[รีวิว] ดูมาแล้ว PIRANHA 3DD ปิรันย่าดับเบิ้ลดุ แต่ทุนสร้างไม่ดับเบิ้ลด้วย อิ อิ [ไม่สปอยล์]
by demonbug1 • วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555 01:19
ดูมาแล้ว ในแบบเรท ฉ20 ไม่ตัดฉากโป๊
ในความเห็นส่วนตัว หนังเรื่องนี้ไม่ได้แรงอย่างที่คิดเลย ได้เรท ฉ20 มันเยอะเกินไป
ความจริงแล้วให้แค่เรท 18+ ก็พอแล้ว (โดยไม่ต้องตัดฉากโป๊ฉากไหนออกด้วยซ้ำ)
วิจารณ์
1.งานสร้าง
ดูออกทันทีเลยว่า หนังได้ทุนสร้างน้อยมาก น้อยกว่าภาคแรกมาก (ย้ำว่า "มาก")
ขณะที่ภาคแรก เราได้เห็นภาพกว้างๆ เห็นทิวทิศน์กว้างใหญ่สวยงาม เห็นตัวประกอบเป็นร้อยเป็นพันเต็มฉาก
ภาคสองนี่ เห็นแต่ภาพแคบๆเป็นส่วนใหญ่ มุมกล้องก็แคบ แทบไม่มีภาพกว้างๆที่โชว์ทิวทัศน์เหมือนภาคแรก
แถมครึ่งเรื่องยังเป็นฉากตอนกลางคืนอีกต่างหาก สวนน้ำก็ยังดูเล็กๆ แคบๆ ผิดคาด ตัวประกอบก็น้อยเอามากๆ
เกือบค่อนเรื่อง แทบจะเห็นตัวละครแค่ 2 – 4 ตัว แถมแต่ละฉากก็มีตัวละครเล่นไม่เกิน 2 - 4 ตัว ไร้ตัวประกอบ
จนปาเข้าไปท้ายเรื่องนั่นแหละ ถึงได้เห็นตัวประกอบเยอะหน่อย แต่ก็มีจำนวนน้อยมาก แค่ 1 ใน 4 ของภาคแรก
2. เนื้อเรื่อง
ภาคแรก ว่าไม่ค่อยมีเนื้อเรื่องแล้ว แต่ภาคสองนี่ แทบไม่มีเนื้อเรื่องยิ่งกว่า
เหมือนผู้กำกับรู้ว่า คนที่มาดูหนังภาคนี้ คงหวังดูแค่ปลากับนม ก็เลยแทบไม่สนใจเนื้อเรื่อง
ก็เลยไม่ได้วางเนื้อเรื่องนัก (แต่เนื้อเรื่องก็น้อยซะจนเบาโหวง จนน่าตกใจอยู่เหมือนกันนะ)
ความแตกต่างจากภาคแรกมากๆคือ ภาคสองนี้ เนื้อเรื่องมันดูเหมือน “การ์ตูนตลก” มากกว่า
ทุกสิ่งในภาคนี้ ล้วนแปลก หลุดโลก แทบไม่มีอะไรที่อยู่บนพื้นฐานบนโลกแห่งความจริงเลย
ต่างจากภาคแรก ที่พยายามทำให้คนดูเชื่อ ว่าสิ่งที่เห็นในหนัง สามารถเกิดขึ้นได้ในความจริง
ตัวละครทุกตัว พร้อมที่จะทำอะไรตลกๆ ที่ไม่ถูกที่ ไม่ถูกเวลา ไม่ถูกจังหวะ ไม่ถูกสถานการณ์
ตลอดการชมหนังภาคสองนี้ คุณจะอุทานว่า “เฮ้ย ทำไมทำแบบนี้ คนธรรมดาที่ไหนเขาทำกัน”
3. ตัวละคร
ในภาคแรกนั้น ตัวละครทุกตัวอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ดูแล้วเชื่อว่าเป็นมนุษย์จริงๆ
แม้แต่ตัวฮาๆ (อย่างพวกแก๊งถ่ายหนังโป๊) ก็ยังฮาแบบอยู่ในกรอบของโลกแห่งความจริง
แต่ภาคสองนี้ ตัวละครทุกตัวเหมือนตัวการ์ตูน ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของมนุษย์จริงๆเลย
ทุกคนมีคาแรกเตอร์ที่โอเว่อร์ หลุดโลกกันหมด เหมือนเอาคน “สติไม่เต็ม” มารวมๆกัน
แม้แต่ตัวละครที่มาจากภาคแรก พอมาอยู่ในภาคสอง ก็โดนปรับคาแรกเตอร์ใหม่หมด
จากตัวละครที่ดูจริงจังๆในภาคแรก ก็กลายเป็นตัวละครนิสัยบ๊องๆในภาคสองกันหมด
อ้อ! เดวิด ฮัลเซลฮอฟ ที่ถูกนำมาโปรโมทตามสื่อต่างๆ ของหนังเรื่องนี้มากมาย
จริงๆแล้วโผล่ในหนังน้อยมากนะ แทบไม่มีบทบาทอะไรกับหนังเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
กว่าพี่แกจะโผล่หน้ามา ก็ปาเข้าไปค่อนเรื่องแล้ว แถมมุขล้อตัวเอง ก็ดูจะแป๊กๆนะ
4. ฉากตาย
ภาคแรก มีการครีเอทฉากการตายดีกว่ามาก และสมจริง จริงจังกว่าภาคสองมาก
ภาคสอง เป็นการตายในแบบโอเว่อร์ เหมือนการ์ตูน เหมือนหนังคัลล์ของญี่ปุ่น!?
ทุกอย่างดูเกินจริง ผิดธรรมชาติ ผิดปกติ เน้นเอาฮา เอามันส์ เพียงอย่างเดียวนะ
แต่สิ่งที่สูญเสียไปคือ ทำให้ทุกอย่างดู “หลอกๆ ปลอมๆ” ไม่ทำให้รู้สึกสมจริงเลย
แขนปลอม ขาปลอม ลอยน้ำกันให้วุ่นไปหมด ตัวละครก็เล่นกับศพกันหนุกหนาน
ภาคแรก ทำให้เรารู้สึกหวาดกลัว ช็อค ลุ้นระทึกใจ กับฉากคนถูกปิรันย่ากิน
แต่ภาคสอง ทำให้เรารู้สึกอี๋ๆ แหวะๆ แต่ไม่กลัว ไม่ช็อค ไม่รู้สึกลุ้นระทึกเลย
เพราะมันเล่นกันเว่อร์ ซะจนไม่รู้สึกเชื่อว่าเป็น “ของจริง” ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว
5. ฉากโป๊
ภาคแรก แม้ลามก แต่ก็มีการจัดวางมุมกล้องที่ดี จัดแสงสวยๆ ในฉากโป๊
ฉากเปลือยในภาคแรกจึงสวยงาม (บวกกับทิวทัศน์) ทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ
แต่ภาคสอง มุมกล้องและการจัดแสงไม่สวยเลย เหมือนหนัง AV ไม่มีผิด
แถมจงใจถ่ายนมมากๆ ทั้งซูม ทั้งโครสอัพ ทำให้ความเซ็กซี่หายไปหมด
(อะไรที่มันดูจงใจโป๊เกินไป ก็ทำให้คนดูหมดความตื่นเต้นได้ง่ายๆอยู่นะ)
สรุป
ไม่บอกหรอกว่า “หนังดี หรือ ไม่ดี” แต่อยากให้ตัดสินกันเอง
1. ถ้าคุณต้องการดูหนังคัลล์ทุนน้อยๆ ที่เน้นฉากฆ่า ฉากตาย เน้นฉากโป๊ เลือดสาด
ไม่สนใจเหตุผล ไม่สนใจความสมจริง ไม่สนใจขนาดของโปรดักชั่น ไม่สนใจแอ็คติ้ง
นี่เป็นหนังที่คุณสามารถดูได้อย่างสนุก เพลินๆ เหมือนตอนดูหนังคัลล์ของญี่ปุ่นน่ะ
2. แต่ถ้าคุณต้องการดูหนังสยองที่มีทุนสร้างดีๆ โปรดักชั่นดีๆ แอ็คติ้งไม่ขี้เหล่ เนื้อเรื่องดี
เน้นความสมจริง มีเหตุมีผล ฯลฯ นี่จะเป็นหนังที่คุณอาจรู้สึกเฉยๆ จนถึงขั้นเกลียดก็ได้
ในความเห็นส่วนตัว หนังเรื่องนี้ไม่ได้แรงอย่างที่คิดเลย ได้เรท ฉ20 มันเยอะเกินไป
ความจริงแล้วให้แค่เรท 18+ ก็พอแล้ว (โดยไม่ต้องตัดฉากโป๊ฉากไหนออกด้วยซ้ำ)
วิจารณ์
1.งานสร้าง
ดูออกทันทีเลยว่า หนังได้ทุนสร้างน้อยมาก น้อยกว่าภาคแรกมาก (ย้ำว่า "มาก")
ขณะที่ภาคแรก เราได้เห็นภาพกว้างๆ เห็นทิวทิศน์กว้างใหญ่สวยงาม เห็นตัวประกอบเป็นร้อยเป็นพันเต็มฉาก
ภาคสองนี่ เห็นแต่ภาพแคบๆเป็นส่วนใหญ่ มุมกล้องก็แคบ แทบไม่มีภาพกว้างๆที่โชว์ทิวทัศน์เหมือนภาคแรก
แถมครึ่งเรื่องยังเป็นฉากตอนกลางคืนอีกต่างหาก สวนน้ำก็ยังดูเล็กๆ แคบๆ ผิดคาด ตัวประกอบก็น้อยเอามากๆ
เกือบค่อนเรื่อง แทบจะเห็นตัวละครแค่ 2 – 4 ตัว แถมแต่ละฉากก็มีตัวละครเล่นไม่เกิน 2 - 4 ตัว ไร้ตัวประกอบ
จนปาเข้าไปท้ายเรื่องนั่นแหละ ถึงได้เห็นตัวประกอบเยอะหน่อย แต่ก็มีจำนวนน้อยมาก แค่ 1 ใน 4 ของภาคแรก
2. เนื้อเรื่อง
ภาคแรก ว่าไม่ค่อยมีเนื้อเรื่องแล้ว แต่ภาคสองนี่ แทบไม่มีเนื้อเรื่องยิ่งกว่า
เหมือนผู้กำกับรู้ว่า คนที่มาดูหนังภาคนี้ คงหวังดูแค่ปลากับนม ก็เลยแทบไม่สนใจเนื้อเรื่อง
ก็เลยไม่ได้วางเนื้อเรื่องนัก (แต่เนื้อเรื่องก็น้อยซะจนเบาโหวง จนน่าตกใจอยู่เหมือนกันนะ)
ความแตกต่างจากภาคแรกมากๆคือ ภาคสองนี้ เนื้อเรื่องมันดูเหมือน “การ์ตูนตลก” มากกว่า
ทุกสิ่งในภาคนี้ ล้วนแปลก หลุดโลก แทบไม่มีอะไรที่อยู่บนพื้นฐานบนโลกแห่งความจริงเลย
ต่างจากภาคแรก ที่พยายามทำให้คนดูเชื่อ ว่าสิ่งที่เห็นในหนัง สามารถเกิดขึ้นได้ในความจริง
ตัวละครทุกตัว พร้อมที่จะทำอะไรตลกๆ ที่ไม่ถูกที่ ไม่ถูกเวลา ไม่ถูกจังหวะ ไม่ถูกสถานการณ์
ตลอดการชมหนังภาคสองนี้ คุณจะอุทานว่า “เฮ้ย ทำไมทำแบบนี้ คนธรรมดาที่ไหนเขาทำกัน”
3. ตัวละคร
ในภาคแรกนั้น ตัวละครทุกตัวอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ดูแล้วเชื่อว่าเป็นมนุษย์จริงๆ
แม้แต่ตัวฮาๆ (อย่างพวกแก๊งถ่ายหนังโป๊) ก็ยังฮาแบบอยู่ในกรอบของโลกแห่งความจริง
แต่ภาคสองนี้ ตัวละครทุกตัวเหมือนตัวการ์ตูน ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของมนุษย์จริงๆเลย
ทุกคนมีคาแรกเตอร์ที่โอเว่อร์ หลุดโลกกันหมด เหมือนเอาคน “สติไม่เต็ม” มารวมๆกัน
แม้แต่ตัวละครที่มาจากภาคแรก พอมาอยู่ในภาคสอง ก็โดนปรับคาแรกเตอร์ใหม่หมด
จากตัวละครที่ดูจริงจังๆในภาคแรก ก็กลายเป็นตัวละครนิสัยบ๊องๆในภาคสองกันหมด
อ้อ! เดวิด ฮัลเซลฮอฟ ที่ถูกนำมาโปรโมทตามสื่อต่างๆ ของหนังเรื่องนี้มากมาย
จริงๆแล้วโผล่ในหนังน้อยมากนะ แทบไม่มีบทบาทอะไรกับหนังเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
กว่าพี่แกจะโผล่หน้ามา ก็ปาเข้าไปค่อนเรื่องแล้ว แถมมุขล้อตัวเอง ก็ดูจะแป๊กๆนะ
4. ฉากตาย
ภาคแรก มีการครีเอทฉากการตายดีกว่ามาก และสมจริง จริงจังกว่าภาคสองมาก
ภาคสอง เป็นการตายในแบบโอเว่อร์ เหมือนการ์ตูน เหมือนหนังคัลล์ของญี่ปุ่น!?
ทุกอย่างดูเกินจริง ผิดธรรมชาติ ผิดปกติ เน้นเอาฮา เอามันส์ เพียงอย่างเดียวนะ
แต่สิ่งที่สูญเสียไปคือ ทำให้ทุกอย่างดู “หลอกๆ ปลอมๆ” ไม่ทำให้รู้สึกสมจริงเลย
แขนปลอม ขาปลอม ลอยน้ำกันให้วุ่นไปหมด ตัวละครก็เล่นกับศพกันหนุกหนาน
ภาคแรก ทำให้เรารู้สึกหวาดกลัว ช็อค ลุ้นระทึกใจ กับฉากคนถูกปิรันย่ากิน
แต่ภาคสอง ทำให้เรารู้สึกอี๋ๆ แหวะๆ แต่ไม่กลัว ไม่ช็อค ไม่รู้สึกลุ้นระทึกเลย
เพราะมันเล่นกันเว่อร์ ซะจนไม่รู้สึกเชื่อว่าเป็น “ของจริง” ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว
5. ฉากโป๊
ภาคแรก แม้ลามก แต่ก็มีการจัดวางมุมกล้องที่ดี จัดแสงสวยๆ ในฉากโป๊
ฉากเปลือยในภาคแรกจึงสวยงาม (บวกกับทิวทัศน์) ทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ
แต่ภาคสอง มุมกล้องและการจัดแสงไม่สวยเลย เหมือนหนัง AV ไม่มีผิด
แถมจงใจถ่ายนมมากๆ ทั้งซูม ทั้งโครสอัพ ทำให้ความเซ็กซี่หายไปหมด
(อะไรที่มันดูจงใจโป๊เกินไป ก็ทำให้คนดูหมดความตื่นเต้นได้ง่ายๆอยู่นะ)
สรุป
ไม่บอกหรอกว่า “หนังดี หรือ ไม่ดี” แต่อยากให้ตัดสินกันเอง
1. ถ้าคุณต้องการดูหนังคัลล์ทุนน้อยๆ ที่เน้นฉากฆ่า ฉากตาย เน้นฉากโป๊ เลือดสาด
ไม่สนใจเหตุผล ไม่สนใจความสมจริง ไม่สนใจขนาดของโปรดักชั่น ไม่สนใจแอ็คติ้ง
นี่เป็นหนังที่คุณสามารถดูได้อย่างสนุก เพลินๆ เหมือนตอนดูหนังคัลล์ของญี่ปุ่นน่ะ
2. แต่ถ้าคุณต้องการดูหนังสยองที่มีทุนสร้างดีๆ โปรดักชั่นดีๆ แอ็คติ้งไม่ขี้เหล่ เนื้อเรื่องดี
เน้นความสมจริง มีเหตุมีผล ฯลฯ นี่จะเป็นหนังที่คุณอาจรู้สึกเฉยๆ จนถึงขั้นเกลียดก็ได้

Replies (12)
ปล. ไม่เชิงสปอยล์
หนังมีฉากทิ้งท้ายก่อนจบ เหมือนกับภาคแรก แต่เกรียนกว่า กวนตีนกว่า
ภาคแรก ทิ้งท้ายว่า เจ้าปิรันย่าทั้งหลาย จริงๆแล้วยังเป็นตัวขนาดไม่เต็มวัย
ภาคสอง ก็มีทิ้งท้ายเกี่ยวกับเจ้าปิรันย่าเช่นกัน (ไปดูกันเอง ว่าคืออะไร อิอิ)
หนังมีฉากทิ้งท้ายก่อนจบ เหมือนกับภาคแรก แต่เกรียนกว่า กวนตีนกว่า
ภาคแรก ทิ้งท้ายว่า เจ้าปิรันย่าทั้งหลาย จริงๆแล้วยังเป็นตัวขนาดไม่เต็มวัย
ภาคสอง ก็มีทิ้งท้ายเกี่ยวกับเจ้าปิรันย่าเช่นกัน (ไปดูกันเอง ว่าคืออะไร อิอิ)
ถ้าเต็ม 10 จขกท.ให้ซักเท่าไหร่ดีครับ
ยังชอบภาคเเรกไม่หาย เเต่ดูจากภาค 2 เเล้ว อื้ม .. จะเสี่ยงดูไหมนะ 5555+
ยังชอบภาคเเรกไม่หาย เเต่ดูจากภาค 2 เเล้ว อื้ม .. จะเสี่ยงดูไหมนะ 5555+
ไม่กล้าให้คะแนนฮะ
เพราะเพื่อนๆบางคนใน horror club อาจจะชอบที่หนังเป็นแบบนี้ก็ได้
เอาเป็นว่า ภาคสองนี่ เหมือนหนังคนละม้วน คนละตระกูลกับภาคแรกเลย
จริงๆก็คาดไว้แล้ว ตั้งแต่รู้ว่าเป็นผู้กำกับคนเดียวกับหนังเรื่อง Feast 1 - 3 แล้วล่ะ
แต่ไม่คิดว่า พี่แกจะทำ piranha ออกมาให้กลายเป็น "หนังของตัวเอง" ขนาดนี้
คิดว่าคุณน่าจะดูหนังเรื่องนี้ได้สนุก ถ้าเอา "ตรรกะเหตุผล" ออกไปจากหัวให้หมด
หรือพยายามทำเป็นลืมไปว่าหนังเรื่องนี้เคยมี "ภาคแรก" เพราะภาคแรกทำไว้ดีมาก
สำหรับตัวข้าพเจ้าที่ชอบภาคแรกมากๆ ถึงขนาดซื้อ dvd มาเก็บขึ้นหิ้ง
เลยมีความรู้สึกต่อต้านและรับหนังภาคสองนี้ไม่ได้เลย สงสารคนทำภาคแรก
ลองอ่านกระทู้ใน pantip ที่มีคนไปดูมาแล้วเหมือนกันก็ได้
ทุกคนวิจารณ์ตรงกันหมดเลย แบบว่า คดีไม่มีพลิกกันเลยล่ะ
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12175310/A12175310.html
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12166583/A12166583.html
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=nanatakara&month=03-06-2012&group=19&gblog=126
เพราะเพื่อนๆบางคนใน horror club อาจจะชอบที่หนังเป็นแบบนี้ก็ได้
เอาเป็นว่า ภาคสองนี่ เหมือนหนังคนละม้วน คนละตระกูลกับภาคแรกเลย
จริงๆก็คาดไว้แล้ว ตั้งแต่รู้ว่าเป็นผู้กำกับคนเดียวกับหนังเรื่อง Feast 1 - 3 แล้วล่ะ
แต่ไม่คิดว่า พี่แกจะทำ piranha ออกมาให้กลายเป็น "หนังของตัวเอง" ขนาดนี้
คิดว่าคุณน่าจะดูหนังเรื่องนี้ได้สนุก ถ้าเอา "ตรรกะเหตุผล" ออกไปจากหัวให้หมด
หรือพยายามทำเป็นลืมไปว่าหนังเรื่องนี้เคยมี "ภาคแรก" เพราะภาคแรกทำไว้ดีมาก
สำหรับตัวข้าพเจ้าที่ชอบภาคแรกมากๆ ถึงขนาดซื้อ dvd มาเก็บขึ้นหิ้ง
เลยมีความรู้สึกต่อต้านและรับหนังภาคสองนี้ไม่ได้เลย สงสารคนทำภาคแรก
ลองอ่านกระทู้ใน pantip ที่มีคนไปดูมาแล้วเหมือนกันก็ได้
ทุกคนวิจารณ์ตรงกันหมดเลย แบบว่า คดีไม่มีพลิกกันเลยล่ะ
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12175310/A12175310.html
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12166583/A12166583.html
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=nanatakara&month=03-06-2012&group=19&gblog=126
แก้ไขล่าสุด: 3/6/2555 17:13 โดย demonbug1
ไปดูมาเมื่อวานเหมือนกัน
แต่ก่อนที่จะพูดถึงหนัง เราค่อนข้างงงกับระบบการฉายนะ
คือรอบพิเศษ
31 พ.ค. - 13 มิ.ย. ที่ใช้จุดขายมาโปรโมตว่า จะฉายแบบฉบับ uncut/uncen ให้ดูแบบเต็มๆ (ฉบับเต็มๆคุณจะได้เห็นฉากเปลือยเต็มๆของตัวประกอบสาว จุดสุดยอดคือ ฉากเปลือย full frontal นมจิ๋มแบบเต็มๆ) แต่กลับกลายเป็นว่าหนังฉบับที่ฉายนี้ ดันกลายเป็นฉบับ 2 มิติ ฮ่ะ!!!!
ซึ่งนั้นหมายความว่าคนไทยจะได้ดูหนังฉบับสามมิติที่จะฉายรอบปกติตั้งแต่วันที่ 14 เป็นฉบับ censor/cut แล้วนั้นเอง
เอ้ากรรม อะไรว้าาาา ฉายแบบเต็มๆก็ดันเอาของสองมิติไม่มีลึกโหนกนูน ครั้นเป็นสามมิติก็ดันเอาแบบตัดแล้วมาให้ดู แย่จิงๆ
พูดถึงตัวหนังบ้าง เราไม่ค่อยคาดหวังนะ ซึ่งต่างจากภาคแรกที่คาดหวังไว้สูง เหตุเพราะก็อยู่ที่ผกก. นั้นแหละ alexander aja มีเครดิตที่ดีมากๆจาก haute tension และถึงแม้ hills have eyes จะไม่ได้รับคำชมยวดยิ่ง แต่มันก็ยังอยู่ในเกณฑ์น่าประทับใจ ฉะนั้นเมื่อเค้าทำหนังภาคแรก เราเลยคาดหวังความสนุกและความโหดเต็มที่ และเราก้ได้รับมันไป
แต่พอภาคสอง ผกก.อย่าง John Gulager ซึ่งเรายี้แหวะมากๆจากหนัง Feast 2-3 (ไม่ได้ดูภาคแรก แต่สองภาคหลังก็ทำเอาเราอยากขับ BMX พุ่งใส่ทีวีทันทีหลังดูจบ)

เหตุผลที่เราไม่ชอบ feast 2-3 ไม่ใช่เพราะมันแหวะ มันต่ำ มันบ้า หนังหลายเรื่องเป็นหนังสารเลวด้วยเนื้อหาและท่าทางอันเถื่อนถ่อย แต่สามารถชนะใจนักวิจารณ์ และคนดูหนังเพราะมันเปรี้ยวเก๋และมีกึ๋น ไม่ต้องยกตัวอย่างให้มากความ หรือย้อนไปไกล เอาใกล้ๆก็ PIRANHA 3D นั้นแหละ มันเป็นหนังชั้นต่ำที่มีคลาส และมีรสนิยมที่จะทำให้คนดูจดจำและพูดถึง
งานของ John Gulager เป็นเพียงแค่การแถกขยายพล๊อตเรื่องที่มีอยู่กระจิดริด แต่โถมด้วยการขนมุกมาต่อๆกัน จนมันมีสภาพไม่ต่างจากหนังตลกตีหัวเข้าบ้าน หรือหนังตลกไทยที่คนด่าๆกัน จำพวกเอามุกมาต่อกันเป็นฉาก ฉาก ฉาก ซึ่งไม่ขับเคลื่อนหนัง และไม่ส่งผลอะไรกับเรื่อง นอกจากโชว์เกรียนไปจนจบ... ซึ่งถามว่าไอ้มุก หรือธาตุประกอบความแปลกวิตถารเหล่านั้นทำให้หนังสนุกไหม ก็มีบ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด มันก็เหมือนเรามาดูโชว์ที่คนจัดพยายามยัดเยียดทุกอย่างจนมากเกินพอดีนั้นแหละ มันอาจจะมีบางอันที่เออใช่ว่ะ อยากยกนิ้ว แต่สุดท้ายแล้ว เราจะเกิดคำถามว่า แล้วเมื่อไรมันจะพอ ในเมื่อมุกที่เหลือมันแป้กๆๆๆ
การทำหนังอย่างฉูดฉาดด้วยองค์ประกอบความเพี้ยนแบบนี้ หากทำได้ถูกใจคนดูก็รอดตัวไป แต่หากไม่แล้วคนดูก็จะเริ่มรู้สึกว่าคนทำไม่มีกึ๋น เพราะเราจะจับความพิรุธได้ไงว่า "ที่มึงเอามุกมานั่งเรียงไปเรื่อยๆเนี้ย เพราะมึงไม่รู้จะเล่าเรื่องต่อยังไงใช่ไหม" สุดท้ายหนังก็สเปะสะปะและออกทะเล ออกอวกาศไปในที่สุด (คือมันก็ให้ความรู้สึกแบบเดียวกับหนังพจน์ อานนท์ นั้นแหละ เพียงแต่เราอาจจะขำหนังพจน์ อานนท์ มากกว่า เกทมากกว่า ซึ่งอันนี้ส่วนนึงก็มาจากเราเป็นคนเชื้อชาติเดียวกับผกก. พจน์ มันเลยต่อกันติด ขึ้นหิ้งกันไป)
ซึ่งการจะไปเปรียบกับหนังสัตว์ประหลาดแผงวีซีดี จำพวกหนังค่าย syfy หรือหนัง roger corman ยังดูไม่เหมาะสม เพราะหนังพวกนั้นแม้มันจะเกินจริงไปบ้าง (ก็แน่ล่ะ สัตว์ประหลาดพันธุ์ผสม มันมีจริงที่ไหน) แต่การเล่าเรื่อง แอ๊คชั่นต่างๆมันก็ยังดำเนินไปอย่างเป็นเหตุเป็นผลแบบหนังแอ๊คชั่นทั่วไป เพียงแต่แค่หนังมันทุนต่ำกว่าเท่านั้นแหละ เลยออกมาดูงกๆเงิ่นๆ


ถ้าจะเอาวิถีของผกก.รายนี้ไปเปรียบก็น่าจะเหมาะกับหนังคัลท์ญี่ปุ่นกลุ่ม Fundoshi Corps ที่มีสามหัวหอก Yoshihiro Nishimura / Noboru Iguchi / Yukihiko Yamaguchi คอยสร้างงานคัลท์เสื่อมเลือดพล่านผสมพันธุ์แอ๊คชั่น ซอมบี้ จักรกล เอวี ออกมา จำพวก Tokyo Gore Police / The Machine Girl / Robo-Geisha อะไรพวกนั้นนะแหละ จึงจะเหมาะสม
ฉะนั้นเมื่อพิจารณาจากความเสื่อมทรามของผลงานในอดีต เราจึงไม่คาดหวังความดีงามจาก ปิรัณญ่า ๓ดด เลย แต่เราก็คาดหวังอย่างเดียวคือ ขอความ spectacle ในแบบ sick/weirdo ก็พอ ไหนๆอยากวิตภารแล้วก็ถาโถมมาเถอะ แล้วทีนี้พอมองไปที่เนื้อเรื่องมันก็น่าจะเป็นการเลือกผกก. มาลงสนามได้ถูกแมตซ์ เพราะพล๊อตว่าด้วยปิรัณญ่าบุกสวนน้ำ น่าจะเป็นพื้นที่แห่งความหรรษาที่ละเลงด้วยเลือดและนมอย่างเต็มที่ เป็นดั่งสนามเด็กเล่นกว้างใหญ่ อุปกรณ์เครื่องเล่นครบครัย ให้เด็กเกรียนๆไปแสดงออกเต็มที่

แต่ทีนี้จะยังไงดีล่ะ มันผิดหวังนะ ที่ฉากการสังหารหมู่ในสวนน้ำ ไม่มีความน่าตื่นตาตื่นใจเลยสักนิด ไม่ประทับใจ ไม่พิเศษ ไม่โดดเด่น ผกก.น่าจะสามารถใช้ฟังค์ชั่นหรือประโยชน์ใช้สอยของสวนน้ำได้มากกว่านี้ ในการหาพื้นที่การหลบหนี ระดับชั้นของเครื่องเล่นในการต่อยตี หรือความแฟนตาซีของสถาปัตยกรรมสวนน้ำในการสร้างความตื่นตาตื่นใจให้คนได้ตื่นตะลึง คือมองเผินฉากหนีตายในสวนน้ำ ไม่ได้ต่างจากการเล่นสงกรานต์ในข้าวสารเลย แค่มีเลือดมาเจือปน ซึ่งดูเหมือนว่าผู้สร้างคงรู้สึกยากเกินที่จะดีไซน์ หนังเลยมักง่ายด้ารสร้างความตื่นตะลึงด้วยการจับผู้หญิงมาแก้ผ้าแทนนั้นแหละ ง่ายดีไม่ต้องใช้หัวคิดมาก!
ซึ่งเมื่อเทียบกับหนังภาคที่แล้ว เราจะพบเลยว่าฉากสังหารหมู่กลางทะเลสาปวิคตอเรีย แบ๊คแฮมส์ มันเลือดเดือดแซ่บหรรษามากๆ ทั้งที่ทะเลสาปไม่น่าจะมีฟังค์ชั่นในการใช้สอยได้เยอะ (ณ จุดๆนี้ นายจอนห์ 3DD ควรปรึกษา ฝ่ายครีเอทีฟ หนังชุด โกงความตาย อาจจะได้คำแนะนำในการสร้างฉากตายที่ดี)
โอเค เราไม่ฟินกับฉากสวนน้ำ แต่น่าแปลกนะที่ฉากยิบย่อยๆช่วงต้นเรื่อง ก่อนจะเกิดการสังหารหมู่ มันดูดีและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นฉากปิรัณญ่าบุกรถแบนด์วากอน หรือฉากกลีบเขมือบ ฉากล้อเลียนปิรัณญ่าในอ่างน้ำที่ล้อเลียนหนังเรื่องเฟรดดี้ภาคแรก ฉากปิรัณญ่าบุกท่าน้ำ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่สร้างความระทึกได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งก็น่าเสียดายที่มันโผล่มาเป็นฉากๆแล้วก็หายไป มิอาจนำพาไปยังฉากใหญ่ที่ควรจะกระทุ้งจุดคริสตอริสของหนังได้เลย
และอีกครั้งที่หนังไม่สามารถทำได้เทียบเท่าภาคแรก ก็อย่างการกำจัดปิรัณญ่า คือในภาคแรกมันยังดูกดดัน และต้องใช้สมองคิดมากกว่านี้ แต่ภาคนี้ไม่เลย ทุกอย่างง่ายมาก ง่ายจนเราไม่รู้สึกว่าหนังระทึกเลย ภาคสองแก้ปัญหาด้วยเพียงการเปิดที่สูบน้ำ ดูดปิรัณญ่าออกไป แค่เนี้ยะ!
ในเรื่องความสมเหตุสมผล ตัดไปได้เลย อันนี้แฟนหนังรู้กัน อย่าไปคิดมาก ในจุดนี้เราเลยเอนจอยไปกับหนังได้ ปิรัณญ่าในหนังมันก็ไม่ใช่ปลาแล้ว แต่พละกำลังมันแทบจะเป็นชาละวัน หรือฉลามวาฬย่อมๆ คือถ้ามึงว่ายกระแทกแผ่นไม้หลุดจากตะปูได้ หรือชนโลหะเป็นรูได้แบบนั้น ถ้ามนุษย์ไม่พิจารณาถึงประสิทธิภาพของวัสดุก่อสร้าง ก็สมควรจะลงไปกราบปลาพวกนี้แล้วเชิญมันมาวิจัยพัฒนาเป็นอาวุธสงครามได้แล้ว
ในส่วนการกระทำของตัวละครโง่ๆ ทะลึ่งๆ ควายๆ ซกมก ก็ล้วนแล้วแต่เป็น stereotype ของหนัง horror/cult -slapstick ตลกเจ็บตัว คือถ้าจะไปหวังเรื่องมนุษยธรรม หรือการให้ความเคารพที่จะไม่ล้อเลียนเชื้อชาติคน (คนเม็กซิกันซกมก) หรือการเหยียดเพศเช่นเอาผู้หญิงมาเป็นวัตถุทางเพศ ถ้าจะหวังแบบนี้ ไม่ควรดูแต่แรกดีกว่า เพราะหนังมันก็เหมือนปลิ้นแคมมารองขาโต๊ะตั้งแต่หน้าหนังเทรลเลอร์แล้ว เราก็รู้กัน
แต่จุดนึงที่ชอบนะ
1. เราชอบตัวละครเอกของภาคนี้ มากกว่าภาคที่แล้ว เราว่าไอ้sub-plot เรื่องความรักของพระเอก นางเอก หรือการแอบชอบอีกฝ่ายในหนัง น่ารักดี พระเอกก็จะดูเป็น loser หน่อยๆ เราก็แอบเชียร์ให้เค้าสมหวังกัน หรือตัวละครอื่นๆมันก็มีเสน่ห์ในความโง่ของมัน เช่น อีสาวแรดเงียบที่ชอบบีบน้ำตาคิดถึงเพื่อน แต่ก็อิจฉาเพื่อนในเวลาเดียวกัน เพราะเพื่อนแย่งผัวตัวเองไป 11 คน
2. เราชอบตัวละคร 3 ตัวในหนัง คือมันเป็นตัวแทนของคนปัจจุบันที่โหยหาความสำเร็จในอดีต หรือพยายามจะล้อเลียนกับอดีตตัวเอง ตัวละครที่ว่าก็คือ David Hasselhoff ที่มารับบทเป็นตัวเอง ดาราหนุ่มใหญ่ ที่อิงแอบกับอดีตวัยหวานของตนเองในฐานะพ่อหนุ่มมาดแมนเสน่ห์ล้นในซีรี่ย์ฮิต Baywatch และ Dark Knight ซึ่งปัจจุบันด้วยสภาพย่อมเป็นพี่น้องสมบัติ เมทะนี หรือฤทธิ์ ลือชา ก็ทำให้เจ้าตัวถอดใจและได้แต่ฝันว่าสักวันเหอะ จะกลับมายิ่งใหญ่แบบเดิมให้ได้ แต่ขอให้วิ่ง 100 เมตร แล้วไม่หอบก่อนก็พอ
หรือ Ving Rhames กับบทไลฟ์การ์ดขาพิการที่ถูกปลานรกกินขาไปในภาคแรก มาในภาคสองตัวละครเค้าพยายามจะกลับลงไปสัมผัสผืนน้ำให้ได้ เอาชนะความกลัวของตัวเองที่ถูกกัดกินจากอดีตอันโชกเลือด
หรือ Christopher Lloyd กับบทศาสตร์จารย์สติเฟื่อง ที่ก็เหมือนมาล้อเลียนบทดังในอดีตของตัวเองใน Back to the Future
โดยสรุป ปิรัณญ่า 3DD เป็นหนังพร้อมจะเลวร้าย ถ้าเราเข้าไปดูแบบไม่ตั้งสติ และไม่รู้ตัว แต่หากเราพร้อมรับเผชิญความติ๊งต๊องได้ เราก็สามารถพอจะสนุกไปหนังได้แบบไม่ต้องรู้สึกเสียดายเงินมาก (แต่อาจจะเสียดายถ้าสุดท้ายไม่ได้ดูจิ๋มสามมิติ) ปิรัณญ่า3DD เป็นหนังรุ่นน้องที่มองความสำเร็จจากรุ่นพี่มาแล้ว และก็ทำลิตส์รายชื่อว่าจะต้องเตรียมอะไรมาบ้าง จากนั้นก็ติ๊กถูกว่าใส่มาแล้วครบ แต่ผลที่ได้คือ ครบถ้วนแต่ไร้ใจความสำคัญ อาจสรุปแบบเศร้าสร้อยว่าสิ่งเดียวที่มีมากกว่าภาคแรกคือขนาดหน้าอกและซิโคลนจอมปลอมนั้นเอง

ป.ล. หนังจบแล้ว ถ้าไม่ปวดฉี่ ก็นั่งดูต่อสักหน่อย มีเบื้องหลังการถ่ายทำ ขำบ้างไม่ขำบ้าง
แต่ก่อนที่จะพูดถึงหนัง เราค่อนข้างงงกับระบบการฉายนะ
คือรอบพิเศษ
31 พ.ค. - 13 มิ.ย. ที่ใช้จุดขายมาโปรโมตว่า จะฉายแบบฉบับ uncut/uncen ให้ดูแบบเต็มๆ (ฉบับเต็มๆคุณจะได้เห็นฉากเปลือยเต็มๆของตัวประกอบสาว จุดสุดยอดคือ ฉากเปลือย full frontal นมจิ๋มแบบเต็มๆ) แต่กลับกลายเป็นว่าหนังฉบับที่ฉายนี้ ดันกลายเป็นฉบับ 2 มิติ ฮ่ะ!!!!
ซึ่งนั้นหมายความว่าคนไทยจะได้ดูหนังฉบับสามมิติที่จะฉายรอบปกติตั้งแต่วันที่ 14 เป็นฉบับ censor/cut แล้วนั้นเอง
เอ้ากรรม อะไรว้าาาา ฉายแบบเต็มๆก็ดันเอาของสองมิติไม่มีลึกโหนกนูน ครั้นเป็นสามมิติก็ดันเอาแบบตัดแล้วมาให้ดู แย่จิงๆ
พูดถึงตัวหนังบ้าง เราไม่ค่อยคาดหวังนะ ซึ่งต่างจากภาคแรกที่คาดหวังไว้สูง เหตุเพราะก็อยู่ที่ผกก. นั้นแหละ alexander aja มีเครดิตที่ดีมากๆจาก haute tension และถึงแม้ hills have eyes จะไม่ได้รับคำชมยวดยิ่ง แต่มันก็ยังอยู่ในเกณฑ์น่าประทับใจ ฉะนั้นเมื่อเค้าทำหนังภาคแรก เราเลยคาดหวังความสนุกและความโหดเต็มที่ และเราก้ได้รับมันไป
แต่พอภาคสอง ผกก.อย่าง John Gulager ซึ่งเรายี้แหวะมากๆจากหนัง Feast 2-3 (ไม่ได้ดูภาคแรก แต่สองภาคหลังก็ทำเอาเราอยากขับ BMX พุ่งใส่ทีวีทันทีหลังดูจบ)

เหตุผลที่เราไม่ชอบ feast 2-3 ไม่ใช่เพราะมันแหวะ มันต่ำ มันบ้า หนังหลายเรื่องเป็นหนังสารเลวด้วยเนื้อหาและท่าทางอันเถื่อนถ่อย แต่สามารถชนะใจนักวิจารณ์ และคนดูหนังเพราะมันเปรี้ยวเก๋และมีกึ๋น ไม่ต้องยกตัวอย่างให้มากความ หรือย้อนไปไกล เอาใกล้ๆก็ PIRANHA 3D นั้นแหละ มันเป็นหนังชั้นต่ำที่มีคลาส และมีรสนิยมที่จะทำให้คนดูจดจำและพูดถึง
งานของ John Gulager เป็นเพียงแค่การแถกขยายพล๊อตเรื่องที่มีอยู่กระจิดริด แต่โถมด้วยการขนมุกมาต่อๆกัน จนมันมีสภาพไม่ต่างจากหนังตลกตีหัวเข้าบ้าน หรือหนังตลกไทยที่คนด่าๆกัน จำพวกเอามุกมาต่อกันเป็นฉาก ฉาก ฉาก ซึ่งไม่ขับเคลื่อนหนัง และไม่ส่งผลอะไรกับเรื่อง นอกจากโชว์เกรียนไปจนจบ... ซึ่งถามว่าไอ้มุก หรือธาตุประกอบความแปลกวิตถารเหล่านั้นทำให้หนังสนุกไหม ก็มีบ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด มันก็เหมือนเรามาดูโชว์ที่คนจัดพยายามยัดเยียดทุกอย่างจนมากเกินพอดีนั้นแหละ มันอาจจะมีบางอันที่เออใช่ว่ะ อยากยกนิ้ว แต่สุดท้ายแล้ว เราจะเกิดคำถามว่า แล้วเมื่อไรมันจะพอ ในเมื่อมุกที่เหลือมันแป้กๆๆๆ
การทำหนังอย่างฉูดฉาดด้วยองค์ประกอบความเพี้ยนแบบนี้ หากทำได้ถูกใจคนดูก็รอดตัวไป แต่หากไม่แล้วคนดูก็จะเริ่มรู้สึกว่าคนทำไม่มีกึ๋น เพราะเราจะจับความพิรุธได้ไงว่า "ที่มึงเอามุกมานั่งเรียงไปเรื่อยๆเนี้ย เพราะมึงไม่รู้จะเล่าเรื่องต่อยังไงใช่ไหม" สุดท้ายหนังก็สเปะสะปะและออกทะเล ออกอวกาศไปในที่สุด (คือมันก็ให้ความรู้สึกแบบเดียวกับหนังพจน์ อานนท์ นั้นแหละ เพียงแต่เราอาจจะขำหนังพจน์ อานนท์ มากกว่า เกทมากกว่า ซึ่งอันนี้ส่วนนึงก็มาจากเราเป็นคนเชื้อชาติเดียวกับผกก. พจน์ มันเลยต่อกันติด ขึ้นหิ้งกันไป)
ซึ่งการจะไปเปรียบกับหนังสัตว์ประหลาดแผงวีซีดี จำพวกหนังค่าย syfy หรือหนัง roger corman ยังดูไม่เหมาะสม เพราะหนังพวกนั้นแม้มันจะเกินจริงไปบ้าง (ก็แน่ล่ะ สัตว์ประหลาดพันธุ์ผสม มันมีจริงที่ไหน) แต่การเล่าเรื่อง แอ๊คชั่นต่างๆมันก็ยังดำเนินไปอย่างเป็นเหตุเป็นผลแบบหนังแอ๊คชั่นทั่วไป เพียงแต่แค่หนังมันทุนต่ำกว่าเท่านั้นแหละ เลยออกมาดูงกๆเงิ่นๆ


ถ้าจะเอาวิถีของผกก.รายนี้ไปเปรียบก็น่าจะเหมาะกับหนังคัลท์ญี่ปุ่นกลุ่ม Fundoshi Corps ที่มีสามหัวหอก Yoshihiro Nishimura / Noboru Iguchi / Yukihiko Yamaguchi คอยสร้างงานคัลท์เสื่อมเลือดพล่านผสมพันธุ์แอ๊คชั่น ซอมบี้ จักรกล เอวี ออกมา จำพวก Tokyo Gore Police / The Machine Girl / Robo-Geisha อะไรพวกนั้นนะแหละ จึงจะเหมาะสม
ฉะนั้นเมื่อพิจารณาจากความเสื่อมทรามของผลงานในอดีต เราจึงไม่คาดหวังความดีงามจาก ปิรัณญ่า ๓ดด เลย แต่เราก็คาดหวังอย่างเดียวคือ ขอความ spectacle ในแบบ sick/weirdo ก็พอ ไหนๆอยากวิตภารแล้วก็ถาโถมมาเถอะ แล้วทีนี้พอมองไปที่เนื้อเรื่องมันก็น่าจะเป็นการเลือกผกก. มาลงสนามได้ถูกแมตซ์ เพราะพล๊อตว่าด้วยปิรัณญ่าบุกสวนน้ำ น่าจะเป็นพื้นที่แห่งความหรรษาที่ละเลงด้วยเลือดและนมอย่างเต็มที่ เป็นดั่งสนามเด็กเล่นกว้างใหญ่ อุปกรณ์เครื่องเล่นครบครัย ให้เด็กเกรียนๆไปแสดงออกเต็มที่

แต่ทีนี้จะยังไงดีล่ะ มันผิดหวังนะ ที่ฉากการสังหารหมู่ในสวนน้ำ ไม่มีความน่าตื่นตาตื่นใจเลยสักนิด ไม่ประทับใจ ไม่พิเศษ ไม่โดดเด่น ผกก.น่าจะสามารถใช้ฟังค์ชั่นหรือประโยชน์ใช้สอยของสวนน้ำได้มากกว่านี้ ในการหาพื้นที่การหลบหนี ระดับชั้นของเครื่องเล่นในการต่อยตี หรือความแฟนตาซีของสถาปัตยกรรมสวนน้ำในการสร้างความตื่นตาตื่นใจให้คนได้ตื่นตะลึง คือมองเผินฉากหนีตายในสวนน้ำ ไม่ได้ต่างจากการเล่นสงกรานต์ในข้าวสารเลย แค่มีเลือดมาเจือปน ซึ่งดูเหมือนว่าผู้สร้างคงรู้สึกยากเกินที่จะดีไซน์ หนังเลยมักง่ายด้ารสร้างความตื่นตะลึงด้วยการจับผู้หญิงมาแก้ผ้าแทนนั้นแหละ ง่ายดีไม่ต้องใช้หัวคิดมาก!
ซึ่งเมื่อเทียบกับหนังภาคที่แล้ว เราจะพบเลยว่าฉากสังหารหมู่กลางทะเลสาปวิคตอเรีย แบ๊คแฮมส์ มันเลือดเดือดแซ่บหรรษามากๆ ทั้งที่ทะเลสาปไม่น่าจะมีฟังค์ชั่นในการใช้สอยได้เยอะ (ณ จุดๆนี้ นายจอนห์ 3DD ควรปรึกษา ฝ่ายครีเอทีฟ หนังชุด โกงความตาย อาจจะได้คำแนะนำในการสร้างฉากตายที่ดี)
โอเค เราไม่ฟินกับฉากสวนน้ำ แต่น่าแปลกนะที่ฉากยิบย่อยๆช่วงต้นเรื่อง ก่อนจะเกิดการสังหารหมู่ มันดูดีและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นฉากปิรัณญ่าบุกรถแบนด์วากอน หรือฉากกลีบเขมือบ ฉากล้อเลียนปิรัณญ่าในอ่างน้ำที่ล้อเลียนหนังเรื่องเฟรดดี้ภาคแรก ฉากปิรัณญ่าบุกท่าน้ำ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่สร้างความระทึกได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งก็น่าเสียดายที่มันโผล่มาเป็นฉากๆแล้วก็หายไป มิอาจนำพาไปยังฉากใหญ่ที่ควรจะกระทุ้งจุดคริสตอริสของหนังได้เลย
และอีกครั้งที่หนังไม่สามารถทำได้เทียบเท่าภาคแรก ก็อย่างการกำจัดปิรัณญ่า คือในภาคแรกมันยังดูกดดัน และต้องใช้สมองคิดมากกว่านี้ แต่ภาคนี้ไม่เลย ทุกอย่างง่ายมาก ง่ายจนเราไม่รู้สึกว่าหนังระทึกเลย ภาคสองแก้ปัญหาด้วยเพียงการเปิดที่สูบน้ำ ดูดปิรัณญ่าออกไป แค่เนี้ยะ!
ในเรื่องความสมเหตุสมผล ตัดไปได้เลย อันนี้แฟนหนังรู้กัน อย่าไปคิดมาก ในจุดนี้เราเลยเอนจอยไปกับหนังได้ ปิรัณญ่าในหนังมันก็ไม่ใช่ปลาแล้ว แต่พละกำลังมันแทบจะเป็นชาละวัน หรือฉลามวาฬย่อมๆ คือถ้ามึงว่ายกระแทกแผ่นไม้หลุดจากตะปูได้ หรือชนโลหะเป็นรูได้แบบนั้น ถ้ามนุษย์ไม่พิจารณาถึงประสิทธิภาพของวัสดุก่อสร้าง ก็สมควรจะลงไปกราบปลาพวกนี้แล้วเชิญมันมาวิจัยพัฒนาเป็นอาวุธสงครามได้แล้ว
ในส่วนการกระทำของตัวละครโง่ๆ ทะลึ่งๆ ควายๆ ซกมก ก็ล้วนแล้วแต่เป็น stereotype ของหนัง horror/cult -slapstick ตลกเจ็บตัว คือถ้าจะไปหวังเรื่องมนุษยธรรม หรือการให้ความเคารพที่จะไม่ล้อเลียนเชื้อชาติคน (คนเม็กซิกันซกมก) หรือการเหยียดเพศเช่นเอาผู้หญิงมาเป็นวัตถุทางเพศ ถ้าจะหวังแบบนี้ ไม่ควรดูแต่แรกดีกว่า เพราะหนังมันก็เหมือนปลิ้นแคมมารองขาโต๊ะตั้งแต่หน้าหนังเทรลเลอร์แล้ว เราก็รู้กัน
แต่จุดนึงที่ชอบนะ
1. เราชอบตัวละครเอกของภาคนี้ มากกว่าภาคที่แล้ว เราว่าไอ้sub-plot เรื่องความรักของพระเอก นางเอก หรือการแอบชอบอีกฝ่ายในหนัง น่ารักดี พระเอกก็จะดูเป็น loser หน่อยๆ เราก็แอบเชียร์ให้เค้าสมหวังกัน หรือตัวละครอื่นๆมันก็มีเสน่ห์ในความโง่ของมัน เช่น อีสาวแรดเงียบที่ชอบบีบน้ำตาคิดถึงเพื่อน แต่ก็อิจฉาเพื่อนในเวลาเดียวกัน เพราะเพื่อนแย่งผัวตัวเองไป 11 คน
2. เราชอบตัวละคร 3 ตัวในหนัง คือมันเป็นตัวแทนของคนปัจจุบันที่โหยหาความสำเร็จในอดีต หรือพยายามจะล้อเลียนกับอดีตตัวเอง ตัวละครที่ว่าก็คือ David Hasselhoff ที่มารับบทเป็นตัวเอง ดาราหนุ่มใหญ่ ที่อิงแอบกับอดีตวัยหวานของตนเองในฐานะพ่อหนุ่มมาดแมนเสน่ห์ล้นในซีรี่ย์ฮิต Baywatch และ Dark Knight ซึ่งปัจจุบันด้วยสภาพย่อมเป็นพี่น้องสมบัติ เมทะนี หรือฤทธิ์ ลือชา ก็ทำให้เจ้าตัวถอดใจและได้แต่ฝันว่าสักวันเหอะ จะกลับมายิ่งใหญ่แบบเดิมให้ได้ แต่ขอให้วิ่ง 100 เมตร แล้วไม่หอบก่อนก็พอ
หรือ Ving Rhames กับบทไลฟ์การ์ดขาพิการที่ถูกปลานรกกินขาไปในภาคแรก มาในภาคสองตัวละครเค้าพยายามจะกลับลงไปสัมผัสผืนน้ำให้ได้ เอาชนะความกลัวของตัวเองที่ถูกกัดกินจากอดีตอันโชกเลือด
หรือ Christopher Lloyd กับบทศาสตร์จารย์สติเฟื่อง ที่ก็เหมือนมาล้อเลียนบทดังในอดีตของตัวเองใน Back to the Future
โดยสรุป ปิรัณญ่า 3DD เป็นหนังพร้อมจะเลวร้าย ถ้าเราเข้าไปดูแบบไม่ตั้งสติ และไม่รู้ตัว แต่หากเราพร้อมรับเผชิญความติ๊งต๊องได้ เราก็สามารถพอจะสนุกไปหนังได้แบบไม่ต้องรู้สึกเสียดายเงินมาก (แต่อาจจะเสียดายถ้าสุดท้ายไม่ได้ดูจิ๋มสามมิติ) ปิรัณญ่า3DD เป็นหนังรุ่นน้องที่มองความสำเร็จจากรุ่นพี่มาแล้ว และก็ทำลิตส์รายชื่อว่าจะต้องเตรียมอะไรมาบ้าง จากนั้นก็ติ๊กถูกว่าใส่มาแล้วครบ แต่ผลที่ได้คือ ครบถ้วนแต่ไร้ใจความสำคัญ อาจสรุปแบบเศร้าสร้อยว่าสิ่งเดียวที่มีมากกว่าภาคแรกคือขนาดหน้าอกและซิโคลนจอมปลอมนั้นเอง

ป.ล. หนังจบแล้ว ถ้าไม่ปวดฉี่ ก็นั่งดูต่อสักหน่อย มีเบื้องหลังการถ่ายทำ ขำบ้างไม่ขำบ้าง
แก้ไขล่าสุด: 1/6/2555 15:46 โดย AguileraAnimato
อยากลองดู น่าจะเพลินๆดีอยู่นะ
ระวังดูแล้วจะน้อยเนื้อต่ำใจตัวเองนะหนมนะ
เห็นด้วยกับ AguileraAnimato
กรณีของนางเอก นางเอกเป็นตัวละครตัวเดียวในเรื่องที่ "มีสาระ" ที่สุด
ถ้านางเอกภาคสอง ดันทำตัวบ๊องๆ หลุดโลก เหมือนตัวละครอื่นด้วยล่ะก็
หนังเรื่องนี้จะกลายเป็น Scary Movieไปเลย(จริงๆก็ใกล้เคียงแล้วล่ะ)
แล้วกรณีสวนน้ำ เห็นด้วยมากๆว่า ผู้กำกับใช้ศักยภาพของสวนน้ำไม่เต็มที่เลย
ทั้งๆที่สวนน้ำมันมีของเล่นมากมาย ทั้งสไลเดอร์ ทางน้ำวน คลื่นจำลอง สปิงบอร์ด
แต่ดันไม่ใส่ใจ กลับไปเน้นคนมาวิ่งไปวิ่งมา ซึ่งไม่รู้มันจะวิ่งทำไม อยู่บนบกแท้ๆ
สไลเดอร์นี่ ก่อนไปดูนี่ กะว่าคงเป็นไฮไลท์ของหนัง โชว์ความสนุกและสยองได้มากมาย
แต่กลายเป็นว่า กลับไม่ได้ใช้งานอะไรเลย มีช็อตแค่เท่าที่เห็นในตัวอย่างหนังนั่นแหละ
คือ เข้าใจเลยนะ ว่างบคงน้อยจริงๆ เลยทำฉากอะไรหวือหวากว่านี้ไม่ได้
กรณีของนางเอก นางเอกเป็นตัวละครตัวเดียวในเรื่องที่ "มีสาระ" ที่สุด
ถ้านางเอกภาคสอง ดันทำตัวบ๊องๆ หลุดโลก เหมือนตัวละครอื่นด้วยล่ะก็
หนังเรื่องนี้จะกลายเป็น Scary Movieไปเลย(จริงๆก็ใกล้เคียงแล้วล่ะ)
แล้วกรณีสวนน้ำ เห็นด้วยมากๆว่า ผู้กำกับใช้ศักยภาพของสวนน้ำไม่เต็มที่เลย
ทั้งๆที่สวนน้ำมันมีของเล่นมากมาย ทั้งสไลเดอร์ ทางน้ำวน คลื่นจำลอง สปิงบอร์ด
แต่ดันไม่ใส่ใจ กลับไปเน้นคนมาวิ่งไปวิ่งมา ซึ่งไม่รู้มันจะวิ่งทำไม อยู่บนบกแท้ๆ
สไลเดอร์นี่ ก่อนไปดูนี่ กะว่าคงเป็นไฮไลท์ของหนัง โชว์ความสนุกและสยองได้มากมาย
แต่กลายเป็นว่า กลับไม่ได้ใช้งานอะไรเลย มีช็อตแค่เท่าที่เห็นในตัวอย่างหนังนั่นแหละ
คือ เข้าใจเลยนะ ว่างบคงน้อยจริงๆ เลยทำฉากอะไรหวือหวากว่านี้ไม่ได้

ช่วงนี้มีแต่เรื่องให้คิดมาก ขอดูหนังแบบบ้า ๆ ไม่ต้องใช้สมองหน่อยดีกว่า ... 55+
ดูโรงดีมั้ยเนี่ย =*=
แตกประเด็นไปที่นี่
http://www.horrorclub.net/ForumDetails.aspx?ForumID=2227
รวมคลิปฉากสยองทั้งหมดของเรื่องนี้
http://www.horrorclub.net/ForumDetails.aspx?ForumID=2227
รวมคลิปฉากสยองทั้งหมดของเรื่องนี้
แก้ไขล่าสุด: 5/6/2555 21:56 โดย demonbug1
ไปดูเพื่อประชดชีวิต ดีกว่า ="=
เพิ่งไปดูมาเมื่อวานเหมือนกัน แอบชอบภาคแรกมากกว่านะ
Function Used time : 0:00:00:00.015