รีวิวเบาๆ 9 9 81 กับ Bait 3D
by AguileraAnimato • วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555 22:56
ไปดูมาสองเรื่องล่ะ ขอเมนท์หน่อย

9-9-81 บอก-เล่า-9-ศพ (รพีพิมล ไชยเสนะ/ดิษพงษ์ สัมป์ตตะวนิช/พิทักษ์ เรืองโรจน์สิน/พิรุณ อนุสุริยา/เสรีย์ หล้าชนบท/สุทัศน์ ภาวิไลรัตน์/อดิเรก โพธิ์ทอง/ศิริพล ปราสาททอง/ณัฎฐ์ธร กังวานไกล/ธัญญวรรณ เหมพนม/เกียรติศักดิ์ วิบูลย์ชาติ/โอลิเวอร์ วูลฟ์สัน, 2012) C
ถ้าจะดูเอาความสยอง อะไรนี้คงผิดหวังอ่ะนะ
- เราว่าหนังมันไม่น่ากลัว การปรากฎตัวของผีก็ธรรมดามากๆ ไม่ลุ้น ไม่เซอร์ไพร์ส ไม่แปลกใหม่
แต่นั้นก็ไม่เท่าไร เพราะเสียดายคอนเซปต์เรื่องมากกว่า
คือเราคิดว่าจริงๆมันไม่เห็นต้องแบ่งเป็น 9 ตอนก็ได้ เพราะในแต่ละตอนมันก็ไม่ได้มีความเป็นเอกเทศในตัวมันเองเท่าไร คือตอนแรกเราคิดว่าแต่ตอนจะเป็นเหมือนชิ้นส่วนของเหตุการณ์หลายๆอันที่ไม่ลำดับเวลา โดยเล่าเรื่องไม่ปะติดปะต่อตามไทม์ไลน์ แต่คนดูสามารถเอาสิ่งที่ตนรับรู้มาปะติดปะต่อได้ แบบ Ju On อะไรแบบนั้น เอาจริงๆแล้วหนังมันเล่าทุกอย่างแบบเคลียร์มากเกินไป จนเราไม่รู้สึกว่ามันมี 9 ตอน 9 มุมมอง เพราะมันมีแค่มุมมองเดียวจากโปรดิวเซอร์ที่เห็นหนังทั้งเรื่อง พูดง่ายๆคือมันคือหนังยาวเรื่องนึงที่มี text ชื่อตอนมาเสียบคั่น 9 ครั้ง
คือคล้ายๆกับเวลาเราดูซีรี่ย์เรื่องนึงที่มีตัวละครเยอะๆ แล้วมันก็ตัดสลับไปที่คนนั้นที คนนี้ที เราอาจจะเห็นว่ามันก็ไม่ได้ตั้งกล้องไว้ที่ใครคนใดคนนึงคนเดียว แต่เราก็รู้ว่าซีรี่ย์ทั้งตอนตอนนั้น คือ line เดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ใน episode เดียวกัน
พอเรารู้สึกว่าหนังมันไม่ได้ให้ความพิเศษกับตรงนี้ ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ เราเลยไม่ได้รู้สึกสนใจหนังเท่าไร คือหนังมันก็ไม่ได้น่ากลัว หรือลึกลับมากอะไรด้วย
พูดถึงเรื่องปริศนาในหนัง จริงๆตอนแรกไม่ชอบนะ เพราะการลำดับตอนในหนังมันเฉลยทุกอย่างไว้แทบกระจ่างตั้งแต่กลางๆเรื่องแล้ว เราเลยรู้สึกสงสารตอนท้ายๆเพราะมันแทบจะไม่สามารถใช้เป็นข้อมูลอะไรได้เลย เนื่องจากหนังเปิดเผยตัวจนหมดแล้ว แต่มาคิดอีกที เราคิดว่าผู้สร้างอาจจะกำหนดไว้แล้วว่า ช่วงต้นเป็นหนังผี เน้น event ผีหลอก พอช่วงกลางก็เป็นการสืบสวนและคลี่คลายปริศนา และตอนท้ายเรื่องที่เป็นพาร์ทดราม่า ก็คือการสำรวจตัวละคร เช่นจิตใจของผู้สูญเสีย ภาวะความเป็นอยู่ของคนที่ต้องเสียของรัก ความเศร้า ความวังเวงของชีวิต หรือแม้แต่กับตำรวจที่ต้องอยู่กับความผิดบาปในใจกับคดีที่ไม่อาจปิดลงได้ หรืออาจจะปิดได้ ถ้าเค้าเอะใจมากกว่านี้
ตอนที่น่าสนใจ ตอนหนุ่มกลัดมัน นักแสดงน่าสนใจ มีเสน่ห์ ตอนผู้เช่ารายใหม่ เทคนิคด้านภาพสวิงสวายมากๆ จนนึกว่าถ้าเป็นหนังค่าย GTH นี้คงเป็นตอนที่กอลฟ์ ปวีณ กำกับ ตอนเจ้าบ่าว (เออ อันนี้บอกก่อนว่าไม่ได้เพราะรู้จักผกก. จึงชอบ) เราว่าตอนนี้ทำออกมาลงตัว มีความโรแมนติกแบบดาร์คๆ เศร้าๆ ความรู้สึกแอบรักนิดๆ
ป.ล. ว่าแต่มันถึงเวลารึยัง ที่พวกฝ่ายประชาสัมพันธ์หนังจะเลิกเขียนเรื่องย่อแบบเปิดเผยข้อมูลส่วนสำคัญของหนังจนมากเกินไป ลองไปอ่านเรื่องย่อสิ แทบจะบอกเลยว่าใครที่ทำให้เจ้าสาวต้องไปตาย
----------------------------------

Bait 3D (Kimble Rendall, 2012) A
ถ้าใครเคยดูซีรี่ย์ Desperate Housewives มาก่อน นี้คือ Disaster Episode นั้นเองจ้ะ
หนังพูดถึงคนกลุ่มนึงที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ปิดล้อม ในที่นี้คือฉลามในซูเปอร์มาร์เก๊ท และอย่างที่บอกว่ามันเหมือนการดูซีรี่ย์มากๆคือ หนังไม่โฟกัสไปที่ตัวละครพระเอกอย่างเดียว แม้มันจะเป็นตัวเมน แต่ยังให้พื้นที่เบี้ยใบ้รายทางกับตัวละครอื่นๆ ที่ให้คนดูเห็นใจ เอาใจช่วย รับรู้ปัญหา อุปสรรค ในชีวิตที่พวกเค้าต้องเผชิญ และคาดหวังว่าพวกเค้าจะปรับปรุงตัว กลับตัวกลับใจใหม่ เมื่อรอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายไป
ซึ่งก็ดีนะที่หนังทำแบบนี้ มันทำให้พาร์ทดราม่าของหนังดูสนุกมากๆ เพราะจะไปคาดหวังความลุ้นระทึกของฉลามก็คงได้ไม่เท่าไร สู้ฮอลลีวู้ดไม่ได้
ตัวละครในหนังก็มีตั้งแต่ หนุ่มสาว อดีตคนรักที่เลิกรากันไปเพราะอุบัติโหดฉลามงาบพี่นางเอกในอดีต โจรหนุ่มที่เนื้อแท้เป็นคนดีแต่ถูกมาเฟียบังคับให้ต้องปล้น ตำรวจแก่และลูกสาวเจ้าปัญหาที่ไม่ลงรอยกัน แถมด้วยแฟนหนุ่มเนิร์ดที่อยากพิสูจน์ตัวเองกับแฟนว่าตัวเองมีความสามารถในการเลี้ยงดูผู้หญิงให้มีชีวิตสุขสบาย คู่หนุ่มสาวสลิดดกที่นับวันฝ่ายชายก็ยิ่งแสดงความเห็นแก่ตัว ในขณะที่ฝ่ายหญิงก็คุณหนูที่เอาแต่ใจตัวเอง (โปรดจับตาคู่นี้ เพราะความฮา 70% ของเรื่องมาจากพวกเขา) ทั้งหมดถูกธรรมชาติ (หรือสวรรค์ลงโทษ)ให้ต้องติดอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เพื่อให้เข้าใจกัน หรือ(เห็นสันดารกันและกัน) ในสุดท้ายพวกเค้าจะได้บทเรียนอะไรบ้าง
แน่นอนว่าหนังมันก็คือ The Mist ด้วยนะแหละ แต่เป็น The Mist แบบ feed good นะ ดูจบแล้วอิ่มเอมใจ ไม่ต้องทึ้งผมด้วยความเสียจริต ไม่ก่นด่าฟ้าดิน แต่ลุกขึ้นมามองที่ตัวเราเอง และมองเพื่อนร่วมชะตากรรม ยิ้มสู้ไปกับมัน
โดยรวมเราประทับใจเรื่องนี้นะ เป็นหนังสัตว์กินคนจากออสเตรเลียที่ทำออกมาดี มีทั้งอารมณ์ดราม่า คอมมาดี้ และระทึกพอเสียวๆพุง แล้วเราว่ามันผสมธาตุประกอบแบบหนังคัลท์ได้ลงตัวด้วย คือไม่ดูบ้านอกลู่นอกทางแบบ Piranha 3DD ไปเลย เรายังรู้สึกถึงความคิดอันละเอียดลออในการเขียนบท ที่จะผสมความจริงจังเข้ากับความกวนตีนแล้วออกมาลงตัว
ส่วนใครอยากรู้ว่าหนังโหดไหม มันก็มีฉากโหดอยู่นะ แต่ไม่เยอะๆ ไม่ได้ gore อะไรมากมาย
ป.ล. ตัวละครหลายตัวมีเสน่ห์ แม้แต่หมา ที่แทบจะขโมยซีนหนังทั้งเรื่อง และหมาในหนังสยองขวัญเรื่องนี้แหละที่ตอกย้ำว่ามันนี้คือหนังสยองฟีลกู้ด

9-9-81 บอก-เล่า-9-ศพ (รพีพิมล ไชยเสนะ/ดิษพงษ์ สัมป์ตตะวนิช/พิทักษ์ เรืองโรจน์สิน/พิรุณ อนุสุริยา/เสรีย์ หล้าชนบท/สุทัศน์ ภาวิไลรัตน์/อดิเรก โพธิ์ทอง/ศิริพล ปราสาททอง/ณัฎฐ์ธร กังวานไกล/ธัญญวรรณ เหมพนม/เกียรติศักดิ์ วิบูลย์ชาติ/โอลิเวอร์ วูลฟ์สัน, 2012) C
ถ้าจะดูเอาความสยอง อะไรนี้คงผิดหวังอ่ะนะ
- เราว่าหนังมันไม่น่ากลัว การปรากฎตัวของผีก็ธรรมดามากๆ ไม่ลุ้น ไม่เซอร์ไพร์ส ไม่แปลกใหม่
แต่นั้นก็ไม่เท่าไร เพราะเสียดายคอนเซปต์เรื่องมากกว่า
คือเราคิดว่าจริงๆมันไม่เห็นต้องแบ่งเป็น 9 ตอนก็ได้ เพราะในแต่ละตอนมันก็ไม่ได้มีความเป็นเอกเทศในตัวมันเองเท่าไร คือตอนแรกเราคิดว่าแต่ตอนจะเป็นเหมือนชิ้นส่วนของเหตุการณ์หลายๆอันที่ไม่ลำดับเวลา โดยเล่าเรื่องไม่ปะติดปะต่อตามไทม์ไลน์ แต่คนดูสามารถเอาสิ่งที่ตนรับรู้มาปะติดปะต่อได้ แบบ Ju On อะไรแบบนั้น เอาจริงๆแล้วหนังมันเล่าทุกอย่างแบบเคลียร์มากเกินไป จนเราไม่รู้สึกว่ามันมี 9 ตอน 9 มุมมอง เพราะมันมีแค่มุมมองเดียวจากโปรดิวเซอร์ที่เห็นหนังทั้งเรื่อง พูดง่ายๆคือมันคือหนังยาวเรื่องนึงที่มี text ชื่อตอนมาเสียบคั่น 9 ครั้ง
คือคล้ายๆกับเวลาเราดูซีรี่ย์เรื่องนึงที่มีตัวละครเยอะๆ แล้วมันก็ตัดสลับไปที่คนนั้นที คนนี้ที เราอาจจะเห็นว่ามันก็ไม่ได้ตั้งกล้องไว้ที่ใครคนใดคนนึงคนเดียว แต่เราก็รู้ว่าซีรี่ย์ทั้งตอนตอนนั้น คือ line เดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ใน episode เดียวกัน
พอเรารู้สึกว่าหนังมันไม่ได้ให้ความพิเศษกับตรงนี้ ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ เราเลยไม่ได้รู้สึกสนใจหนังเท่าไร คือหนังมันก็ไม่ได้น่ากลัว หรือลึกลับมากอะไรด้วย
พูดถึงเรื่องปริศนาในหนัง จริงๆตอนแรกไม่ชอบนะ เพราะการลำดับตอนในหนังมันเฉลยทุกอย่างไว้แทบกระจ่างตั้งแต่กลางๆเรื่องแล้ว เราเลยรู้สึกสงสารตอนท้ายๆเพราะมันแทบจะไม่สามารถใช้เป็นข้อมูลอะไรได้เลย เนื่องจากหนังเปิดเผยตัวจนหมดแล้ว แต่มาคิดอีกที เราคิดว่าผู้สร้างอาจจะกำหนดไว้แล้วว่า ช่วงต้นเป็นหนังผี เน้น event ผีหลอก พอช่วงกลางก็เป็นการสืบสวนและคลี่คลายปริศนา และตอนท้ายเรื่องที่เป็นพาร์ทดราม่า ก็คือการสำรวจตัวละคร เช่นจิตใจของผู้สูญเสีย ภาวะความเป็นอยู่ของคนที่ต้องเสียของรัก ความเศร้า ความวังเวงของชีวิต หรือแม้แต่กับตำรวจที่ต้องอยู่กับความผิดบาปในใจกับคดีที่ไม่อาจปิดลงได้ หรืออาจจะปิดได้ ถ้าเค้าเอะใจมากกว่านี้
ตอนที่น่าสนใจ ตอนหนุ่มกลัดมัน นักแสดงน่าสนใจ มีเสน่ห์ ตอนผู้เช่ารายใหม่ เทคนิคด้านภาพสวิงสวายมากๆ จนนึกว่าถ้าเป็นหนังค่าย GTH นี้คงเป็นตอนที่กอลฟ์ ปวีณ กำกับ ตอนเจ้าบ่าว (เออ อันนี้บอกก่อนว่าไม่ได้เพราะรู้จักผกก. จึงชอบ) เราว่าตอนนี้ทำออกมาลงตัว มีความโรแมนติกแบบดาร์คๆ เศร้าๆ ความรู้สึกแอบรักนิดๆ
ป.ล. ว่าแต่มันถึงเวลารึยัง ที่พวกฝ่ายประชาสัมพันธ์หนังจะเลิกเขียนเรื่องย่อแบบเปิดเผยข้อมูลส่วนสำคัญของหนังจนมากเกินไป ลองไปอ่านเรื่องย่อสิ แทบจะบอกเลยว่าใครที่ทำให้เจ้าสาวต้องไปตาย
----------------------------------

Bait 3D (Kimble Rendall, 2012) A
ถ้าใครเคยดูซีรี่ย์ Desperate Housewives มาก่อน นี้คือ Disaster Episode นั้นเองจ้ะ
หนังพูดถึงคนกลุ่มนึงที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ปิดล้อม ในที่นี้คือฉลามในซูเปอร์มาร์เก๊ท และอย่างที่บอกว่ามันเหมือนการดูซีรี่ย์มากๆคือ หนังไม่โฟกัสไปที่ตัวละครพระเอกอย่างเดียว แม้มันจะเป็นตัวเมน แต่ยังให้พื้นที่เบี้ยใบ้รายทางกับตัวละครอื่นๆ ที่ให้คนดูเห็นใจ เอาใจช่วย รับรู้ปัญหา อุปสรรค ในชีวิตที่พวกเค้าต้องเผชิญ และคาดหวังว่าพวกเค้าจะปรับปรุงตัว กลับตัวกลับใจใหม่ เมื่อรอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายไป
ซึ่งก็ดีนะที่หนังทำแบบนี้ มันทำให้พาร์ทดราม่าของหนังดูสนุกมากๆ เพราะจะไปคาดหวังความลุ้นระทึกของฉลามก็คงได้ไม่เท่าไร สู้ฮอลลีวู้ดไม่ได้
ตัวละครในหนังก็มีตั้งแต่ หนุ่มสาว อดีตคนรักที่เลิกรากันไปเพราะอุบัติโหดฉลามงาบพี่นางเอกในอดีต โจรหนุ่มที่เนื้อแท้เป็นคนดีแต่ถูกมาเฟียบังคับให้ต้องปล้น ตำรวจแก่และลูกสาวเจ้าปัญหาที่ไม่ลงรอยกัน แถมด้วยแฟนหนุ่มเนิร์ดที่อยากพิสูจน์ตัวเองกับแฟนว่าตัวเองมีความสามารถในการเลี้ยงดูผู้หญิงให้มีชีวิตสุขสบาย คู่หนุ่มสาวสลิดดกที่นับวันฝ่ายชายก็ยิ่งแสดงความเห็นแก่ตัว ในขณะที่ฝ่ายหญิงก็คุณหนูที่เอาแต่ใจตัวเอง (โปรดจับตาคู่นี้ เพราะความฮา 70% ของเรื่องมาจากพวกเขา) ทั้งหมดถูกธรรมชาติ (หรือสวรรค์ลงโทษ)ให้ต้องติดอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เพื่อให้เข้าใจกัน หรือ(เห็นสันดารกันและกัน) ในสุดท้ายพวกเค้าจะได้บทเรียนอะไรบ้าง
แน่นอนว่าหนังมันก็คือ The Mist ด้วยนะแหละ แต่เป็น The Mist แบบ feed good นะ ดูจบแล้วอิ่มเอมใจ ไม่ต้องทึ้งผมด้วยความเสียจริต ไม่ก่นด่าฟ้าดิน แต่ลุกขึ้นมามองที่ตัวเราเอง และมองเพื่อนร่วมชะตากรรม ยิ้มสู้ไปกับมัน
โดยรวมเราประทับใจเรื่องนี้นะ เป็นหนังสัตว์กินคนจากออสเตรเลียที่ทำออกมาดี มีทั้งอารมณ์ดราม่า คอมมาดี้ และระทึกพอเสียวๆพุง แล้วเราว่ามันผสมธาตุประกอบแบบหนังคัลท์ได้ลงตัวด้วย คือไม่ดูบ้านอกลู่นอกทางแบบ Piranha 3DD ไปเลย เรายังรู้สึกถึงความคิดอันละเอียดลออในการเขียนบท ที่จะผสมความจริงจังเข้ากับความกวนตีนแล้วออกมาลงตัว
ส่วนใครอยากรู้ว่าหนังโหดไหม มันก็มีฉากโหดอยู่นะ แต่ไม่เยอะๆ ไม่ได้ gore อะไรมากมาย
ป.ล. ตัวละครหลายตัวมีเสน่ห์ แม้แต่หมา ที่แทบจะขโมยซีนหนังทั้งเรื่อง และหมาในหนังสยองขวัญเรื่องนี้แหละที่ตอกย้ำว่ามันนี้คือหนังสยองฟีลกู้ด
Replies (1)
เดี๋ยวไปดูก่อน แล้วจะมาบอกว่า รู้สึกเหมือนกันไหม
Function Used time : 0:00:00:00.014