{กระทู้มีสาระบ้างไม่มีสาระบ้างปนๆไป}Necrophilia เมื่อ รัก-ร่วม-ศพ
by แว่นจัง • วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 00:20
ฮา-โหล-ฮร้า
ช่วงนี้ติดเกาะอยู่ ที่จริงตั้งใจจะกล่าวถึงเรื่องนี้นานแล้วละตั้งแต่สมัยนู้นน (นานมากแล้วจนหยากไย่เกาะ) กะว่าจะพิมพ์ไปเรื่อยๆ แล้วแต่ว่าติดอะไรหรือไม่
เอาละเมื่อพูดถึงNecrophilia หรือการมีเพศสัมพันธ์กับศพ หนังที่ทุกคนต้องนึกถึง ไม่พ้นNekromantikแน่นอน
โดยคำว่า necrophilia หรืออาจเรียกว่า thanatophilia หรือ necrolagnia เป็นคำที่ใช้แบ่งประเภทของกามวิตถารที่สมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกาใช้อยู่ ส่วนรากศัพท์มาจากภาษากรีคโบราณ
necro ที่แปลว่า ศพ หรือเกี่ยวกับความตาย νεκρός (nekros หรือ "dead") ส่วนphilia แปลว่า รัก φιλία (philia หรือ "love") ซึ่งคำนี้ใช้คำแรกในงานของKrafft-Ebingปี1886 ที่ชื่อว่า Psychopathia Sexualis
ช่วงนี้ติดเกาะอยู่ ที่จริงตั้งใจจะกล่าวถึงเรื่องนี้นานแล้วละตั้งแต่สมัยนู้นน (นานมากแล้วจนหยากไย่เกาะ) กะว่าจะพิมพ์ไปเรื่อยๆ แล้วแต่ว่าติดอะไรหรือไม่
เอาละเมื่อพูดถึงNecrophilia หรือการมีเพศสัมพันธ์กับศพ หนังที่ทุกคนต้องนึกถึง ไม่พ้นNekromantikแน่นอน
โดยคำว่า necrophilia หรืออาจเรียกว่า thanatophilia หรือ necrolagnia เป็นคำที่ใช้แบ่งประเภทของกามวิตถารที่สมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกาใช้อยู่ ส่วนรากศัพท์มาจากภาษากรีคโบราณ
necro ที่แปลว่า ศพ หรือเกี่ยวกับความตาย νεκρός (nekros หรือ "dead") ส่วนphilia แปลว่า รัก φιλία (philia หรือ "love") ซึ่งคำนี้ใช้คำแรกในงานของKrafft-Ebingปี1886 ที่ชื่อว่า Psychopathia Sexualis

Replies (17)
ถ้าถามว่าผิดกฎหมายไหม ก็ดูเป็นแห่งๆไป เช่นใน อเมริกา ก็อาจจะมีเป็นแค่บางรัฐที่กำหนดไว้
มาวันนี้ก็เลยอยากพูดถึงเรื่องรัก-ร่วม-ศพ ที่ค่อนข้างดังเลยทีเดียวเชียว เป็นเรื่องของCarl Tanzlerที่รักผู้หญิงคนหนึ่งจนแม้แต่ตายกลายเป็นศพก็ยังรักอยู่

จากรูปของวิกิพีเดีย โฉมหน้าคุณทวดCarl Tanzler
มาวันนี้ก็เลยอยากพูดถึงเรื่องรัก-ร่วม-ศพ ที่ค่อนข้างดังเลยทีเดียวเชียว เป็นเรื่องของCarl Tanzlerที่รักผู้หญิงคนหนึ่งจนแม้แต่ตายกลายเป็นศพก็ยังรักอยู่

จากรูปของวิกิพีเดีย โฉมหน้าคุณทวดCarl Tanzler
แก้ไขล่าสุด: 5/11/2554 01:50 โดย แว่นจัง
Carl Tanzler หรือ Georg Karl Tänzler หรือ Carl Tanzler von Cosel หรือ Count Carl Tanzler von Cosel (หลายชื่อมากกกกก) เกิดเมื่อวันที่ 8 กพ 1877 ที่เมืองเดรสเดน เยอรมนี ก่อนจะย้ายไปอยู่ออสเตรเลียในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และย้ายกลับมาเยอรมนี และในที่สุดย้ายไปอยู่ฟลอริด้า เป็นการถาวร
ในช่วงปี1920 แทนซเลอร์ แต่งงานและมีลูก2คน ก่อนจะนั่งเรือมาฟลอริด้ามาอาศัยกับน้องสาวที่เมืองเซเฟอร์ฮิล ฟลอริด้า ในปี1926 โดยภรรยากับลูกสาวตามาภายหลัง และปีถัดมา1927 เขาก็ได้งานเป็นนักรังสีวิทยาในโรงพยาบาลทหารเรือที่เมืองคีย์เวสต์ ฟลอริด้า แต่ใช้ชื่อว่า คาร์ล ฟอน โคเซล
ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขา ได้กล่าวถึงวัยเด็กในขณะที่เขาเดินทางจากเยอรมันเพื่อไปเมืองเจนัว ในอิตาลี ซึ่งเขาอ้างว่าบรรพบุรุษของเขานามว่า Countess Anna Constantia von Cosel มาหาเขา และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาหลงใหลในผู้หญิงผมดำ
ในช่วงปี1920 แทนซเลอร์ แต่งงานและมีลูก2คน ก่อนจะนั่งเรือมาฟลอริด้ามาอาศัยกับน้องสาวที่เมืองเซเฟอร์ฮิล ฟลอริด้า ในปี1926 โดยภรรยากับลูกสาวตามาภายหลัง และปีถัดมา1927 เขาก็ได้งานเป็นนักรังสีวิทยาในโรงพยาบาลทหารเรือที่เมืองคีย์เวสต์ ฟลอริด้า แต่ใช้ชื่อว่า คาร์ล ฟอน โคเซล
ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขา ได้กล่าวถึงวัยเด็กในขณะที่เขาเดินทางจากเยอรมันเพื่อไปเมืองเจนัว ในอิตาลี ซึ่งเขาอ้างว่าบรรพบุรุษของเขานามว่า Countess Anna Constantia von Cosel มาหาเขา และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาหลงใหลในผู้หญิงผมดำ
รักข้างเดียวของแทนซเลอร์ เกิดขึ้นราวเดือนเมษายน ปี 1930 ขณะที่เขาทำงานในโรงพยาบาลทหารเรือในคีย์เวสต์ เขาได้พบกับสาวอเมริกันเชื้อสายคิวบานามว่า Maria Elena Milagro de Hoyos หรือ Helen ซึ่งแม่ของเธอพามาพบหมอที่โรงพยาบาลแห่งนี้ การที่เขาได้เจอเฮเลนซึงเหมือนกับลักษณะบรรพบุรุษของเขาที่เคยเจอ(ผี) นั้นก็แน่นอนว่า เขาไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้เลย
ในช่วงปี1920ถึงราวๆปี1950ปลายๆ เป็นช่วงที่วัณโรคเป็นโรคร้ายแรงรักษาไม่หายและคร่าชีวิตคนจำนวนมากในอเมริกา จนถึงขนาดต้องตั้งโรงพยาบาลรักษาวัณโรคโดยเฉพาะและมีการแยกผู้ป่วยนี้จากโรคอื่นๆ มีคนป่วยมากจนถึงขนาดโรงพยาบาลบางแห่งในช่วงที่มีผู้ป่วยมากสุด รับผู้ป่วยเกือบ2-5 พันคน ทั้งๆที่ ความจุจริงๆในดรงพยาบาลขนาดใหญจุได้เพียงพันเตียงเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่กับรับคนไข้เรื่อยๆเพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่หาย ตายสถานเดียว
แน่นอนว่าโรคที่เฮเลนเป็นนั้นคือ วัณโรค ซึ่งคร่าชีวิตคนในตระกูลของเธอไปเกือบหมด และก็เข้าทางแทนซเลอร์ เขาเสนอวิธีการรักษาต่างๆนานา รวมถึงนำอุปกรณ์รักษาต่างไปให้เฮเลนถึงที่บ้าน และยังให้ของขวัญรวมถึงเสื้อผ้าให้เฮเลนด้วย แต่ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้แน่ชัดว่า เฮเลนรู้สึกยังไงกับชายคนนี้

รูปของเฮเลน
ในช่วงปี1920ถึงราวๆปี1950ปลายๆ เป็นช่วงที่วัณโรคเป็นโรคร้ายแรงรักษาไม่หายและคร่าชีวิตคนจำนวนมากในอเมริกา จนถึงขนาดต้องตั้งโรงพยาบาลรักษาวัณโรคโดยเฉพาะและมีการแยกผู้ป่วยนี้จากโรคอื่นๆ มีคนป่วยมากจนถึงขนาดโรงพยาบาลบางแห่งในช่วงที่มีผู้ป่วยมากสุด รับผู้ป่วยเกือบ2-5 พันคน ทั้งๆที่ ความจุจริงๆในดรงพยาบาลขนาดใหญจุได้เพียงพันเตียงเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่กับรับคนไข้เรื่อยๆเพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่หาย ตายสถานเดียว
แน่นอนว่าโรคที่เฮเลนเป็นนั้นคือ วัณโรค ซึ่งคร่าชีวิตคนในตระกูลของเธอไปเกือบหมด และก็เข้าทางแทนซเลอร์ เขาเสนอวิธีการรักษาต่างๆนานา รวมถึงนำอุปกรณ์รักษาต่างไปให้เฮเลนถึงที่บ้าน และยังให้ของขวัญรวมถึงเสื้อผ้าให้เฮเลนด้วย แต่ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้แน่ชัดว่า เฮเลนรู้สึกยังไงกับชายคนนี้

รูปของเฮเลน
ซึ่งความพยายามของแทนซเลอร์ไม่เป็นผล ในที่สุดเฮเลนก็สิ้นลม จากโลกนี้ไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 1931 ด้วยวัยเพียง 22 ปีเท่านั้น และเขาเป็นธุระจัดการจ่ายเงินค่าทำศพรวมถึงทำสุสานเก็บศพให้เฮเลนด้วย
ทุกคืนแทนซเลอร์จะไปหา(ศพ)เฮเลนจนกระทั่งเดือนเมษายน ในปี 1933 เขาจัดการนำศพเธอออกมาและกับไปอยู่บ้านกับเขา โดยใช้รถลากเด็กเล่นบรรทุกศพไปตอนกลางคืน ซึ่งเขาอ้างว่าวิญญาณของสาวเฮเลนตามมาอยู่กับเขาและร้องเพลงเป็นภาษาสเปนให้ฟังด้วย
ในความจริงตายไป2ปีแล้ว ร่างกายก็เน่าหมดแล้ว แต่แทนซเลอร์เขาใช้กรรมวิธีประกอบร่างดังนี้
-ประกอบกระดูกเข้าด้วยกรรมโดยใช้ลวดและไม้แขวนเสื้อ
-ลูกตาใช้แก้วตาปลอม
-หนังใช้ผ้าไหมชุบด้วยขี้ผึ้งให้เปียกโชกและปูนปลาสเตอร์ด้วย
-ส่วนผม ทำจากวิกซึ่งเขาได้ผมมาจากแม่ของเฮเลนที่เก็บไว้และมอบให้เขาหลังจากฝังเฮเลนในปี1931ได้ไม่นาน
-ส่วนช่วงท้อง และอก ใช้ผ้ายัดไว้ให้คงรูป
และจับเธอแต่งตัวด้วยชุดกระโปรง เครื่องประดับ ถุงมือ ตามสมัยนิยม แล้วนำเธอนอนบนเตียง หลังจากนั้นเขาก็ฉีดน้ำหอม ของน้ำยารักษาศพ เพื่อไม่ให้กลิ่นโชย

สุสานเก็บศพเฮเลน


แบบมีชุด

ทุกคืนแทนซเลอร์จะไปหา(ศพ)เฮเลนจนกระทั่งเดือนเมษายน ในปี 1933 เขาจัดการนำศพเธอออกมาและกับไปอยู่บ้านกับเขา โดยใช้รถลากเด็กเล่นบรรทุกศพไปตอนกลางคืน ซึ่งเขาอ้างว่าวิญญาณของสาวเฮเลนตามมาอยู่กับเขาและร้องเพลงเป็นภาษาสเปนให้ฟังด้วย
ในความจริงตายไป2ปีแล้ว ร่างกายก็เน่าหมดแล้ว แต่แทนซเลอร์เขาใช้กรรมวิธีประกอบร่างดังนี้
-ประกอบกระดูกเข้าด้วยกรรมโดยใช้ลวดและไม้แขวนเสื้อ
-ลูกตาใช้แก้วตาปลอม
-หนังใช้ผ้าไหมชุบด้วยขี้ผึ้งให้เปียกโชกและปูนปลาสเตอร์ด้วย
-ส่วนผม ทำจากวิกซึ่งเขาได้ผมมาจากแม่ของเฮเลนที่เก็บไว้และมอบให้เขาหลังจากฝังเฮเลนในปี1931ได้ไม่นาน
-ส่วนช่วงท้อง และอก ใช้ผ้ายัดไว้ให้คงรูป
และจับเธอแต่งตัวด้วยชุดกระโปรง เครื่องประดับ ถุงมือ ตามสมัยนิยม แล้วนำเธอนอนบนเตียง หลังจากนั้นเขาก็ฉีดน้ำหอม ของน้ำยารักษาศพ เพื่อไม่ให้กลิ่นโชย

สุสานเก็บศพเฮเลน


แบบมีชุด

แก้ไขล่าสุด: 5/11/2554 02:56 โดย แว่นจัง
ความแตกเมื่อปี1940 เมื่อน้องสาวของเฮเลนได้ข่าวว่าแทนซเลอร์อยู่กับศพพี่สาวตัวเอง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจค้นและพบศพพี่สาวนอนอยู่บนเตียง และแทนซเลอร์ถูกจับในข้อหาทำลายหลุมศพและย้ายศพออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ก็ถูกปล่อยตัวไปเนื่องจากหมดอายุความ
ในตอนที่มีการพบศพ ทางเจ้าหน้าที่ได้ชันสูตรศพและพบท่อกระดาษในบริเวณช่องคลอดของศพเพื่อให้สามารถมีเพศสัมพันธ์กับศพได้ แต่การชันสูตรดังกล่าวไม่ได้เปิดเผยและแพทย์ที่ชันสูตรศพของเฮเลนได้ออกมาพูดในปี1972 ซึ่งคดีหมดอายุความไปแล้ว ทำให้ยังมีคำถามค้าคาว่าตกลงเขามีอะไรกับศพจริงหรือไม่
หลังจากชันสูตรศพของเฮเลนแล้ว มีการนำกลับไปฝังในหลุมศพที่ไม่มีป้ายอย่างลับๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำสองขึ้นมาอีก
ส่วนคาร์ล แทนซเลอร์ก็ย้ายไปอยู่ใกล้กับเมืองเซฟเฟอร์ฮิล และเสียชีวิตเมื่อวันที่3 กรกฎาคม 1952 เมื่ออายุ75ปี

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานรัก-ร่วม-ศพ ที่ดังพอควร
http://www.examiner.com/travel-photography-in-miami/images-of-museum-display-of-maria-elena-milagro-de-hoyospicture?slide=8362696#slide=8362696 ในคีย์เวสต์มีพิพิธภัณฑ์Martello Gallery-Key West Art and Historical จัดแสดงเรื่องราวของ1คนกับ1ศพด้วย ดูตัวอย่างได้ตามลิงค์
ในตอนที่มีการพบศพ ทางเจ้าหน้าที่ได้ชันสูตรศพและพบท่อกระดาษในบริเวณช่องคลอดของศพเพื่อให้สามารถมีเพศสัมพันธ์กับศพได้ แต่การชันสูตรดังกล่าวไม่ได้เปิดเผยและแพทย์ที่ชันสูตรศพของเฮเลนได้ออกมาพูดในปี1972 ซึ่งคดีหมดอายุความไปแล้ว ทำให้ยังมีคำถามค้าคาว่าตกลงเขามีอะไรกับศพจริงหรือไม่
หลังจากชันสูตรศพของเฮเลนแล้ว มีการนำกลับไปฝังในหลุมศพที่ไม่มีป้ายอย่างลับๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำสองขึ้นมาอีก
ส่วนคาร์ล แทนซเลอร์ก็ย้ายไปอยู่ใกล้กับเมืองเซฟเฟอร์ฮิล และเสียชีวิตเมื่อวันที่3 กรกฎาคม 1952 เมื่ออายุ75ปี

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานรัก-ร่วม-ศพ ที่ดังพอควร
http://www.examiner.com/travel-photography-in-miami/images-of-museum-display-of-maria-elena-milagro-de-hoyospicture?slide=8362696#slide=8362696 ในคีย์เวสต์มีพิพิธภัณฑ์Martello Gallery-Key West Art and Historical จัดแสดงเรื่องราวของ1คนกับ1ศพด้วย ดูตัวอย่างได้ตามลิงค์
ด้วยความขี้เกียจ ข้อก็อปข้อมูลเก่าที่ตนเองเคยพิมพ์ไว้นานแล้วววววว มาละกัน "Paraphilia(Sexual Deviation) หรือเรียกกันว่ากามวิตถาร
ข้อมูลจากรายงานเรื่อง "พฤติกรรมทางเพศและความปลอดภัย" ของ อ.อุษา ฮกยินดี จากมหาวิทยาลัยบูรพา ระบุว่า คำจำกัดความของ "ความผิดปกติทางเพศ" หรือ "Sexual Deviation" หมายถึง การมีความรู้สึก ทัศนคติ และค่านิยม รวมไปถึงพฤติกรรมทางเพศที่แสดงออกไปไม่เหมาะสม เบี่ยงเบนไปจากบุคคลทั่วไปในสังคมนั้นๆ
โดยความเป็นจริงแล้วกามวิตถาร เป็นการเบี่ยงเบนทางเพศในลักษณะบุคคลิกภาพที่ผิดปกติ(Personality disorder)ไม่ใช่โรคจิต(Mental Disorder)ฉะนั้นผู้ได้กระทำพฤติกรรมดังกล่าวจนสร้างความเดือดร้อน หรือเป็นอันตรายต่อบุคคลส่วนรวม จะต้องถูกส่งดำเนินคดี"
สรุปง่ายๆ คือพวกพาราฟีเลีย เช่น ถ้ำมอง พวกS&M ชอบโชว์ หรือ ชอบมีอะไรกับเด็ก ไม่ได้ผิดปกติ เป็นแค่การเบี่ยงเบนทางรสนิยมในการปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ ถ้าควบคุมตัวเองได้ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ แต่ถ้า ถ้ำมองชาวบ้าน รัดคอคู่ขาจนตาย หรือซื้อประเวณีเด็ก อันนี้ติดคุกแน่นอน เพราะถือว่าขณะทำผู้กระทำรู้ตัว มีสำนึกอ้างไม่ได้นะว่าป่วยทางจิต
ข้อมูลจากรายงานเรื่อง "พฤติกรรมทางเพศและความปลอดภัย" ของ อ.อุษา ฮกยินดี จากมหาวิทยาลัยบูรพา ระบุว่า คำจำกัดความของ "ความผิดปกติทางเพศ" หรือ "Sexual Deviation" หมายถึง การมีความรู้สึก ทัศนคติ และค่านิยม รวมไปถึงพฤติกรรมทางเพศที่แสดงออกไปไม่เหมาะสม เบี่ยงเบนไปจากบุคคลทั่วไปในสังคมนั้นๆ
โดยความเป็นจริงแล้วกามวิตถาร เป็นการเบี่ยงเบนทางเพศในลักษณะบุคคลิกภาพที่ผิดปกติ(Personality disorder)ไม่ใช่โรคจิต(Mental Disorder)ฉะนั้นผู้ได้กระทำพฤติกรรมดังกล่าวจนสร้างความเดือดร้อน หรือเป็นอันตรายต่อบุคคลส่วนรวม จะต้องถูกส่งดำเนินคดี"
สรุปง่ายๆ คือพวกพาราฟีเลีย เช่น ถ้ำมอง พวกS&M ชอบโชว์ หรือ ชอบมีอะไรกับเด็ก ไม่ได้ผิดปกติ เป็นแค่การเบี่ยงเบนทางรสนิยมในการปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ ถ้าควบคุมตัวเองได้ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ แต่ถ้า ถ้ำมองชาวบ้าน รัดคอคู่ขาจนตาย หรือซื้อประเวณีเด็ก อันนี้ติดคุกแน่นอน เพราะถือว่าขณะทำผู้กระทำรู้ตัว มีสำนึกอ้างไม่ได้นะว่าป่วยทางจิต
ส่วนnecrophilia หรือ มีอารมณ์ทางเพศกับศพ จรู้สึกมีอารมณ์ทางเพศ เมื่อได้เห็นศพ เช่น เห็นคนแล้วห่อเหี่ยวแต่จะสู้ศึกได้เมื่อจินตนาการว่ามีเพศสัมพันธ์กับศพ หรือชอบมีอะไรกับศพที่พึ่งตายใหม่ เช่น ฆ่าแล้วข่มขืน เป็นต้น หรือบางรายมีความสุขได้อยู่กับศพ ได้กินศพแล้วอ้างว่าแข็งแรง ก็จัดในพวกรักศพย่อมได้
ในประเทศไทยยังไม่มีรายละเอียดว่ามีจำนวนคนรัก-ร่วม-ศพมากขนาดไหน ส่วนใหญ่จะมารู้เมื่อเกิดคดีแล้ว ในต่างประเทศพวกรักศพดังก็เช่น Ed Gein,Tsutomu Miyazaki
จำนวนที่ไม่สามารถระบุได้ว่ามีคนรักศพหรือรัก-ร่วม-ศพ อยู่มากแค่ไหน เนื่องจากคนกระทำ หรือ คนที่รู้สึกดังกล่าว ยังสามารถควบคุมตัวเองได้ หรือ อาจยังไม่มีใครจับได้ในกรณีมีอะไรกับศพจริงๆ บางคนอาจหาทางออกด้วยการจินตนาการแทน
โดยที่มาของอาการรักศพนั้น ทางจิตวิทยายังหาคำตอบแน่ชัดไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ที่มาจะเหมือนโรคจิตเวชหลายๆโรค คือ ปมวัยเด็ก ซึ่ง หลายราย ทั้งฆาตกรต่อเนื่องเช่น เอ็ด กีน นั้นมีแม่ที่เคร่งศาสนา ดังนั้น การกินศพ การอยู่กับศพ หรือ การมีอะไรกับศพ ย่อมหมายถึงว่าผู้กระทำดังกล่าวมีความพยายามจะให้มีอำนาจเหนือผู้อื่นอยู่
ถ้าใครมีอาการดังกล่าวก็อาจไปพบแพทย์ก็ได้ จะได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ใครคิดว่ายังไงก็บอกกันได้ มาแชร์ความเห็นกัน ขอทิ้งท้ายด้วยเพลงจากA7X คาดว่าเป็นเพลงโปรดของชาวคลับหลายๆคน
ในประเทศไทยยังไม่มีรายละเอียดว่ามีจำนวนคนรัก-ร่วม-ศพมากขนาดไหน ส่วนใหญ่จะมารู้เมื่อเกิดคดีแล้ว ในต่างประเทศพวกรักศพดังก็เช่น Ed Gein,Tsutomu Miyazaki
จำนวนที่ไม่สามารถระบุได้ว่ามีคนรักศพหรือรัก-ร่วม-ศพ อยู่มากแค่ไหน เนื่องจากคนกระทำ หรือ คนที่รู้สึกดังกล่าว ยังสามารถควบคุมตัวเองได้ หรือ อาจยังไม่มีใครจับได้ในกรณีมีอะไรกับศพจริงๆ บางคนอาจหาทางออกด้วยการจินตนาการแทน
โดยที่มาของอาการรักศพนั้น ทางจิตวิทยายังหาคำตอบแน่ชัดไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ที่มาจะเหมือนโรคจิตเวชหลายๆโรค คือ ปมวัยเด็ก ซึ่ง หลายราย ทั้งฆาตกรต่อเนื่องเช่น เอ็ด กีน นั้นมีแม่ที่เคร่งศาสนา ดังนั้น การกินศพ การอยู่กับศพ หรือ การมีอะไรกับศพ ย่อมหมายถึงว่าผู้กระทำดังกล่าวมีความพยายามจะให้มีอำนาจเหนือผู้อื่นอยู่
ถ้าใครมีอาการดังกล่าวก็อาจไปพบแพทย์ก็ได้ จะได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ใครคิดว่ายังไงก็บอกกันได้ มาแชร์ความเห็นกัน ขอทิ้งท้ายด้วยเพลงจากA7X คาดว่าเป็นเพลงโปรดของชาวคลับหลายๆคน
แก้ไขล่าสุด: 5/11/2554 02:42 โดย แว่นจัง
ภรรยาและลูกของ Tanzler ไม่รู้เรื่องเลยหรือ ...
อ่านแล้วรู้สลดยังไงไม่รู้
อ่านแล้วรู้สลดยังไงไม่รู้
น่าจะไม่รู้เรื่อง มารู้เอาตอนเป็นข่าวแล้ว เพราะแทนซเลอร์ให้ลูกเมียอยู่ที่เซฟเฟอร์ฮิล ส่วนตัวเองมาอยู่คียเวสต์ ไม่แน่ว่าหย่ากันหรือเปล่า เพราะแต่งตอนอยู่เยอรมันแล้วย้ายมาอยู่ฟลอริด้าก็ยังไม่ได้เป็นพลเมืองอเมริกันเต็มขั้น จนกระทั่งปี1950 (มันน่าจะหย่าไม่ได้มั๊ง) แต่ที่แน่ๆ อาจได้รับผลกระทบชัวร์ๆ
อ่านแล้วกลับรู้สึกอย่างนึงว่า ชีวิตในวัยเด็กนี้สำคัญนะ
เพราะฆาตกรหรือใครที่มีอาการทางจิต แทบทุกคน
จะต้องมีปมอะไรบางอย่าง จากชีวิตวัยเด็กทั้งนั้นเลย
ว่าแล้วนึกถึงหนังสือ เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เป็นฆาตกร
ขึ้นมาทันที ...
เพราะฆาตกรหรือใครที่มีอาการทางจิต แทบทุกคน
จะต้องมีปมอะไรบางอย่าง จากชีวิตวัยเด็กทั้งนั้นเลย
ว่าแล้วนึกถึงหนังสือ เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เป็นฆาตกร
ขึ้นมาทันที ...
จากคุณ : pea
ว่าแล้วนึกถึงหนังสือ เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เป็นฆาตกร
ขึ้นมาทันที ...
=============
เคยอ่านเหมือนกัน เมื่อนานมาแล้ว
ว่าแล้วนึกถึงหนังสือ เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เป็นฆาตกร
ขึ้นมาทันที ...
=============
เคยอ่านเหมือนกัน เมื่อนานมาแล้ว
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับว่า จากที่ผมได้ดูหนังเรื่อง NEKRomantik ทั้ง 2 ภาคแล้ว ทำให้ผมคิดได้ว่าโรคจิตแต่ล่ะโรค เชื่อเถอะว่าคนที่เป็นก็จะมีความสุขในตรงจุดนั้น และมีน้อยคนครับที่จะไปรักษา ผมดูมาหลายเรื่องแล้วแหละหนังโป๊แนวกามวิตถารอ่ะ ไม่ว่าจะ Sadism,Animal,Family หรือแม้แต่แนว Scat ผมก็ดูนะ ก็เห็นว่าขณะที่พวกเขาทำ เขาก็มีความสุขในสิ่งที่เขาเป็น ในอารมณ์ตรงนั้น
เพียงแต่ในเมื่อเรารู้ตัวว่าเราไม่เหมือนคนอื่น และไม่คิดที่จะรักษาเพราะเราคิดว่าเราเป็นตัวของเราแบบนี้เราก็มีความสุขดี ก็อย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครจนเกิดเรื่องเกิดราว จะโรคจิตก็โรคจิตไปคนเดียวพอ
ผมอยากจะบอกสักนิดนะว่าหนังเรื่อง NEKRomantik เป็นหนังดีมากๆเลย ถึงแม้ว่าจะทำศพไม่ค่อยเหมือนและเอฟเฟคอะไรดูไม่ค่อยสบายตา จากการดำเนินเรื่องและตอนจบที่แสนสุดสะเทือนใจ ก็เพียงพอที่ผมจะให้คะแนน 8/10 เลยแหละครับ
เพียงแต่ในเมื่อเรารู้ตัวว่าเราไม่เหมือนคนอื่น และไม่คิดที่จะรักษาเพราะเราคิดว่าเราเป็นตัวของเราแบบนี้เราก็มีความสุขดี ก็อย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครจนเกิดเรื่องเกิดราว จะโรคจิตก็โรคจิตไปคนเดียวพอ
ผมอยากจะบอกสักนิดนะว่าหนังเรื่อง NEKRomantik เป็นหนังดีมากๆเลย ถึงแม้ว่าจะทำศพไม่ค่อยเหมือนและเอฟเฟคอะไรดูไม่ค่อยสบายตา จากการดำเนินเรื่องและตอนจบที่แสนสุดสะเทือนใจ ก็เพียงพอที่ผมจะให้คะแนน 8/10 เลยแหละครับ
แก้ไขล่าสุด: 5/11/2554 14:27 โดย หนูเดซี่ค่ะ
ชอบกระทู้แบบนี้มากเลย สยอง+ได้ความรู้
++ซ้ำ - -'' ++
แก้ไขล่าสุด: 7/11/2554 19:31 โดย yummyjung
อิอิ คิดถึงเพลง a little piece of heaven ต้อง the rev เรย จัดไป

ความรู้เเน่นดี....ชอบครับ ^^
ของA7X แชร์บ่อยในเพจFBของเว็บ ลองตามดูนะจ๊ะ
Function Used time : 0:00:00:00.016