เป็นเรื่องดีที่เมืองไทยจะมีโอกาสได้ชมหนังหายากที่ไม่ได้มาจากฮอลลีวู้ด เกาหลี หนังเอเซีย หรือแม้แต่หนังร่วมชาติแต่เพียงอย่างเดียว
เรายังมีโอกาสได้กวาดสายตามองไปยังประเทศอื่นๆกันบ้าง รับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลก กระแสสังคม ศิลปะ วัฒนธรรม ของเพื่อนร่วมโลก และตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีครับ ที่สถานฑูตสเปนร่วมมือร่วมใจจัดงานสัปดาห์ภาพยนตร์สเปนขึ้น



โดยภาพยนตร์ทั้งหมดจะฉายที่ห้างสรรพสินค้าพารากอน ในระหว่างวันที่ 26 เม.ย. - 2 พ.ค. นี้ครับ
ที่สำคัญคือหนังทุกเรื่องฉายฟรี ไม่เก็บค่าเข้าชมแต่อย่างใด


และแน่นอนว่าเพื่อให้เข้ากับคอนเซปต์ของคลับเรา
จึงขอเลือกหนังสองเรื่องที่ ระทึก แรง ทะลัก มานำเสนอให้ชมกัน


เริ่มที่เรื่องแรก



The Last Circus

หรือชื่อภาษาสเปนว่า (Balada triste de trompeta "Sad Trumpet Ballad")

หนังกำกับโดย Álex de la Iglesia ซึ่งได้รางวัล
สิงโตเงิน ในฐานะผู้กำกับยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เวนิซ 2010 รวมถึงเข้าชิง Goya Awards 2011 (งานประกาศรางวัลภาพยนตร์ในสเปนที่เทียบเท่ากับออสก้าร์) ถึง 15 สาขาและคว้ามาได้ 2 สาขา (แต่งหน้า / สเพเชี่ยล เอฟเฟกต์)

แบบนี้ท่าทางจะไม่ใช่หนังธรรมดาแน่ๆ
ซึ่งก็จริง เพราะหนังเรื่องนี้เป็นส่วนผสมของหนังสงคราม หนังการเมือง หนังรอยรัก-รอยแค้น โรคจิต ซึ่งผสมผสานเข้ากันอย่างมันส์ทะลุอารมณ์



หนังเล่าเรื่องผ่านสองยุคสมัย
เริ่มจากในปี 1937 อันเป็นช่วงสงครามกลางเมืองในสเปน* ผู้คนในเมืองต่างถูกเกณฑ์ไปเป็นนักรบเพื่อจัดการกองกำลังของอีกฝ่าย เช่นเดียวกันกับ ตัวตลกผู้มีความสุข" ตัวตลกประจำเมืองที่มอบการแสดงแสนสนุกให้แก่ผู้คน เค้าก็เป็นคนนึงที่ต้องออกห่ำหั่นด้วย โดยถูกเลือกให้อยู่ฝ่ายสังคมนิยม จัดการเด็ดหัวกองกำลังจากพวกชาตินิยมภายใต้ชุดโบโซ่เต็มยศ และอาวุธครบมือ แต่สุดท้ายฝ่ายของเค้าก็แพ้สงคราม และเค้าถูกต้อนไปเป็นเชลยทาส.... จาเวียร์ ลูกชายของเค้าพยายามจะช่วยพ่อตัวเองหนี แต่ก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาของศัตรูได้ แม้จาเวียร์จะหนีออกมาได้ แต่พ่อของเค้าหรือตัวตลกผู้มีความสุขกลับถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาเค้า
เป็นเวลาหลายสิบปีต่อมา ในปี 1973 ภายหลังจากสเปนกลับสู่ความสงบสุข จาเวียร์เติบโตขึ้นและใช้ชีวิตเป็นตัวตลกเช่นเดียวกับพ่อของเค้า แต่เค้าเลือกที่จะเป็น "ตัวตลกผู้ทุกข์เศร้า" นั้นเพราะอดีตที่ขมขืนคอยหลอกหลอนเค้าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จาเวียร์ทำงานในคณะละครสัตว์ที่บริหารงานโดย เซอร์จิโอ ชายผู้แต่งตัวเป็นตัวตลกคาแรกเตอร์สนุกร่าเริง ตรงข้ามกับจาเวียร์.... เซอร์จิโอเป็นคนซาดิดส์ ชอบกลั่นแกล้งจาเวียร์ให้อับอายขายขี้หน้าต่อคนดูหลายต่อหลายครั้ง
เซอร์จิโอมีเมียสาวแสนสวยประจำคณะ ชื่อนาตาเลีย เป็นนักกายกรรม แน่นอนว่าเธอกลายเป็นเครื่องรองมือรองตีนของเค้าอยู่ทุกคืน จาเวียร์รู้สึกเห็นใจและสงสารเธอ และความรู้สึกนี้ก็เริ่มพัฒนาไปสู่ความรัก.... เค้าพยายามจะหาทางพาเธอหนีจากสามีตัวตลกโรคจิต(ที่แฝงกายใต้ใบหน้าแฮปปี้สุขี) ในขณะเดียวกันที่นาตาเลียก็ไม่อาจตัดสินใจได้ว่าเธอควรจะเลือกใครดีระหว่างจาเวียร์กับเซอร์จิโอ
ความรักสามเส้าครั้งนี้จะมีจุดจบที่รันทด โหดอดสู เช่นไร ขอเชิญไปหาคำตอบได้ใน The Last Circus จ้ะ





*สงครามกลางเมืองสเปน เกิดจากความขัดแย้งภายในประเทศจากกลุ่มนิยมสาธารณรัฐ และกลุ่มชาตินิยม จากการที่ฝ่ายแรกต้องการผลักดันให้สเปนเป็นประเทศสาธารณรัฐ แต่ฝ่ายหลังไม่พอใจจึงเกิดการห่ำหั่นกันอย่างรุนแรงและยาวนาน โดยถือได้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในตัวประทุสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะเป็นการเผชิญหน้ากันของฝ่ายคอมมิวนิตส์ และฟรานซิส เนื่องจากทั้งสองฝ่ายในสเปนตอนนั้นก็พยายามหาประเทศพันธมิตรมาช่วยเหลือตนเอง โดยฝ่ายสังคมนิยม ฝั่งซ้าย เรียกโซเวียตมาช่วย ช่วยฝ่ายขวาจัดก็ไปตามเยอรมนีและอิตาลีที่ปกครองแบบเผด็จการมาช่วยตนเอง จนตอนหลังนายพลฟรังโกเรียกกองทัพจากโมร๊อคโคมาช่วย และเป็นฝ่ายชนะไปในที่สุด ส่งผลให้สเปนตกอยู่ภายใต้การปกครองเป็นเวลายาวนาน)

--------------------------------------


มาที่อีกเรื่อง



Sleep Tight

ผลงานของ Jaume Balagueró ซึ่งแน่นอนว่าเราคงไม่คุ้นชื่อเค้าล่ะ ชื่อสเปนนี้น่าใครจะจำได้ แต่ต้องบอกว่า ก็คนนี้แหละคนเดียวกับที่สร้าง REC ทั้งสามภาคจนหวีดผวาไปทั่วโลกมาแล้ว ปกติเราจะเห็นชื่อเค้าพ่วงกับ Paco Plaza เสมอ แต่ในโปรเจคหนังจิตวิทยา-ระทึกขวัญ ที่จับเราไปนอนแน่นๆ งานนี้ พี่แกขอมาเดี่ยวๆ

Sleep Tight เป็นสำนวนที่ไว้กล่าวก่อนเข้านอนแปลว่า นอนหลับฝันดี นอนหลับสนิทนะ ก็ว่ากันไป แต่ในหนังเรื่องนี้เราจะพาคุณไปพบกับด้านมืดของมนุษย์ที่อาจจะทำให้คุณไม่อาจข่มตาลงนอนได้อย่างสบายใจอีกต่อไป

ซีซาร์ ทำงานเป็นคนเฝ้าประตูของอพาร์ทเมนต์แห่งนึงในบาร์เซโลน่า ภายในอาคารแห่งนี้ ซีซาร์รู้สึกราวกับตัวเองเป็นพระเจ้าที่ล่วงรู้ทุกการกระทำของชาวหอ เค้ารับรู้ชีวิตประจำวันของผู้คนต่างๆ ความลับ ความทุกข์ ของผู้คนทั้งหมดภายในอาคารที่เค้าเฝ้าดูแลอยู่ ในแต่ละวันเค้าจะแอบติดตาม แกะรอยเรื่องส่วนตัวของผู้คนต่างๆ และคอยปั่นหัวเพื่อทำให้พวกเค้าไม่มีความสุข กระวนกระวายใจ ใช่แล้วซีซาร์ก็เหมือนเสือร้ายที่กระหายความทุกข์และฉิบหายของชาวบ้าน เค้าจะมีความสุขมาก เมื่อเห็นคนไม่มีความสุข

จนกระทั่งซีซาร์ได้รู้จักกับผู้พักอาศัยรายใหม่ เธอชื่อ คลาร่า สาวสวยอารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี ประหนึ่งบดหนังสือของ ท่านว.วชิระเมธี ลงไปในสมอง... ซีซาร์รู้สึกร้อนรุ่มกับการที่ได้เจอคนที่มีความสุขมากไปอย่างเธอ และเค้าตั้งมั่นไว้แล้วว่า จะอาศัยความรอบจัดที่มี พลิกชีวิตของคลาร่าให้เผชิญกับเรื่องฉิบหายให้ได้ แน่นอนเพราะเค้ารู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอพาร์ตเมนท์นี้ทุกซอกทุกมุม



เราคิดว่าหนังน่าสนใจนะ เพราะมันพูดถึงการคุกคามชีวิตส่วนตัว ชีวิตประจำวันของคน และเรื่องพวกนี้ก็เกิดขึ้นภายในที่พักอาศัยของพวกเรา โดยตัวการไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่พวกเราจ้างมาเพื่อดูแล แต่สุดท้ายนี้ดันเป็นคนที่บงการชีวิตเรามากที่สุด และด้วยบรรยากาศของตัวละครที่มาเป็นเซท ภายในสถานที่ปิดล้อมอย่างอพาร์ตเมนท์ก็น่าจะเป็นเสน่ห์แบบนึงของการเล่นเกมส์จิตวิทยาที่มาเป็นหมู่คณะอย่างน่าสนใจ