสีแดงสุดเซ็กซี่!
และตัดมาที่ฉากกินอาหารกับMonsignor Timothy Howard พระหนุ่มอนาคตไกล เขาชมฝีมือทำอาหารของซิสเตอร์จู๊ดอย่างไม่ขาดปาก พร้อมกับรินไวน์ดื่ม
และตัดมาที่ฉากกินอาหารกับMonsignor Timothy Howard พระหนุ่มอนาคตไกล เขาชมฝีมือทำอาหารของซิสเตอร์จู๊ดอย่างไม่ขาดปาก พร้อมกับรินไวน์ดื่ม

แก้ไขล่าสุด: 20/10/2555 00:40 โดย แว่นจัง
ซิสเตอร์บอกว่าเธอไม่ดื่มไวน์ หลังจากนั้นเธอพูดกับMonsignor Timothy Howardเรื่องหมออาร์เดน
"ท่านเป็นพระที่สมควรเป็นแบบอย่าง แต่ว่าหมออาร์เดนไม่ใช่คนของพระเจ้า วิธีของเขาก็ด้วย ท่านไปได้ตัวหมอคนนี้มาจากไหนคะ"
Monsignor Howard ตอบว่า
""วาติกันเป็นคนรับรองมา"
จุดนี้ป้าถึงกับหงายเงิบไปเลยทีเดียว
"พ่อศรัทธาในพระเจ้า เพราะพระเจ้าสร้างทั้งธรรมชาติและวิทยาศาสตร์มาพร้อมกัน" พระหนุ่มบอกถึงสาเหตุที่เขาชวนหมออาร์เดนมาทำงานที่นี่
"ท่านเป็นพระที่สมควรเป็นแบบอย่าง แต่ว่าหมออาร์เดนไม่ใช่คนของพระเจ้า วิธีของเขาก็ด้วย ท่านไปได้ตัวหมอคนนี้มาจากไหนคะ"
Monsignor Howard ตอบว่า
""วาติกันเป็นคนรับรองมา"
จุดนี้ป้าถึงกับหงายเงิบไปเลยทีเดียว
"พ่อศรัทธาในพระเจ้า เพราะพระเจ้าสร้างทั้งธรรมชาติและวิทยาศาสตร์มาพร้อมกัน" พระหนุ่มบอกถึงสาเหตุที่เขาชวนหมออาร์เดนมาทำงานที่นี่

แล้วMonsignor Timothy Howard ก็พูดถึงแผนการที่เขาอยากBriarcliff เป็นที่เลื่องชื่อไปยังนิวยอร์ก
เขาจับมือซิสเตอร์จู๊ด พร้อมบอกว่าเมื่อถึงจุดนั้นเขาจะได้เป็นพระคาร์ดินัล ส่วนซิสเตอร์ก็จะได้เป็นคุณแม่อธิการ เป็นผู้คุมแม่ชีทั้งหมด และเธอจะเป็นมือขวาของเขา
เขาไปที่ไหนเธอจะได้ตามติดไปด้วย
เขาจับมือซิสเตอร์จู๊ด พร้อมบอกว่าเมื่อถึงจุดนั้นเขาจะได้เป็นพระคาร์ดินัล ส่วนซิสเตอร์ก็จะได้เป็นคุณแม่อธิการ เป็นผู้คุมแม่ชีทั้งหมด และเธอจะเป็นมือขวาของเขา
เขาไปที่ไหนเธอจะได้ตามติดไปด้วย

จากร่างป้าแม่ชี จึงกลายร่างเป็นป้าสุดเซ็กซี่ชุดสีแดง
สุดสะพรึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
สุดสะพรึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

สุดท้ายคนดูก็เงิบ เพราะมันคือจินตนาการของป้า
ป้าก็ตื่นจากภวังค์เมื่อMonsignor Timothy Howard สั่งให้รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง และปล่อยให้หมอทำงานของหมอไป
ป้าก็ตื่นจากภวังค์เมื่อMonsignor Timothy Howard สั่งให้รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง และปล่อยให้หมอทำงานของหมอไป

และอีกฟากของโรงพยาบาลซิสเตอร์ยูนีซก็ออกไปในป่าติดกับโรงพยาบาลในตอนดึก เพราะหมออาร์เดนพูดกับเธอว่าถ้าเชื่อหมอให้ทำตามที่หมอบอก หลังจากที่เธอถามหมอเรื่องเสียงประหลาด ที่เธอบอกว่าเสียงนั้นเหมือนกำลังหิวมาก
เธอเอาถึงใส่เนื้อบางอย่างมาไว้ ก่อนเสียงลึกลับเหมือนจะเข้ามาใกล้เธอ ซิสเตอร์ยูนีซก็วิ่งโกยอ้าวจนมาเจอลาน่าที่แอบเข้ามาหาข้อมูล
เธอเอาถึงใส่เนื้อบางอย่างมาไว้ ก่อนเสียงลึกลับเหมือนจะเข้ามาใกล้เธอ ซิสเตอร์ยูนีซก็วิ่งโกยอ้าวจนมาเจอลาน่าที่แอบเข้ามาหาข้อมูล

ถือถังแบบที่เคยเห็นในตัวอย่าง กับโปสเตอร์
เนื้ออะไรเอ่ย?
เนื้ออะไรเอ่ย?
ลาน่าถามซิสเตอร์ยูนีซว่าเสียงประหลาดนั้นเสียงอะไร
เธอไม่ตอบก็จะให้ลาน่ารีบกลับเข้าตึกไปกับเธอ
ด้านคิทผู้โชคร้ายใช้ปากกินอาหารแล้วก็ถึงกับคายทิ้งด้วยรสชาติหมาไม่แดรกกกกกกก
ท่าทางของเขาแย่เต็มทน
เธอไม่ตอบก็จะให้ลาน่ารีบกลับเข้าตึกไปกับเธอ
ด้านคิทผู้โชคร้ายใช้ปากกินอาหารแล้วก็ถึงกับคายทิ้งด้วยรสชาติหมาไม่แดรกกกกกกก
ท่าทางของเขาแย่เต็มทน

แล้วหมออาร์เดนเข้ามาฉีดยา และจะพาคิทไปที่ไหนซักแห่ง

กลับมาที่ปัจจุบัน
เทรีซ่าห้ามเลือดให้ลีโอ บอกให้เขาอดทนอย่าหลับ เดี๋ยวจะพาไปที่รถ แต่เธอแบกเขาไปไม่ไหว
เมื่อนึกถึงโทรศัพท์ของลีโอที่น่าจะอยู่ในรถ เทรีซ่าจึงบอกให้ลีโอนอนรอก่อน และวิ่งลงไปชั้นล่าง ที่จู่ๆมีโซ่คล้องประตูที่ทั้งคู่พึ่งเข้ามาเมื่อไม่นานนัก
เธอจึงวิ่งไปทางอุโมงเพื่อหาทางออก "Death Chute"นั้นเอง
เทรีซ่าห้ามเลือดให้ลีโอ บอกให้เขาอดทนอย่าหลับ เดี๋ยวจะพาไปที่รถ แต่เธอแบกเขาไปไม่ไหว
เมื่อนึกถึงโทรศัพท์ของลีโอที่น่าจะอยู่ในรถ เทรีซ่าจึงบอกให้ลีโอนอนรอก่อน และวิ่งลงไปชั้นล่าง ที่จู่ๆมีโซ่คล้องประตูที่ทั้งคู่พึ่งเข้ามาเมื่อไม่นานนัก
เธอจึงวิ่งไปทางอุโมงเพื่อหาทางออก "Death Chute"นั้นเอง

ทั้งลาน่าและยูนิซกลับเข้ามาทางอุโมง เมื่อเข้ามาถึงยูนีซรีบเอาฝูกเก่าๆปิดประตูไว้
เมื่อลาน่าถามว่าทางนี้เอาไว้ทำอะไร
ยูนิซจึงตอบว่าก็แค่ทางลัดเข้ามาในโรงพยาบาล
ยูนิซจึงขู่ว่าให้พาไปหาBloodyfaceไม่งั้นเธอจะรายงานเรื่องนี้ให้ซิสเตอร์จู๊ดรู้
ยูนิซตัวสั่นด้วยความกลัว เธอบอกหมออาร์เดนเป็นคนสั่ง อย่าได้บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด
หมออาร์เดนก็กำลังเอาตัวคิท มาศึกษาถึงจิตใจของฆาตกร และซิสเตอร์จู๊ดก็ทำหน้าที่ตรวจตราตึก
เมื่อลาน่าถามว่าทางนี้เอาไว้ทำอะไร
ยูนิซจึงตอบว่าก็แค่ทางลัดเข้ามาในโรงพยาบาล
ยูนิซจึงขู่ว่าให้พาไปหาBloodyfaceไม่งั้นเธอจะรายงานเรื่องนี้ให้ซิสเตอร์จู๊ดรู้
ยูนิซตัวสั่นด้วยความกลัว เธอบอกหมออาร์เดนเป็นคนสั่ง อย่าได้บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด
หมออาร์เดนก็กำลังเอาตัวคิท มาศึกษาถึงจิตใจของฆาตกร และซิสเตอร์จู๊ดก็ทำหน้าที่ตรวจตราตึก

ยูนีซพาลาน่าไปหาBloodyface
ในขณะที่หมออาร์เดนตอบคิดว่า ตัวเขาก็เป็นคนดูแลที่โรงพยาบาลนี้แบบเดียวกับซิสเตอร์จู๊ด เมื่อมาถึงวอร์ดคนป่วยชาย
มีคนป่วยขว้าขี้ใส่หน้าซิสเตอร์ยูนิซ จนเธอบอกให้ลาน่ารออยู่เฉยๆห้ามไปไหน แล้วก็วิ่งร้องไห้กลับออกไปเพื่อล้างหน้า แต่ยูนิซก็เดินสำรวจต่อไป
ตัดกลับมาที่หมออาร์เดนเขาบอกว่าการศึกษาครั้งนี้ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ใช่ยาสลบ เพราะอยากศึกษาตอนเป็นๆ
ในขณะที่หมออาร์เดนตอบคิดว่า ตัวเขาก็เป็นคนดูแลที่โรงพยาบาลนี้แบบเดียวกับซิสเตอร์จู๊ด เมื่อมาถึงวอร์ดคนป่วยชาย
มีคนป่วยขว้าขี้ใส่หน้าซิสเตอร์ยูนิซ จนเธอบอกให้ลาน่ารออยู่เฉยๆห้ามไปไหน แล้วก็วิ่งร้องไห้กลับออกไปเพื่อล้างหน้า แต่ยูนิซก็เดินสำรวจต่อไป
ตัดกลับมาที่หมออาร์เดนเขาบอกว่าการศึกษาครั้งนี้ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ใช่ยาสลบ เพราะอยากศึกษาตอนเป็นๆ

โดนขี้ปาเต็มๆ
ลาน่าเดินไปจนเห็นคนกำลังทำซัมติ้งรองกัน ปรากฎว่าเป็นเจ้าหน้าที่กับแซลลี่สาวติดเซ็กส์นั้นเอง
เขาถามลาน่าว่ามาทำอะไรที่นี่ตอนกลางคืน เขาจะรายงานซิสเตอร์จู๊ด
เธอตอบว่าเธอจะรายงานซิสเตอร์จู๊ดเช่นกันแล้วเหลือบมองที่ซิบของเจ้าหน้าที่ที่ยังไม่ได้รูดปิด
แล้วพูดต่อไปว่าเธอจะไม่บอกซิสเตอร์ถ้าเขาไม่บอกเรื่องนี้เช่นกัน แล้วเจ้าหน้าที่ดังกล่าวจึงไม่พูดอะไรและเดินหายไปด้านหลัง
ลาน่าถามแซลลี่ถึงห้องของBloodyface ซึ่งได้คำตอบมาว่าเขาถูกแยกขังเดี่ยว แต่ไม่ทันจะตอบอะไรต่อ แซลลี่รีบวิ่งออกไปเพราะมีคนเดินมา
ส่วนลาน่ารีบเข้าไปซ่อนหลังประตู
เขาถามลาน่าว่ามาทำอะไรที่นี่ตอนกลางคืน เขาจะรายงานซิสเตอร์จู๊ด
เธอตอบว่าเธอจะรายงานซิสเตอร์จู๊ดเช่นกันแล้วเหลือบมองที่ซิบของเจ้าหน้าที่ที่ยังไม่ได้รูดปิด
แล้วพูดต่อไปว่าเธอจะไม่บอกซิสเตอร์ถ้าเขาไม่บอกเรื่องนี้เช่นกัน แล้วเจ้าหน้าที่ดังกล่าวจึงไม่พูดอะไรและเดินหายไปด้านหลัง
ลาน่าถามแซลลี่ถึงห้องของBloodyface ซึ่งได้คำตอบมาว่าเขาถูกแยกขังเดี่ยว แต่ไม่ทันจะตอบอะไรต่อ แซลลี่รีบวิ่งออกไปเพราะมีคนเดินมา
ส่วนลาน่ารีบเข้าไปซ่อนหลังประตู

ซิสเตอร์จู๊ดไล่ตรวจตามห้องคนป่วยมาเรื่อยๆ ลาน่าก็ได้แต่ลุ้นไม่ให้โดนจับได้ก่อนจะได้คุยกับBloodyface
ฝากคิทBloodyface ก็นอนรอให้หมออาร์เดนศึกษา หมอพร่ำถึงความผิดปกติของคิทว่าเกิดจากสมองส่วนหน้า และพรรณาถึงความงามของสมองสีชมพู๊
ดูเหมือนหมอจะคลั่งไคล้สมองเอามากๆ
ฝากคิทBloodyface ก็นอนรอให้หมออาร์เดนศึกษา หมอพร่ำถึงความผิดปกติของคิทว่าเกิดจากสมองส่วนหน้า และพรรณาถึงความงามของสมองสีชมพู๊
ดูเหมือนหมอจะคลั่งไคล้สมองเอามากๆ

ตอนนี้ฉากจะตัดไปตัดมาระหว่างในห้องของหมออาร์เดน ความคิดของคิท และ ลาน่า
หมอพูดถึงคดีที่คิทลงมือฆ่าเหยื่อ เขาเริ่มเอาเครื่องมื่อมารัดรอบหัวของคิท ส่วนลาน่ายืนอยู่หน้าห้องหนึ่งเขาได้ยินเสียงผู้ชายร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ลังเลอยู่ว่าใช่ห้องที่Bloodyfaceอยู่หรือไม่
ส่วนคิดก็เริ่มนึกถึงมนุษย์ต่างดาวและAlmaเรียกหาเขาอีกครั้ง
หมอพูดถึงคดีที่คิทลงมือฆ่าเหยื่อ เขาเริ่มเอาเครื่องมื่อมารัดรอบหัวของคิท ส่วนลาน่ายืนอยู่หน้าห้องหนึ่งเขาได้ยินเสียงผู้ชายร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ลังเลอยู่ว่าใช่ห้องที่Bloodyfaceอยู่หรือไม่
ส่วนคิดก็เริ่มนึกถึงมนุษย์ต่างดาวและAlmaเรียกหาเขาอีกครั้ง

"ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"
Alma ตะโกนให้คิทช่วย ก่อนเขาจะนึกถึงตอนที่มนุษย์ต่างดาวสำรวจร่างกายเขา ตัดกลับมาที่ภาพหมออาร์เดนสำรวจและไปเจอเหมือนก้อนเนื้อที่ต้นคอของคิท
"นั้นต้องเป็นเนื้องอกแน่ๆ ไหนดูสิ"
หมอใช้มีดกรีดไปที่บริเวณนั้นโดยไม่ได้ใช้ยาชาใดๆ คิทนึกถึงว่ามนุษย์ต่างดาวเอานิ้วแหลมคมกรีดลงข้างคอที่เดียวกับที่หมอเอามีดกรีด
Alma ตะโกนให้คิทช่วย ก่อนเขาจะนึกถึงตอนที่มนุษย์ต่างดาวสำรวจร่างกายเขา ตัดกลับมาที่ภาพหมออาร์เดนสำรวจและไปเจอเหมือนก้อนเนื้อที่ต้นคอของคิท
"นั้นต้องเป็นเนื้องอกแน่ๆ ไหนดูสิ"
หมอใช้มีดกรีดไปที่บริเวณนั้นโดยไม่ได้ใช้ยาชาใดๆ คิทนึกถึงว่ามนุษย์ต่างดาวเอานิ้วแหลมคมกรีดลงข้างคอที่เดียวกับที่หมอเอามีดกรีด

ฟากลาน่าเห็นอีกห้องหนึ่งแยกออกมา เธอเดาว่าห้องนี้น่าจะใช่ห้องที่Bloodyfaceอยู่แน่ๆ เธอค่อยๆเดินเข้าไป
ส่วนหมออาร์เด็นคีบเนื้องอก ที่กลายเป็นคล้ายๆกับไมโครชิปออกจากด้านข้างของลำคอของคิท
หมอตะลึ่งในสิ่งที่เห็น
ส่วนหมออาร์เด็นคีบเนื้องอก ที่กลายเป็นคล้ายๆกับไมโครชิปออกจากด้านข้างของลำคอของคิท
หมอตะลึ่งในสิ่งที่เห็น

แถมมีขาด้วย เหมือนแมงมุม
ส่วนลาน่าเปิดช่องส่งอาหารดู
แล้วก็เหมือนมีอะไรทำร้ายเธอและสลบไป
แล้วก็เหมือนมีอะไรทำร้ายเธอและสลบไป

ตัดมาตอนเช้า ซิสเตอร์จู๊ดเรียกซิสเตอร์ยูนีซมาว่าถึงในห้องทำงาน พร้อมหวดคล้ายๆกับแส้ลงบนโต๊ะเสียงดังควับๆอย่างน่ากลัว
ว่าการกระทำของยูนีซเกือบทำอันตรายให้กับโรงพยาบาลแห่งนี้และเกือบทำลายอนาคตของMonsignor Howardเสียแล้ว
ยูนิซร้องไห้เสียใจเหมือนกับเด็กๆเมื่อถูกซิสเตอร์จู๊ดด่า
ซิสเตอร์จู๊ดผิดหวังที่เชื่อในตัวยูนิซทั้งๆที่ใครๆบอกว่ายูนิซนั้นโง่เง่า แต่ซิสเตอร์กลับเชื่อว่าเธอไม่ได้โง่ แต่การกระทำเมื่อคืนนั้นทำให้ซิสเตอร์เรียกยูนิซว่าโง่เง่ามากๆ
ยูนิซหยิบแส้ของซิสเตอร์จู๊ดเก็บเข้าตู้และเลือกอุปกรณ์ลงโทษใหม่มา
ว่าการกระทำของยูนีซเกือบทำอันตรายให้กับโรงพยาบาลแห่งนี้และเกือบทำลายอนาคตของMonsignor Howardเสียแล้ว
ยูนิซร้องไห้เสียใจเหมือนกับเด็กๆเมื่อถูกซิสเตอร์จู๊ดด่า
ซิสเตอร์จู๊ดผิดหวังที่เชื่อในตัวยูนิซทั้งๆที่ใครๆบอกว่ายูนิซนั้นโง่เง่า แต่ซิสเตอร์กลับเชื่อว่าเธอไม่ได้โง่ แต่การกระทำเมื่อคืนนั้นทำให้ซิสเตอร์เรียกยูนิซว่าโง่เง่ามากๆ
ยูนิซหยิบแส้ของซิสเตอร์จู๊ดเก็บเข้าตู้และเลือกอุปกรณ์ลงโทษใหม่มา

ซิสเตอร์ยูนิซร่ำไห้ฟูมฟายถลกกระโปรงโชว์ก้นขาวๆ(ที่แคปมาได้แค่นั้น) ให้ซิสเตอร์จู๊ดตีก้นลงโทษแบบเด็กเล็กๆ
ซิสเตอร์จู๊ดได้แต่สมเพช เธอปิดกระโปรงเครื่องแบบแม่ชีของยูนิศแล้วตีไปแค่ทีเดียวเท่านั้น ในขณะที่ยูนิซเอาหัวโขกโต๊ะ พร่ำร้องแต่คำว่า โง่ๆๆๆๆๆ
สุดท้ายซิสเตอร์จู๊ดสั่งให้ยูนิซหยุดพูดคำว่าโง่ และไม่ให้ยูนิซเรียกตัวเองว่าโง่อีกเด็ดขาด และไล่เด็กสาวออกไปจากห้อง
ซิสเตอร์จึงได้เอาหน้าซบกับตู้ด้วยความเคร่งเครียด
ซิสเตอร์จู๊ดได้แต่สมเพช เธอปิดกระโปรงเครื่องแบบแม่ชีของยูนิศแล้วตีไปแค่ทีเดียวเท่านั้น ในขณะที่ยูนิซเอาหัวโขกโต๊ะ พร่ำร้องแต่คำว่า โง่ๆๆๆๆๆ
สุดท้ายซิสเตอร์จู๊ดสั่งให้ยูนิซหยุดพูดคำว่าโง่ และไม่ให้ยูนิซเรียกตัวเองว่าโง่อีกเด็ดขาด และไล่เด็กสาวออกไปจากห้อง
ซิสเตอร์จึงได้เอาหน้าซบกับตู้ด้วยความเคร่งเครียด

และซิสเตอร์ก็เป็นอีป้ามหาภัยต่อ
เธอบอกลาน่าว่าตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ลาน่าบอกว่าถูกทำร้าย แต่อีป้าบอกว่า"แม่นักเขียนจินตนาการสูงส่ง เธอก็แค่สะดุดล้มเท่านั้นละ"
แล้วคัดไปยังบ้านของเวนดี้และลาน่า
เมื่ออีป้ามหาภัยมาหาเวนดี้ถึงบ้านที่เป็นรังรักของเวนดี้และลาน่า
เธอไล่ต้อนว่าตกลงเวนดี้และลาน่ามีความสัมพันธ์แบบใดกันแน่
เวนดี้บอกพ่อแม่ของลาน่าไม่ได้พูดกับลาน่ามานานแล้ว เธอจึงเป็นพี่น้องที่สนิทที่สุดของลาน่า
"แต่คุณไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแล้วจะเป็นพี่น้องได้ยังไง"
เวนดี้ตอบว่า "พี่น้องทางศีลธรรมไงค่ะ"
อีป้าทำเสียงเยาะเย้ย "ศีลธรรมยังงั้นหรอ"
แล้วหยิบรูปที่ลาน่าถ่ายกับลุกศิษย์ชั้นป 3มาดู
เธอบอกลาน่าว่าตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ลาน่าบอกว่าถูกทำร้าย แต่อีป้าบอกว่า"แม่นักเขียนจินตนาการสูงส่ง เธอก็แค่สะดุดล้มเท่านั้นละ"
แล้วคัดไปยังบ้านของเวนดี้และลาน่า
เมื่ออีป้ามหาภัยมาหาเวนดี้ถึงบ้านที่เป็นรังรักของเวนดี้และลาน่า
เธอไล่ต้อนว่าตกลงเวนดี้และลาน่ามีความสัมพันธ์แบบใดกันแน่
เวนดี้บอกพ่อแม่ของลาน่าไม่ได้พูดกับลาน่ามานานแล้ว เธอจึงเป็นพี่น้องที่สนิทที่สุดของลาน่า
"แต่คุณไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแล้วจะเป็นพี่น้องได้ยังไง"
เวนดี้ตอบว่า "พี่น้องทางศีลธรรมไงค่ะ"
อีป้าทำเสียงเยาะเย้ย "ศีลธรรมยังงั้นหรอ"
แล้วหยิบรูปที่ลาน่าถ่ายกับลุกศิษย์ชั้นป 3มาดู

แก้ไขล่าสุด: 20/10/2555 01:45 โดย แว่นจัง
อีป้ามหาภัยพยายามให้เวนดี้เซ็นยินยอมให้โรงพยาบาลรักษาลาน่าได้
เวนดี้ไม่ยอมบอกทำเช่นกับลาน่า
"งั้นคุณก็ไม่ทราบสินะว่า คุณวินเทอส์มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ"
เวนดี้เริ่มโมโหที่อีป้าเริ่มพูดจาไม่ดี
"ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ ข่าวลืมยิ่งกระพือไปได้ไวด้วย คุณคงไม่อยากจะให้เด็กๆเรียนรู้พฤติกรรมแบบผิดศีลธรรม แล้วยิ่งถ้ามีคนรู้เรื่องนี้คุณคงไม่ได้กลับไปเหยียบที่ชั้นเรียนไหนๆอีกตลอดชีวิต"
เวนดี้ห่วงอนาคตตัวเอง และถามว่าจะเซ็นได้ไงเมื่อเธอไม่ใช่ญาติทางสายเลือด
อีป้าบอกว่าทำได้เพราะเวนดี้เป็นครูที่มีคนนับหน้าถือตาในชุมชนนี้
และอีป้าก็ได้ดูแล กักขัง ลาน่าไปตลอดกาลอีกราย
เวนดี้ไม่ยอมบอกทำเช่นกับลาน่า
"งั้นคุณก็ไม่ทราบสินะว่า คุณวินเทอส์มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ"
เวนดี้เริ่มโมโหที่อีป้าเริ่มพูดจาไม่ดี
"ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ ข่าวลืมยิ่งกระพือไปได้ไวด้วย คุณคงไม่อยากจะให้เด็กๆเรียนรู้พฤติกรรมแบบผิดศีลธรรม แล้วยิ่งถ้ามีคนรู้เรื่องนี้คุณคงไม่ได้กลับไปเหยียบที่ชั้นเรียนไหนๆอีกตลอดชีวิต"
เวนดี้ห่วงอนาคตตัวเอง และถามว่าจะเซ็นได้ไงเมื่อเธอไม่ใช่ญาติทางสายเลือด
อีป้าบอกว่าทำได้เพราะเวนดี้เป็นครูที่มีคนนับหน้าถือตาในชุมชนนี้
และอีป้าก็ได้ดูแล กักขัง ลาน่าไปตลอดกาลอีกราย

แก้ไขล่าสุด: 20/10/2555 01:54 โดย แว่นจัง
เสียงของลาน่าร้องโวยวายว่าเธอจะไม่อยู่ที่นี่ ต้องมีคนมาตามหาเธอ
เมื่ออีป้าแม่ชีมหาภัยโชว์ใบยินยอมที่มีลายเซ็นของเวนดี้ให้ลาน่าดูด้วยท่าทีแบบผู้มีชัย
ลาน่าถึงกับกรีดร้องอย่างเสียสติ
อีป้าย้ำว่าไม่ต้องรีบร้อน พฤติกรรมของลาน่าจะได้รับการแก้ไข ส่วนตอนเช้าจะต้องตื่นมาตอนเช้าตอนหกโมงตรง
ลาน่าจึงทำได้เพียงแต่ตะโกนด่า "ปล่อยกรูวไปนะ อีแก่นังเหี่ยวววววววววววววววววววววววววววววววววววว"
หลังจากนั้นซฺสเตอร์ยูนิซก็เอากุญแจพวกใหญ่มาให้
ซึ่งเธอไปแอบหยิบมาจากห้องของหมออาร์เดนนั้นเอง
เมื่ออีป้าแม่ชีมหาภัยโชว์ใบยินยอมที่มีลายเซ็นของเวนดี้ให้ลาน่าดูด้วยท่าทีแบบผู้มีชัย
ลาน่าถึงกับกรีดร้องอย่างเสียสติ
อีป้าย้ำว่าไม่ต้องรีบร้อน พฤติกรรมของลาน่าจะได้รับการแก้ไข ส่วนตอนเช้าจะต้องตื่นมาตอนเช้าตอนหกโมงตรง
ลาน่าจึงทำได้เพียงแต่ตะโกนด่า "ปล่อยกรูวไปนะ อีแก่นังเหี่ยวววววววววววววววววววววววววววววววววววว"
หลังจากนั้นซฺสเตอร์ยูนิซก็เอากุญแจพวกใหญ่มาให้
ซึ่งเธอไปแอบหยิบมาจากห้องของหมออาร์เดนนั้นเอง

ระหว่างที่เธอเดินผ่านห้องหนึ่ง ซิสเตอร์จู๊ดได้กลิ่นเหม็นชวนอ้วก เมื่อเปิดเข้าไปกลับเป็นหมออาร์เดนที่ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดห้องอยู่
"ห้องนี้ปิดตายมาหลายปี ผมอยากได้ห้องเก็บอุปกรณ์ของผมเพิ่ม เลยมาทำความสะอาด หวังว่าคุณแม่ชีจะไม่ว่าอะไร"
"ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ฉันจะหาให้เจอจนได้ว่าคุณทำอะไรกับคนไข้เหล่านั้นกันแน่"
"ตัวเฟอร์เร็ตนะหรอ" หมอตอบ "ผมก็เคยเลี้ยงตอนเด็ก"
ตอนนี้เป็นการเล่นคำ ferret out แปลว่าค้นหา กับคำว่าferret สัตว์ชนิดนหนึ่ง
"ห้องนี้ปิดตายมาหลายปี ผมอยากได้ห้องเก็บอุปกรณ์ของผมเพิ่ม เลยมาทำความสะอาด หวังว่าคุณแม่ชีจะไม่ว่าอะไร"
"ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ฉันจะหาให้เจอจนได้ว่าคุณทำอะไรกับคนไข้เหล่านั้นกันแน่"
"ตัวเฟอร์เร็ตนะหรอ" หมอตอบ "ผมก็เคยเลี้ยงตอนเด็ก"
ตอนนี้เป็นการเล่นคำ ferret out แปลว่าค้นหา กับคำว่าferret สัตว์ชนิดนหนึ่ง

ห้องนี้มีรอยเหมือนรอยเล็บขูดขีดเต็มไปหมด
"ผมเลี้ยงมัน จนวันหนึ่งมันกัดมือผม ผมเลยหักคอมันซะ"
"ผมก็รู้นะว่าคุณทำอะไรกับคนไข้ แล้วช่วยคืนกุญแจของผมมาด้วย"
อีป้ามหาภัยเลยให้กุญแจไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
"รู้ไว้ด้วยนะหมออาร์เดนถึงแม้คุณจะบอกว่าหัวใจฉันจะปิดตาย แต่ตาฉันเปิดกว้างตลอดเวลา"
แล้วอีลุงหมอโรคจิตก็เดินแกว่งกุญแจพร้อมยิ้มอย่างผู้มีชัยในนัดนี้
"ผมก็รู้นะว่าคุณทำอะไรกับคนไข้ แล้วช่วยคืนกุญแจของผมมาด้วย"
อีป้ามหาภัยเลยให้กุญแจไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
"รู้ไว้ด้วยนะหมออาร์เดนถึงแม้คุณจะบอกว่าหัวใจฉันจะปิดตาย แต่ตาฉันเปิดกว้างตลอดเวลา"
แล้วอีลุงหมอโรคจิตก็เดินแกว่งกุญแจพร้อมยิ้มอย่างผู้มีชัยในนัดนี้

แก้ไขล่าสุด: 20/10/2555 02:12 โดย แว่นจัง
ตัดกลับมาปัจจุบัน
เทรีซ่าวิ่งมาทางอุโมงจนเจอกับร่างร่างหนึ่ง และแสงก็สาดส่องมาที่ใบหน้าดังกล่าว ในมือถืออาวุธเดินตรงมาหาเทรีซ่า
เธอจึงหวีดร้อง
เทรีซ่าวิ่งมาทางอุโมงจนเจอกับร่างร่างหนึ่ง และแสงก็สาดส่องมาที่ใบหน้าดังกล่าว ในมือถืออาวุธเดินตรงมาหาเทรีซ่า
เธอจึงหวีดร้อง

แก้ไขล่าสุด: 20/10/2555 02:13 โดย แว่นจัง
Bloodyface?
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด อย่าจบแบนี้นะเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
จบแล้วจ๊ะ
ดมยาดม -..-
จบแล้วจ๊ะ
ดมยาดม -..-
ขอบคุณค่ะ
สรุปจากที่ดูคือ
เฮ้ยยยยยยยยยยยมีมนุษย์ต่างดาวด้วยนี่มันThe X-Files ชัดๆ
ศัพท์เยอะพอควร กัดกันด้วยชั้นเชิงการใช้ภาษา การเล่นคำ ความนัย ตลอด
ตอนแรกนึกว่าคิทจะโดนใส่ร้ายไปๆมาๆนั่งคิด ในเรื่องมีมุมมองของคิท กับคนทั่วไปที่บอกว่าคิทเป็นฆาตกร ซึ่งเชื่อไม่ได้ทั้งสองอย่าง หรือจะมีหักมุม
เดี๋ยวต้องมีคนถามว่าโรงพยาบาลในฉากมีอยู่จริงหรือเปล่า ไปถ่ายที่ไหน ลองหาดูแล้วน่าจะเป็นฉากที่เซ็ทขึ้นมาในแคลิฟอร์เนีย (แต่เนื้อเรื่องเกิดแถวๆแมสซาซูเซ็ส)
แล้วมีเรื่องแบบนี้จริงๆเปล่าที่โรงพยาบาลปิดไปแล้วแต่มีคนไข้ยังอยู่
มีแต่เรื่องเล่าแต่ไม่มีคนพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือเปล่า มันมีอยู่หลายโรงพยาบาลพอปิดตัวก็มีการย้ายคนไข้ ก็มีบ้างว่าคนไข้หนีไปได้ แล้ววันดีคืนดีก็กลับมาที่ๆคุ้นเคย
แล้วสมัยก่อนขังกันทุกโรคจริงๆ เพราะถ้าการเป็นคนรักร่วมเพศก็เชื่อว่าป่วยทางจิต วัณโรค ปัญญาอ่อน ก็ถูกจับส่งมาหมด
http://www.horrorclub.net/ForumDetails.aspx?ForumID=1839 ลองอ่านดู
ส่วนDeath Chute มาจากBody Chute หรือ Death Tunnel ของโรงพยาบาลWaverly Hills
http://www.horrorclub.net/ForumDetails.aspx?ForumID=1058
เมื่อก่อนโรงพยาบาลที่เคยรักษาวัณโรคซึ่งคนป่วยเยอะตอนหลังมาเป็นโรงพยาบาลจิตเวชก็เยอะ
ตัวละครแต่ละตัวในซีซั่นนี้มีด้านมืดกันหมดทุกคน ดังนั้น จึงไม่ใช่ซีรียส์ผี แต่มันทำให้เรากลัวด้านมืดในตัวคน สิ่งที่เราคิดว่าต่างแล้วจับยัดโรงพยาบาลก็หวังว่าจะหาย ซึ่งมันก็ไม่ใช่แม้แต่อิป้ามหาภัยเป็นถึงซิสเตอร์ แต่ก็ยังมีตัณหา ราคะแบบคนทั่วไป นางซาดิสเฆี่ยนตีคนไข้ ขู่คนได้ เพื่อทำตามความเชื่อของตัวเองที่คิดว่าถูกต้อง แต่ป้าคงมีอะไรบ้างอย่างที่ทำให้ซาดิสได้ขนาดนี้
เช่นเดียวกับยูนิซที่ทำอะไรเหมือนเด็กตลอด รวมถึงพฤติกรรมลงโทษตัวเอง แบบแปลกๆจนสงสัยว่าเกิดจากอะไร
แล้วไอ้หน้าเละในปัจจุบันใช่คิทหรือเปล่า
ไอ้ตัวประหลาดมันของจริงใช่ไหม ประหลาดขนาดนี้แล้วจะมีอะไรโผล่มาอีก อันนี้ตอบได้เลยว่าไม่รู้
น่าติดตามว่าผู้กำกับจะงัดมุขไหนมาใช้
และบทของอดัมจะโผล่มาแค่นี้หรอ โผล่มาของเกือบตายแล้ว
คาดว่าอดัมต้องทรมานจนเกือบจบซีซั่นนั้นแหละ ไม่แน่นะ อาจจะรอดก็ได้(มั๊ง)
เฮ้ยยยยยยยยยยยมีมนุษย์ต่างดาวด้วยนี่มันThe X-Files ชัดๆ
ศัพท์เยอะพอควร กัดกันด้วยชั้นเชิงการใช้ภาษา การเล่นคำ ความนัย ตลอด
ตอนแรกนึกว่าคิทจะโดนใส่ร้ายไปๆมาๆนั่งคิด ในเรื่องมีมุมมองของคิท กับคนทั่วไปที่บอกว่าคิทเป็นฆาตกร ซึ่งเชื่อไม่ได้ทั้งสองอย่าง หรือจะมีหักมุม
เดี๋ยวต้องมีคนถามว่าโรงพยาบาลในฉากมีอยู่จริงหรือเปล่า ไปถ่ายที่ไหน ลองหาดูแล้วน่าจะเป็นฉากที่เซ็ทขึ้นมาในแคลิฟอร์เนีย (แต่เนื้อเรื่องเกิดแถวๆแมสซาซูเซ็ส)
แล้วมีเรื่องแบบนี้จริงๆเปล่าที่โรงพยาบาลปิดไปแล้วแต่มีคนไข้ยังอยู่
มีแต่เรื่องเล่าแต่ไม่มีคนพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือเปล่า มันมีอยู่หลายโรงพยาบาลพอปิดตัวก็มีการย้ายคนไข้ ก็มีบ้างว่าคนไข้หนีไปได้ แล้ววันดีคืนดีก็กลับมาที่ๆคุ้นเคย
แล้วสมัยก่อนขังกันทุกโรคจริงๆ เพราะถ้าการเป็นคนรักร่วมเพศก็เชื่อว่าป่วยทางจิต วัณโรค ปัญญาอ่อน ก็ถูกจับส่งมาหมด
http://www.horrorclub.net/ForumDetails.aspx?ForumID=1839 ลองอ่านดู
ส่วนDeath Chute มาจากBody Chute หรือ Death Tunnel ของโรงพยาบาลWaverly Hills
http://www.horrorclub.net/ForumDetails.aspx?ForumID=1058
เมื่อก่อนโรงพยาบาลที่เคยรักษาวัณโรคซึ่งคนป่วยเยอะตอนหลังมาเป็นโรงพยาบาลจิตเวชก็เยอะ
ตัวละครแต่ละตัวในซีซั่นนี้มีด้านมืดกันหมดทุกคน ดังนั้น จึงไม่ใช่ซีรียส์ผี แต่มันทำให้เรากลัวด้านมืดในตัวคน สิ่งที่เราคิดว่าต่างแล้วจับยัดโรงพยาบาลก็หวังว่าจะหาย ซึ่งมันก็ไม่ใช่แม้แต่อิป้ามหาภัยเป็นถึงซิสเตอร์ แต่ก็ยังมีตัณหา ราคะแบบคนทั่วไป นางซาดิสเฆี่ยนตีคนไข้ ขู่คนได้ เพื่อทำตามความเชื่อของตัวเองที่คิดว่าถูกต้อง แต่ป้าคงมีอะไรบ้างอย่างที่ทำให้ซาดิสได้ขนาดนี้
เช่นเดียวกับยูนิซที่ทำอะไรเหมือนเด็กตลอด รวมถึงพฤติกรรมลงโทษตัวเอง แบบแปลกๆจนสงสัยว่าเกิดจากอะไร
แล้วไอ้หน้าเละในปัจจุบันใช่คิทหรือเปล่า
ไอ้ตัวประหลาดมันของจริงใช่ไหม ประหลาดขนาดนี้แล้วจะมีอะไรโผล่มาอีก อันนี้ตอบได้เลยว่าไม่รู้
น่าติดตามว่าผู้กำกับจะงัดมุขไหนมาใช้
และบทของอดัมจะโผล่มาแค่นี้หรอ โผล่มาของเกือบตายแล้ว
คาดว่าอดัมต้องทรมานจนเกือบจบซีซั่นนั้นแหละ ไม่แน่นะ อาจจะรอดก็ได้(มั๊ง)
จบตอนแล้วหรอแว่นจัง
จบแล้วตอนแรก
"การฉายหนังแบบแห้งแบบนี้"
ผมว่ามันอร่อยดีออก
เป็นกำลังใจ ขอบคุณครับ
ผมว่ามันอร่อยดีออก
เป็นกำลังใจ ขอบคุณครับ
สงสารลาน่าจัง
อิป้าซิสเตอร์โหดหน้าเหี่ยวน่ากลัวอ่ะ
รอชมตอนต่อไปเน้อ
อิป้าซิสเตอร์โหดหน้าเหี่ยวน่ากลัวอ่ะ
รอชมตอนต่อไปเน้อ
แก้ไขล่าสุด: 20/10/2555 19:27 โดย nikkishi
ยังหาดูไม่ได้เลย ขอบคุณที่เอามาให้ดู :)
ชอบไอ้ชิปแมงมุมมาก ... อยากรู้ตกลงมันคืออะไร !!
มันส์มาก อิป้าหน้าคุ้นๆ นางตามมาจากภาคแรกรึเปล่า
ขอถามหน่อยคะว่าซีซั่นแรกของ American Horror Story นี่สนุกมั้ยคะ เผื่อจะไปตามซื้อเก็บมาดูย้อนหลังคะ
@chonchoonz นางมาจากภาคแรก นักแสดงมาจากภาคแรกพอสมควร แต่ไม่ใช่ภาคอดีตชาติแต่อย่างใด
@obbie ส่วนตัวเราว่าโอเคนะ ไม่ใช่ผีตุ้งแช่ ถ้าหวังว่าจะดูเอาอารมณ์กลัวคงไม่ขนาดนั้น
ข่าวคืบหน้า แปลในthaisub เกือบเสร็จแล้ว
แปลเองไปอีก60%เครดิตของhorrorclub
@obbie ส่วนตัวเราว่าโอเคนะ ไม่ใช่ผีตุ้งแช่ ถ้าหวังว่าจะดูเอาอารมณ์กลัวคงไม่ขนาดนั้น
ข่าวคืบหน้า แปลในthaisub เกือบเสร็จแล้ว
แปลเองไปอีก60%เครดิตของhorrorclub
ม่วนแต้ๆ
อะโฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณมากครับ
รอติดตามตอนต่อไป.....
รอติดตามตอนต่อไป.....
สนุกจัง รอตอนต่อไปจ้า ^^ คิดถึงการฉายหนังแห้งแบบนี้มากๆๆ
เพิ่งดูตอนสองจบไปเมื่อคืนนี้เองค่ะ
ติดงอมแงมกับ Series นี้มากๆ
คาดว่า Season 2 นี้ คงจะมันส์ำไม่แพ้ Season แรกค่ะ
ติดงอมแงมกับ Series นี้มากๆ
คาดว่า Season 2 นี้ คงจะมันส์ำไม่แพ้ Season แรกค่ะ
ชอบซีรีย์นี้อ่ะ ^^
Function Used time : 0:00:00:00.018