แนะนำหนังน่าดู The Tall Man ดราม่า-ระทึกขวัญ
by AguileraAnimato • วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555 11:59

คำนำ - - อยากพิมพ์แบบตรงๆกระจ่างๆ แต่เพื่ออรรถรสของสมาชิกท่านอื่น จึงขอพิมพ์แบบเป็นนัยๆ ก็พอ อยากให้ดูเอง // หนังเรื่องนี้มีชื่ออีกชื่อว่า The Secret (ใช้ในยุโรป)
พึ่งดูเสร็จมาเมื่อ 2 วันครับ
เป็นหนึ่งในหนังที่รอคอยเรื่องนึง
เหตุผลเพราะเป็นงานใหม่ของ Pascal Laugier ผกก. เรื่อง Martyrs ที่ชาวหนังโหดรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี ซึ่งก็ตามสูตรฮอลลีวู้ด ที่มักจะไปควานหาผู้กำกับยุโรปหน้าใหม่ๆมาทำหนังให้ตัวเอง อย่าง Pascal ก็เป็นหนึ่งในนั้น
และในหนังร่วมทุนสร้างอเมริกา+แคนาดา เรื่องนี้ มันก็ได้สร้างความคาดหวังให้กับคนดูพอสมควร เพราะชื่อ The Tall Man สร้างความพ้องรูปกับปีศาจตามตำนานของเด็กฝรั่งที่ชื่อว่า Slenderman ที่มีรูปร่างสูงยาว ชอบลักพาตัวเด็กไป (ลุงแก่ในหนัง Phantasm ก็เป็นหนึ่งในเวอร์ชั่นของการตีความ Slenderman ด้วย)
เมื่อประกอบกับเรื่องย่อที่ว่าด้วยเมืองเล็กๆที่ถูกสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ลักพาตัวเด็กหายไปจากครอบครัว ก็ยิ่งทำให้คนคาดหวังสูงว่าจะต้องเป็นหนังเขย่าขวัญสั่นประสาทเป็นแน่แท้ แต่ทันใดนั้นหลังจากเปิดตัวที่เทศกาลหนัง SXSW (South By Southwest Film Festival)และ Fantasia Film Festival มันก็ทำปฏิกริยากับคนดูทันที โดยเริ่มจากกลุ่มที่เกลียดก็จะออกมาโบยตีหนังว่าไม่น่ากลัว รู้สึกเหมือนถูกหลอกไปตบหน้ากลางห้าแยกลาดพร้าว
นั้นเพราะอะไร เพราะจริงๆแล้ว หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังสยองขวัญเลย!!!
ซึ่งกลุ่มคนดูและนักวิจารณ์อีกส่วนที่เก็ทกับสิ่งที่ผู้กำกับต้องการสื่อ ก็จะออกมาสรรเสริญหนังกันไปเลย และยังกำชับว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังชั้นเลิศที่ตบกะโหลก และตั้งคำถามในเชิงศีลธรรมกับคนดูอย่างเจ็บปวดสุดๆ
หนังเรื่องนี้แบ่งโทนอารมณ์ออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ครึ่งแรก เหมือนกับเทรลเลอร์ที่ตัดขาย นั้นคือการกระตุกขวัญไปกับเรื่องราวลึกลับของ The Tall Man ที่ออกลักพาตัวเด็กในเมือง โดยเหยื่อคนล่าสุดของมันคือ ลูกชาย ของเจสสิก้า บีลว์ (ซึ่งเธอควบตำแหน่งอำนวยการสร้างหนังด้วย) ก่อนที่หนังหักมุม และเฉลยความจริงภายใน 45 นาทีแรก และหลังจากนี้ หนังจะก้าวข้ามม่านหมอกความลึกลับไปเป็นหนังดราม่า วิพากษ์สังคมต่อทันที ซึ่งในช่วงหลังนั้น แม้จะปราศจากความระทึกขวัญ แต่มันก็กุมคนดูอยู่หมัด ด้วยความเข้มข้นของดราม่าชั้นเลิศ และการแสดงที่น่าประทับใจของเจสสิก้า บีลว์ ที่เธอเล่นได้สะกดอารมณ์คนดูทุกอณูคำพูด และในขณะที่คนดูไม่ทันตั้งตัว หนังก็พร้อมจะหักมุม และทรยศคนดูอีกครั้ง ซึ่งมันเปรียบเสมือนการอมพะนำความจริง ซึ่งยิ่งทำให้เราต้องตระหนักในหลักศีลธรรมที่เราเคยเชื่อมั่น
เมื่อหนังพยายามถามเราว่า "อะไรคือสิ่งที่เรายึดมั่นว่าเป็นความดี หากว่ามันเป็นความชั่วในสายตาผู้อื่น เราจะยังทำมันอยู่หรือไม่"
หนังเรื่องนี้ไม่พยายามตัดสินว่าใครผิด หรือถูก (แต่ข้าพเจ้าในฐานะคนดูได้ตัดสินไปแล้ว) มันพยายามเฉลี่ยให้ทุกตัวละคร ทั้งเหยื่อ ผู้ร้าย คนกลาง ได้ออกมาให้เหตุผลของตัวเองในสิ่งที่กระทำ ในสิ่งที่ตนเชื่อ ในความต้องการ
แต่สิ่งนึงที่ทำให้เราอาจจะไปไม่สุดกับหนัง คงเพราะเรายังคิดอยู่ว่าปัญหาในเรื่อง สามารถแก้ไขได้โดยไม่ต้องทำตัวสุดโต่งขนาดนั้น การกระทำของตัวละคร "XX" จึงออกจะเป็นอุดมการณ์และเป็นหลักปฏิบัติที่ทำเกินไปหน่อย และนั้นจึงอาจจะทำให้เราตัดสินตัวละคร "XX" ว่าสมควรแล้วกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป
แต่สิ่งนึงที่หนังทำให้เราฉุกคิด ไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่า ความดี ความเลว คืออะไรเท่านั้น เราอาจจะมองว่าสิ่งที่เราทำคือการช่วยเหลือสังคม แต่ในแง่นึงมันอาจจะเป็นอาชญากรรม เราอาจจะคิดว่าเมืองนี้คือ ก็อธแธม ซิตี้ และเราต้องเป็น Dark Knight ออกมาจัดการ
เมื่อคิดเช่นนั้น หนังจึงให้ความคิดนึงกับเราที่ว่า
"การเป็นคนดี เป็นเรื่องน่ากลัว" เพราะการเป็นคนดี คือการคิดว่าตัวเองรู้ ตัวเองถูกกว่าคนอื่น จึงมีสิทธิ์ที่จะก้าวล่วง กระทำสิ่งต่างๆโดยไม่รู้สึกว่าตัวเอง "ผิด"
และเราต้องยอมรับว่าในสังคม คนดีที่หลงตัวเอง มีมากจริงๆ
ทีนี้อย่างที่บอกว่าหนังไม่พยายามตัดสินว่าใครผิด หรือถูก มันอยู่ที่ฉากสุดท้ายที่ตัวละคร "YY" หันมามองกล้อง ราวกับจะขอความเห็นใจต่อคนดู กับสิ่งที่ตนเลือก นั้นเพราะ "YY" คือตัวแทนของ"เหยื่อ" ที่ควรจะมีสิทธิ์มีเสียงในการเลือกอนาคตตัวเอง ในขณะที่เหยื่อส่วนใหญ่ในเรื่อง ไม่มีสิทธิ์เลือกอนาคตของตนเอง นับตั้งแต่ลืมตาดูโลก (พอคิดถึงจุดนี้ก็ทำให้เราคิดอีกว่า สุดท้ายแล้วใครกันแน่ที่ทำให้พวกเขาเป็นเหยื่อในสังคมนี้ ระหว่าง ปีศาจร้าย หรือผู้ให้กำเนิด)
การที่ "YY" ออกมาสารภาพความรู้สึกข้างใน จึงเหมือนกับการให้ความชอบธรรมในระดับนึงกับปีศาจ เพราะอย่างน้อยสิ่งที่ปีศาจทำไป ก็ไม่ได้รังแต่จะเกิดผลเสีย เมื่ออย่างน้อยก็ยังมีคนที่คิดสอดคล้องไปกับอุดมการณ์ของมันเอง
และนั้นแหละคือสิ่งที่หนังไม่ทำตัว"รู้ดี"ตัดสินใคร แต่ให้พวกเค้าเลือกทางเดินของตัวเอง และต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองเลือก
สรุปว่า ใครอยากดูหนังดราม่าที่กระแทกกระทั้นหลักศีลธรรม และวิพากษ์สังคมแบบเจ็บๆ อย่าพลาดเรื่องนี้โดยเด็ดขาด
อีกนิดนึง พอดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว เราเกลียด martyrs ไปเลย เรารู้สึกว่าเรื่องนี้เล่าเรื่องมีชั้นเชิงกว่ามากๆๆๆ ในขณะที่ Martyrs พยายามจะเก๋ด้วยการแบ่งเรื่องเป็นสองพาร์ทเหมือนกัน เอาพาร์ทหลังมาคลี่คลายพาร์ทแรก แต่สุดท้ายหนังก็ไม่ได้ทำอะไรให้น่าสนใจมากไปกว่าหนังสยองขวัญทั่วไป และเอาจริงๆ Martyrs เป็นหนังที่เล่าให้จบภายใน 30 นาทียังได้เลย แต่หนังถูก expand ไปกับการหลอนประสาท และทรมานตัวละคร
ทั้ง Tall Man และ Martyrs มีวิธีการจบแบบปล่อยให้คนดูเป็นอิสระ กับสิ่งที่คนดูศรัทธาและเชื่อ แต่เรากลับรู้สึกว่า Martyrs เหมือนถีบคนดูลงเหวแถวแม่ฮ่องสอน ที่มีแต่เมฆหมอกปกคลุม แล้วก็บอกคนดูจากข้างบนให้คิดเอง อะไรเอง ช่วยตัวเอง จากสภาวะว่างเปล่า ซึ่งเราว่าเป็นวิธีการจบแบบมักง่ายมากๆ เหมือนผู้กำกับยังไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
แต่ในขณะที่ Tall Man แม้ผู้กำกับจะวางตัวอยู่นอกวง นิ่งเฉย แต่คนดูกลับรู้สึกเป็นส่วนนึงของการตัดสินใจนี้ และมีทางเลือกให้กับหลักการและเหตุผลของตัวเอง ซึ่งก็นั้นแหละ ไม่มีอะไรถูก หรือผิดแบบบริบูรณ์ในตัวเอง
ป.ล. ส่วนเหตุผลที่เราบอกว่าจริงปัญหาในเรื่องแก้ง่ายมากๆก็คือ "ใช้ถุงยางสิ"
Replies (11)
ขอบคุณครับที่แนะนำหนังดีๆ
ขอบคุณครับๆๆๆ รอชมครับ ^^
เคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว ยิ่งท่าน AguileraAnimato มารีวิวกระตุ้นต่อมความอยากอีก
อยากชมมาก ตกมาจากอ่าวเรียบร้อย ... แต่ไม่มีเวลาเบิ่งซะที หนึ่งก็เอามาริวิวยั่วกันอีกเน้อ
แก้ไขล่าสุด: 8/8/2555 21:46 โดย nana_idol
แบบนี้ต้องหามาดูด่วนเลย
ขอบคุณมากๆค่าาาา ^^
ขอบคุณมากๆค่าาาา ^^
จะบอกว่าถ้าใครสกิลการฟังภาษาอังกฤษแข็งแล้ว ฟังไปได้เลยครับ เพราะหนังยังไม่มีซับแบบดีๆออกมา
ที่เราดูเนี้ย เราโหลดซับแบบแปลผิดๆถูกๆมาอันนึง
คือมันจะแปลไม่ตรงกับที่ตัวละครพูดออกมาอ่ะ แต่ใจความเดียวกันนั้นแหละ เลยยังทำให้ดูรู้เรื่อง
เช่น ตัวลครพูดว่า
"What Should We Do?" ในซับก็ดันเขียนเป็น
"What Do We Do?"
เราเลยรู้สึกว่าไอ้คนทำซับมันไม่ได้แปลแบบปากต่อปากนิว้า มันเรียบเรียงคำพูดตัวละครแล้วพิมพ์ตามความเข้าใจของตัวเอง
แต่นั้นแหละ ดูรู้เรื่องแน่นอนครับ
ที่เราดูเนี้ย เราโหลดซับแบบแปลผิดๆถูกๆมาอันนึง
คือมันจะแปลไม่ตรงกับที่ตัวละครพูดออกมาอ่ะ แต่ใจความเดียวกันนั้นแหละ เลยยังทำให้ดูรู้เรื่อง
เช่น ตัวลครพูดว่า
"What Should We Do?" ในซับก็ดันเขียนเป็น
"What Do We Do?"
เราเลยรู้สึกว่าไอ้คนทำซับมันไม่ได้แปลแบบปากต่อปากนิว้า มันเรียบเรียงคำพูดตัวละครแล้วพิมพ์ตามความเข้าใจของตัวเอง
แต่นั้นแหละ ดูรู้เรื่องแน่นอนครับ
โอววววว ต้องหามาดูซะแล้ววววว
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ว่าแต่ มันเกี่ยวอะไรกับ '' ใช้ถุงยาง '' ครับ *-*
แต่ เนื้อเรื่องก็ดู ลึกลับ ๆ ดี อยากจะรู้ว่าทำไม ไอโม่งถึงได้เอาตัวเด็กไป . . . รู้สึกเหมือนจะเห็นตัวละคร Orphan โตขึ้นเยอะ . . . ยังไงก็รอดู คุณAguileraAnimato เอามาฉายหนังดี กว่า คริ คริ . .!!
แต่ เนื้อเรื่องก็ดู ลึกลับ ๆ ดี อยากจะรู้ว่าทำไม ไอโม่งถึงได้เอาตัวเด็กไป . . . รู้สึกเหมือนจะเห็นตัวละคร Orphan โตขึ้นเยอะ . . . ยังไงก็รอดู คุณAguileraAnimato เอามาฉายหนังดี กว่า คริ คริ . .!!
คุณ Darkcharisma ต้องดูครับ แล้วจะเข้าใจ
ถุงยางเท่านั้นที่สมควรเป็นฮีโร่จริงๆ
เรื่องนี้มันสั่นคลอนหลักศีลธรรมพอสมควร ดูเหอะ สนุกๆ อิอิ
ถุงยางเท่านั้นที่สมควรเป็นฮีโร่จริงๆ
เรื่องนี้มันสั่นคลอนหลักศีลธรรมพอสมควร ดูเหอะ สนุกๆ อิอิ
เพิ่งดูจบค่ะ ชอบมากๆ เลย การดำเนินเรื่องทำได้ดีจริงๆ ค่ะ นั่งมึนไปจน 15 นาทีสุดถึงได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด >.<
ไม่กล้าดูอะเราปอดแต่ชอบเสพกะการสปอยหนัง- -
Function Used time : 0:00:00:00.015