แนะนำหนังสำหรับวันครู เชิญมาดูกัน
by AguileraAnimato • วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555 21:45
จะหมดวันแล้ว พึ่งจะตั้ง -*-
ไม่พูดพร่ำทำเพลงนะ
วันนี้เราจะมาแนะนำหนังวันครู แต่เนื่องจากนี้คือ horrorclub ไม่ใช่เว็บเด็กดี เพราะฉะนั้นใครที่อยากดูหนังเทิดพระคุณครูก็หลบไปเลย

ชื่อของ มิคาเอล ฮานาเก้ เป็นที่เลื่องลือในหมู่คนดูหนังสยองขวัญเพียงเพราะหนังเรื่อง Funny Game มันพลิกล๊อคเป็นหนังฮิต แต่ในหมู่คนดูหนังนอกกระแสฮานาเก้เป็นที่รู้จักในฐานะคนทำหนังเลือดเย็นที่มุ่งเสียดสีและโจมตีความเบาหวิวของชนชั้นกลาง สื่อ ลัทธิบริโภคนิยม ด้วยการก่อร่างสร้างสถานการณ์ความคับแค้น ความกดดันในชีวิตแล้วระเบิดมันออกมาเป็นจุณในตอนท้ายเรื่อง
The Piano Teacher เป็นภาพยนตร์เพียงเรื่องเดียวของฮานาเก้ที่ไม่ได้สร้างขึ้นจากบทประพันธ์ดั้งเดิมด้วยตัวเอง แต่เป็นบทดัดแปลง จากนิยายเรื่อง Die Klavierspielerin ของ Elfriede Jelinek (นักเขียนรางวัลโนเบล) ถึงหนังจะมาจากวรรณกรรมดัดแปลง ที่ไม่ได้พูดซับเจคแบบที่ฮาเนเก้ชอบเน้นย้ำในหนังของเค้า แต่มันก็ยังคงบรรยากาศความหนาวเหน็บ และเย็นชาเอาไว้ครบถ้วน เพียงแต่ความเลือดเย็นเหล่านั้น ครั้งนี้ไม่ได้มาจากสภาพสังคมภายนอก แต่ก่อตัวขึ้นในจิตใจอันอัปลักษณ์ของตัวละครเอง
หนังมีพล๊อตที่สั้นมาก ชนิดที่เล่าภายใน 4 บรรทัดก็จบ
มันเป็นเรื่องของ เอริก้า เป็นครูสอนเปียโนวัยกลางคน ที่อุปนิสัยเย็นชา จืดชืด ทึนทึก แต่เธอแอบหลงรักลูกศิษย์ตัวเอง และพยายามที่จะทำให้เค้ารักเธอให้ได้เช่นกัน
ถ้าเป็นหนังเกาหลี หรือหนังฮอลีวู้ด ตัวละครนี้ก็คงเข้าห้องแป้งพันทิป เว็บจีบัน ลงทุนเมคโอเวอร์ตัวเองให้สวย เปลี่ยนนิสัยตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่สดใส และเอาชนะใจฝ่ายชายในที่สุด แต่ในหนังฮาเนเก้มันไม่มีทางเป็นเช่นนั้น
ตัวละครเอริก้า เป็นหญิงวัยกลางคน 40 ปี ที่ยังอาศัยอยู่กับแม่แก่ๆของตัวเองในอพาร์ทเมนท์ แม่ของเธอก็เป็นผู้หญิงร้ายเหลือชนิดที่แม่นางเอกใน black swan ยังไม่สามารถเทียบเท่า เธอเป็นผู้หญิงที่ชอบบงการความเป็นอยู่ของลูก คอยจุ้นจ้านเช๊คเวลากลับบ้านของลูก.... คนดูจะรู้สึกเหมือนกับเอริก้าและแม่เป็นคู่สัมพันธ์ที่แปลกประหลาดคือ ถึงเอริก้าจะมีอายุมากแค่ไหนแล้ว แต่เธอก็ยังถูกวุ่นวายในชีวิตจากแม่เส็งเคร็งตลอดเวลา และความสัมพันธ์ของคนสองคนนี้ก็จะเป็นแบบทั้งรักทั้งเกลียด บางฉากเราอาจเห็นสองคนนี้ตบกันเลือดหัวยางออก แล้วฉากต่อมาเธอก็มานั่งร้องไห้ทำแผลให้กัน และจบลงด้วยการนอนเตียงเดียวกัน (นอน ในความหมายนี้คือ นอนหลับ นะ)...
ออกนอกบ้านเอริก้าก็ไปเป็นครูสอนเปียโน เธอมีความสามารถทางดนตรีมาก แต่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ไม่ดูน่ารักเวลาสอน เธอแค่มองดูนักเรียนแบบเฉยเมินไปวันๆ.... หลังจากนั้นงานอดิเรกของเอริก้าคือไปเดินช๊อปปิ้งในร้านขายวิดีโอโป๊ ถ้ำมองบ้างอะไรบ้าง เช่าหนังโป๊ไปดูปลดปล่อย บ้างครั้งก็หยิบกระดาษทิชชู่ที่เปื้อนน้ำกามมานั่งดม.... หนักสุดคือเธอเอามีดโกนมากรีด...เป็นการสำเร็จความใคร่ ก่อนจะกลับใช้ชีวิตซ้ำๆซากๆกับแม่ที่บ้าน
ชีวิตของเธอเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้ไปดูการแสดงเดี่ยวเปียโนของ วอลแตร์ นักเรียนวิศวกรรมดนตรี วัย 17 ปี เด็กหนุ่มมีพรสวรรค์ทางเปียโน เอริก้ารู้ได้ทันทีหลังจากฟังเค้าแสดงสด.....
และนั้นก็ทำให้เธอเริ่มสนใจเด็กคนนี้ และดูเหมือนว่า วอลแตร์ เองก็ประทับใจเอริก้าเช่นกัน เพราะเธอเป็นครูเปียโรที่มีความสามารถ
ทว่าปัญหาที่ตามมาจากนี้คือ เอริก้า เธอไม่เก่งเรื่องการแสดงออก และสิ่งที่เธอพยายามจะเชื่อมสัมพันธ์ก็เป็นแค่ท่วงทำนองติดๆดับๆ รัก ไม่รัก หักห้ามใจ เก็บกด กักเก็บอารมณ์ ป่วยทางจิต คิดมาก ซึ่งหนังจะเล่าเรื่องต่อจากนี้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ต่อไป
หนังเรื่องนี้ได้รางวัล Grand Prix จากคานส์ (เป็นรางวัลรองชนะเลิศ) รวมทั้งนักแสดงนำทั้งสองคนอย่าง Benoît Magimel และ Isabelle Huppert ก็คว้ารางวัลทางการแสดงยอดเยี่ยมจากคานส์ได้ไปทั้งสองคน จึงรับประกันเลยว่าใครที่อยากดูหนังแบบแอ๊คติ้งเจ๋งๆ ลุ่มลึก และร้ายกาจ นี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะอูแปต์ ที่เล่นเป็นเอริก้า เธอกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของบทผู้หญิงโรคจิตไปแล้ว ขอให้มองดูสายตาของเธอในหนังเรื่องนี้ให้ดี...
ตัวหนังอาจจะไม่ได้เป็นหนังสะท้อนสังคมแบบหนังเก่าๆของฮาเนเก้ และไม่ได้พ่วงเรื่องระทึกขวัญอันเป็นธาตุประกอบสำคัญของฮาเนเก้ แต่ที่แน่ๆคือความเลือดเย็น ความร้ายกาจทางอารมณ์ยังปกคลุมไปทั่วทั้งบรรยากาศหนัง
เอริก้า เป็นตัวละครที่น่าสนใจนะ คืออันนี้ถ้าจะมองในเรื่องเพศ เราก็สามารถบอกได้ว่าเธอถูก"ฆ่าตัดตอน"ทางอารมณ์ และการเจริญวัย เพราะการถูกกักขัง และการเลี้ยงดูของแม่ ทำให้เป็นพวกเก็บกด และต้องหาทางระบายออกแบบพวกมาโซคิตส์ ในขณะเดียวกันเธอก็กลายเป็นพวกแสดงออกไม่เก่ง ไม่รู้จะสื่อสารยังไง เหมือนทุกอย่างมันถูกกดทับไปหมด มันเลยออกมาเป็นความสัมพันธ์ทั้งรัก ทั้งเกลียด ชอบ-ไม่ชอบ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย สัญชาตญาณพยายามรุกหน้า แต่ร่างกายปฏิเสธ ลักลั่นกันไปมาทั้งเรื่อง
สปอย
เช่นฉากที่เธอหมั่นไส้นักเรียนเธอคนนึงที่ไปอี๋อ๋อกับวอลแตร์ เธอก็จัดการ...... ทำลายมือของเด็กสาว ก่อนจะตีหน้านิ่งไปแสดงความเสียใจกับนักเรียนผู้น่าสงสารของตัวเอง
หรืออยากการที่เธอบุกไปหาวอลแตร์ เพื่อมีอะไรกับเค้า แต่สุดท้ายระหว่างที่มีอะไรกัน เธอก็อ้วกออกมา เหมือนกับจะสื่อว่าร่างกายเธอปฏิเสธการ"เข้าหา" ไม่อาจ"รับ"อะไรได้อีกแล้ว
หนังมันเล่าเรื่องนิ่งๆ สฟิงค์หน้าตาย แล้วก็จบแบบค้างคาอย่างเจ็บปวด คือคงไม่มีใครสามารถมาแจกแจงความรู้สึกเอริก้าได้
แต่ถ้าจะพยายามคิดแล้ว บางทีมันก็คงอย่างที่มีคนว่าไว้ว่า
คีตกวีส่วนใหญ่ของโลก ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชายทั้งสิ้น บีโธ่เฟน โมสาร์ท โชแปง ชูมันด์ ชูเบิร์ต วากเนอร์ (เอาจริงๆ ศิลปะแขนงอื่นก็เหมือนนะ คือเราจะหาผู้หญิง ในฐานะศิลปินเอกของโลกได้น้อยมากๆ ส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้ชาย คืออาจจะมีผู้หญิงด้วยนั้นแหละ แต่ไม่ได้รับการกล่าวถึงเท่า) มันทำให้เรามองเห็นอะไร ถ้ามนุษย์ทุกคน ทุกเพศ มีความสามารถ มีพรสวรรค์ แต่ทำไมผู้หญิงไม่สามารถมีเวลาสร้างสรรค์ศิลปะขึ้นมาเป็นของตัวเอง นอกจากอยู่ในครัว อยู่ในโบสถ์ มันเลยกลายเป็นว่าในขณะที่ผู้ชายได้โอกาส ได้สร้างสรรค์ดนตรีให้โลกรู้จัก ผู้หญิงก็มีหน้าที่แค่เรียนรู้มัน รับตกทอดความสามารถของผู้ชายมาเรียนต่อ (ในที่นี้ก็สามารถเป็นเอริก้าได้ เพราะเธอเป็นครูสอนเปียโน ที่ต้องสอนโน๊ทเพลงจากสิ่งที่ผู้ชายสร้างมา) มันจะมีฉากนึงในหนังนี้แหละ ไม่แน่ใจ ที่เอริก้าพูดกลายๆว่า วอลแตร์มีพรสวรรค์เหมือน ชูมันต์ หรือชูเบิร์ต คือเธอคงรู้ในทันทีตั้งแต่แรกฟังแล้วว่า เด็กคนนี้เก่ง และเธอหลงใหลเค้า แต่เธอก็คงมานั่งกักเก็บตัวเองในใจว่า แล้วกูจะไปเข้าหามันทำไม กูจะเข้าหามันดีไหม หรือที่เราชอบเป็นเพราะเราตกเป็นทาสทางคีตศิลป์ของเค้า
ฉะนั้นมันอาจจะไม่แปลกถ้าหลังจากนี้ เธอจะเริ่มบงการเค้าเรื่อยมา เพราะเธอเองก็อยากอยู่เหนือเค้า และได้รับการยอมรับบ้าง
ไม่พูดพร่ำทำเพลงนะ
วันนี้เราจะมาแนะนำหนังวันครู แต่เนื่องจากนี้คือ horrorclub ไม่ใช่เว็บเด็กดี เพราะฉะนั้นใครที่อยากดูหนังเทิดพระคุณครูก็หลบไปเลย

ชื่อของ มิคาเอล ฮานาเก้ เป็นที่เลื่องลือในหมู่คนดูหนังสยองขวัญเพียงเพราะหนังเรื่อง Funny Game มันพลิกล๊อคเป็นหนังฮิต แต่ในหมู่คนดูหนังนอกกระแสฮานาเก้เป็นที่รู้จักในฐานะคนทำหนังเลือดเย็นที่มุ่งเสียดสีและโจมตีความเบาหวิวของชนชั้นกลาง สื่อ ลัทธิบริโภคนิยม ด้วยการก่อร่างสร้างสถานการณ์ความคับแค้น ความกดดันในชีวิตแล้วระเบิดมันออกมาเป็นจุณในตอนท้ายเรื่อง
The Piano Teacher เป็นภาพยนตร์เพียงเรื่องเดียวของฮานาเก้ที่ไม่ได้สร้างขึ้นจากบทประพันธ์ดั้งเดิมด้วยตัวเอง แต่เป็นบทดัดแปลง จากนิยายเรื่อง Die Klavierspielerin ของ Elfriede Jelinek (นักเขียนรางวัลโนเบล) ถึงหนังจะมาจากวรรณกรรมดัดแปลง ที่ไม่ได้พูดซับเจคแบบที่ฮาเนเก้ชอบเน้นย้ำในหนังของเค้า แต่มันก็ยังคงบรรยากาศความหนาวเหน็บ และเย็นชาเอาไว้ครบถ้วน เพียงแต่ความเลือดเย็นเหล่านั้น ครั้งนี้ไม่ได้มาจากสภาพสังคมภายนอก แต่ก่อตัวขึ้นในจิตใจอันอัปลักษณ์ของตัวละครเอง
หนังมีพล๊อตที่สั้นมาก ชนิดที่เล่าภายใน 4 บรรทัดก็จบ
มันเป็นเรื่องของ เอริก้า เป็นครูสอนเปียโนวัยกลางคน ที่อุปนิสัยเย็นชา จืดชืด ทึนทึก แต่เธอแอบหลงรักลูกศิษย์ตัวเอง และพยายามที่จะทำให้เค้ารักเธอให้ได้เช่นกัน
ถ้าเป็นหนังเกาหลี หรือหนังฮอลีวู้ด ตัวละครนี้ก็คงเข้าห้องแป้งพันทิป เว็บจีบัน ลงทุนเมคโอเวอร์ตัวเองให้สวย เปลี่ยนนิสัยตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่สดใส และเอาชนะใจฝ่ายชายในที่สุด แต่ในหนังฮาเนเก้มันไม่มีทางเป็นเช่นนั้น
ตัวละครเอริก้า เป็นหญิงวัยกลางคน 40 ปี ที่ยังอาศัยอยู่กับแม่แก่ๆของตัวเองในอพาร์ทเมนท์ แม่ของเธอก็เป็นผู้หญิงร้ายเหลือชนิดที่แม่นางเอกใน black swan ยังไม่สามารถเทียบเท่า เธอเป็นผู้หญิงที่ชอบบงการความเป็นอยู่ของลูก คอยจุ้นจ้านเช๊คเวลากลับบ้านของลูก.... คนดูจะรู้สึกเหมือนกับเอริก้าและแม่เป็นคู่สัมพันธ์ที่แปลกประหลาดคือ ถึงเอริก้าจะมีอายุมากแค่ไหนแล้ว แต่เธอก็ยังถูกวุ่นวายในชีวิตจากแม่เส็งเคร็งตลอดเวลา และความสัมพันธ์ของคนสองคนนี้ก็จะเป็นแบบทั้งรักทั้งเกลียด บางฉากเราอาจเห็นสองคนนี้ตบกันเลือดหัวยางออก แล้วฉากต่อมาเธอก็มานั่งร้องไห้ทำแผลให้กัน และจบลงด้วยการนอนเตียงเดียวกัน (นอน ในความหมายนี้คือ นอนหลับ นะ)...
ออกนอกบ้านเอริก้าก็ไปเป็นครูสอนเปียโน เธอมีความสามารถทางดนตรีมาก แต่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ไม่ดูน่ารักเวลาสอน เธอแค่มองดูนักเรียนแบบเฉยเมินไปวันๆ.... หลังจากนั้นงานอดิเรกของเอริก้าคือไปเดินช๊อปปิ้งในร้านขายวิดีโอโป๊ ถ้ำมองบ้างอะไรบ้าง เช่าหนังโป๊ไปดูปลดปล่อย บ้างครั้งก็หยิบกระดาษทิชชู่ที่เปื้อนน้ำกามมานั่งดม.... หนักสุดคือเธอเอามีดโกนมากรีด...เป็นการสำเร็จความใคร่ ก่อนจะกลับใช้ชีวิตซ้ำๆซากๆกับแม่ที่บ้าน
ชีวิตของเธอเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้ไปดูการแสดงเดี่ยวเปียโนของ วอลแตร์ นักเรียนวิศวกรรมดนตรี วัย 17 ปี เด็กหนุ่มมีพรสวรรค์ทางเปียโน เอริก้ารู้ได้ทันทีหลังจากฟังเค้าแสดงสด.....
และนั้นก็ทำให้เธอเริ่มสนใจเด็กคนนี้ และดูเหมือนว่า วอลแตร์ เองก็ประทับใจเอริก้าเช่นกัน เพราะเธอเป็นครูเปียโรที่มีความสามารถ
ทว่าปัญหาที่ตามมาจากนี้คือ เอริก้า เธอไม่เก่งเรื่องการแสดงออก และสิ่งที่เธอพยายามจะเชื่อมสัมพันธ์ก็เป็นแค่ท่วงทำนองติดๆดับๆ รัก ไม่รัก หักห้ามใจ เก็บกด กักเก็บอารมณ์ ป่วยทางจิต คิดมาก ซึ่งหนังจะเล่าเรื่องต่อจากนี้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ต่อไป
หนังเรื่องนี้ได้รางวัล Grand Prix จากคานส์ (เป็นรางวัลรองชนะเลิศ) รวมทั้งนักแสดงนำทั้งสองคนอย่าง Benoît Magimel และ Isabelle Huppert ก็คว้ารางวัลทางการแสดงยอดเยี่ยมจากคานส์ได้ไปทั้งสองคน จึงรับประกันเลยว่าใครที่อยากดูหนังแบบแอ๊คติ้งเจ๋งๆ ลุ่มลึก และร้ายกาจ นี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะอูแปต์ ที่เล่นเป็นเอริก้า เธอกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของบทผู้หญิงโรคจิตไปแล้ว ขอให้มองดูสายตาของเธอในหนังเรื่องนี้ให้ดี...
ตัวหนังอาจจะไม่ได้เป็นหนังสะท้อนสังคมแบบหนังเก่าๆของฮาเนเก้ และไม่ได้พ่วงเรื่องระทึกขวัญอันเป็นธาตุประกอบสำคัญของฮาเนเก้ แต่ที่แน่ๆคือความเลือดเย็น ความร้ายกาจทางอารมณ์ยังปกคลุมไปทั่วทั้งบรรยากาศหนัง
เอริก้า เป็นตัวละครที่น่าสนใจนะ คืออันนี้ถ้าจะมองในเรื่องเพศ เราก็สามารถบอกได้ว่าเธอถูก"ฆ่าตัดตอน"ทางอารมณ์ และการเจริญวัย เพราะการถูกกักขัง และการเลี้ยงดูของแม่ ทำให้เป็นพวกเก็บกด และต้องหาทางระบายออกแบบพวกมาโซคิตส์ ในขณะเดียวกันเธอก็กลายเป็นพวกแสดงออกไม่เก่ง ไม่รู้จะสื่อสารยังไง เหมือนทุกอย่างมันถูกกดทับไปหมด มันเลยออกมาเป็นความสัมพันธ์ทั้งรัก ทั้งเกลียด ชอบ-ไม่ชอบ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย สัญชาตญาณพยายามรุกหน้า แต่ร่างกายปฏิเสธ ลักลั่นกันไปมาทั้งเรื่อง
สปอย
เช่นฉากที่เธอหมั่นไส้นักเรียนเธอคนนึงที่ไปอี๋อ๋อกับวอลแตร์ เธอก็จัดการ...... ทำลายมือของเด็กสาว ก่อนจะตีหน้านิ่งไปแสดงความเสียใจกับนักเรียนผู้น่าสงสารของตัวเอง
หรืออยากการที่เธอบุกไปหาวอลแตร์ เพื่อมีอะไรกับเค้า แต่สุดท้ายระหว่างที่มีอะไรกัน เธอก็อ้วกออกมา เหมือนกับจะสื่อว่าร่างกายเธอปฏิเสธการ"เข้าหา" ไม่อาจ"รับ"อะไรได้อีกแล้ว
หนังมันเล่าเรื่องนิ่งๆ สฟิงค์หน้าตาย แล้วก็จบแบบค้างคาอย่างเจ็บปวด คือคงไม่มีใครสามารถมาแจกแจงความรู้สึกเอริก้าได้
แต่ถ้าจะพยายามคิดแล้ว บางทีมันก็คงอย่างที่มีคนว่าไว้ว่า
คีตกวีส่วนใหญ่ของโลก ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชายทั้งสิ้น บีโธ่เฟน โมสาร์ท โชแปง ชูมันด์ ชูเบิร์ต วากเนอร์ (เอาจริงๆ ศิลปะแขนงอื่นก็เหมือนนะ คือเราจะหาผู้หญิง ในฐานะศิลปินเอกของโลกได้น้อยมากๆ ส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้ชาย คืออาจจะมีผู้หญิงด้วยนั้นแหละ แต่ไม่ได้รับการกล่าวถึงเท่า) มันทำให้เรามองเห็นอะไร ถ้ามนุษย์ทุกคน ทุกเพศ มีความสามารถ มีพรสวรรค์ แต่ทำไมผู้หญิงไม่สามารถมีเวลาสร้างสรรค์ศิลปะขึ้นมาเป็นของตัวเอง นอกจากอยู่ในครัว อยู่ในโบสถ์ มันเลยกลายเป็นว่าในขณะที่ผู้ชายได้โอกาส ได้สร้างสรรค์ดนตรีให้โลกรู้จัก ผู้หญิงก็มีหน้าที่แค่เรียนรู้มัน รับตกทอดความสามารถของผู้ชายมาเรียนต่อ (ในที่นี้ก็สามารถเป็นเอริก้าได้ เพราะเธอเป็นครูสอนเปียโน ที่ต้องสอนโน๊ทเพลงจากสิ่งที่ผู้ชายสร้างมา) มันจะมีฉากนึงในหนังนี้แหละ ไม่แน่ใจ ที่เอริก้าพูดกลายๆว่า วอลแตร์มีพรสวรรค์เหมือน ชูมันต์ หรือชูเบิร์ต คือเธอคงรู้ในทันทีตั้งแต่แรกฟังแล้วว่า เด็กคนนี้เก่ง และเธอหลงใหลเค้า แต่เธอก็คงมานั่งกักเก็บตัวเองในใจว่า แล้วกูจะไปเข้าหามันทำไม กูจะเข้าหามันดีไหม หรือที่เราชอบเป็นเพราะเราตกเป็นทาสทางคีตศิลป์ของเค้า
ฉะนั้นมันอาจจะไม่แปลกถ้าหลังจากนี้ เธอจะเริ่มบงการเค้าเรื่อยมา เพราะเธอเองก็อยากอยู่เหนือเค้า และได้รับการยอมรับบ้าง
Replies (13)
^
^
^
^
ไม่กล้าดู กลัวใจเเตกจ๊ะ คิคิคิ ^^
^
^
^
ไม่กล้าดู กลัวใจเเตกจ๊ะ คิคิคิ ^^
เรื่องที่ 2
เรื่องนี้ไม่ดัง แต่เราชอบมาก+++++++
คำวิจารณ์ก็เห่ย แต่มันสนุกมาก+++++++

Teaching Mrs. Tingle
เป็นผลงานกำกับเรื่องแรกและเรื่องเดียวของ เควิน วิลเลียมสัน ชายผู้ปลุกกระแสฆาตกรไล่เชือดวัยรุ่นให้กลับมาจากการเขียนบทหนังเรื่อง Scream / I Know What you did last summer รวมถึงยังเป็นผู้สร้างซีรี่ย์ขวัญใจวัยรุ่นในตอนนั้นอย่าง Dawson's Creek ด้วย (ปัจจุบันเค้าหันมาสร้างซีรี่ย์เรื่องใหม่ที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ The Vampire Diaries)
โอเค อย่างที่รู้กันดีว่า หนังเรื่อง หวีดสุดขีด และซัมเมอร์สยองต้องหวีด มันดังมากๆ รวมถึงในไทยบ้านเราก็เช่นกัน ด้วยเหตุที่บุญเก่ายังมี จึงทำให้หนังแป้กๆเรื่องนี้ได้มีโอกาสเข้าฉายที่บ้านเราด้วย และก็ตามประสาพี่ไทย ที่ชอบผูกขาด"คำ"มาใช้ตั้งชื่อหนังที่มีดาราดังๆคนนั้นเล่น เช่น จูเลีย ก็บานฉ่ำ เฉินหลงก็ฟัด บรู๊ซ วิลลิส ก็คนอึด.... หนังเรื่อง TMT เรื่องนี้ถึงจะไม่ได้มีดาราระดับไอค่อนมาเล่น แต่ด้วยความที่หน้าหนังมัน(ดูเหมือนจะเป็น)ระทึก คนตั้งเลยใช้ชื่อเรื่องว่า "อาจารย์หวีด"
OMG!!!!! มันหวีดตรงไหนว่ะ
หนังเล่าเรื่องของ ลีห์ (นำแสดงโดย คาที่ โฮมส์, ดาราจากเรื่อง Dawson's Creek นี้แหละ ลากมันมาใช้งานต่อให้คุ้ม) เด็กสาวไฮสคูลที่มีผลการเรียนดี และเป้าหมายสูงสุดของเธอคือการได้เป็นคนกล่าวสุนทรพจน์ในวันสำเร็จการศึกษา อีกนับนึงคือคนที่ได้รับทุนเรียนต่อ ซึ่งนักเรียนที่ได้รับเลือกนั้นจะต้องมีคุณสมบัติคือมีผลการเรียนดีเด่น ซึ่งก็ดูไม่เป็นปัญหากับคนเก่งแบบเธอ ถ้าเธอจะไม่ต้องเจอ ยัยแก่ทิงเกิลว์ ครูแก่จอมโหด ที่เกลียดขี้หน้าเธอโคตรๆ และพยายามหาเรื่องจับผิด หักเกรดเธอตลอด อารมณ์ประมาณสเนปในคราบผู้หญิง.... ลีห์ค่อนข้างกลัวว่าเธอจะได้คะแนนน้อยในการสอบวิชายัยแก่ทิงเกิลว์ เพราะมันจะทำให้เกรดเธอตก อดได้ตำแหน่งที่ใฝ่ฝันไป เพื่อนหนุ่มที่แสนใจดีของเธอเลยช่วยยัดโพยข้อสอบลงไปใต้โต๊ะเธอ แต่เรื่องฉาวๆแบบนี้ มีเรอะจะรอดพ้นสายตานางมารอย่างป้าแก่ได้
ลีห์จึงซวยโดนหักเกรด หักคะแนน ฉิบหายวายวอดทันที
เด็กสาวร่วมกับเพื่อนหนุ่มคนเดิม และเพื่อนสาวอีกหนึ่งคน จึงตัดสินใจที่จะเข้าไปคุยกับครูเป็นการส่วนตัวที่บ้านของเธอ เพื่อขอใต้โต๊ะ เอ๊ย ไม่ใช่ล่ะ เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยและอธิบายความจริง (ว่าเพื่อนมันทำอ่ะค่ะ หนูไม่รู้) แต่ท่านผู้อ่านก็คงเดาออกใช่ไหมว่ายัยครูไม่ยอมหรอก พวกเค้าจึงเริ่มมีปากเสียงและทะเลาะกัน จบลงที่ยัยครูโดนน๊อคเอ้าท์ หมดสติล้มลงกับพื้น....
ซวยแล้วสิ พวกเด็กๆคิด ทั้งสามไม่รู้จะทำไง จากที่จะมาคุยดีๆ ดันกลายเป็นทำร้ายครูจนหมดสติ พวกเค้าจึงจับมัดยัยครูไว้ในบ้าน กักขังหน่วงเหนี่ยวโดยหวังว่าถ้าครูยอมเพิ่มเกรด เราก็จะปล่อยครูไป
แหม แต่เรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้นนะสิ เพราะครูก็คือครูนะ ครูรู้ ครูเห็น และครูร้ายได้มากกว่านั้น หึหึ
นี้เป็นหนังตลกร้ายที่ดูสนุกเรื่องนึง มันไม่ใช่หนังระทึกขวัญเลย แต่มันเป็นเกมส์จิตวิทยาของเด็ก กับครู ที่เหมือนต้องคอยหักเหลี่ยมเฉือนคมว่าใครจะต้อนใครสำเร็จ เพราะในขณะที่ครูโดนเด็กขัง มันก็จะมีสถานการณ์เข้ามาทำให้ลุ้นตลอด เช่น มีคนมาหาที่บ้าน
ความสนกของหนังจึงอยู่ที่การชิงไหวพริบของตัวละครเด็กที่พยายามแก้ปัญหา ในขณะเดียวกันก็ต้องลุ้นว่ายัยครูจะงัดไม้ไหนมาตบกลับ แถมหนังยังทำให้เราต้องนั่งลุ้นอีกว่าตอนจบสถานการณ์จะคลี่คลายลงยังไง
ตัวครูแก่ นำแสดงโดยเจ้าป้า เฮเลน มิเรม (ที่หลายคนรู้จักจากบท ควีน อลิซาเบธ ที่ 2 จากหนัง The Queen มาเรื่องนี้เธอดูเจ้าเล่ห์ และร้ายได้น่าหมั่นไส้มากๆ
เอาเป็นว่าใครอยากดูหนังแบบเด็กตบครู ศิษย์คิดล้างครูเฮี้ยบๆ เอาเรื่องนี้จัดไปได้เลย อย่างที่ชื่อหนังบอกแหละ "สั่งสอนหล่อนซะ ยัยทิงเกิลว์"
เรื่องนี้ไม่ดัง แต่เราชอบมาก+++++++
คำวิจารณ์ก็เห่ย แต่มันสนุกมาก+++++++

Teaching Mrs. Tingle
เป็นผลงานกำกับเรื่องแรกและเรื่องเดียวของ เควิน วิลเลียมสัน ชายผู้ปลุกกระแสฆาตกรไล่เชือดวัยรุ่นให้กลับมาจากการเขียนบทหนังเรื่อง Scream / I Know What you did last summer รวมถึงยังเป็นผู้สร้างซีรี่ย์ขวัญใจวัยรุ่นในตอนนั้นอย่าง Dawson's Creek ด้วย (ปัจจุบันเค้าหันมาสร้างซีรี่ย์เรื่องใหม่ที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ The Vampire Diaries)
โอเค อย่างที่รู้กันดีว่า หนังเรื่อง หวีดสุดขีด และซัมเมอร์สยองต้องหวีด มันดังมากๆ รวมถึงในไทยบ้านเราก็เช่นกัน ด้วยเหตุที่บุญเก่ายังมี จึงทำให้หนังแป้กๆเรื่องนี้ได้มีโอกาสเข้าฉายที่บ้านเราด้วย และก็ตามประสาพี่ไทย ที่ชอบผูกขาด"คำ"มาใช้ตั้งชื่อหนังที่มีดาราดังๆคนนั้นเล่น เช่น จูเลีย ก็บานฉ่ำ เฉินหลงก็ฟัด บรู๊ซ วิลลิส ก็คนอึด.... หนังเรื่อง TMT เรื่องนี้ถึงจะไม่ได้มีดาราระดับไอค่อนมาเล่น แต่ด้วยความที่หน้าหนังมัน(ดูเหมือนจะเป็น)ระทึก คนตั้งเลยใช้ชื่อเรื่องว่า "อาจารย์หวีด"
OMG!!!!! มันหวีดตรงไหนว่ะ
หนังเล่าเรื่องของ ลีห์ (นำแสดงโดย คาที่ โฮมส์, ดาราจากเรื่อง Dawson's Creek นี้แหละ ลากมันมาใช้งานต่อให้คุ้ม) เด็กสาวไฮสคูลที่มีผลการเรียนดี และเป้าหมายสูงสุดของเธอคือการได้เป็นคนกล่าวสุนทรพจน์ในวันสำเร็จการศึกษา อีกนับนึงคือคนที่ได้รับทุนเรียนต่อ ซึ่งนักเรียนที่ได้รับเลือกนั้นจะต้องมีคุณสมบัติคือมีผลการเรียนดีเด่น ซึ่งก็ดูไม่เป็นปัญหากับคนเก่งแบบเธอ ถ้าเธอจะไม่ต้องเจอ ยัยแก่ทิงเกิลว์ ครูแก่จอมโหด ที่เกลียดขี้หน้าเธอโคตรๆ และพยายามหาเรื่องจับผิด หักเกรดเธอตลอด อารมณ์ประมาณสเนปในคราบผู้หญิง.... ลีห์ค่อนข้างกลัวว่าเธอจะได้คะแนนน้อยในการสอบวิชายัยแก่ทิงเกิลว์ เพราะมันจะทำให้เกรดเธอตก อดได้ตำแหน่งที่ใฝ่ฝันไป เพื่อนหนุ่มที่แสนใจดีของเธอเลยช่วยยัดโพยข้อสอบลงไปใต้โต๊ะเธอ แต่เรื่องฉาวๆแบบนี้ มีเรอะจะรอดพ้นสายตานางมารอย่างป้าแก่ได้
ลีห์จึงซวยโดนหักเกรด หักคะแนน ฉิบหายวายวอดทันที
เด็กสาวร่วมกับเพื่อนหนุ่มคนเดิม และเพื่อนสาวอีกหนึ่งคน จึงตัดสินใจที่จะเข้าไปคุยกับครูเป็นการส่วนตัวที่บ้านของเธอ เพื่อขอใต้โต๊ะ เอ๊ย ไม่ใช่ล่ะ เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยและอธิบายความจริง (ว่าเพื่อนมันทำอ่ะค่ะ หนูไม่รู้) แต่ท่านผู้อ่านก็คงเดาออกใช่ไหมว่ายัยครูไม่ยอมหรอก พวกเค้าจึงเริ่มมีปากเสียงและทะเลาะกัน จบลงที่ยัยครูโดนน๊อคเอ้าท์ หมดสติล้มลงกับพื้น....
ซวยแล้วสิ พวกเด็กๆคิด ทั้งสามไม่รู้จะทำไง จากที่จะมาคุยดีๆ ดันกลายเป็นทำร้ายครูจนหมดสติ พวกเค้าจึงจับมัดยัยครูไว้ในบ้าน กักขังหน่วงเหนี่ยวโดยหวังว่าถ้าครูยอมเพิ่มเกรด เราก็จะปล่อยครูไป
แหม แต่เรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้นนะสิ เพราะครูก็คือครูนะ ครูรู้ ครูเห็น และครูร้ายได้มากกว่านั้น หึหึ
นี้เป็นหนังตลกร้ายที่ดูสนุกเรื่องนึง มันไม่ใช่หนังระทึกขวัญเลย แต่มันเป็นเกมส์จิตวิทยาของเด็ก กับครู ที่เหมือนต้องคอยหักเหลี่ยมเฉือนคมว่าใครจะต้อนใครสำเร็จ เพราะในขณะที่ครูโดนเด็กขัง มันก็จะมีสถานการณ์เข้ามาทำให้ลุ้นตลอด เช่น มีคนมาหาที่บ้าน
ความสนกของหนังจึงอยู่ที่การชิงไหวพริบของตัวละครเด็กที่พยายามแก้ปัญหา ในขณะเดียวกันก็ต้องลุ้นว่ายัยครูจะงัดไม้ไหนมาตบกลับ แถมหนังยังทำให้เราต้องนั่งลุ้นอีกว่าตอนจบสถานการณ์จะคลี่คลายลงยังไง
ตัวครูแก่ นำแสดงโดยเจ้าป้า เฮเลน มิเรม (ที่หลายคนรู้จักจากบท ควีน อลิซาเบธ ที่ 2 จากหนัง The Queen มาเรื่องนี้เธอดูเจ้าเล่ห์ และร้ายได้น่าหมั่นไส้มากๆ
เอาเป็นว่าใครอยากดูหนังแบบเด็กตบครู ศิษย์คิดล้างครูเฮี้ยบๆ เอาเรื่องนี้จัดไปได้เลย อย่างที่ชื่อหนังบอกแหละ "สั่งสอนหล่อนซะ ยัยทิงเกิลว์"
มาที่เรื่องสุดท้าย (ช่วงนี้หมดไฟ ขี้เกียจเขียนไรเยอะๆ)
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สนุกมากๆๆๆๆๆๆ
แต่มันไม่ค่อยจะฮิตอีกนั้นแหละ

แต่รับประกันว่าสนุกจริงๆ เพราะ ผกก. คือ Robert Rodriguez (เจ้าของหนังทั้งมันส์ทั้งสนุกอย่าง Desperado, From Dusk till Dawn, Planet Terror, Spy Kids, Machete) และก็มีเควิน วิลเลียมสัน มาเขียนบทให้ด้วย
หนังเล่าเรื่องของโรงเรียนไฮสคูลแห่งนึง ที่ต้องเผชิญกับภัยสยอง เมื่อมีปรสิตลึกลับเข้ายึดครองร่างของครูและนักเรียนในนั้น
หนังเดินเรื่องตามสูตรหนังไซไฟแนวสัตว์ประหลาด ผสมหนังวัยรุ่น
นั้นคือ ในแง่ไซไฟ มันก็เริ่มด้วยการที่มีสิ่งแปลกปลอมรุกเข้ามาในพื้นที่อันธรรมดา ในหนังก็คือโรงเรียน โดยที่สิ่งแปลกปลอมนี้พยายามที่จะแพร่เชื้อ หรือแพร่พันธ์ตัวเองให้กับร่าง host ให้มากที่สุด เพื่อยึดครองเผ่าพันธุ์มนุษย์ หนังยังสร้างบรรยากาศความหวาดระแวง นั้นคือ เราไม่อาจรู้เลยว่าใครโดนสิงไปแล้ว เราไม่อาจไว้ใจได้เลยว่าคนข้างกายเราจะไม่ใช่สัตว์ประหลาด ....
ตวามสนุกคือนอกจากวิ่งหนีสัตว์ประหลาดแล้ว ก็ต้องลุ้นด้วยว่าใครในบรรดาพวกเราเป็นสัตว์ประหลาด เรื่องนี้เค้าพิสูจน์กันด้วยผงขาว!
ในส่วนของความเป็นหนังวัยรุ่น มันก็ใส่ตัวละครแบบ stereotype เข้าไป ตามขนบ ตั้งแต่เด็กมีปัญหาไม่ตั้งใจเรียน เด็กสาวติ๋มๆ เชียร์ลีดเดอร์มั่นในในตัวเอง เด็กเนิร์ด นักกีฬาหนุ่มอารมณ์ร้อน สาวขบถ หนุ่มผิวสีขี้โวยวาย รวมทั้งบรรยากาศไฮสคูลก็จะขาดตัวละครอย่าง ครู ไม่ได้เลย
และหนังมันก็น่าสนใจตรงที่ทำให้ ครู ในเรื่อง กลายเป็นตัวร้ายหมด สัตว์ประหลาดเริ่มแพร่พันธ์จากครู
มันบอกอะไรได้บ้าง
1. หนังอาจจะสะท้อนภาพความเสื่อมสลายของเด็กที่มีต่ออาจารย์ ลองคิดถึงหนังส่วนใหญ่ที่เชิดชูว่าครูดี แต่ในหนังเรื่องนี้เราไม่อาจไว้ใจครูได้เลย เพราะครูในเรื่องนี้มีสถานะเป็นศัตรูเป็นปรปักษ์กับเด็กทั้งเรื่อง
2. ในแง่สัญลักษณ์ที่ลึกกว่านั้น มันอาจหมายถึงระบอบการศึกษาที่พยายามกลืนกิน นั้นคือการเช้าครอบงำของอำนาจจากครูสู่นักเรียน เราอาจบอกว่าระบบการศึกษาคือ child center (ไม่รู้สมัยนี้ยังฮิตคำนี้อยู่ไหม) นั้นคือให้ความสำคัญกับเด็กเป็นหลัก แต่สิ่งที่หนังแสดงออกคือการกลืนกินความคิด ยึดครองร่างกายและจิตใจ ถูกล้างสมองจนไม่ใช่ตัวเอง จนในตอนท้ายเด็กๆทั้งโรงเรียนก็ไม่ต่างจากหุ่นยนตร์ที่ตกอยู่ใต้คำสั่งของครู
และหนังก็มอบอำนาจให้เด็กๆกลุ่มสุดท้ายของเรื่องที่เหมือนกลุ่มชายขอบของสังคมการศึกษาออกมาปฏิวัติสถาบันของตัวเอง....
ซึ่งเมื่อความเป็นไซไฟมารวมกับหนังไฮสคูลแบบนี้ มันเลยเป็นหนังสยองที่ดูสนุก แม้จะไม่ใช่หนังทุนสูงมากนัก แต่เอฟเฟกต์ก็ทำได้โอเคเลย....
นักแสดงในเรื่องก็รวมดาราดังไว้หลายคนทั้ง จอช ฮาร์เนท (ตอนนี้หายไปไหนแล้วอ่ะ) เอไลจาร์ วู๊ด / จอนห์ดาน่า บริวสเตอร์ (นางเอก ฟาส แอนด์ ฟิวเรียส) / อัชเชอร์ (นักร้องอาร์แอนด์บีสุดฮิตผู้มีหน้าตาคล้าย นิเชา) / ฟามก้า เจนเซ่น (ดร. จีนเกรย์ แห่งเอ็กซ์เมน) / โรเบิร์ท แพทริค (T-1000 ในคนเหล็ก 2 / ดร.จอนห์ ใน The X-Files คนที่มาแทนโมลเดอร์นั้นแหละ) / ซัลม่า ฮาเย็ค
สุดท้ายนี้เนื่องในวันครู ขอให้เด็กๆทุกคนรักครูด้วยความดี รู้จักคิด วิเคราะห์ แยกแยะ อย่าปล่อยให้ตัวเองถูกครอบงำจากสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ เพราะไม่แน่ครูแบบนั้นอาจกำลังมีปรสิตวิ่งอยู่ในหู!
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สนุกมากๆๆๆๆๆๆ
แต่มันไม่ค่อยจะฮิตอีกนั้นแหละ

แต่รับประกันว่าสนุกจริงๆ เพราะ ผกก. คือ Robert Rodriguez (เจ้าของหนังทั้งมันส์ทั้งสนุกอย่าง Desperado, From Dusk till Dawn, Planet Terror, Spy Kids, Machete) และก็มีเควิน วิลเลียมสัน มาเขียนบทให้ด้วย
หนังเล่าเรื่องของโรงเรียนไฮสคูลแห่งนึง ที่ต้องเผชิญกับภัยสยอง เมื่อมีปรสิตลึกลับเข้ายึดครองร่างของครูและนักเรียนในนั้น
หนังเดินเรื่องตามสูตรหนังไซไฟแนวสัตว์ประหลาด ผสมหนังวัยรุ่น
นั้นคือ ในแง่ไซไฟ มันก็เริ่มด้วยการที่มีสิ่งแปลกปลอมรุกเข้ามาในพื้นที่อันธรรมดา ในหนังก็คือโรงเรียน โดยที่สิ่งแปลกปลอมนี้พยายามที่จะแพร่เชื้อ หรือแพร่พันธ์ตัวเองให้กับร่าง host ให้มากที่สุด เพื่อยึดครองเผ่าพันธุ์มนุษย์ หนังยังสร้างบรรยากาศความหวาดระแวง นั้นคือ เราไม่อาจรู้เลยว่าใครโดนสิงไปแล้ว เราไม่อาจไว้ใจได้เลยว่าคนข้างกายเราจะไม่ใช่สัตว์ประหลาด ....
ตวามสนุกคือนอกจากวิ่งหนีสัตว์ประหลาดแล้ว ก็ต้องลุ้นด้วยว่าใครในบรรดาพวกเราเป็นสัตว์ประหลาด เรื่องนี้เค้าพิสูจน์กันด้วยผงขาว!
ในส่วนของความเป็นหนังวัยรุ่น มันก็ใส่ตัวละครแบบ stereotype เข้าไป ตามขนบ ตั้งแต่เด็กมีปัญหาไม่ตั้งใจเรียน เด็กสาวติ๋มๆ เชียร์ลีดเดอร์มั่นในในตัวเอง เด็กเนิร์ด นักกีฬาหนุ่มอารมณ์ร้อน สาวขบถ หนุ่มผิวสีขี้โวยวาย รวมทั้งบรรยากาศไฮสคูลก็จะขาดตัวละครอย่าง ครู ไม่ได้เลย
และหนังมันก็น่าสนใจตรงที่ทำให้ ครู ในเรื่อง กลายเป็นตัวร้ายหมด สัตว์ประหลาดเริ่มแพร่พันธ์จากครู
มันบอกอะไรได้บ้าง
1. หนังอาจจะสะท้อนภาพความเสื่อมสลายของเด็กที่มีต่ออาจารย์ ลองคิดถึงหนังส่วนใหญ่ที่เชิดชูว่าครูดี แต่ในหนังเรื่องนี้เราไม่อาจไว้ใจครูได้เลย เพราะครูในเรื่องนี้มีสถานะเป็นศัตรูเป็นปรปักษ์กับเด็กทั้งเรื่อง
2. ในแง่สัญลักษณ์ที่ลึกกว่านั้น มันอาจหมายถึงระบอบการศึกษาที่พยายามกลืนกิน นั้นคือการเช้าครอบงำของอำนาจจากครูสู่นักเรียน เราอาจบอกว่าระบบการศึกษาคือ child center (ไม่รู้สมัยนี้ยังฮิตคำนี้อยู่ไหม) นั้นคือให้ความสำคัญกับเด็กเป็นหลัก แต่สิ่งที่หนังแสดงออกคือการกลืนกินความคิด ยึดครองร่างกายและจิตใจ ถูกล้างสมองจนไม่ใช่ตัวเอง จนในตอนท้ายเด็กๆทั้งโรงเรียนก็ไม่ต่างจากหุ่นยนตร์ที่ตกอยู่ใต้คำสั่งของครู
และหนังก็มอบอำนาจให้เด็กๆกลุ่มสุดท้ายของเรื่องที่เหมือนกลุ่มชายขอบของสังคมการศึกษาออกมาปฏิวัติสถาบันของตัวเอง....
ซึ่งเมื่อความเป็นไซไฟมารวมกับหนังไฮสคูลแบบนี้ มันเลยเป็นหนังสยองที่ดูสนุก แม้จะไม่ใช่หนังทุนสูงมากนัก แต่เอฟเฟกต์ก็ทำได้โอเคเลย....
นักแสดงในเรื่องก็รวมดาราดังไว้หลายคนทั้ง จอช ฮาร์เนท (ตอนนี้หายไปไหนแล้วอ่ะ) เอไลจาร์ วู๊ด / จอนห์ดาน่า บริวสเตอร์ (นางเอก ฟาส แอนด์ ฟิวเรียส) / อัชเชอร์ (นักร้องอาร์แอนด์บีสุดฮิตผู้มีหน้าตาคล้าย นิเชา) / ฟามก้า เจนเซ่น (ดร. จีนเกรย์ แห่งเอ็กซ์เมน) / โรเบิร์ท แพทริค (T-1000 ในคนเหล็ก 2 / ดร.จอนห์ ใน The X-Files คนที่มาแทนโมลเดอร์นั้นแหละ) / ซัลม่า ฮาเย็ค
สุดท้ายนี้เนื่องในวันครู ขอให้เด็กๆทุกคนรักครูด้วยความดี รู้จักคิด วิเคราะห์ แยกแยะ อย่าปล่อยให้ตัวเองถูกครอบงำจากสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ เพราะไม่แน่ครูแบบนั้นอาจกำลังมีปรสิตวิ่งอยู่ในหู!
เอาเรื่องนี้มาแนะนำละกันครับ
Green Chair

เรื่องราวของอาจารย์สาว และลูกศิษย์หนุ่ม
หนังกระตุ้นต่อมศีลธรรมได้ในระดับที่โอเคเลยทีเดียว หึหึ
ลองดูเทรลเลอร์ได้ที่นี้
http://www.youtube.com/watch?v=BpMIZRor6rs
Green Chair

เรื่องราวของอาจารย์สาว และลูกศิษย์หนุ่ม
หนังกระตุ้นต่อมศีลธรรมได้ในระดับที่โอเคเลยทีเดียว หึหึ
ลองดูเทรลเลอร์ได้ที่นี้
http://www.youtube.com/watch?v=BpMIZRor6rs
แนะนำเรื่องนี้
เรื่อง "Kokuhaku" (Confession)
เป็นหนังญี่ปุ่นที่ได้เข้าชิงออสก้าร์
เรื่องราวของ ครูสาวที่ลงมือแก้แค้นลูกศิษย์ของตัวเอง 2 คน ซึ่งได้ก่อเหตุฆ่าลูกสาวของครูสาวตาย
เป็นหนังที่สนุกมาก ดราม่าเร้าใจมาก นักแสดงเล่นได้ดีมาก งานนี้ตายเป็นตาย ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต
โหด สยอง ดราม่า สะใจ!
เรื่อง "Kokuhaku" (Confession)
เป็นหนังญี่ปุ่นที่ได้เข้าชิงออสก้าร์
เรื่องราวของ ครูสาวที่ลงมือแก้แค้นลูกศิษย์ของตัวเอง 2 คน ซึ่งได้ก่อเหตุฆ่าลูกสาวของครูสาวตาย
เป็นหนังที่สนุกมาก ดราม่าเร้าใจมาก นักแสดงเล่นได้ดีมาก งานนี้ตายเป็นตาย ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต
โหด สยอง ดราม่า สะใจ!
ขอแถมครูอีกคนนึง สอนหนังสือไม่พอ เธอยังสอนรัก แถมพ่วงวิชาคุณไสยให้อีก


เรื่องนี้ก็ดัง
Death Bell (กระดิ่งมรณะ)
หนังสยองเกาหลี
นักเรียนหัวกะทิตั้งแต่ลำดับที่ 1 ถึง 20 ของโรงเรียนถูกขังอยู่ในโรงเรียน การสอบกลางภาคที่มีชีวิตเป็นเดิมพันจึงเริ่มต้นขึ้น
เสาร์หนึ่งก่อนหน้าที่จะมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยประมาณ 200 วัน ซึ่งมีคาบเรียนพิเศษสำหรับเหล่านักเรียนอัจฉริยะตั้งแต่อันดับ 1 ถึงอันดับที่ 20 ของโรงเรียน
ที่ประกอบไปด้วย อีนา นักเรียนสาว ผู้รักความยุติธรรม, มยองโฮ เพื่อนซี้ที่ชอบอิจฉา อีนา, คังฮยอน คนดังของโรงเรียน, เฮยอง ผู้คลั่งไคล้การเป็นที่หนึ่งของโรงเรียน,
โจบอม ที่เป็นโรคที่ไม่สามารถคุมสติของตนเองได้และชอบเห็นภาพหลอน, ดงฮยอก อัจฉริยะอันดับ 2 ของโรงเรียนที่เป็นโรคนอนไม่หลับ,
แจอุก อัจฉริยะอันดับ 3 ของโรงเรียนที่ป่วยเป็นโรคหวาดระแวง และ ซูจิน อัจฉริยะอันดับ 4 ของโรงเรียน ที่เป็นคนอ่อนไหวง่าย
รวมถึง ชังอุก อาจารย์หนุ่มขวัญใจของนักเรียนในโรงเรียน และ โซยอง อาจารย์สาวคนใหม่ที่มีคาบสอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนพิเศษเหล่านี้ พร้อมทั้ง ชียอง อาจารย์ฝ่ายปกครอง
ซึ่งทั้งหมดจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์เดียวกัน เมื่ออยู่ ๆ ทีวีในห้องเรียนเกิดปรากฏภาพของ เฮยอง นักเรียนอัจฉริยะอันดับ 1 โรงเรียนกำลังตะเกียกตะกายอยู่ในแท๊งน้ำที่น้ำค่อย ๆ เพิ่มระดับขึ้นเรื่อย ๆ อย่างทุกข์ทรมาน
พร้อมกับเสียงดังว่า เพื่อความเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่ออกมาจากเครื่องกระจายเสียงของโรงเรียน จากนั้นเสียงดังกล่าวก็ได้ตั้งคำถามในการสอบกลางภาคเพื่อแลกกับชีวิตของเฮยอง
จะทำอย่างไรดีเมื่อทั้งโรงเรียนมีแค่ครูและนักเรียนแค่ 24 คน และดูเหมือน ไม่มีที่ใดที่จะหลบหนีพ้นและแล้วการสอบกลางภาคมรณะก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
Death Bell (กระดิ่งมรณะ)
หนังสยองเกาหลี
นักเรียนหัวกะทิตั้งแต่ลำดับที่ 1 ถึง 20 ของโรงเรียนถูกขังอยู่ในโรงเรียน การสอบกลางภาคที่มีชีวิตเป็นเดิมพันจึงเริ่มต้นขึ้น
เสาร์หนึ่งก่อนหน้าที่จะมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยประมาณ 200 วัน ซึ่งมีคาบเรียนพิเศษสำหรับเหล่านักเรียนอัจฉริยะตั้งแต่อันดับ 1 ถึงอันดับที่ 20 ของโรงเรียน
ที่ประกอบไปด้วย อีนา นักเรียนสาว ผู้รักความยุติธรรม, มยองโฮ เพื่อนซี้ที่ชอบอิจฉา อีนา, คังฮยอน คนดังของโรงเรียน, เฮยอง ผู้คลั่งไคล้การเป็นที่หนึ่งของโรงเรียน,
โจบอม ที่เป็นโรคที่ไม่สามารถคุมสติของตนเองได้และชอบเห็นภาพหลอน, ดงฮยอก อัจฉริยะอันดับ 2 ของโรงเรียนที่เป็นโรคนอนไม่หลับ,
แจอุก อัจฉริยะอันดับ 3 ของโรงเรียนที่ป่วยเป็นโรคหวาดระแวง และ ซูจิน อัจฉริยะอันดับ 4 ของโรงเรียน ที่เป็นคนอ่อนไหวง่าย
รวมถึง ชังอุก อาจารย์หนุ่มขวัญใจของนักเรียนในโรงเรียน และ โซยอง อาจารย์สาวคนใหม่ที่มีคาบสอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนพิเศษเหล่านี้ พร้อมทั้ง ชียอง อาจารย์ฝ่ายปกครอง
ซึ่งทั้งหมดจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์เดียวกัน เมื่ออยู่ ๆ ทีวีในห้องเรียนเกิดปรากฏภาพของ เฮยอง นักเรียนอัจฉริยะอันดับ 1 โรงเรียนกำลังตะเกียกตะกายอยู่ในแท๊งน้ำที่น้ำค่อย ๆ เพิ่มระดับขึ้นเรื่อย ๆ อย่างทุกข์ทรมาน
พร้อมกับเสียงดังว่า เพื่อความเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่ออกมาจากเครื่องกระจายเสียงของโรงเรียน จากนั้นเสียงดังกล่าวก็ได้ตั้งคำถามในการสอบกลางภาคเพื่อแลกกับชีวิตของเฮยอง
จะทำอย่างไรดีเมื่อทั้งโรงเรียนมีแค่ครูและนักเรียนแค่ 24 คน และดูเหมือน ไม่มีที่ใดที่จะหลบหนีพ้นและแล้วการสอบกลางภาคมรณะก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

แก้ไขล่าสุด: 16/1/2555 23:24 โดย demonbug1
Teaching Mrs. Tingle - ดูเเล้วลุ้นว่าตอนจบจะเป็นยังไง 55 เเต่ก็ลืมๆเเระ
// รื้อแผ่นมาเปิดดู
The Faculty - สนุกมาก ดูหลายรอบเลยเเหละ
Green Chair - เคยเห็นผ่านๆ ยังไม่ได้ดู
Death Bell - ลุ้นดี หนังทำให้เรางงว่าตกลงเป็นคนหรือผีที่ทำกันเเน่
Kokuhaku(Confession) - คิดในใจว่าต้องมีเรื่องนี้รวมอยู่ด้วย เพิ่งจะได้ดู ชอบทุกอย่างของหนังเรื่องนี้ เต็ม10 ให้ 100 เลย
ครูพนอ - นางเเสดงได้จิตดีเเท้
// เสียงครูท่องมนต์แว่วในหู...
ซมออยทันเทพสามตา มอบพลังออย ขญมพอง กะมัยออย เมียงระเบาะ กะ เสหน่เฮยจุยทำรายรางออยเวียนบันลัย นังไปไงปรินไงออยเวียนซือทรามาระเบาะ เจียนองนางกูล
ปล. อยากดูเรื่องเเรกอ่ะ ฮี่ฮี่
// รื้อแผ่นมาเปิดดู
The Faculty - สนุกมาก ดูหลายรอบเลยเเหละ
Green Chair - เคยเห็นผ่านๆ ยังไม่ได้ดู
Death Bell - ลุ้นดี หนังทำให้เรางงว่าตกลงเป็นคนหรือผีที่ทำกันเเน่
Kokuhaku(Confession) - คิดในใจว่าต้องมีเรื่องนี้รวมอยู่ด้วย เพิ่งจะได้ดู ชอบทุกอย่างของหนังเรื่องนี้ เต็ม10 ให้ 100 เลย
ครูพนอ - นางเเสดงได้จิตดีเเท้
// เสียงครูท่องมนต์แว่วในหู...
ซมออยทันเทพสามตา มอบพลังออย ขญมพอง กะมัยออย เมียงระเบาะ กะ เสหน่เฮยจุยทำรายรางออยเวียนบันลัย นังไปไงปรินไงออยเวียนซือทรามาระเบาะ เจียนองนางกูล
ปล. อยากดูเรื่องเเรกอ่ะ ฮี่ฮี่
Teaching Mrs. Tingle - ดูเเล้วลุ้นตอนจบว่าจะเป็นอย่างไร เเต่ก็ลืมๆเเระ
//รื้อแผ่นมาเปิดดู
The Faculty - หนุกมาก ดูหลายรอบเลยหล่ะ
Green Chair - เห็นผ่านๆอ่ะ ยังไม่ได้ดู
Death Bell - ลุ้นดี หนังทำให้เรางงว่า เป็นคนหือผีกันเเน่ที่ทำ
Kokuhaku(Confession) - คิดไว้ในใจว่าต้องมีเรื่องนี้รวมอยู่ด้วย เพิ่งจะได้ดู ชอบมว๊ากกกกก ชอบทุกอย่างของหนังเรื่องนี้ เต็ม10 ให้ 99 เลย
ลองของ ครูพนอ - เรื่องนี้นางเล่นได้โรคจิต โหดได้ใจจิงๆ
// เสียงคุณครูท่องมนต์เเว่วในหู
ซมออยทันเทพสามตา มอบพลังออย ขญมพอง กะมัยออย เมียงระเบาะ กะ เสหน่เฮยจุยทำรายรางออยเวียนบันลัย นังไปไงปรินไงออยเวียนซือทรามาระเบาะ เจียนองนางกูล
ปล. อยากดูเรื่องเเรกจัง ฮี่..ฮี่
//รื้อแผ่นมาเปิดดู
The Faculty - หนุกมาก ดูหลายรอบเลยหล่ะ
Green Chair - เห็นผ่านๆอ่ะ ยังไม่ได้ดู
Death Bell - ลุ้นดี หนังทำให้เรางงว่า เป็นคนหือผีกันเเน่ที่ทำ
Kokuhaku(Confession) - คิดไว้ในใจว่าต้องมีเรื่องนี้รวมอยู่ด้วย เพิ่งจะได้ดู ชอบมว๊ากกกกก ชอบทุกอย่างของหนังเรื่องนี้ เต็ม10 ให้ 99 เลย
ลองของ ครูพนอ - เรื่องนี้นางเล่นได้โรคจิต โหดได้ใจจิงๆ
// เสียงคุณครูท่องมนต์เเว่วในหู
ซมออยทันเทพสามตา มอบพลังออย ขญมพอง กะมัยออย เมียงระเบาะ กะ เสหน่เฮยจุยทำรายรางออยเวียนบันลัย นังไปไงปรินไงออยเวียนซือทรามาระเบาะ เจียนองนางกูล
ปล. อยากดูเรื่องเเรกจัง ฮี่..ฮี่
^
^
^
โทดด้วยเน้อที่โพสซ้ำ เน็ตกากมากกกก รีมันไม่ขึ้นอ่ะ ก็เลยโพสใหม่ พอมาดูอีกที ก็ซ้ำอย่างที่เห็นนี้เเหละ เเถมปุ่มเเก้ไขก็ไม่ขึ้นให้อีก T^T
^
^
โทดด้วยเน้อที่โพสซ้ำ เน็ตกากมากกกก รีมันไม่ขึ้นอ่ะ ก็เลยโพสใหม่ พอมาดูอีกที ก็ซ้ำอย่างที่เห็นนี้เเหละ เเถมปุ่มเเก้ไขก็ไม่ขึ้นให้อีก T^T
The Piano Teacher ดูแล้วกระอักกระอ่วน อึดอัดมาก ตัวละครแม้จะเลือดเย็น แต่ก็มีมุมที่น่าสงสาร
Teaching Mrs. Tingle ดูนานมากกกก จนลืม
The Faculty เคยดูทาง HBO เรื่องนี้สนุก เล่นกับความไม่เชื่อใจได้ดี
Green Chair หนังขึ้นครู เล่นกับศีลธรรม แต่ความอยาก(หรือบางทีอาจเป็นความรัก) แรงผลักมันมากกว่าม๊าก ดูไปเสียวไป
"Kokuhaku" (Confession) หนังอร่อยมาก
ลองของ ครบรสทั้งครูและศิษย์
Death Bell เรื่องนี้ก็สนุก ลุ้นระทึกดี
The Piano Teacher พระเอกหล่อมากค๊ะ >_<
อยากดูDeath Bellอ่ะหาดูได้ที่ไหนอ่า
Function Used time : 0:00:00:00.023