ประกาศนโยบายยกเลิกระบบทาส / เป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของอเมริกา / เป็นประธานาธิบดีที่ตำรงตำแหน่งท่ามกลางเขม่าปืนและควันไฟของสงครามกลางเมือง / เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่มาจากพรรครีพับลิค / เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกลอบสังหาร /

เหล่านี้เป็นเกร็ดข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ที่ใครๆก็รู้กันดีถึงเรื่องราวของ อัมบราฮัม ลินด์คอนด์ ประธานาธิบดีผู้เป็นที่รักของอเมริกา แต่จะมีใครรู้ถึงความลับที่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ท่านนี้ปกปิดไว้หรือไม่

อัมบราฮัม ลินด์คอนด์ เคยกล่าววาทะเด็ดของเค้าไว้ว่า
"จงทำลายศัตรูของท่านด้วยการทำให้เขาเป็นมิตร"

แต่ดูเหมือนครั้งนี้ เค้าเลือกที่จะทำลายศัตรูด้วยคมขวาน อาวุธที่เค้าถนัดมากที่สุด
เพราะศัตรูที่เค้าว่าคือกองทพผีดูดเลือดที่หวังยึดครองอเมริกานั้นเอง! และนั้นคือความลับที่ถูกปกปิดไว้ใต้เงามืดของประวัติศาสตร์นั้นเอง!



Abraham Lincoln: Vampire Hunter
เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากนิยายชื่อเดียวกันของ Seth Grahame-Smith ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับนิยายขายดีเรื่อง Pride and Prejudice and Zombies โดยตัวเซธและนิยายของเค้าได้ก่อให้เกิดกระแสวรรณกรรมแนวใหม่ที่เรียกว่า Parody Novel หรือ Mashup นั้นคือการล้อเลียนวรรณกรรมคลาสสิค หรือเรื่องรางทางประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่ (ถ้าเปรียบกับบ้านเราคงเหมือนการ์ตูนสาวดอกไม้กับนายกล้วยไข่ที่เอาละครดังมายำเละ)



ในส่วนของภาพยนตร์เรื่อง ได้ เจ้าพ่อโปรดัคชั่นดาร์ค แฟนตาซี Tim Burton มาอำนวยการสร้าง และได้ผกก.ชาวรัซเซียเจ้าของลีลาสโบวโมชั่นสุดเท่อย่าง Timur Bekmambetov มากำกับ (ผู้เคยทำให้โลกตะลึงมาแล้วใน Daywatch, Nightwatch, Wanted)
โดยบทประธานาธิบดีคมขวาน ได้ Benjamin Walker นักแสดงหน้าใหม่ ที่มาจากสายละครเวทีมาก่อน (ก่อนหน้านั้นเค้าเคยได้รับบทเล็กๆในหนังเรื่อง Flags of Our Father มาก่อน และเคยไปแคสบท Beast ในเรื่อง X-Men: First Class มาแล้ว แต่ถอนตัวไป เพราะอยากเล่นละครบรอดเวย์มากกว่า)
โดยพ่อหนุ่มเบญจามิน สามารถเฉือนเอาชัยชนะจากบทนี้จากคู่แข่งมากมายทั้ง Tom Hardy, Eric Bana, Adrien Brody, Josh Lucas มาได้

ในส่วนของบทภาพยนตร์ซึ่ง เซธ ผู้เขียนนิยายต้นฉบับลงทุนมาเขียนให้นั้น
ก็แทบจะเล่าเรื่องตามเดิมในหนังสือเลย เพียงแต่ส่วนที่เพิ่มมาคือฉากไคลซ์แม็กซ์ และหัวหน้าแวมไพร์
โดยหนังเล่าเรื่องตั้งแต่วัยเด็กของลินด์คอนด์ ที่เค้าต้องรับรู้ความจริงที่เจ็บปวดว่า ปู่และแม่ของเค้าถูกแวมไพร์ฆ่าตาย
(ตามประวัติศาสตร์ ลินด์คอนด์ เชื่อว่าปู่เค้าถูกอินเดียนแดงฆ่าตาย ส่วนแม่ของเค้าเสียชีวิตเพราะสารพิษในนมวัว)
ตั้งแต่นั้นลินตอนด์จึงตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะตามฆ่าพวกผีดูดเลือดให้สิ้นซาก
ในช่วงวัยรุ่นเค้าได้ถูกแก๊งค์ผีดูดเลือกทำร้าย แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากผีดูดเลือดฝ่ายธรรมมะ Henry Sturges และก็เฮนรี่นี้เองที่คอยสอนทักษะการต่อสู้ และอธิบายถึงวิถีชีวิตของแวมไพร์ จุดอ่อน จุดแข็ง ของพวกมันให้ลินด์คอนฟัง (ซึ่งในภายหลังเฮนรี่ก็เป็นคนที่เก็บบันทึกลับของลินด์คอนด์เอาไว้ และนำมาเขียนเป็นนิยายเล่มนี้)
ลินด์คอนด์เดินทางไปตามแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ยังรัฐ นิว ออลีน และได้พบกับเหตุการณ์นึงซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเค้า นั้นคือการซื้อขายทาสคนดำ แต่ในนิยายได้ดัดประวัติศาสตร์ไปว่าแท้จริงแล้วกิจการค้าทาสนั้นบริหารงานโดยแวมไพร์นั้นเอง และพวกมันก็ต้องการจะยึดครองอเมริกาให้จงได้!

สิ่งนี้เองที่ทำให้ลินด์คอนด์ตระหนักถึงภัยคุกคามแผ่นดิน เค้าจึงเดินทางกลับบ้านเกิดที่เมืองนิว ซาเลม และเริ่มต้นเรียนกฎหมายโดยหวังจะเป็นทนายความ เพื่อไต่เต้าไปสู่การลงสมัคร สส. และในเวลานั้นเค้าก็ได้เปิดร้านขายของชำโดยร่วมหุ้นกับเพื่อน โดยมี Ann Rutledge สาวน้อยน่ารักในตอนนั้นเป็นคนรัก แต่สุดท้ายแอนก็ถูก John McNamar คนรักเก่าที่บัดนี้กลายเป็นแวมไพร์ฆ่าตาย (ในความเป็นจริงคือแอนตายเพราะเป็นไข้ไทฟรอยด์)



ลินด์คอนแค้นใจมาก เค้าเดินทางไปยังนิวยอร์ค ที่จอนห์ แมคนามา อาศัยอยู่ และจัดการสังหารผีร้ายตนนี้ ที่นั้นลินด์คอนได้พบกับนักเขียนชื่อดังของยุค Edgar Allen Poe ซึ่งเป็นสหายคนสนิทคนนึงของเค้า โปได้เผยข้อมูลลับที่เค้ารู้มาว่า ฝูงแวมไพร์นั้นได้อพยพออกจาทวีปยุโรป หลังจากเหตุการณ์ที่ Elizabeth Báthory ถูกจับกุม เป็นผลให้ความแตกว่าพระนางเป็นผีดูดเลือด ส่งผลให้แวมไพร์ตัวอื่นๆอพยพหนีตายมายังทวีปอเมริกาแทน (มิกซ์กับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ได้เมามันส์มากๆ) และพวกแวมไพร์มองว่าอเมริกาคือดินแดนแห่งเสรีภาพ คือโอกาสใหม่ที่พวกมันจะได้ใช้การค้าทาสเป็นช่องทางในการเข้ายึดครองประเทศ เพราะเป้าหมายของมันไม่ใช่แค่ทาสผิวสี แต่รวมไปถึงคนขาวด้วยเช่นกัน... และหลังจากนั้นไม่นานโปก็ถูกแวมไพร์ตามเก็บอีกคน (ซึ่งตามประวัติศาสตร์นั้น สาเหตุการตายของโปยังคลุมเครือ แพทย์วินิจฉัยเพียงว่าสมองเค้าถูกกระทบกระเทือน อักเสบ... แต่ในหนังสือบอกว่าแวมไพร์นี้แหละที่เก็บเค้าแบบแนบเนียน)

เรื่องต่อจากนี้ จขกท ขอไม่เล่าต่อแล้วกัน เพราะจะเป็นการสปอยไปมากกว่านี้




แต่เอาเป็นว่าสิ่งที่ดีอย่างนึงของหนังสือ+หนัง เรื่องนี้คือ มันทำให้เราเห็นถึงการบิดเบือนประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
แต่ประวัติศาสตร์เป็นเพียงข้อมูลที่ถูกเขียนขึ้น เพราะฉะนั้นมันเป็นเพียงข้อเท็จจริง ไม่ใช่สัจธรรมหรือความเป็นจริง 100%
สิ่งที่เราฟังตามมากัน อาจจะเป็นเพียงเรื่องแต่ง เรื่องเล่าที่ดัดแปลงเพื่อการปกปิด หรือผลประโยชน์ของกลุ่มคนใดกลุ่มคนนึงก็ได้ และนิยายเรื่องนี้ก็ได้ใช้ช่องว่าง และชิ้นส่วนข้อมูลในอดีต มาปะติดปะต่อกันจนเป็นประวัติศาสตร์บิดเบือนเรื่องใหม่ขึ้น เพื่ออรรถรสความบันเทิง และจินตนาการที่เตลิดไกล
ก้อย่างที่เค้าว่ากันนั้นแหละว่า ผู้ชนะเท่านั้นที่เขียนประวัติศาสตร์




หมายเหตุหนังสือมีแปลเป็นไทยแล้วครับ ไปหาอ่านกันได้ เตรียมพร้อมไว้ จะได้ไปมันส์ตอนหนังเข้าโรง
หนังมีกำหนดฉาย 22 มิ.ย. และในบ้านเราวันที่ 2 ส.ค. ครับ

ตอนนี้เราไปดูเทรลเลอร์กันก่อนเถอะ

ตัวอย่างแบบ green band #1


ตัวอย่างแบบ green band #2


ตัวอย่างแบบ red band