อีกนิดก็จะไปดร๊อปแล้ว "มหาลัยสยองขวัญ"
by AguileraAnimato • วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552 22:08
หนังสยองขวัญ 4 เรื่องที่อาศัยโครงสร้างของบทคล้ายๆกับ Creepshows 2 ในการเลือกสร้างคาแรกเตอร์นึงขึ้นมาเป็น third-person omniscient คือไม่ได้มีบทบาทในเรื่องที่เล่า แต่เป็นสัพพัญญูรู้ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนัง
ใน Creepshows ได้เด็กคนนึงที่ซื้อการ์ตูนมาอ่านแล้วเป็นตัวแทนคนดูเล่าเรื่องที่เกิดในการ์ตูนให้คนดูรับทราบ.... ส่วนใน มหาลัยสยองขวัญก็จะได้ เป้ย ปานวาด ในบทนศ.ฝึกงานแห่งมูลนิธืร่วมกตัญญูเป็นตัวนำคนดูไปพบเหตุการณ์ในแต่ละตอน จากงานเก็บศพที่ตนเองต้องไปปฏิบัติมา... เพียงแต่ความต่างของ C2 กับมหาลัยคือ เรื่องแรกตัว narrator อยู่ในฐานะบุคคลที่สามเพียงอย่างเดียว แต่ในส่วนของมหาลัยตัวละครของเป้ยถูกคนเขียนบทใช้ประโยชน์ในการเป็นทั้งบุคคลที่สาม และบุคคลที่สอง (ผู้ร่วมรับรู้, ผู้ฟัง) ในบางตอน... และแน่นอนว่าเธอเองก็ได้รับตำแหน่งบุคคลที่หนึ่ง (เจ้าของเรื่อง) ในภาพยนตร์เป็นของตัวเอง (เช่นเดียวกับ C2 ที่มีการแยกบทให้ตัวเด็กมี sequel เป็นของตัวเอง)
โดยภาพรวมแล้วจึงมองว่าหนังมีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ เพราะหนังอาจจะสามารถแยก sequel ออกจากกันอย่างเด่นชัด เช่น สี่แพร่ง / Three ก็ได้ (โดยมีธีมหรือคอนเซปต์คุมเรื่องทั้งหมดไว้) หรือจะให้เป็นแบบ storytelling อย่างผีสามบาทก็น่าสนใจ.... แต่บทภาพยนตร์ก็กล้าที่จะไปไกลด้วยการหาตัวละครร่วมและแจงออกมาเป็นหนัง 4 ตอน อันประกอบไปด้วย ศาลในห้องน้ำ จาก สจล. / ลิฟท์แดง จาก มธ. / ศพหาย จากมหิดล / ป๊อก... ป๊อก... ครืด... จาก มช. - - และต่อจากนี้เราจะมาพูดถึงแต่ละตอนกัน
ศาลในห้องน้ำ จาก สจล. ว่าด้วยเรื่องนศ.ค้ายา ที่ถูกพวก อันธพาลตามทวงยาที่ฮุบไว้ในสถาบันแห่งนึง
เป็นตอนที่ไร้รสนิยมมากๆในในฐานะหนังสยองขวัญ เพราะมันเหมือน หนังวีซีดียกระดับฉายโรง เหตุผลหรือการกระทำที่อ่อนด้อยยังไม่อาจเทียบเท่าชั้นเชิงในการเขย่าขวัญคนดูที่กำปั้นทุบดิน หนังไม่ต้องการเล่นระดับอะไรซับซ้อนมากไปกว่า “อยากเจอผี ก็เอาผีมาให้ดูต่อหน้า” ตอนนี้จึงไม่มีอะไรมากไปกว่าการเร่งเร้าและรีบร้อนที่จะทำลายโสตประสาทคนดูให้มากที่สุด ซึ่งหากจะวัดว่าความน่ากลัวคือการได้นำสิ่งที่สยดสยองมากองตรงหน้า หนังก็อาจจะประสบความสำเร็จ.... แบบเดียวกับที่หนังวีซีดี หรือละครชมรมขนหัวลุกทำได้นั้นแหละ...
ช่วงเวลาแห่งความน่าหงุดหงิด: หลังจากนำยาส่งให้พวกอันธพาลแล้ว จะกลับกัน ตัวละครนศ. ก็พูดขึ้นมาว่า “พี่อย่าขึ้นตึกไปเลยนะ มันมีผี” (มึงจะบอกเค้าทำไม....) / ผีในเรื่องนี้มีมากเกินตำนานรึเปล่า
ลิฟท์แดง จาก มธ. กล่าวถึงนกน้อย นศ.ปี1 คณะศิลปะศาสตร์ที่ถูกรุ่นพี่ไซโคเรื่องที่เธอเป็นหลานของทหารที่สั่งฆ่านศ. มธ. ในอดีต โดยรุ่นพี่ท้าให้เธอเข้าไปในลิฟท์แดงอันเป็นจุดนึงที่นศ.ถูกยิง
ตอนนี้มีการเขียนบทที่น่าสนใจ ในการเล่นกับปูมหลังตัวละคร เมื่อเธอต้องถูกกระทำจากเจ้ากรรมนายเวรอันเป็นบาปที่เธอไม่ได้มีส่วนก่อ ซึ่งเป็นส่วนผสมหลังฉากอันน่าสนใจในการขับเน้นให้ตัวละครด้านหน้ามีพ้อยท์อันโดดเด่นน่าติดตาม ซึ่งตลอดทั้งเรื่องก็ยังสอดแทรกเรื่องความขัดแย้งระหว่างรุ่นพี่-รุ่นน้อง / เผด็จการและศักดิ์ศรีของมนุษย์.... แต่น่าเสียดายที่ช่วงคลี่คลายของหนัง ผู้กำกับจับจังหวะที่จะพลิกเรื่องไม่ถูก จึงทำให้อารมณ์ก่อนหน้านั้นสูญเสียและกลายเป็นเพียงหนังหักมุมธรรมดาที่ไม่โดดเด่นแต่อย่างใด
ศพหาย จากมหิดล กล่าวถึงนศ. ทันตกรรม ที่อยู่เวรเฝ้าห้องดับจิต และต้องเผชิญเรื่องลี้ลับ เมื่อศพที่เฝ้าอยู่หายไป
เราคิดว่าตอนนี้เรียบง่ายที่สุด และมีตอนจบที่น่าพึงพอใจที่สุดในบรรดาทั้ง 4 เรื่อง เสียอย่างเดียวคือ พลังของฉากสุดท้ายหายไป เนื่องจากก่อนหน้านั้น หนังเล่นท่าในการปล่อย ”ผี” ออกมาล่วงหน้าเป็นช่วงๆแล้ว เราลองคิดกลับกันว่าถ้าก่อนหน้านั้นไม่มีการปรากฏตัวของผีเลย อาจจะน่าสนใจมากกว่า และทำให้ฉากสุดท้ายชวนหัวโกร๋นได้จริงๆ... ใครที่ชอบเรื่องสยองแบบการ์ตูนญี่ปุ่นหน่อยๆ น่าจะชอบตอนนี้ได้ไม่ยาก...
ป๊อก... ป๊อก... ครืด... จาก มช. เรื่องของวิญญาณที่กลับมาหาเพื่อนในสภาพทรงตัวไม่ได้....
ขอพูดถึงตอนนี้ และรวมไปถึงภาพรวมทั้งหมดของหนังเลยแล้วกัน.... หนังตอนนี้มีการเสริมขยายมากจนเราว่ามันทำให้ความขลังของตำนานดูไม่น่าสนใจ และแถกออกไปกลายเป็นหนังฆาตกรรม หนังสะท้อนให้เห็นภัยของอินเทอร์เนท หนังที่ว่าด้วยสภาพความป่วยไข้ของสังคมออนไลน์ เรียกได้ว่าในส่วนของผีนั้นมีอยู่เพียงแค่ตอนท้าย นี้ยังไม่นับตอนจบของหนังที่แถกออกจาก
อันที่จริงการที่ผู้เขียนบทจะนำจินตนาการของตนเองมายืดขยายเพื่อต่อยอด หรือปะติดปะต่อปูมหลังอดีต หรือแหวกสร้างรอยตำนานให้มีที่มาที่ไป ย่อมไม่ใช่เรื่องผิด แต่บางทีการที่เราปล่อยให้คนดูทราบถึงความจริง (อดีต อันเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้น) ก็อาจลดทอนความขลัง ลึกลับของตำนานลง อย่างเช่นในตอนห้องน้ำ ที่มีการบิดเบือนเรื่องราวตำนานห้องน้ำออกไป ก็ทำให้หนังกลายเป็นเหมือนเพียงการหยิบยืมตำนานมาใช้ แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดผลและประโยชน์อันใดมากขึ้น เพราะถึงจะมองว่าคอนเซปต์โดยรวมของหนังเชื่อมโยงกันด้วยความเป็นตำนาน แต่สุดท้ายมันก็ทำได้เพียงแค่ละครสั้นสี่เรื่อง ที่พยายามจะเก๋ด้วยการหาตัวเชื่อมมาใส่ (เออ อีกอย่างนะ เป้ยกับบทนี้ จนท.มูลนิธิ ดูยังไงก็ไม่ใช่อ่ะ) ... หนังฆาตกรรมอย่าง urban legend ยังนำเสนอในจุดนี้ได้ดีกว่าและหลอมละลายคอนเซปต์เข้าหากัน โดยไม่จำเป็นต้องแบ่งออกเป็นตอนๆ แต่อย่างใด
เราไม่ได้เป็นคนที่ยึดติดกับตำนาน เพราะยังไงตำนานก็เป็นเพียงเรื่องเล่าที่สืบต่อมาโดยมีเพียงแค่ข้อเท็จจริงเป็นหลักฐานที่อาศัยปากมนุษย์เป็นคลังเฝ้ารักษาและเผยแพร่.... สิ่งสำคัญที่ทำให้ตำนานคงอยู่ คือการสร้างความเชื่อเพื่อเกาะกุมพื้นที่ในหน่วยความจำให้มากที่สุด ความกลัว-ความลึกลับ จึงเป็นสิ่งที่ถูกใช้เพื่อรักษาสถานะของเรื่องเล่า.... ซึ่งดูเหมือนว่าหนังเรื่องนี้ทำลายสิ่งเหล่านั้นให้หายไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนประสบการณ์ในการเขย่าขวัญ การแถเรื่องเติมเต็มจนเกินพอดี และที่สำคัญความเป็นกันเองในแบบเรื่องเล่าล้อมวงเหล้าก็ไร้วี่แววในการสร้างบรรยากาศของหนัง... จนดูเหมือนเป็นเรื่องที่พากันโยงใยแบบมั่วซั่วแบบที่เห็นกันในอินเทอร์เนท
ฉะนั้นก็อย่าแปลกใจ ดังเช่นที่คนส่วนใหญ่ หลากหลายภูมิภาคมหาลัย พากันอ้างว่า ป๊อก ป๊อก ครืด มาจากมหาลัยตัวเองกันทั้งนั้นแหละ
ใน Creepshows ได้เด็กคนนึงที่ซื้อการ์ตูนมาอ่านแล้วเป็นตัวแทนคนดูเล่าเรื่องที่เกิดในการ์ตูนให้คนดูรับทราบ.... ส่วนใน มหาลัยสยองขวัญก็จะได้ เป้ย ปานวาด ในบทนศ.ฝึกงานแห่งมูลนิธืร่วมกตัญญูเป็นตัวนำคนดูไปพบเหตุการณ์ในแต่ละตอน จากงานเก็บศพที่ตนเองต้องไปปฏิบัติมา... เพียงแต่ความต่างของ C2 กับมหาลัยคือ เรื่องแรกตัว narrator อยู่ในฐานะบุคคลที่สามเพียงอย่างเดียว แต่ในส่วนของมหาลัยตัวละครของเป้ยถูกคนเขียนบทใช้ประโยชน์ในการเป็นทั้งบุคคลที่สาม และบุคคลที่สอง (ผู้ร่วมรับรู้, ผู้ฟัง) ในบางตอน... และแน่นอนว่าเธอเองก็ได้รับตำแหน่งบุคคลที่หนึ่ง (เจ้าของเรื่อง) ในภาพยนตร์เป็นของตัวเอง (เช่นเดียวกับ C2 ที่มีการแยกบทให้ตัวเด็กมี sequel เป็นของตัวเอง)
โดยภาพรวมแล้วจึงมองว่าหนังมีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ เพราะหนังอาจจะสามารถแยก sequel ออกจากกันอย่างเด่นชัด เช่น สี่แพร่ง / Three ก็ได้ (โดยมีธีมหรือคอนเซปต์คุมเรื่องทั้งหมดไว้) หรือจะให้เป็นแบบ storytelling อย่างผีสามบาทก็น่าสนใจ.... แต่บทภาพยนตร์ก็กล้าที่จะไปไกลด้วยการหาตัวละครร่วมและแจงออกมาเป็นหนัง 4 ตอน อันประกอบไปด้วย ศาลในห้องน้ำ จาก สจล. / ลิฟท์แดง จาก มธ. / ศพหาย จากมหิดล / ป๊อก... ป๊อก... ครืด... จาก มช. - - และต่อจากนี้เราจะมาพูดถึงแต่ละตอนกัน
ศาลในห้องน้ำ จาก สจล. ว่าด้วยเรื่องนศ.ค้ายา ที่ถูกพวก อันธพาลตามทวงยาที่ฮุบไว้ในสถาบันแห่งนึง
เป็นตอนที่ไร้รสนิยมมากๆในในฐานะหนังสยองขวัญ เพราะมันเหมือน หนังวีซีดียกระดับฉายโรง เหตุผลหรือการกระทำที่อ่อนด้อยยังไม่อาจเทียบเท่าชั้นเชิงในการเขย่าขวัญคนดูที่กำปั้นทุบดิน หนังไม่ต้องการเล่นระดับอะไรซับซ้อนมากไปกว่า “อยากเจอผี ก็เอาผีมาให้ดูต่อหน้า” ตอนนี้จึงไม่มีอะไรมากไปกว่าการเร่งเร้าและรีบร้อนที่จะทำลายโสตประสาทคนดูให้มากที่สุด ซึ่งหากจะวัดว่าความน่ากลัวคือการได้นำสิ่งที่สยดสยองมากองตรงหน้า หนังก็อาจจะประสบความสำเร็จ.... แบบเดียวกับที่หนังวีซีดี หรือละครชมรมขนหัวลุกทำได้นั้นแหละ...
ช่วงเวลาแห่งความน่าหงุดหงิด: หลังจากนำยาส่งให้พวกอันธพาลแล้ว จะกลับกัน ตัวละครนศ. ก็พูดขึ้นมาว่า “พี่อย่าขึ้นตึกไปเลยนะ มันมีผี” (มึงจะบอกเค้าทำไม....) / ผีในเรื่องนี้มีมากเกินตำนานรึเปล่า
ลิฟท์แดง จาก มธ. กล่าวถึงนกน้อย นศ.ปี1 คณะศิลปะศาสตร์ที่ถูกรุ่นพี่ไซโคเรื่องที่เธอเป็นหลานของทหารที่สั่งฆ่านศ. มธ. ในอดีต โดยรุ่นพี่ท้าให้เธอเข้าไปในลิฟท์แดงอันเป็นจุดนึงที่นศ.ถูกยิง
ตอนนี้มีการเขียนบทที่น่าสนใจ ในการเล่นกับปูมหลังตัวละคร เมื่อเธอต้องถูกกระทำจากเจ้ากรรมนายเวรอันเป็นบาปที่เธอไม่ได้มีส่วนก่อ ซึ่งเป็นส่วนผสมหลังฉากอันน่าสนใจในการขับเน้นให้ตัวละครด้านหน้ามีพ้อยท์อันโดดเด่นน่าติดตาม ซึ่งตลอดทั้งเรื่องก็ยังสอดแทรกเรื่องความขัดแย้งระหว่างรุ่นพี่-รุ่นน้อง / เผด็จการและศักดิ์ศรีของมนุษย์.... แต่น่าเสียดายที่ช่วงคลี่คลายของหนัง ผู้กำกับจับจังหวะที่จะพลิกเรื่องไม่ถูก จึงทำให้อารมณ์ก่อนหน้านั้นสูญเสียและกลายเป็นเพียงหนังหักมุมธรรมดาที่ไม่โดดเด่นแต่อย่างใด
ศพหาย จากมหิดล กล่าวถึงนศ. ทันตกรรม ที่อยู่เวรเฝ้าห้องดับจิต และต้องเผชิญเรื่องลี้ลับ เมื่อศพที่เฝ้าอยู่หายไป
เราคิดว่าตอนนี้เรียบง่ายที่สุด และมีตอนจบที่น่าพึงพอใจที่สุดในบรรดาทั้ง 4 เรื่อง เสียอย่างเดียวคือ พลังของฉากสุดท้ายหายไป เนื่องจากก่อนหน้านั้น หนังเล่นท่าในการปล่อย ”ผี” ออกมาล่วงหน้าเป็นช่วงๆแล้ว เราลองคิดกลับกันว่าถ้าก่อนหน้านั้นไม่มีการปรากฏตัวของผีเลย อาจจะน่าสนใจมากกว่า และทำให้ฉากสุดท้ายชวนหัวโกร๋นได้จริงๆ... ใครที่ชอบเรื่องสยองแบบการ์ตูนญี่ปุ่นหน่อยๆ น่าจะชอบตอนนี้ได้ไม่ยาก...
ป๊อก... ป๊อก... ครืด... จาก มช. เรื่องของวิญญาณที่กลับมาหาเพื่อนในสภาพทรงตัวไม่ได้....
ขอพูดถึงตอนนี้ และรวมไปถึงภาพรวมทั้งหมดของหนังเลยแล้วกัน.... หนังตอนนี้มีการเสริมขยายมากจนเราว่ามันทำให้ความขลังของตำนานดูไม่น่าสนใจ และแถกออกไปกลายเป็นหนังฆาตกรรม หนังสะท้อนให้เห็นภัยของอินเทอร์เนท หนังที่ว่าด้วยสภาพความป่วยไข้ของสังคมออนไลน์ เรียกได้ว่าในส่วนของผีนั้นมีอยู่เพียงแค่ตอนท้าย นี้ยังไม่นับตอนจบของหนังที่แถกออกจาก
อันที่จริงการที่ผู้เขียนบทจะนำจินตนาการของตนเองมายืดขยายเพื่อต่อยอด หรือปะติดปะต่อปูมหลังอดีต หรือแหวกสร้างรอยตำนานให้มีที่มาที่ไป ย่อมไม่ใช่เรื่องผิด แต่บางทีการที่เราปล่อยให้คนดูทราบถึงความจริง (อดีต อันเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้น) ก็อาจลดทอนความขลัง ลึกลับของตำนานลง อย่างเช่นในตอนห้องน้ำ ที่มีการบิดเบือนเรื่องราวตำนานห้องน้ำออกไป ก็ทำให้หนังกลายเป็นเหมือนเพียงการหยิบยืมตำนานมาใช้ แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดผลและประโยชน์อันใดมากขึ้น เพราะถึงจะมองว่าคอนเซปต์โดยรวมของหนังเชื่อมโยงกันด้วยความเป็นตำนาน แต่สุดท้ายมันก็ทำได้เพียงแค่ละครสั้นสี่เรื่อง ที่พยายามจะเก๋ด้วยการหาตัวเชื่อมมาใส่ (เออ อีกอย่างนะ เป้ยกับบทนี้ จนท.มูลนิธิ ดูยังไงก็ไม่ใช่อ่ะ) ... หนังฆาตกรรมอย่าง urban legend ยังนำเสนอในจุดนี้ได้ดีกว่าและหลอมละลายคอนเซปต์เข้าหากัน โดยไม่จำเป็นต้องแบ่งออกเป็นตอนๆ แต่อย่างใด
เราไม่ได้เป็นคนที่ยึดติดกับตำนาน เพราะยังไงตำนานก็เป็นเพียงเรื่องเล่าที่สืบต่อมาโดยมีเพียงแค่ข้อเท็จจริงเป็นหลักฐานที่อาศัยปากมนุษย์เป็นคลังเฝ้ารักษาและเผยแพร่.... สิ่งสำคัญที่ทำให้ตำนานคงอยู่ คือการสร้างความเชื่อเพื่อเกาะกุมพื้นที่ในหน่วยความจำให้มากที่สุด ความกลัว-ความลึกลับ จึงเป็นสิ่งที่ถูกใช้เพื่อรักษาสถานะของเรื่องเล่า.... ซึ่งดูเหมือนว่าหนังเรื่องนี้ทำลายสิ่งเหล่านั้นให้หายไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนประสบการณ์ในการเขย่าขวัญ การแถเรื่องเติมเต็มจนเกินพอดี และที่สำคัญความเป็นกันเองในแบบเรื่องเล่าล้อมวงเหล้าก็ไร้วี่แววในการสร้างบรรยากาศของหนัง... จนดูเหมือนเป็นเรื่องที่พากันโยงใยแบบมั่วซั่วแบบที่เห็นกันในอินเทอร์เนท
ฉะนั้นก็อย่าแปลกใจ ดังเช่นที่คนส่วนใหญ่ หลากหลายภูมิภาคมหาลัย พากันอ้างว่า ป๊อก ป๊อก ครืด มาจากมหาลัยตัวเองกันทั้งนั้นแหละ

Replies (16)
ไปดู มาเร็วมาก
อืม ตอนดู เทรลเลอร์ ดูน่าสนใจ
โฮ้ยยย!!
ไม่ต้องพูดอะไรเลยค่ะ เป็นหนังที่ด๊องแด๊งมาก
ตอนแรก.. ผีมาแบบ ตรูพูดอะไรไม่ถูกเลย ใส่สไบขาดๆเกินๆ รำงอกแงก ตะกุยห้องนงห้องน้ำ เอากะมันสิ อารายฟระ!! เนื้อเรื่อง ก็งองแงงได้อีก สรุปใจความในตอนนี้ได้สั้นๆว่า มาดูผี และโดนผีหลอก
ตลกตอนบอก
"ก็มีผีใส่ชุดไทยมารำอะไรแบบนี้อ่ะพี่"
บอกเพื่อ?????????? ทำให้ดูเป็นหนังก็อกแก๊กมากค่ะ
คุณแฟนสองคนนั่น ก็พยายามสุดๆที่จะทำตัวมีพิรุธให้ เขาทัก ว่ามีอะไร เพื่อจะนำไปสู่การบังคับไปดูผี นักแสดงก็แข็งได้อีก
ตอน 2 ก็โอเคแรกๆ ถึงอารมณ์หนังกระโดดๆ ด๊องแด๊งๆ ไปหน่อยก็เถอะ แต่ตอนจบ ไปเหอะ ถ้าไม่หักมุมจะดีกว่ามั้ย เหมือนพยายามจะซึ้ง แต่มันไม่ใช่ แต่ก็เอาเถอะ ดีใจกับภาณุ และศจี ด้วยแล้วกัน55555555+
ตอน 3 พอได้ๆๆๆ เพลินๆ เนื้อเรื่องพอได้ๆ ผ่านๆไป ขำมั้ย ไม่ค่อยขำอ่ะ เส้นลึกไปละ แลดูมันพยายามตลก..
ตอน 4 ประสาทมาก กองโต้ เบคแฮม บ้าบออะไร ตำนานซึ้งๆของเขาเสียหายหมด อยากจะใส่อะไรก็ใส่เหรอว้า แล้วก็ออกทะเลไปซะไกลๆ จากตำนานซึ้งๆ กลายเป็นหนังฆาตกรรมโรคจิตซะงั้น ส่วนที่ดีของตอนคือ ขาขาวๆ ของเป้ย = ="
รวมๆ ทั้งสะเปะสะปะ คนละทิศละทาง ไม่รู้ว่าตกลงจะสื่อตำนานสยองขวัญของมหาลัยไปทางไหน เอาซักทางเหอะ จะเล่าเรื่องตำนาน หรือจะเล่นให้ผีหลอก หรือจะเอาซึ้ง หรือจะมิกซ์แอนด์แมท เอาอะไร เอาซักทาง ตรูปรับอารมณ์ตามไม่ทัน นักแสดงงองแงง เป้ยไม่ใช่คนเก็บศพ เป็นไม่ได้จริงๆ หน้าผ่องอ้องว้อง ขนตาเด้ง ปากแดงอุทัยทิพย์ตลอดเวลา สมจริงบ้างอะไรบ้างก็ได้ เล่นกันขาดๆเกินๆ อารมณ์หนังก็ล้นๆ เพลียๆ เป็นระยะ
เอาเหอะๆๆๆๆ ตรูดูฟรี หยวนๆไป แลกกะการได้เห็นผู้ชายหล่อๆเต็มรอบสื่อออออ ให้อภัยยย
เอาไป 1 ดาวปลอบใจ เห็นแก่กล้ามล่ำๆของเพ่กองโต้!!
ไม่ต้องพูดอะไรเลยค่ะ เป็นหนังที่ด๊องแด๊งมาก
ตอนแรก.. ผีมาแบบ ตรูพูดอะไรไม่ถูกเลย ใส่สไบขาดๆเกินๆ รำงอกแงก ตะกุยห้องนงห้องน้ำ เอากะมันสิ อารายฟระ!! เนื้อเรื่อง ก็งองแงงได้อีก สรุปใจความในตอนนี้ได้สั้นๆว่า มาดูผี และโดนผีหลอก
ตลกตอนบอก
"ก็มีผีใส่ชุดไทยมารำอะไรแบบนี้อ่ะพี่"
บอกเพื่อ?????????? ทำให้ดูเป็นหนังก็อกแก๊กมากค่ะ
คุณแฟนสองคนนั่น ก็พยายามสุดๆที่จะทำตัวมีพิรุธให้ เขาทัก ว่ามีอะไร เพื่อจะนำไปสู่การบังคับไปดูผี นักแสดงก็แข็งได้อีก
ตอน 2 ก็โอเคแรกๆ ถึงอารมณ์หนังกระโดดๆ ด๊องแด๊งๆ ไปหน่อยก็เถอะ แต่ตอนจบ ไปเหอะ ถ้าไม่หักมุมจะดีกว่ามั้ย เหมือนพยายามจะซึ้ง แต่มันไม่ใช่ แต่ก็เอาเถอะ ดีใจกับภาณุ และศจี ด้วยแล้วกัน55555555+
ตอน 3 พอได้ๆๆๆ เพลินๆ เนื้อเรื่องพอได้ๆ ผ่านๆไป ขำมั้ย ไม่ค่อยขำอ่ะ เส้นลึกไปละ แลดูมันพยายามตลก..
ตอน 4 ประสาทมาก กองโต้ เบคแฮม บ้าบออะไร ตำนานซึ้งๆของเขาเสียหายหมด อยากจะใส่อะไรก็ใส่เหรอว้า แล้วก็ออกทะเลไปซะไกลๆ จากตำนานซึ้งๆ กลายเป็นหนังฆาตกรรมโรคจิตซะงั้น ส่วนที่ดีของตอนคือ ขาขาวๆ ของเป้ย = ="
รวมๆ ทั้งสะเปะสะปะ คนละทิศละทาง ไม่รู้ว่าตกลงจะสื่อตำนานสยองขวัญของมหาลัยไปทางไหน เอาซักทางเหอะ จะเล่าเรื่องตำนาน หรือจะเล่นให้ผีหลอก หรือจะเอาซึ้ง หรือจะมิกซ์แอนด์แมท เอาอะไร เอาซักทาง ตรูปรับอารมณ์ตามไม่ทัน นักแสดงงองแงง เป้ยไม่ใช่คนเก็บศพ เป็นไม่ได้จริงๆ หน้าผ่องอ้องว้อง ขนตาเด้ง ปากแดงอุทัยทิพย์ตลอดเวลา สมจริงบ้างอะไรบ้างก็ได้ เล่นกันขาดๆเกินๆ อารมณ์หนังก็ล้นๆ เพลียๆ เป็นระยะ
เอาเหอะๆๆๆๆ ตรูดูฟรี หยวนๆไป แลกกะการได้เห็นผู้ชายหล่อๆเต็มรอบสื่อออออ ให้อภัยยย
เอาไป 1 ดาวปลอบใจ เห็นแก่กล้ามล่ำๆของเพ่กองโต้!!
แก้ไขล่าสุด: 21/10/2552 23:52 โดย knompang
หนมดูท่าทางจะแค้นมาก
อิอิ ...
555+ เรื่องนี้คงไม่ไปดูอ่า ความรู้สึกเหมือนจะไม่ได้เรื่องง
แต่ชอบเนื้อเรื่อง ตำนาน มันนะ อ่านๆๆ ฟังๆๆเค้าเล่ามาแล้ว ขนลุกๆๆ ชอบๆๆๆระทึกดี
แต่เอามาทำหนังแบบว่า...(ดูจากตัวอย่าง)
เอิ่มม บอกกับตัวเองว่า ฉันไม่ดู
แต่ชอบเนื้อเรื่อง ตำนาน มันนะ อ่านๆๆ ฟังๆๆเค้าเล่ามาแล้ว ขนลุกๆๆ ชอบๆๆๆระทึกดี
แต่เอามาทำหนังแบบว่า...(ดูจากตัวอย่าง)
เอิ่มม บอกกับตัวเองว่า ฉันไม่ดู
สังหรณ์แล้วว่าหนังคงไม่ได้เรื่อง
คนมันมี 6 sense อิอิ
คนมันมี 6 sense อิอิ
คิดอยู่แล้วว่าหนังมันไม่น่าดู
เหอๆ แล้วมันก็จริงๆด้วย
เหอๆ แล้วมันก็จริงๆด้วย
แระคุงพี่ บอกหั้ยน้องไปดูเพื่ออออ!!!!!!!!!!!! อ่อยยยย
ฟังจากปากต่อปากท่าจะขลังกว่าแฮะ หึหึ
ฟังจากปากต่อปากท่าจะขลังกว่าแฮะ หึหึ
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปดูแล้ว เย่ๆ
ไปดูมาแล้ววววหนังยังไม่โดน สองตอนแรก แบบว่า เฮ้อ
สองตอนหลัง ค่อยๆดีขึ้นมาหน่อย แต่ เล่นเอา เป้ย มา เป็น สาวร่วม ป. นี่ มันไม่ใช่เลยอะ
ผมไม่เคยรู้หรืออ่านเรื่องพวกตำนานแบบนี้มาก่อน จนไม่นานก่อนที่จะมีข่าว เรื่อง มหาลัยสยองขวัญ ออกมา แต่ก็ไม่ได้รู้และทราบถึงรายละเอียดของตำนานพวกนี้ซักเท่าไหร่นัก ไปดูก็เพราะ ความที่มันเป็นหนังเรื่องนึงเสียมากกว่า หนังแบ่งออกเป็น 4 ตอน โดยให้ ตัวละครตัวหนึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องราวแต่ละตอน เพื่อผูกเรื่องราวเหล่านั้นให้ไหลลื่นต่อเนื่องกัน แบบที่ตัวเองไม่ได้ไปมีบทบาทในแต่ละตอน เว้นแต่ตอนสุดท้าย
(ยืมเรื่องย่อจาก จขกท.มาใช้หน่อย ขี้เกียจพิมพ์)
กับตอนที่ 1 เรื่องเล่า ศาลในห้องน้ำหญิง จาก สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ว่าด้วยเรื่องนศ.ค้ายา ที่ถูกพวก อันธพาลตามทวงยาที่ฮุบไว้ในสถาบัน
มันแสนสุดจะไร้เสน่ห์ของความเป็นหนังผี เลยจริงๆ เราแทบจะไม่ต้องลุ้นหรือเดาใน ใจเลย ก็ยังไม่ทันได้ลุ้น ตัวละครก็บอกซะแระ ที่นี่ มันมีผี แล้วววจะบอกทำไม ว่าผีมันจะโผล่มา แล้วจะเจอผีที่ตรงไหน แถมพี่ผีแกก็สนองตอบเล่นโผล่ ออกมาพรวดพราด แบบไร้ขอบเขต ไม่สนจังหวะและเวลา เซ็งเป็ดที่สุด แถม พวกผีกรี๊ดในโรงหนัง ก็ กรี๊ดบ้าบอ จนต้องไอพอดเปิดฟังเพลงกรอกหูแทน
เอาไป 2/10
ตอนที่ 2 เรื่องเล่า ลิฟท์แดง จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าว ถึงนกน้อย นศ.ปี1 คณะศิลปะศาสตร์ที่ถูกรุ่นพี่ไซโคเรื่องที่เธอเป็นหลานของทหารที่สั่งฆ่านศ. มธ. ในอดีต โดยรุ่นพี่ท้าให้เธอเข้าไปในลิฟท์แดงอันเป็นจุดนึงที่นศ.ถูกยิง
เรื่องนี้ เปิดเรื่องมาน่าสนใจดี มีปมขัดแย้งปูเรื่อง แต่มาตายด้านซะเฉยๆเอาตอนท้ายๆ ตำนานมันเป็นงี้จริงๆเหรอ มันจะดราม่าโรแมนติก รึ มันจะหลอน มันจะเอายังไงกันแน่ เป็นตอนที่อยากให้จบตอนเร็วๆมากที่สุด เพราะมันไม่ซึ้ง!!!
เอาไป 3/10
ตอนที่ 3 เรื่องเล่า ศพหาย จากมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงนศ. ทันตกรรม ที่อยู่เวรเฝ้าห้องดับจิต และต้องเผชิญเรื่องลี้ลับ เมื่อศพที่เฝ้าอยู่หายไป
ตอนนี้เป็นตอนที่ดูแล้ว รู้สึกมีส่วนร่วมไปกับหนังมากที่สุด จังหวะการเล่าลำดับเรื่องราวเจ๋งดี บรรยากาศหลอนและน่าสะพรึงใช้ได้ ชอบการแสดงของตัวละคร และกับการหักมุม ที่รู้สึกว่าตัวเองโดนหลอก
เอาไป 7/10
ตอนที่ 4 เรื่องเล่า ป๊อก... ป๊อก... ครืด... จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วิญญาณเพื่อนสาวที่กลับมาหาเพื่อนในสภาพทรงตัวไม่ได้....
โหดนะตอนนี้ มันหนังฆาตกรรมโรคจิตชัดๆ ไม่รู้นะว่าตำนานเป็นอย่างไร หากที่มามันเป็นแบบนี้ จริงๆ สำหรับตอนนี้ ผมชอบนะ เหมือนเอาอะไรใกล้ตัว ใส่ลงไปในหนัง และมันก็สะท้อนความเป็นจริงที่น่ากลัว กับความเสื่อมของสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน ชอบบทบาทของเป้ยในตอนนี้มากกว่าตอนเป็น สาวร่วมกตัญญูนั่น เพราะมันดูเป็นตัวเธอมากกว่า
เอาไป 7/10
เฉลี่ย ทั้งเรื่อง 4.75/10
สองตอนหลัง ค่อยๆดีขึ้นมาหน่อย แต่ เล่นเอา เป้ย มา เป็น สาวร่วม ป. นี่ มันไม่ใช่เลยอะ
ผมไม่เคยรู้หรืออ่านเรื่องพวกตำนานแบบนี้มาก่อน จนไม่นานก่อนที่จะมีข่าว เรื่อง มหาลัยสยองขวัญ ออกมา แต่ก็ไม่ได้รู้และทราบถึงรายละเอียดของตำนานพวกนี้ซักเท่าไหร่นัก ไปดูก็เพราะ ความที่มันเป็นหนังเรื่องนึงเสียมากกว่า หนังแบ่งออกเป็น 4 ตอน โดยให้ ตัวละครตัวหนึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องราวแต่ละตอน เพื่อผูกเรื่องราวเหล่านั้นให้ไหลลื่นต่อเนื่องกัน แบบที่ตัวเองไม่ได้ไปมีบทบาทในแต่ละตอน เว้นแต่ตอนสุดท้าย
(ยืมเรื่องย่อจาก จขกท.มาใช้หน่อย ขี้เกียจพิมพ์)
กับตอนที่ 1 เรื่องเล่า ศาลในห้องน้ำหญิง จาก สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ว่าด้วยเรื่องนศ.ค้ายา ที่ถูกพวก อันธพาลตามทวงยาที่ฮุบไว้ในสถาบัน
มันแสนสุดจะไร้เสน่ห์ของความเป็นหนังผี เลยจริงๆ เราแทบจะไม่ต้องลุ้นหรือเดาใน ใจเลย ก็ยังไม่ทันได้ลุ้น ตัวละครก็บอกซะแระ ที่นี่ มันมีผี แล้วววจะบอกทำไม ว่าผีมันจะโผล่มา แล้วจะเจอผีที่ตรงไหน แถมพี่ผีแกก็สนองตอบเล่นโผล่ ออกมาพรวดพราด แบบไร้ขอบเขต ไม่สนจังหวะและเวลา เซ็งเป็ดที่สุด แถม พวกผีกรี๊ดในโรงหนัง ก็ กรี๊ดบ้าบอ จนต้องไอพอดเปิดฟังเพลงกรอกหูแทน
เอาไป 2/10
ตอนที่ 2 เรื่องเล่า ลิฟท์แดง จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าว ถึงนกน้อย นศ.ปี1 คณะศิลปะศาสตร์ที่ถูกรุ่นพี่ไซโคเรื่องที่เธอเป็นหลานของทหารที่สั่งฆ่านศ. มธ. ในอดีต โดยรุ่นพี่ท้าให้เธอเข้าไปในลิฟท์แดงอันเป็นจุดนึงที่นศ.ถูกยิง
เรื่องนี้ เปิดเรื่องมาน่าสนใจดี มีปมขัดแย้งปูเรื่อง แต่มาตายด้านซะเฉยๆเอาตอนท้ายๆ ตำนานมันเป็นงี้จริงๆเหรอ มันจะดราม่าโรแมนติก รึ มันจะหลอน มันจะเอายังไงกันแน่ เป็นตอนที่อยากให้จบตอนเร็วๆมากที่สุด เพราะมันไม่ซึ้ง!!!
เอาไป 3/10
ตอนที่ 3 เรื่องเล่า ศพหาย จากมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงนศ. ทันตกรรม ที่อยู่เวรเฝ้าห้องดับจิต และต้องเผชิญเรื่องลี้ลับ เมื่อศพที่เฝ้าอยู่หายไป
ตอนนี้เป็นตอนที่ดูแล้ว รู้สึกมีส่วนร่วมไปกับหนังมากที่สุด จังหวะการเล่าลำดับเรื่องราวเจ๋งดี บรรยากาศหลอนและน่าสะพรึงใช้ได้ ชอบการแสดงของตัวละคร และกับการหักมุม ที่รู้สึกว่าตัวเองโดนหลอก
เอาไป 7/10
ตอนที่ 4 เรื่องเล่า ป๊อก... ป๊อก... ครืด... จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วิญญาณเพื่อนสาวที่กลับมาหาเพื่อนในสภาพทรงตัวไม่ได้....
โหดนะตอนนี้ มันหนังฆาตกรรมโรคจิตชัดๆ ไม่รู้นะว่าตำนานเป็นอย่างไร หากที่มามันเป็นแบบนี้ จริงๆ สำหรับตอนนี้ ผมชอบนะ เหมือนเอาอะไรใกล้ตัว ใส่ลงไปในหนัง และมันก็สะท้อนความเป็นจริงที่น่ากลัว กับความเสื่อมของสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน ชอบบทบาทของเป้ยในตอนนี้มากกว่าตอนเป็น สาวร่วมกตัญญูนั่น เพราะมันดูเป็นตัวเธอมากกว่า
เอาไป 7/10
เฉลี่ย ทั้งเรื่อง 4.75/10
แก้ไขล่าสุด: 23/10/2552 00:04 โดย แคปซูลสีฟ้า
ตอนของลาดกระบัง
ผีมันมีมากเกินจริงรึเปล่า
ผีนางรำ ผีป้าแก่ มาจากไหนอ่ะ... งงมากกก
ผีมันมีมากเกินจริงรึเปล่า
ผีนางรำ ผีป้าแก่ มาจากไหนอ่ะ... งงมากกก
^
^
^
ตอนนั้นนั่งดูรายการ บางอ้อ อ่ะ เขาว่าศาลนั้น บางเรื่องก็เล่าว่า นักศึกษาหญิง ผูกคอตายในห้องน้ำ แต่บางตำนานก็บอก ศาลนั้นเป็นศาลเจ้าที่ บางอันก็บอกว่า ศาลนั้นเป็นศาลนางไม้ ผู้กำกับเขาไม่ชัวร์ว่าอันไหนกันแน่ เลยให้กำไรคนดู มอบให้ 3 ตนเลยจ้า 555+
คิดว่าแบบนี้น่ะนะ
^
^
ตอนนั้นนั่งดูรายการ บางอ้อ อ่ะ เขาว่าศาลนั้น บางเรื่องก็เล่าว่า นักศึกษาหญิง ผูกคอตายในห้องน้ำ แต่บางตำนานก็บอก ศาลนั้นเป็นศาลเจ้าที่ บางอันก็บอกว่า ศาลนั้นเป็นศาลนางไม้ ผู้กำกับเขาไม่ชัวร์ว่าอันไหนกันแน่ เลยให้กำไรคนดู มอบให้ 3 ตนเลยจ้า 555+
คิดว่าแบบนี้น่ะนะ
เริ่ดมากกกกกก
ไม่แน่ใจเลยจัดการยัีดใส่มาทั้งหมด
ช่างเป็นหนังที่ปลายเปิดจริงๆ
ไม่แน่ใจเลยจัดการยัีดใส่มาทั้งหมด
ช่างเป็นหนังที่ปลายเปิดจริงๆ
ขอบคุณครับ
ผมยังไม่ดู
ผมยังไม่ดู
-*-ดูแล้ว
เซงเรื่องแรกมาก - -
มันจะบอกทำไม-*-
เรื่องสองไม่น่ากลัวซักติ๊ด
สาม ฮาดี 55
เรื่องท้าย - -บอกไม่ถูก แต่ กองโต้ใช้ได้... 55+
เซงเรื่องแรกมาก - -
มันจะบอกทำไม-*-
เรื่องสองไม่น่ากลัวซักติ๊ด
สาม ฮาดี 55
เรื่องท้าย - -บอกไม่ถูก แต่ กองโต้ใช้ได้... 55+
ดูท่า การที่ไปฟังแบบปากต่อปากจะดูขลังกว่าการดูหนังเรื่องนี้นะ = = //....
Function Used time : 0:00:00:00.073