ขอแนะนำ "Tiger & Wolf" หนังฉายโรงเรื่องแรกของข้าพเจ้า ที่ลงทุนสร้างเอง?
by demonbug1 • วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555 13:23
"Tiger & Wolf" เป็นหนังฉายโรงเรื่องที่ 4 ของข้าพเจ้า
เป็นหนังที่ลงทุนสร้างเอง ออกงบโปรดักชั่นเอง ออกงบโปรโมทเอง
ถ้าจะถามว่า ทำไมถึงลงทุนสร้างเอง ไม่ไปเอาเงินจากค่ายหนังล่ะ
คำตอบก็คือ "เพื่อความมีอิสระในการทำหนังมากขึ้น"
เพราะผลงานหนังผ่านมา ข้าพเจ้ามีส่วนในการใส่ไอเดียตัวเองลงในหนังแค่ 40%
อีก 40% คือไอเดียของทางโปรดิวเซอร์ และอีก 20% คือไอเดียของทางค่ายหนัง
ซึ่งเข้ามามีส่วนในการกำหนดหลายๆสิ่งในหนังแทนผู้กำกับ ตั้งแต่ บทภาพยนตร์
การเลือกดารา การตัดต่อ การทำดนตรีประกอบ หรือแม้แต่ ฉาก เสื้อผ้า ทรงผม
ต้องยอมรับความจริงว่า ในวงการภาพยนตร์ไทยนั้นต่างจากเมืองนอก
โปรดิวเซอร์ กับ เจ้าของค่ายหนังในเมืองไทย คือ คนที่มีความฝันอยากเป็นผู้กำกับ
แต่มีหลายเหตุผลที่ไม่สามารถกำกับหนังเองได้ จึงมักเข้ามา “กำกับผู้กำกับ” อีกที
ให้ทำหนังตามที่ตัวเองอยากดู ให้ทำหนังออกมาตามรสนิยมของตัวเอง
ประโยคทำนองว่า “ถ้าไม่ทำตามที่สั่ง จะไม่ทำโปรดิวหนังให้”
หรือ “ถ้าไม่ทำตามที่สั่ง จะไม่ให้เงินทำหนัง” เป็นประโยคเด็ด
ที่ใช้ควบคุมผู้กำกับหนังไทยมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล
(การถูกนายทุน สั่งเปลี่ยนบทหนังเรื่องเซ็งเป็ด ให้ผิดเพี้ยนไปจากบทประพันธ์
ยังคงเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน และทำให้ข้าพเจ้าร้องไห้ทุกครั้งที่นึกถึง)
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจว่า ต่อไปนี้จะเป็น "นายทุนของตัวเอง"
เพื่อที่จะได้ทำหนังที่มาจากไอเดียของตัวเองจริงๆ 100% เสียที โดยไม่ถูกแทรงแซง
หลายเดือนที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้สร้างหนังซีรี่ย์ชุด "เกย์เว้ยเฮ้ย" ออกมา
เป็นหนังฉายทางอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ที่เว็บ http://www.gthaimovie.com
ซึ่งประสบความสำเร็จด้านรายได้ ทำให้มีเงินมากพอที่จะสร้างหนังโรง
จึงเกิดเป็นโปรเจ็คหนังเรื่อง "Tiger & Wolf" ขึ้นมา
หนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่นำออกฉายตามโรงทั่วไป (เมเจอร์ SF) ในระบบดิจิตอล
มีการฉาย การโปรโมท และการซื้อขายกัน ในรูปแบบเดียวกับหนังใหญ่ทั่วไป
(เป็นหนังโรง ไม่ใช่หนังนอกกระแส ที่ฉายแบบจำกัดโรง ตามลิโด HOUSE )
ตอนนี้อยู่ในช่วงเตรียมงาน และจะเปิดกล้องถ่ายทำปลายเดือนตุลาคมนี้
จะพยายามถ่ายทำและทำโพสให้เสร็จ และฉายเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าให้ได้
ตอนนี้เราได้นักแสดงครบหมดแล้ว แต่ยังขออุบเนื้อเรื่องของหนังเอาไว้ก่อน
ขอบอกว่า ตอนนี้มีความสุขกับการทำงานมาก เป็นหนังที่ทำงานอย่างราบรื่นที่สุด
เพราะเป็นหนังเรื่องแรกจริงๆ ที่ไม่มีคนมาคอยสั่งว่า ให้ทำแบบนั้น ให้กำกับแบบนี้
อยากให้เพื่อนๆติดตามชม และให้กำลังใจผลงานหนังเรื่องนี้ด้วยครับ
เพราะถือว่า เป็นการเดิมพันครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิตของข้าพเจ้า
ระหว่างนี้ ว่างๆ ลองคาดเดาเนื้อเรื่องสนุกๆดูครับ
เป็นหนังที่ลงทุนสร้างเอง ออกงบโปรดักชั่นเอง ออกงบโปรโมทเอง
ถ้าจะถามว่า ทำไมถึงลงทุนสร้างเอง ไม่ไปเอาเงินจากค่ายหนังล่ะ
คำตอบก็คือ "เพื่อความมีอิสระในการทำหนังมากขึ้น"
เพราะผลงานหนังผ่านมา ข้าพเจ้ามีส่วนในการใส่ไอเดียตัวเองลงในหนังแค่ 40%
อีก 40% คือไอเดียของทางโปรดิวเซอร์ และอีก 20% คือไอเดียของทางค่ายหนัง
ซึ่งเข้ามามีส่วนในการกำหนดหลายๆสิ่งในหนังแทนผู้กำกับ ตั้งแต่ บทภาพยนตร์
การเลือกดารา การตัดต่อ การทำดนตรีประกอบ หรือแม้แต่ ฉาก เสื้อผ้า ทรงผม
ต้องยอมรับความจริงว่า ในวงการภาพยนตร์ไทยนั้นต่างจากเมืองนอก
โปรดิวเซอร์ กับ เจ้าของค่ายหนังในเมืองไทย คือ คนที่มีความฝันอยากเป็นผู้กำกับ
แต่มีหลายเหตุผลที่ไม่สามารถกำกับหนังเองได้ จึงมักเข้ามา “กำกับผู้กำกับ” อีกที
ให้ทำหนังตามที่ตัวเองอยากดู ให้ทำหนังออกมาตามรสนิยมของตัวเอง
ประโยคทำนองว่า “ถ้าไม่ทำตามที่สั่ง จะไม่ทำโปรดิวหนังให้”
หรือ “ถ้าไม่ทำตามที่สั่ง จะไม่ให้เงินทำหนัง” เป็นประโยคเด็ด
ที่ใช้ควบคุมผู้กำกับหนังไทยมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล
(การถูกนายทุน สั่งเปลี่ยนบทหนังเรื่องเซ็งเป็ด ให้ผิดเพี้ยนไปจากบทประพันธ์
ยังคงเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน และทำให้ข้าพเจ้าร้องไห้ทุกครั้งที่นึกถึง)
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจว่า ต่อไปนี้จะเป็น "นายทุนของตัวเอง"
เพื่อที่จะได้ทำหนังที่มาจากไอเดียของตัวเองจริงๆ 100% เสียที โดยไม่ถูกแทรงแซง
หลายเดือนที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้สร้างหนังซีรี่ย์ชุด "เกย์เว้ยเฮ้ย" ออกมา
เป็นหนังฉายทางอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ที่เว็บ http://www.gthaimovie.com
ซึ่งประสบความสำเร็จด้านรายได้ ทำให้มีเงินมากพอที่จะสร้างหนังโรง
จึงเกิดเป็นโปรเจ็คหนังเรื่อง "Tiger & Wolf" ขึ้นมา
หนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่นำออกฉายตามโรงทั่วไป (เมเจอร์ SF) ในระบบดิจิตอล
มีการฉาย การโปรโมท และการซื้อขายกัน ในรูปแบบเดียวกับหนังใหญ่ทั่วไป
(เป็นหนังโรง ไม่ใช่หนังนอกกระแส ที่ฉายแบบจำกัดโรง ตามลิโด HOUSE )
ตอนนี้อยู่ในช่วงเตรียมงาน และจะเปิดกล้องถ่ายทำปลายเดือนตุลาคมนี้
จะพยายามถ่ายทำและทำโพสให้เสร็จ และฉายเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าให้ได้
ตอนนี้เราได้นักแสดงครบหมดแล้ว แต่ยังขออุบเนื้อเรื่องของหนังเอาไว้ก่อน
ขอบอกว่า ตอนนี้มีความสุขกับการทำงานมาก เป็นหนังที่ทำงานอย่างราบรื่นที่สุด
เพราะเป็นหนังเรื่องแรกจริงๆ ที่ไม่มีคนมาคอยสั่งว่า ให้ทำแบบนั้น ให้กำกับแบบนี้
อยากให้เพื่อนๆติดตามชม และให้กำลังใจผลงานหนังเรื่องนี้ด้วยครับ
เพราะถือว่า เป็นการเดิมพันครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิตของข้าพเจ้า
ระหว่างนี้ ว่างๆ ลองคาดเดาเนื้อเรื่องสนุกๆดูครับ

Replies (10)
เป็นกำลังใจให้ครับ ...
กดไลค์ครับ
แสดงว่าจขกท. กำลังจะบอกว่าเหตุผลที่หนังเรื่องก่อนๆแป้ก หรือไม่ประสบความสำเร็จทางคำวิจารณ์ เพราะโปรดิวเซอร์มีส่วนในการแทรกแซงไอเดียรึเปล่า
ไอเดียของคนในนี้แจ่มๆเยอะเลยคะ ขอเกบไปเล่นๆดูนะคะ
แต่ชอบโปรเจคที่กำลังจะสร้างเรื่องไรนะคะ doll หรือเปล่านะ
แต่ชอบโปรเจคที่กำลังจะสร้างเรื่องไรนะคะ doll หรือเปล่านะ
^
ใช่ ตอนแรกจะได้กำกับหนังใหญ่เรื่อง The Doll
แต่ก็เจอปัญหาเรื่อง "เงิน" จากค่ายหนัง ที่เป็นปัญหาใหญ่มาก
เลยตัดสินใจ "ปฏิเสธ ขอไม่กำกับเรื่องนี้" เพราะมีความเสี่ยงสูง
แล้วอีกอย่าง กำกับหนังให้คนอื่น ได้ค่าตัวไม่ถึงแสน
แต่ทำหนังเอาฉายเอง ได้เงินเป็นล้าน จะเลือกอะไรล่ะ
ตอบ AguileraAnimato
มันมีหลายสิ่งเลวร้าย เรียกว่า ผู้กำกับแทบไม่มีอำนาจอะไรเลยในกองถ่าย ทำงานในสภาวะกดดันสูง
เลวร้ายถึงขั้นว่า ตอนถ่ายทำ มานั่งข้างผู้กำกับ คอยสั่งว่า ต้องกำกับแบบนี้สิ เปลี่ยนเป็นแบบนี้สิ
แม้แต่เรื่องดนตรีประกอบ ก็ไม่ให้ผู้กำกับฟัง ไม่ให้แตะ แอบเอาไปทำกันเองจนเสร็จ แล้วห้ามแก้ไข
เลวร้ายถึงขั้นว่า กำลังถ่ายอยู่ดีๆ ก็มีบางคนเดินมาสั่งให้หยุดถ่าย แล้วสั่งให้เปลี่ยนบทในฉากนั้นๆ
จะใส่ฉากเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต ก็โดนตัดออก ด้วยเ้หตุผลว่า โปรดิวเซอร์ไม่เก็ต เพราะไม่เล่นเน็ต
หนังเซ็งเป็ดเป็นหนังเกย์ แต่โปรดิวเซอร์ สั่งเปลี่ยนบทไม่ให้เป็นหนังเกย์ เหตุผลแค่ไม่ชอบหนังเกย์
ฉากอะไรๆที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย หรือเกี่ยวกับชีวิตคนรุ่นใหม่ ก็โดนสั่งเปลี่ยนใหม่หมดเกลี้ยง
ด้วยเหตุผลว่า โปรดิวเซอร์แก่แล้ว ไม่เปิดรับความทันสมัย จึงสั่งให้ปรับบทให้เป็นตามอายุโปรดิวเซอร์
จะถ่ายฉากอะไรแต่ละที ต้องไปขออนุญาตโปรดิวเซอร์ ว่าจะถ่ายยังไง ไม่งั้นก็ไม่ให้ถ่าย (จะบ้าตาย)
แต่นี่ก็ยังถือว่า เบาะๆนะ ผู้กำกับหนังไทยคนอื่นๆ เจอหนักกว่านี้ก็มี
เคยมีเคสร้ายแรงกับหนังของผู้กำกับคนอื่นหลายๆคน (ไม่ขอเอ่ยชื่อนะ ว่าเรื่องอะไร)
เช่น หนังบางเรื่อง ผู้กำกับทำหนังจนเสร็จแล้ว ตัดต่อเสร็จแล้ว แต่โปรดิวเซอร์ไม่ชอบ
โปรดิวเซอร์เลยแอบไปถ่ายเพิ่ม แล้วเอาฉากที่ถ่ายเพิ่มไปใส่ในหนัง แก้ตอนจบใหม่
โดยปิดไม่ให้ผู้กำกับรู้ ผู้กำกับพึ่งมารู้ว่าหนังตัวเองเป็นแบบนี้ ตอนที่หนังฉายแล้ว?
บางเรื่อง อุตส่าเป็นหนังที่สร้างจากบทหนังที่ชนะเลิศการประกวด
แต่โปรดิวเซอร์สั่งให้เปลี่ยนบทใหม่หมด กลายเป็นหนังตลกคาเฟ่
พอคนด่าว่าหนังห่วย ก็โยนความผิดทั้งหมดให้ผู้กำกับรับคนเดียว
ผู้กำกับบางคน เป็นผู้กำกับมือรางวัล มีผลงานหนังอินดี้ได้รางวัลมากมาย
แต่พอมากำกับหนังใหญ่ ก็เจอเรื่องไม่เป็นเรื่องจากโปรดิวเซอร์หรือนายทุน
เช่น นายทุนบางคนไม่สนใจบท นึกอยากสั่งให้เพิ่มฉากอะไร ก็สั่งดื้อๆเลย
โดยไม่สนว่าฉากนั้นจะมีผลเสียต่อการเดินเรื่อง แค่อยากใส่เพราะอยากเห็น
หรือบางราย นายทุนสั่งให้เอา "เมียน้อย" มาเล่นหนัง แต่เมียเล่นหนังไม่ได้
หนังเลยมีตัวละครที่บทเด่น แต่เล่นแข็งทื่อ แล้วทุกคนก็โทษผู้กำกับคนเดียว
สรุป ปัญหาของคนทำหนังไทยคือ
1. โปรดิวเซอร์มักชอบทำตัวเป็นผู้กำกับเสียเอง เข้ามากำกับแทนผู้กำกับตัวจริง
โดยไม่ได้ใช้หลักการอะไรเลย แต่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ฉันอยากได้แบบนี้ๆ
2. นายทุนบางคนไม่มีความรู้เรื่องการทำหนัง เพราะเป็นคนที่รวยมาจากธุรกิจด้านอื่น
เช่น ค้าที่ดิน ขายปลา ขายคอนโด ทำโรงงาน แต่กลับชอบเข้ามากำกับผู้กำกับอีกที
สรุปคือ ลงทุนทำหนังเอง เอาฉายเอง ดีซะกว่า
อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่า “เป็นหนังของตัวเองจริงๆ”
ใช่ ตอนแรกจะได้กำกับหนังใหญ่เรื่อง The Doll
แต่ก็เจอปัญหาเรื่อง "เงิน" จากค่ายหนัง ที่เป็นปัญหาใหญ่มาก
เลยตัดสินใจ "ปฏิเสธ ขอไม่กำกับเรื่องนี้" เพราะมีความเสี่ยงสูง
แล้วอีกอย่าง กำกับหนังให้คนอื่น ได้ค่าตัวไม่ถึงแสน
แต่ทำหนังเอาฉายเอง ได้เงินเป็นล้าน จะเลือกอะไรล่ะ
ตอบ AguileraAnimato
มันมีหลายสิ่งเลวร้าย เรียกว่า ผู้กำกับแทบไม่มีอำนาจอะไรเลยในกองถ่าย ทำงานในสภาวะกดดันสูง
เลวร้ายถึงขั้นว่า ตอนถ่ายทำ มานั่งข้างผู้กำกับ คอยสั่งว่า ต้องกำกับแบบนี้สิ เปลี่ยนเป็นแบบนี้สิ
แม้แต่เรื่องดนตรีประกอบ ก็ไม่ให้ผู้กำกับฟัง ไม่ให้แตะ แอบเอาไปทำกันเองจนเสร็จ แล้วห้ามแก้ไข
เลวร้ายถึงขั้นว่า กำลังถ่ายอยู่ดีๆ ก็มีบางคนเดินมาสั่งให้หยุดถ่าย แล้วสั่งให้เปลี่ยนบทในฉากนั้นๆ
จะใส่ฉากเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต ก็โดนตัดออก ด้วยเ้หตุผลว่า โปรดิวเซอร์ไม่เก็ต เพราะไม่เล่นเน็ต
หนังเซ็งเป็ดเป็นหนังเกย์ แต่โปรดิวเซอร์ สั่งเปลี่ยนบทไม่ให้เป็นหนังเกย์ เหตุผลแค่ไม่ชอบหนังเกย์
ฉากอะไรๆที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย หรือเกี่ยวกับชีวิตคนรุ่นใหม่ ก็โดนสั่งเปลี่ยนใหม่หมดเกลี้ยง
ด้วยเหตุผลว่า โปรดิวเซอร์แก่แล้ว ไม่เปิดรับความทันสมัย จึงสั่งให้ปรับบทให้เป็นตามอายุโปรดิวเซอร์
จะถ่ายฉากอะไรแต่ละที ต้องไปขออนุญาตโปรดิวเซอร์ ว่าจะถ่ายยังไง ไม่งั้นก็ไม่ให้ถ่าย (จะบ้าตาย)
แต่นี่ก็ยังถือว่า เบาะๆนะ ผู้กำกับหนังไทยคนอื่นๆ เจอหนักกว่านี้ก็มี
เคยมีเคสร้ายแรงกับหนังของผู้กำกับคนอื่นหลายๆคน (ไม่ขอเอ่ยชื่อนะ ว่าเรื่องอะไร)
เช่น หนังบางเรื่อง ผู้กำกับทำหนังจนเสร็จแล้ว ตัดต่อเสร็จแล้ว แต่โปรดิวเซอร์ไม่ชอบ
โปรดิวเซอร์เลยแอบไปถ่ายเพิ่ม แล้วเอาฉากที่ถ่ายเพิ่มไปใส่ในหนัง แก้ตอนจบใหม่
โดยปิดไม่ให้ผู้กำกับรู้ ผู้กำกับพึ่งมารู้ว่าหนังตัวเองเป็นแบบนี้ ตอนที่หนังฉายแล้ว?
บางเรื่อง อุตส่าเป็นหนังที่สร้างจากบทหนังที่ชนะเลิศการประกวด
แต่โปรดิวเซอร์สั่งให้เปลี่ยนบทใหม่หมด กลายเป็นหนังตลกคาเฟ่
พอคนด่าว่าหนังห่วย ก็โยนความผิดทั้งหมดให้ผู้กำกับรับคนเดียว
ผู้กำกับบางคน เป็นผู้กำกับมือรางวัล มีผลงานหนังอินดี้ได้รางวัลมากมาย
แต่พอมากำกับหนังใหญ่ ก็เจอเรื่องไม่เป็นเรื่องจากโปรดิวเซอร์หรือนายทุน
เช่น นายทุนบางคนไม่สนใจบท นึกอยากสั่งให้เพิ่มฉากอะไร ก็สั่งดื้อๆเลย
โดยไม่สนว่าฉากนั้นจะมีผลเสียต่อการเดินเรื่อง แค่อยากใส่เพราะอยากเห็น
หรือบางราย นายทุนสั่งให้เอา "เมียน้อย" มาเล่นหนัง แต่เมียเล่นหนังไม่ได้
หนังเลยมีตัวละครที่บทเด่น แต่เล่นแข็งทื่อ แล้วทุกคนก็โทษผู้กำกับคนเดียว
สรุป ปัญหาของคนทำหนังไทยคือ
1. โปรดิวเซอร์มักชอบทำตัวเป็นผู้กำกับเสียเอง เข้ามากำกับแทนผู้กำกับตัวจริง
โดยไม่ได้ใช้หลักการอะไรเลย แต่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ฉันอยากได้แบบนี้ๆ
2. นายทุนบางคนไม่มีความรู้เรื่องการทำหนัง เพราะเป็นคนที่รวยมาจากธุรกิจด้านอื่น
เช่น ค้าที่ดิน ขายปลา ขายคอนโด ทำโรงงาน แต่กลับชอบเข้ามากำกับผู้กำกับอีกที
สรุปคือ ลงทุนทำหนังเอง เอาฉายเอง ดีซะกว่า
อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่า “เป็นหนังของตัวเองจริงๆ”
แก้ไขล่าสุด: 14/10/2555 11:31 โดย demonbug1
น่าจะเป็นที่นายทุนบางเจ้านะ คงไม่เป็นกันทุกคน
สรุป ปัญหาของคนทำหนังไทยคือ
1. โปรดิวเซอร์มักชอบทำตัวเป็นผู้กำกับเสียเอง เข้ามากำกับแทนผู้กำกับตัวจริง
โดยไม่ได้ใช้หลักการอะไรเลย แต่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ฉันอยากได้แบบนี้ๆ
2. นายทุนบางคนไม่มีความรู้เรื่องการทำหนัง เพราะเป็นคนที่รวยมาจากธุรกิจด้านอื่น
เช่น ค้าที่ดิน ขายปลา ขายคอนโด ทำโรงงาน แต่กลับชอบเข้ามากำกับผู้กำกับอีกที
สรุปคือ ลงทุนทำหนังเอง เอาฉายเอง ดีซะกว่า
อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่า “เป็นหนังของตัวเองจริงๆ”
จากคุณ : demonbug1
^
^
^
^
เคยได้ยินมาบ้าง เเต่ไม่คิดว่าจะเเรงขนาดนี้ เอ้อ วงการหนังของไทย สนองนายทุย(ทุน) T T"
1. โปรดิวเซอร์มักชอบทำตัวเป็นผู้กำกับเสียเอง เข้ามากำกับแทนผู้กำกับตัวจริง
โดยไม่ได้ใช้หลักการอะไรเลย แต่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ฉันอยากได้แบบนี้ๆ
2. นายทุนบางคนไม่มีความรู้เรื่องการทำหนัง เพราะเป็นคนที่รวยมาจากธุรกิจด้านอื่น
เช่น ค้าที่ดิน ขายปลา ขายคอนโด ทำโรงงาน แต่กลับชอบเข้ามากำกับผู้กำกับอีกที
สรุปคือ ลงทุนทำหนังเอง เอาฉายเอง ดีซะกว่า
อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่า “เป็นหนังของตัวเองจริงๆ”
จากคุณ : demonbug1
^
^
^
^
เคยได้ยินมาบ้าง เเต่ไม่คิดว่าจะเเรงขนาดนี้ เอ้อ วงการหนังของไทย สนองนายทุย(ทุน) T T"
^
มันมีเรื่องขำที่ขำไม่ออก ยิ่งกว่านี้อีกนะ
นายทุนบางคนที่เคยเจอ (แต่ไม่ใช่หนังข้าพเจ้านะ) ไม่รู้จักภาพขนาด 16:9
แล้วมาด่าผู้กำกับ ว่าทำไมลื้อไม่ถ่ายหนังให้เต็มๆจอ ถ่ายให้เป็นภาพยาวๆทำไม
นายทุนบางคน มีเงินค่าจ้างดาราไม่ถึง 3 แสน แต่อยากได้ดาราดังๆที่ค่าตัวหลักล้าน!
พอผู้กำกับเอาดาราพวกนี้มาเล่นไม่ได้ ต้องเอาดาราที่ยอมเล่นในค่าตัวถูกๆมาเล่นแทน
นายทุนก็ด่าให้คนอื่นฟังว่า ผู้กำกับโง่ ไม่เอาดาราดังๆมาเล่น ทำให้ภาพลักษณ์ค่ายหนังเสีย
ที่หนักสุดคือ การเบี้ยวค่าแรงทีมงาน ซึ่งนายทุนบางค่ายชอบทำบ่อยมาก
ค่าตัวดาราหลายแสนบาทยอมจ่าย แต่ค่าตัวทีมงานแค่ 1 - 3 หมื่น ไม่ยอมจ่าย
มักติดค้างทีมงานเอาไว้ แล้วบอกว่าจะจ่ายให้หลังจากหนังฉาย แล้วก็ไม่จ่าย?
อ้างว่า หนังไม่ทำเงิน หนังขาดทุน เลยไม่ยอมจ่ายค่าตัวที่เหลือให้ทีมงาน
จริงๆแล้ว หนังไม่ขาดทุนหรอก นายทุนได้เงินจากการขายหลายๆทางมาแล้ว
(ความจริง ถึงหนังไม่ทำเงิน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทีมงานต้องรับผิดชอบด้วยเลย)
ที่แย่มากก็คือ นายทุนบางค่าย ตกลงว่าจะให้งบโปรดักชั่น 4 ล้าน
แต่พอหนังถ่ายไปถ่ายไป เหลืออีก 4 คิวจะปิดกล้อง อยู่ๆก็หยุดให้เงิน
เงินขาดไป 2 ล้าน? ไม่ส่งเงินมาให้ถ่ายต่อ อ้างว่าหมุนเงินมาให้ไม่ทัน
ทำให้ผู้กำกับต้องทำยังไงก็ได้ ให้หนังถ่ายจนจบ ต้องแก้บทกันหน้ากองเลย!!!
แล้วมันจะออกมาเป็นหนังที่ดีได้ไง ในเมื่อบทถูกเขียนไว้สำหรับหนังงบ 4 ล้าน
มันมีเรื่องขำที่ขำไม่ออก ยิ่งกว่านี้อีกนะ
นายทุนบางคนที่เคยเจอ (แต่ไม่ใช่หนังข้าพเจ้านะ) ไม่รู้จักภาพขนาด 16:9
แล้วมาด่าผู้กำกับ ว่าทำไมลื้อไม่ถ่ายหนังให้เต็มๆจอ ถ่ายให้เป็นภาพยาวๆทำไม
นายทุนบางคน มีเงินค่าจ้างดาราไม่ถึง 3 แสน แต่อยากได้ดาราดังๆที่ค่าตัวหลักล้าน!
พอผู้กำกับเอาดาราพวกนี้มาเล่นไม่ได้ ต้องเอาดาราที่ยอมเล่นในค่าตัวถูกๆมาเล่นแทน
นายทุนก็ด่าให้คนอื่นฟังว่า ผู้กำกับโง่ ไม่เอาดาราดังๆมาเล่น ทำให้ภาพลักษณ์ค่ายหนังเสีย
ที่หนักสุดคือ การเบี้ยวค่าแรงทีมงาน ซึ่งนายทุนบางค่ายชอบทำบ่อยมาก
ค่าตัวดาราหลายแสนบาทยอมจ่าย แต่ค่าตัวทีมงานแค่ 1 - 3 หมื่น ไม่ยอมจ่าย
มักติดค้างทีมงานเอาไว้ แล้วบอกว่าจะจ่ายให้หลังจากหนังฉาย แล้วก็ไม่จ่าย?
อ้างว่า หนังไม่ทำเงิน หนังขาดทุน เลยไม่ยอมจ่ายค่าตัวที่เหลือให้ทีมงาน
จริงๆแล้ว หนังไม่ขาดทุนหรอก นายทุนได้เงินจากการขายหลายๆทางมาแล้ว
(ความจริง ถึงหนังไม่ทำเงิน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทีมงานต้องรับผิดชอบด้วยเลย)
ที่แย่มากก็คือ นายทุนบางค่าย ตกลงว่าจะให้งบโปรดักชั่น 4 ล้าน
แต่พอหนังถ่ายไปถ่ายไป เหลืออีก 4 คิวจะปิดกล้อง อยู่ๆก็หยุดให้เงิน
เงินขาดไป 2 ล้าน? ไม่ส่งเงินมาให้ถ่ายต่อ อ้างว่าหมุนเงินมาให้ไม่ทัน
ทำให้ผู้กำกับต้องทำยังไงก็ได้ ให้หนังถ่ายจนจบ ต้องแก้บทกันหน้ากองเลย!!!
แล้วมันจะออกมาเป็นหนังที่ดีได้ไง ในเมื่อบทถูกเขียนไว้สำหรับหนังงบ 4 ล้าน
แก้ไขล่าสุด: 14/10/2555 16:57 โดย demonbug1
เข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมหนังไทยที่เนื้อเรื่องที่ดีๆบางเรื่องถึงเละตุ้มเปะ
อยากดูผลงานของคุณ demonbug เรื่องนี้แล้ว!!!
อยากดูผลงานของคุณ demonbug เรื่องนี้แล้ว!!!
ลุงแมง สู้ๆ ครับ
เข้าโรงวันไหนครับ
เข้าโรงวันไหนครับ
Function Used time : 0:00:00:00.015