ไปดู "วงจรปิด" มา ก็สนุกพอสมควรเลยนะ (อาจจะมีสปอยส์บ้างเบาๆ)
by Icover • วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 01:41

ให้ 7/10 เลยอ่ะ
ดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกอิ่มเหมือนตอนได้ดูบุปผาราตรี 2 ภาคแรกเลย ชอบจังหวะเวลาที่ ผกก.ยุทธเลิศ ทำผีหลอก เพราะมีเอกลักษณ์และไม่เหมือนใครดี นอกจากความหลอนแล้ว หนังก็ยังมีมุกตลกที่ควรจะฝืดและสกปรกแต่กลับสื่อออกมาแล้วมันตลก(ร้าย)จริงๆ ยังไม่พอหนังยังมีซีนดราม่าของความรู้สึกมนุษย์อีกด้วย ดราม่าตรงนี้ไม่ใช่แบบเศร้าเพราะความรักเวิ่นเว้อ แต่มันคือดราม่าทางความรู้สึกที่ปนเปทั้งความโกรธ ความเกลียด ความผิดหวัง ความแค้น ความอิจฉาริษยา ฯลฯ ถ้าเปรียบหนังเรื่องนี้ก็เหมือนเรียงความหัวข้อ "ความสยองผ่านกล้องวงจรปิด" เรียงความที่มี 3 ย่อหน้า แต่ทุกย่อหน้าแค่เล่าเรื่องที่มีธีมเดียวกัน และไม่ได้เกี่ยวข้องกันมากนัก อย่างตอนที่ 1 นี่โทนมันโดดๆออกมาเลย อาจจะเพราะว่า ผกก.คนละคน
1.มรดกผี (ความยาว 15 นาที) : เรื่องนี้ก็เปรียบเสมือนย่อหน้าแรก เป็นการเกริ่นนำ เรื่องนี้ไม่มีบทพูดเลย(แต่เราจะเห็นซีนบทพูดในตัวอย่าง พอเอาจริงกลับไม่มี) เป็นภาพขาว-ดำตลอด และที่ทำให้ประหลาดใจก็คือ หนังเล่าเรื่องด้วยภาพสลับตัดกับข้อความ ซึ่งเป็นแบบนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังอ่านการ์ตูนผีไทยเล่มละบาทจริงๆ ตอนที่ 1 นี้ก็เหมือนเสมือน prelude หรือออเดิร์ฟก่อน การที่หนังไม่มีบทพูดแบบนี้ทำให้ผู้ชมได้จดจ่อและมีสมาธิก่อนที่เนื้อหาจริงๆจะเริ่ม ส่วนตัวแล้วชอบการนำเสนอและบรรยากาศของตอนนี้นะ ปมของเนื้อหาก็น่าสนใจ ความสยองพอได้ไม่ถึงกับปิดตา แต่ปมเฉลยและบทสรุปดูธรรมดามากๆ
หลังจากนั้นหนังก็จะตัดเข้าสู่ไตเติลหนัง "วงจรปิด : Heaven & Hell"

2.สวรรค์ชั้น 8 (ความยาวประมาณ 40-45) เป็นตอนที่ยาวที่สุดและตื่นเต้นที่สุด เรื่องนี้ก็เปรียบได้กับส่วนที่เป็นเนื้อหาหลักของเรียบความฉบับนี้ ใครที่คิดถึงอารมณ์ผีหลอกแบบบุปผาราตรี+โกยเถอะเกย์ ตอนนี้ใช่เลยอะ ผกก.จัดเต็มผีหลอกมากๆ เพราะมีผีในเรื่องถึง 4 ตัว ที่หลอกหลอนตั้งแต่นาทีแรกจนจบ ส่วนตัวค่อนข้างชอบตอนนี้อ่ะ แต่ว่าปมหลังและปัญหาของแต่ตัวละครนั้นมีดีเทลเยอะเหลือเกิน อย่างเช่น ทำไมพ่อเด็กนักเรียน ผญ ถึงโดนจับตอนจบ? ทำไมผีถึงหลอกหลอนเด็กนักเรียนอย่างเอาเป็นเอาตาย? ทำไมเพื่อนนางเอก 2 คนนั้นถึงกล้าทำแบบนั้น? พวกนางไม่กล้าผีบ้างเลยหรอ?? ฯลฯ ซึ่ง ผกก.ก็แค่ทิ้งเชื้อไว้ ไม่ได้อธิบายอะไรมาก ดูแล้วอาจจะงงนิดๆ ที่เหลือก็เป้นหน้าที่คนดูเอามาต่อยอดเอง

3.นรกชั้น 8 (ความยาวประมาณ 20 นาที) : ตอนนี้คือส่วนที่สรุปของเรียงความ ที่ refer จากส่วนของเนื้อหา แต่ความจริงก็ไม่ได้สรุปสมบูรณ์แบบอะไรหรอก ตอนนี้มันคือ "บุปผาราตรี" เวอร์ชั่นของ "หนิง ปนิตา" ชัดๆ เป็นตอนที่ฮามากๆเพราะมุกเยอะสุดแล้ว แถมผีก็หลอกได้กวนทีนและหลอนไปพร้อมๆกัน ทุกอย่างเหมือนบุปผาราตรีหมดทั้งคอสตูมผี ปมนิสัยของผี(ปมที่เกลียดผู้ชาย) และแม้แต่สถานที่เกิดเหตุก็เหมือน เพราะมันก็คือออสก้าร์ อพาร์ทเม้น นั่นเอง!
เอาเป็นว่าถ้าคิดถึงบุปผาราตรี ก็ไปดูกันก็ได้นะ แต่ถามตัวหนังว่าคุ้มกับค่าบัตรราคาเต็ม(180-220)ไหม? ตอบเลยว่าไม่คุ้ม ขอแนะนำให้ใช้พวกสิทธิซื้อ 1 แถม 1 หรือ ลดครึ่งราคา หรือมูฟวี่เดย์ วันพุธ น่าจะโอเคกว่า เพราะตัวหนังมันก็บันเทิงในระดับหนึ่งนะ
Icover
Replies (4)
ในตัวอย่างไม่น่าดูเลยคะพี่ขาาา
ใช่ๆ
ตัวอย่างไม่น่าดูอย่างยิ่ง แถมเปิดเผยเนื้อหาของหนังน้อยมากจ่ะ และบางฉากในตัวอย่างก็ไม่มีในหนังจริงๆซะงั้น :$
ตัวอย่างไม่น่าดูอย่างยิ่ง แถมเปิดเผยเนื้อหาของหนังน้อยมากจ่ะ และบางฉากในตัวอย่างก็ไม่มีในหนังจริงๆซะงั้น :$
แก้ไขล่าสุด: 15/7/2555 02:02 โดย Icover
ฟังดูตอนแรกจะอาร์ทมาก จนรู้สึกเหมือนถูกโป๊ะมาให้ภาพรวมของหนังยาวพอได้ฉายโรงรึเป่า
คหสต.สำหรับผม ถ้าเทียบกับบุปผาราตรี (ภาคแรก) เรื่องนี้ถึงแม้จะมีกลิ่นอายของความเป็นผู้กำกับเค้าอยู่ แต่มันทำได้ไม่สุดเท่าไหร่ (แต่ชอบจังหวะผีในเรื่องสุดท้ายนะ มันตลกดี)
เห็นด้วยกับ จขกท.คือไม่คุ้มค่าตั๋วแพงๆ แน่ๆ เพราะเท่าที่ดูโดยเฉพาะเรื่องกลางมันค่อนข้างสะเปะสะปะไปหน่อย น้องนางเอกก็ยังดูเล่นแข็งๆ แล้วบางฉากบางเหตุการณ์นั่งดูอยู่ เราก็จะค่อยๆ งงขึ้นเรื่อยๆ เพราะ Timeline มันไม่ค่อยปะติดปะต่อกันยังไงก็ไม่รู้ หรืออาจจะเป็นเพราะบางสิ่งบางอย่างมันจะเกิดขึ้นมา เรากลับงงว่า อ้าว มาจากไหน ทำไมๆๆ คือไม่ค่อยมีหลักฐานทิ้งเอาไว้ให้ดูเพื่ออธิบายว่าทำไมตัวละครถึงทำอย่างนี้ๆๆ แล้วตอนจบของเรื่องกลางนี่คือก็คาดเดาได้ในระดับนึง มันเลยไม่ค่อยสุดอย่างที่บอกไป แล้วพอเพลงลุลาขึ้น (สปอย) นึกว่าจะมีอะไร แต่สุดท้ายมันเป็นแค่เอาไว้ใช้เป็นรอยต่อของเรื่องสองกับเรื่องสามเท่านั้น (ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าหนิง ปณิตา ไปฟัง mp3 บนดาดฟ้าทำไม..ให้เข้าใจว่าทำไมสุดท้ายผีหนิงต้องมาฆ่าผู้ชาย อะไรอย่างนี้เหรอ?)
ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องแรก ผมว่าเทคนิคดีครับ แปลกใหม่ ไม่ค่อยมีใครกล้าทำ แต่เนื้อเรื่องหรืออะไรกลับดูธรรมดามากๆ เลย
สรุป ถ้าคาดหวังว่าเป็นหนังผี มันยังไม่ใช่หนังผีที่จะเติมเต็มขนาดนั้น แต่ถ้าอยากไปดูหนังในสไตล์บุปผาฯ มันพอได้อยู่ครับ
เห็นด้วยกับ จขกท.คือไม่คุ้มค่าตั๋วแพงๆ แน่ๆ เพราะเท่าที่ดูโดยเฉพาะเรื่องกลางมันค่อนข้างสะเปะสะปะไปหน่อย น้องนางเอกก็ยังดูเล่นแข็งๆ แล้วบางฉากบางเหตุการณ์นั่งดูอยู่ เราก็จะค่อยๆ งงขึ้นเรื่อยๆ เพราะ Timeline มันไม่ค่อยปะติดปะต่อกันยังไงก็ไม่รู้ หรืออาจจะเป็นเพราะบางสิ่งบางอย่างมันจะเกิดขึ้นมา เรากลับงงว่า อ้าว มาจากไหน ทำไมๆๆ คือไม่ค่อยมีหลักฐานทิ้งเอาไว้ให้ดูเพื่ออธิบายว่าทำไมตัวละครถึงทำอย่างนี้ๆๆ แล้วตอนจบของเรื่องกลางนี่คือก็คาดเดาได้ในระดับนึง มันเลยไม่ค่อยสุดอย่างที่บอกไป แล้วพอเพลงลุลาขึ้น (สปอย) นึกว่าจะมีอะไร แต่สุดท้ายมันเป็นแค่เอาไว้ใช้เป็นรอยต่อของเรื่องสองกับเรื่องสามเท่านั้น (ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าหนิง ปณิตา ไปฟัง mp3 บนดาดฟ้าทำไม..ให้เข้าใจว่าทำไมสุดท้ายผีหนิงต้องมาฆ่าผู้ชาย อะไรอย่างนี้เหรอ?)
ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องแรก ผมว่าเทคนิคดีครับ แปลกใหม่ ไม่ค่อยมีใครกล้าทำ แต่เนื้อเรื่องหรืออะไรกลับดูธรรมดามากๆ เลย
สรุป ถ้าคาดหวังว่าเป็นหนังผี มันยังไม่ใช่หนังผีที่จะเติมเต็มขนาดนั้น แต่ถ้าอยากไปดูหนังในสไตล์บุปผาฯ มันพอได้อยู่ครับ
Function Used time : 0:00:00:00.014