มีอะไรอยากจะกล่าวถึง Paranormal 3 กันหรือไม่? )พยายามอย่า spoil กันน้า(

by เด็กแนวนอน • วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 23:41
เค้าเพิ่งดูมาเลยวันนี้ จากตอนแรกที่นึกว่าออกจากโรงไปแล้ว พอเห็นใน showtime ก็รีบไปจองตั๋วในบันดล

อยากสิบอกว่าตอนแรกนึกว่าไอ้ผู้ชายคนเดียวในบ้านนั้น ตอนแรกนึกว่าแฟนของคาที่เสียอีก แต่มานึกอีกที คาที่ยังเด็กมากนะภาคนี้ แล้วชื่อก็ไม่ใช่มิกา อย่างภาคแรก เลยพอจะฟันธงได้ว่า ไม่ใช่ชัวป้าบๆๆๆ

เค้าว่าตัวหนังยังคงความเป็น PA ไว้ได้ดีนะ คือเสมอต้นเสมอปลาย เราๆ เคยดูภาคแรกภาคสอง แล้วรู้สึกยังไง มันก็ยังรู้สึกอย่างนั้นในภาคนี้ )คนที่ไม่ชอบ ก็คงไม่ชอบเหมือนเดิม และแน่นอน คนที่ชอบ ก็จะชอบอยู่อย่างนั้นแหละ ภาคนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน(

ลูกเล่นที่ใช้หลอกคนดูอย่างเราๆ พัฒนาขึ้นตามลำดับภาค ภาคนี้มีอะไรที่พิศดารขึ้น และมันก็ cool มากด้วยล่ะ

แต่ดูแล้วแอบเครียดนิดนึงตรงที่พยายามประติดประต่อเนื้อเรื่องนี่แหละ ว่าอะไรเป็นอะไร ซึ่งก็คงไม่กล่าวถึงตรงนั้นมากนักเพราะจะไม่สปอย

อ้อ แล้วก็มีอีกจุดนะที่ประทับใจ คือภาคนี้มันเล่นกับกล้องมากขึ้น ใช้วิธีการ hand hell คือเดินถือกล้องมากขึ้น )แล้วก็เจออะไรๆ ด้วยแหละ( และไอ้ที่เจ๋งสุดๆ นี่คือเรื่องการตั้งกล้องที่อยู่ชั้นล่าง ขออนุญาติสปอยเพราะไม่มีผลอะไรกับเนื้อเรื่อง นั่นคือตั้งกล้องแบบส่ายได้!!!! ทำให้มีมิติในการเล่นกล้องมากขึ้น เจ๋งๆๆๆๆ ชอบๆๆๆๆ

ระดับความพีคก็จัดจ้านพอควร คิดว่าด้านความพีคนี่เจ๋งกว่าภาคแรก และกลมกล่้อมกว่าภาคสองนะ โดยความรู้สึกส่วนตัว

และวิธีการดูก็ยังรู้สึกอยู่นะว่า ยังไงก็ต้องดูในโรงเท่านั้น เว้นแต่ว่าบ้านคุณจะมีโฮมเธียเตอร์ระบบเซอร์ราวด์ เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้หมด และมารอบทิศทางจริงๆ รวมถึงต้องดูในห้องเก็บเสียง เพื่อปราศจากเสียงมอไซด์ผ่าน หรือหมาเห่าแทรก ซึ่งอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยบิ้วอารมณ์ในการดูได้ นั่นก็คือ อารมณ์ร่วมของคนอื่นๆ ที่คุณกำลังนั่งดูด้วยกันในโรงนั่นแหละ ถ้าเขามารยาทดีกันล่ะนะ

ว่าแต่ไม่เห็นมีตั้งกระทู้พูดถึงเลยนะ หลังจากที่หนังเข้าฉาย ดูแล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง คิดเหมือนเค้ากันมะ มาแฉให้ฟังกันหน่อยสิ น่าจะมีคนดูแล้วใช่มะ

Replies (9)

#1demonbug3 • 17/11/2554 04:37
เผอิญ สิ่งที่อยากพูดเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้

มันดันเป็นการสปอยล์ตอนจบหนังเสียด้วยสิ

งั้นไม่พูดดีกว่า

#2เด็กแนวนอน • 17/11/2554 09:38
เหรอ? เผอิญความรู้สึกส่วนตัว คิดว่าไม่ด้วยสิ แต่คงไม่อธิบายมาก เพราะมาพูดตอบแบบนี้คนยังไม่ได้ดูคงระแคะระคายอะไรหน่อย ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ประเด็นเล้ย
#3AguileraAnimato • 17/11/2554 10:32
คงเพราะอุทกภัยด้วยที่มีผลทำให้กระแสของหนังเงียบๆ จำนวนประชากรที่ตีตั๋วไปดูหนังก็น้อยลง

แต่บังเอิญลี้ภัยมาอยู่เมืองหลวงเลยพอจะเหลือโรงให้ดู

ดูจบแล้ว เรากลับรู้สึกเฉยๆ คือชอบภาคแรกมากกกกกก
ภาคสองก็ชอบ

ภาคนี้ถามว่าสนุกไหม ก็สนุก น่ากลัวไหม ก็น่ากลัวอยู่ แต่มันไม่มีช่วงเวลาพีคสุดๆแบบภาคแรก หรือดูพ๊อพเท่าแบบภาคสอง

คงเพราะว่าเราเริ่มจับรอยทางของหนังได้แล้ว มันเลยไม่ค่อยรู้สึกสด ตื่นเต้น เท่าไร การมาดูหนังภาคสามเลยเหมือนมาแกะรอยความจริงในอดีตก็เท่านั้น

ซึ่งเราก็โอเคกับการเล่าเรื่องของมันนะ ที่จบแบบนี้ จบแบบเหมือนจะค้างคา (แต่จริงๆถ้าคนที่ดู 2 ภาคแรกมาก่อน จะเข้าใจเลยว่าคืออะไร) แล้วการจบแบบนี้ก็ทำให้หนังดูขนลุกด้วย (คือให้ฟีลแบบ blair witch project นิดนึง)

อีกเรื่องคือ ฉากในเทรลเลอร์หายไปเยอะมากๆๆๆๆ
ทำให้สันนิษฐานได้ว่า
1. อาจจะมีการตัดหนังเรื่องนี้ไว้หลายเวอร์ชั่น (ประมาณภาคแรก)
2. ผู้สร้างจงใจเอาฉากที่ตัดออกมาใช้เพื่อการโปรโมตเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าฉากขายพวกนี้ มันเรียกร้องความสนใจได้ แต่ถ้าได้ดูซ้ำสอง (ซึ่งหมายถึงการดูหนังฉบับเต็ม) คนดูจะไม่รู้สึกตื่นเต้น สดใหม่ เพราะเคยผ่านตาไปแล้ว จึงตัดฉากพวกนั้นไว้ล่อตะเข้เป็นพอ

3. คือมึงจะสร้างภาค 4 นั้นเอง
#4demonbug3 • 17/11/2554 10:50
คิดว่าฉากในตัวอย่างหนัง เค้าทำเพื่อใช้โปรโมทหนังนั่นแหละ

เพราะถ้าเห็นฉากพวกนี้ในหนังอีกที มันจะไม่ตื่นเต้น เหมือนเห็นทีแรก

ไม่ใช่ว่าถ่ายไว้แล้ว แล้วตัดออกหรอก เพราะมันหายหลายฉากมากเลย

สรุปว่า ดูแล้วก็เฉยๆแหละ อาจเพราะผีมันแสดงพลังพาวเวอร์เรนเจอร์มากไป
แล้วก็จับทางหนังชุดนี้ได้ ว่ามันจะมีอะไร มันจะนำเสนอออกมาในรูปแบบไหน

#5AguileraAnimato • 17/11/2554 11:58
แต่พอรู้ว่าเป็นการกระทำจากคนเป็นต้นเหตุ ก็ชวนขนลุกนะ ตอนท้ายเรื่อง ที่เดินในบ้านตอนมืดๆ อารมร์แบบ Blair Witch ตอนจบเลย


เออ แต่ดูจบก็ยังรู้สึกไม่เมคเซนส์
คือ ถ้าเจ้าปีศาจต้องการลูกชายไปสังเวย ทำไมมันถึงต้องมาหลอกหลอนครอบครัวนี้ด้วย ทำไมไม่รอให้คนในตระกูลนี้ เจนเนอเรชั่นต่อไปมีลูกชายก่อน ค่อยออกมาจัดการ

และเอาจริงๆ ไอ้ผีร้าย หรืออีป้ามหาภัย ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องออกมาจัดการครอบครัวนี้เลยด้วยซ้ำ
#6demonbug3 • 17/11/2554 13:15
^
ใช่มะ มันไร้เหตุผลมาก

ประเด็นคือ ปีศาจมันต้องการลูกที่จะเกิดมาจากเด็กผู้หญิง (ตอนโต)

แล้วมันจะมาอาระวาด ไล่ทำร้าย กลั่นแกล้ง หลอกหลอน พวกเด็กๆทำไม

ทำไมไม่อยู่เฉยๆ รอให้เด็กโต แล้วแต่งงานมีลูก แล้วค่อยมาเอาลูกไปแบบง่ายๆชิวๆ

สมมุติ อีเด็กพวกนี้เกิดกลัว หรือรู้ความจริง เลยไม่ยอมแต่งงานมีลูกล่ะ ปีศาจก็เซ็งเลยสิ

#7AguileraAnimato • 17/11/2554 13:50
ถ้าจะสร้างภาค 4 มันอาจจะต้องขยายเรื่องเพิ่มว่าอีป้ามหาภัยเอาเด้กๆไปทำอะไร อาจจะเอาไปล้างสมอง ลบความทรงจำ

แต่ถ้าเป็นแบบนั้นภาค 4 ก็จะไม่ใช่หนัง found footage แล้ว เพราะอีป้ามึงคงไม่บ้าเล่นกล้องถ่ายสองสาวตอนทำพิธีหรอกนะ

หรือจะถ่าย คงบ้ากล้องกันทั้งตระกูลแล้วล่ะ แบบนั้น
#8caragio • 17/11/2554 14:38
ส่วนตัวคิดคล้ายๆหลายคนข้างบน คือมันเป็นจุดอ่อนอย่างนึงของหนังแนวๆนี้ หรือหนังที่พยายามจะสร้างตัวเองเป็น "ซีรี่ย์" เพราะพอทำออกมาราวๆ 3 ภาค คนดูจะเริ่มจับทางได้แล้ว และมุขมันก็จะเริ่มเข้าสูตร เข้าแพทเทิร์น หรือไม่งั้นก็จะหมดมุข เหมือนกับซีรี่ย์ SAW ที่ภาคแรกทำไว้ดีมาก ภาคสองยังอึ้งได้อยู่ ภาคสามเริ่มเฝือๆแล้ว ตั้งแต่ภาคสี่ มันก็กลายเป็นหนังที่คนดูจับทางได้ และทำให้ผู้ที่ตีตั๋วเข้าไปชมส่วนมากเป็นแฟนซีรี่ย์ หรือไม่ก็เข้าไปดูแค่เพราะมันมีภาคต่อเฉยๆ

คนดูจะจับทางได้ในแง่ของ
- จังหวะการเล่าเรื่อง (ช่วงนี้ของหนัง จะเริ่มมีการหลอก ช่วงนี้จะเริ่มทะเลาะกัน ช่วงนี้จะเริ่มเฉลย ฯลฯ)
- การโยงเรื่อง (เฮ้ยพี่ชายมันต้องเป็นผีแน่ เฮ้ยน้องสาวมันต้องเป็นตัวการแน่ เฮ้ยไอ้นู่นมันต้องเกี่ยวกับไอ้นั่นแน่ ฯลฯ)
- มุขที่ใช้ (มุขประเภท สลับช่วงเวลา, การใช้ Red Herring, การทำให้คนดีกลายเป็นคนร้าย ฯลฯ)

ส่วนที่ประทับใจหนังซีรี่ย์นี้ก็คือ วิธีการนำเสนอ ที่มันคล้ายๆกับวิดิโอเกม คือมีการใช้เทคนิคการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ในทุกภาค

ภาคแรกใช้วิธีตั้งกล้องไว้ในห้องนอน กล้องนิ่งๆ ทำให้คนดูรู้ว่า อ๊ะ มันมาห้องนอนแล้วเว้ย หรือการเร่งเวลาในกล้อง คนดูก็จะจับจังหวะได้ว่า เฮ้ย เวลามันหยุดเร่งแล้ว มันจะมีอะไรเกิดขึ้นแล้ว

ภาคสองใช้วิธีตัดสลับกล้องแต่ละตัว ทำให้คนดูลุ้นว่า เนี่ย กล้องนี้ 7 วินาที กล้องต่อไปจะมาแล้ว จะเจออะไรโผล่มามั้ย

ภาคสามก็เลยใช้วิธีการแพนกล้อง ซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่ง (โดยเฉพาะฉาก "ผ้าคลุมโต๊ะ" ที่หลอนใช้ได้)

เพราะงั้น ความสนุกของซ๊รี่ย์นี้มันเลยแบ่งครึ่งส่วนนึงคือเนื้อเรื่อง (ที่จะปะติดปะต่อรายละเอียดของแต่ละภาคเข้าด้วยกัน) กับเทคนิคการเล่าเรื่อง (ที่จะทำให้คนดูสนุก) ด้านเนื้อเรื่องผมถือว่าก็ทำได้ดีในระดับนึง คือไม่ได้อึ้งจนเหวอแดก แต่ก็ไม่ได้แย่จนต้องบ่น จะว่าไปมันก็เป็นอิสระของผู้แต่งอยู่แล้วที่จะจับนู่นมาโยงนี่ได้

แต่ก็น่าห่วงว่าถ้าทำไปหลายๆภาคแล้วไม่ยอมจบ มันก็จะเหมือนกับที่ SAW เป็นอยู่ตอนนี้ คือวนไปวนมาเรื่อยๆ และสุดท้ายก็จะขาดความน่าเชือถือไป (ว่ามันจะอะไรกันนักหนาวะกับไอ้กลุ่มพวกนี้)

ใจจริงอยากให้เค้ายอมจบเรื่องราวของซีรี่ย์ หรือไม่ก็ย้ายโครงเรื่องไปหากลุ่มอื่นก็ได้ ไมจำเป็นต้องยึดอยู่กับเคธีและคริสตี้ไปตลอด คล้ายๆหนังซีรี่ย์ Night Chronical ของเอ็มไนท์ ชยามาลาน ที่เล่าเรื่องต่างๆกันของเมืองเดียวกัน คิดว่า PA ภาคหน้าควรจะเป็นภาคสุดท้ายของเรื่องราวสองพี่น้องนี้ได้แล้วครับ ไม่งั้นมันจะกลายเป็นหนังเกรดต่ำไปได้ในภาคต่อๆไป
#9thel2edcomet • 29/11/2554 18:00
ชอบกล้องชั้น 1 มากๆ เราว่าน่ากลัวสุดๆ
Login
Function Used time : 0:00:00:00.015
Go Last