เป็นไงบ้าง หลังจากดู Human Centipede 2 Full Sequence (จับคนมาทำตะขาบ 2) จบแล้ว สมหวัง ผิดหวัง ชอบ ไม่ชอบ ยังไงบ้าง (สปอยล์ได้)

by demonbug3 • วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554 22:19
แชร์ความรู้สึกกัน
attachment

Replies (13)

#1Darkside Fairy • 1/11/2554 05:02
สปอยล์บางส่วนนะ.............




ส่วนตัว ชอบ ภาคแรกมากกว่า .... โดยรวมแล้ว หนังมัน smooth มากกว่า

ภาค 2 ดูมันตั้งใจเกินไป เพื่อทำให้คนที่อยากดูมานาน ได้ดู ฉากต่างๆสมใจอยาก โดยขาดการเชื่อมตัวรายละเอียด บางอย่างไป รู้สึกงั้นนะคะ เพราะมัน แว๊บไป แว๊บมา มากเลย ไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้วมันแบบ ... บางอย่างมันไม่ make sense มันดูตั้งใจเกินไป

เช่น ... ทุกคนโดนมัด นอนเรียงลำดับไว้แล้ว .. ในความเป็นจริง มันจะเป็นไปได้มั๊ย ที่ทุกคนจะร่วมใจกันรุม มาร์ตินได้ เพราะ มันอ้วนเตี้ยตันเชื่องช้า และ ดูปัญญาอ่อน ... ( บ่นจากการดูเฉยๆ เพราะความจริงอาจจะเหมือนในหนังก็ได้ ที่ทุกคน ไม่สามารถช่วยตัวเองได้)

ฉากที่ชวนให้จินตนาการได้จริงๆคือ จากที่ อึระเบิดใส่ปาก ...จะอ้วกจริงๆ ดู salo ยังพอจะเฉยๆได้ แต่นี่แบบ .... นะ -*-

และยังมีอีกหลายฉากที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ เท่าไหร่ ...


เดี๋ยวรอดู แบบ uncut อีกที เผื่ออะไรๆจะดีขึ้นนะ :)

เท่านี้ค่ะ
แก้ไขล่าสุด: 1/11/2554 05:03 โดย Darkside Fairy
#2AguileraAnimato • 1/11/2554 08:06
ดูจบแล้ว


จริงๆยังไม่อยากตัดสินนะ เพราะเป็น uncut

แต่ในเมื่อเจ้าตัวยินยอมจะเอา uncut ไปฉายใน UK

ก็คงต้องพร้อมรับคำวิจารณ์ล่ะ เพราะถือว่าหนังได้ออกสู่สาธารณะชนแล้ว


สรุป




ไม่ชอบครับ กากมาก คิดเหมือนคุณ darkside fairytale คือจะบอกว่าตั้งแต่ดูไป 10 นาทีแรกล่ะ รู้สึกหนังมันจั๊มป์มาก เช่น กรรมวิธีในการลักพาตัวเหยื่อ จัดการเหยื่อ มันโดดไปโดดมา ข้ามๆ สคิปๆ จนเรารู้สึกถูกผลักออกนองราง นี้แค่เสี้ยวๆนะ ถ้าดูไปทั้งเรื่องจะรู้

ยิ่งกว่าละครช่อง 7 อีก

ไม่รู้จะโทษฝ่าย คอนทินิวตี้ หรือคนตัดต่อดี แต่ที่แน่ๆ ผกก. ชุ่ยมาก


ไอ้เรื่องตัดต่อห่วยนิยังเล็กๆ แต่ที่ไม่ชอบเลยคือบทสรุป วิธีการเล่าเรื่อง บลาๆๆ

ไว้ว่างๆจะมาเขียนยาวๆ (ถ้าว่างพอ555+)
แก้ไขล่าสุด: 1/11/2554 08:08 โดย AguileraAnimato
#3Baby_Sun • 1/11/2554 09:18
มันดูโอเคแค่ฉากอึจริงๆค่ะ หมายถึงมันแหวะจริงๆนั่นแหละนะ
ภาพตัดแบบฉับไปฉับมา บางครั้งแอบเวียนหัวเล็กๆ
เหมือนเค้าต้องการจะขายฉากโหดๆอย่างเดียว ให้ชวนแหวะชวนเสียวไงไม่รู้

แถมตัวโรคจิตมันควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เลย จิตหลุดแทบทุกเวลา ดูแล้วแอบหงุดหงิดเล็กๆค่ะ แฮะๆ ชอบภาคแรกมากกว่า หนังมันดูจะมีมิติกว่า ล่ะมั้งคะ

ชอบภาคนี้ตรงที่เป็นภาพขาวดำนี่แหละ ทำให้พอมีความบันเทิงในแสงบ้าง สำหรับเราล่ะนะ เหอๆ
#4Baby_Sun • 1/11/2554 09:20
นึกสงสัยอยู่อย่างนึง มันจับมาทำขนาดนี้ เรื่องเกิดเยอะขนาดนี้ ตำรวจไม่เอี่ยวเลย ฮ่าๆ จริงๆพอเข้าใจหนังแนวนี้นะ หลายๆเรื่องก็โหดซะ แต่ตำรวจไม่เอี่ยว แต่เรื่องนี้ภาคแรกคนหายไปไม่กี่คน ตำรวจตามถึงบ้านหมอแล้วนั่น = =
แก้ไขล่าสุด: 1/11/2554 09:26 โดย Baby_Sun
#5samara17520 • 1/11/2554 09:38
เพราะสร้างเป็นภาพขาว-ดำ เลยบั่นทอนความรุนเเรงไปได้เยอะ

หนังไม่ตอบสนองในสิ่งที่คนดูอยากจะเห็น(คนดูเฉพาะกลุ่ม) กรรมวิธีในการลงมือ สร้างสรรค์ ดูเหมือนถูกปกปิด หรือหั่นให้ลดน้อยลง เสียรสชาติอาหารหมด

สรุป....สู้ภาคเเรกไม่ได้ เเต่ก็เป็นหนังจิตตกที่ดีในระดับที่มันสมควรจะเป็น คงเป็นเพราะตั้งความหวังเอาไว้กับภาคนี้ไว้มาก(มั้ง)...ไม่ค่อยเป็นเหมือนที่คิดไว้


บทสรุปจริงๆ....คงต้องรอฉบับไม่ตัด เเล้วค่อยวิจารณ์ ^^
#6AguileraAnimato • 1/11/2554 10:32
ตะกี้พิมพ์ในเฟซบุ๊คเสร็จพอดี เอามาลงในนี้ด้วยดีกว่า

(พยายามไม่สปอยนะ เขียนแบบเบี่ยงๆ แต่ถ้าดูแล้วมาอ่านอาจจะเกทบางอย่างที่เราจะสื่อ)


คือเวอร์ชั่นที่หลุดมาตอนนี้ คือตัว UK Version ที่ถูกตัดไปตัดสิ้น 32 คัท สิริรวมเวลาที่หายไปทั้งสิ้น 2 นาทีกว่าๆ เนื่องจากตอนแรกหนังโดนแบนห้ามฉายและห้ามขายในอังกฤษ อีตาผกก.แกก็คงมีเมตตาอยากให้ชาวประชาเกาะแห่งสมเด็จพระนางอลิซาเบ็ธที่ 2 ได้ดู (หวังดีจริงๆ) แกเลยยอมเฉือนเนื้อเถือหนังตัวเองออก จนออกมาเป็นฉบับนี้ ซึ่งหลังจากข้าพเจ้าดูจบ และเกือบอ้วกแตกอ้วกแตนไป ก็ต้องเบ้ปากใส่ เพราะหนังตัดออกมาได้ฉิบหายเหลือทน

ความฉิบหายนี้ไม่ใช่เพราะหนังตัดฉากโหดออกจนหมด (มันจะเอาออกทั้งยวงได้ไง ไม่งั้นมันจะเหลือเสน่ห์อะไรของหนังเรื่องนี้) แต่อยู่ที่การตัดแบบไม่รักษาคอนทินิวตี้ ซึ่งทำให้เส้นอารมณ์ที่ปลุกเร้าคนดูพังยวบ เส้นเรื่องที่กำลังเล่าก็เลยดูขาดห้วง จะว่าไปก็เหมือนกับกรรมวิธีการผ่าตัดของตัวร้ายในเรื่องที่ไม่เป็นแพทเทิร์น ชุ่ย ไม่ปราณีต.... ตัวอย่างการตัดหนังแบบแย่ติดลบ เช่น หลายฉากที่เหยื่อพยายามหนีคนร้าย เรากำลังลุ้นว่าจะหนีได้ไหม แป๊บๆ หนังตัด เหยื่อโดนจับแล้ว อะไรพวกนี้ นี้แค่เสี้ยวๆ...แล้วคิดดูว่าเราต้องอยู่กับหนังที่คัท อะเวย์ และจัมป์แบบน่าเกลียดๆแบบนี้ทั้งเรื่อง ละครช่อง 7 กลายเป็นเทพไปเลย เพราะมันยังพยายามเนียนในการรักษาความต่อเนื่องอยู่


ทีนี้ตัวหนังมันก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากกว่าฉากทรมานบันเทิง ซึ่งมันก็ยังแหวะอยู่นะ น่ากลัว โหด ยี้ อยู่.... แต่การเล่าเรื่องของหนังมันน่าเบื่อมาก ไม่มีอะไรเซอร์ไพร์ส ทื่อ แล้วทุกอย่างมันเร็วมาก มากจนเราไม่มีความทรงจำตกค้างกับฉากใดเลย
หนังทั้งเรื่องมันเสียเวลาเล่าตอนจับเหยื่อ และไอ้ฉากจับไปทำตะขาบก็อยู่เพียงควอเตอร์สุดท้ายของหนังเท่านั้น... น่าแปลกที่หนังภาคแรกเองนั้นเวิ่นเว้อและดำเนินเรื่องเชื่องช้า แต่เราสัมผัสได้ถึงความเลือดเย็น ความเย็นชา ความไม่น่าไว้วางใจ อะไรพวกนี้ได้ดีกว่า ซึ่งไอ้สาเหตุนี้ก็ต้องโทษตัดต่ออีกแหละ เพราะพอจังหวะพัง อะไรๆก็พังตาม ตั้งแต่ set up ตัวละคร พวกแบ๊คกราวน์ ปูมหลัง / บทสนทนาหนังก็ดูเพลนๆมาก แบบหนังเกรดบีจริงๆ ไอ้แบบเน้นคำว่า ฟัค ชิท ทุก 10 นาที มันดูจงใจจะถ่อยนะ ไม่เก๋ / แอ๊คติ้งพวกดาราตัวประกอบก็ไก่กามาก ส่วนตัวละครหลัก เราว่าแคสมาดีแล้ว ต่อให้ไม่เค้นการแสดง มันก็ตราตรึงอยู่ แต่พอคนเจ๋งๆมาอยู่ในหนังที่บทเพลนๆตัดต่อแย่ๆ มันก็ดูเพลนๆไปหมด ยังไม่รวมความสมเหตุสมผลอื่นๆ ไอ้แบบมึงโดนขนาดนี้แล้วลุกมาได้ไง มึงคลานได้ไง มึงไม่เจ็บเหรอ มึงทนได้ไง บลาๆๆ - - สรุปหนังห่วย ไม่ใช่เพราะโหด แต่มันห่วยก็เพราะมันเป็นหนังห่วย

แต่ทีนี้หนังก็ยังมีอะไรน่าสนใจให้ขบคิดต่อ เช่น
ฟอร์แมตหนังเป็นสีขาว-ดำ อันตรงนี้เราว่าเป็นขาวดำก็ดี คือไม่ได้ดูอาร์ทหรอก แต่ในแง่โปรดัคชั่นมันก็ช่วยทำให้เอฟเฟกต์ดูสมจริงขึ้น.... แล้วในแง่ที่ว่าการก้าวจากหนังสี เป็นขาวดำ ของหนังชุดแรก มาชุดสอง (พยายามไม่อยากเรียกว่า ภาค เพราะมันเป็นคนละมิติที่ไม่ต่อเนื่องกันทางเส้นเรื่อง) มันก็เหมือนการสร้างมิติขึ้นมาคนละระบบ คือในแง่ที่ว่าหนังชุด 1 มันมีสถานะเป็น ภาพยนตร์ feature film ในขณะที่ชุดสองมันคือโลกความเป็นจริง (คือหนังเซทว่า first sequence เนี้ยมันเป็นแค่"ภาพยนตร์" ที่ตัวละครใน full sequence มันดู) ฉะนั้นหนังภาคแรกจึงเป็นเพียงมายายนตร์ โลกของการสร้าง ประดิษฐ์เรื่องราว เพื่อเป็นสาสน์ และสื่อให้โลกในภาคสองได้เสพ... ทีนี้ตามเซนส์ของคนดูหนัง เราจะมองว่าอะไรที่ขาว-ดำ มันดูเรียลกว่า มันดูแท้จริงกว่า มันให้ความรู้สึกที่ calm กว่า เหมือนภาพขาวดำ กับภาพสี เรามักเลือกภาพขาวดำเวลาต้องการลดทอนอารมณ์ปรุงแต่ง แฟนซี เพื่อความจริงจัง หรือความขลัง เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นสำนึกบางอย่างในการรับรู้ของคนว่า หนังสี ภาพสี คือการปลุกเร้าด้วยสี ด้วยการแต่งเติม จึงเป็นเรื่องของการประดิษฐ์ (first sequence = หนังที่ถูกสร้างขึ้น) แต่พอเราลดทอนสีสัน เราก็อยู่ในโหมดของความเป็นจริง ในโลกขาว-ดำ (full sequence = โลกความเป็นจริง) ....(ซึ่งจริงๆไอ้ขาวดำ/สี เนี้ยมันเป็นเพียงสัจจะที่ถูกทำให้เชื่อแค่ในโลกของภาพยนตร์นะ เพราะในโลกความเป็นจริงมนุษย์ก็มองเห็นทุกอย่างเป็นสีใช่ไหม ก็เหมือนกับในภาพยนตร์เรามักใช้สีฟ้า สีน้ำเงินในการแทนภาพยามราตรี แต่ในโลกความเป็นจริงเราจะมาเห็นแสงสีฟ้า night light อะไรได้ไง)...

ซึ่งพอหนังแบ่งฟอร์แมตสีแบบนี้เราก็ว่าเก๋ดี แล้วหนังมันก็สามารถมาบรรจบระหว่างโลกของภาพยนตร์human centipede กับโลกความเป็นจริงของมาร์ตินได้ด้วยการเอานักแสดงในหนังเรื่อง The Human centipede ชุดแรก มาลงเล่นในพาร์ทโลกชีวิตจริงของ full sequence เลยซะ (คือจากภาคก่อนมึงถูกทำให้เป็นตะขาบ แต่มันเป็นแค่หนัง แต่ภาคนี้มึงเจอคนจับมึงมาทำเป็นตะขาบเอาจริงๆเลย) การเลือกใช้นักแสดงคนเดียวกันมาเล่นเป็นตัวเองนี้แหละที่ทำให้รอยต่อของหนังและชีวิตจริงมันแนบสนิท และน่ากลัวขึ้น (ที่ตลกคือยัยดาราคนนี้ภาคแรกมึงอยู่ท้ายสุด มาในเรื่องนี้มึงเลยโดนจับอยู่หน้าเลย)

แล้วก็อีกอย่างนึงที่น่าสนใจคือสถานะในการเป็นหนังภาคต่อ หรือจะมองว่าสถานะในการเป็นผู้รับสาส์นลำดับที่สอง (หรือขั้นรองลงมา)... อย่างไรดี ไม่รู้จะบัญญัติศัพท์ว่าอะไรอย่างไร เอางี้ ลองนึกถึงหนังอย่าง Be Kind Rewinded, Scream 4 และไอ้หนัง HC2 ด้วย เพราะทั้งสามเรื่องก็เป็นการรับช่วง และอิทธิพลจากหนังหรือเรื่องเล่าต้นฉบับแล้วนำมาแปลงขึ้นใหม่ในคนละแบบ โอเคอย่าง Be Kind Rewinded มันเป็นเรื่องพนักงานร้านเช่าวิดีโอ ที่ทำหนังขึ้นใหม่ เพราะวิดีโอในร้านเจ๊งบ๊ง... มันก็เป็นในลักษณะการขายผ้าเอาหน้ารอด จนเกิดเป็นการtransform สื่อขึ้นมาใหม่ ในระหว่างกระบวนการถ่ายทำ การผลิตซ้ำจนออกมาเป็นงานอีกแนวนึง... ส่วน Scream 4 มันมาในเชิงของการต้องการแทนที่ และบีคัมมิ่ง ของหนังภาคต่อที่พยายามจะฝังกลบหนังต้นฉบับ (ฆาตกร และซิดนี่ย์) เป็นในลักษณะการล้างประวัติศาสตร์อย่างไม่ให้เกียรติ แต่ใน HC2 มันเป็นการเยียวยาและคารวะ (การบำบัดด้วยการลอกเลียนแบบจากสิ่งที่ตัวเองคลั่งไคล้) แต่ผลที่ได้มันดันออกไปในทางตรงกันข้ามแบบเจ็บป่วยและหดหู่ที่สุด คือเราจะผลักมันไปเป็นความรู้สึกแง่บวกแบบ be kind ก็ไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้สร้างอิมแพคความเหยียดหยามต้นฉบับแบบ Scream 4 ก็ไม่ได้อีก คือมันคงเป็นการพยายามเยียวยาตัวเองแต่สุดท้ายก็จบลงด้วยความเน่าเปื่อยและการทำลายล้างผลงานตัวเองนะ... เออเพราะฉะนั้นฉากเอาคืนของหนังเลยเป็นการยัดกลับแบบ reverse จากตูดซะเลย แล้วของที่เอาใส่เข้าไปก็เหมาะสมกับตัวละครแล้ว.....


ทีนี้ไอ้ความเป็นภาคต่อ มันก็อาจจะสะท้อนไปที่ตัว ผกก. นี้แหละ ตัวดี มันคงเหมือนกับ Tom Six พยายามจะ reproduct ตัวเอง ด้วยการมองหนังภาคแรกเป็นอะไรที่มาสเตอร์พีซมาก ซึ่งเออมันก็แข็งจริง พีค แต่การผลิตซ้ำของมันใน HC2 มันเลยกลายเป็นการเอามาแบบต่อเติมฟังค์ชั่นความรุนแรงจนมากไปเพื่อสนองการรับรสบางอย่างของคนดูจนลืมไปว่าผลงานที่ดีไม่ได้ดีแค่ส่วนใดส่วนนึง แต่ควรจะกลมกล่อมไปทั้งตัวงาน.... ฉะนั้น HC2 ก็คงเป็นเพียงแค่ของเล่นที่ศิลปินเพียงแค่สนุกมือ และหนักมือมากเกินไปเท่านั้นเอง

ป.ล. รอดูแบบอันคัท
แก้ไขล่าสุด: 1/11/2554 10:39 โดย AguileraAnimato
#7Darkside Fairy • 1/11/2554 16:58
ฮ่า ฮ๋า คุณ AguileraAnimato


.. Darkside Fairytale ชื่อน่ารักยิ่งกว่าเดิม อิอิ
#8AguileraAnimato • 1/11/2554 18:54
เอ้า เราพิมพ์ชื่อคุณผิดเหรอ 555+ มันออกมาอัตโนมัติเลยอ่า ^^
#9caragio • 4/11/2554 20:07
เท่าที่ดูจบแล้ว (เวอร์ชั่น 88 นาทีนั่นล่ะครับ)

ผิดหวังมาก ถึงมากที่สุด อย่างที่หลายๆคนบอกครับ นี่มันเน้นโหดอย่างเดียว ไม่มีศิลปะหรือความสุขุมนุ่มลึกในการนำเสนออะไรทั้งนั้น แม้จะให้อีมาร์ตินมันไม่พูดอะไรก็เหอะ ดูเผินๆเหมือนพยายามจะทำอาร์ต ทำขาวดำ ทำให้ตัวเอกไม่พูด สื่อทางการกระทำ แต่มันไม่ได้อ่ะครับ ยังไงก็ไม่ถึง

ส่วนประโยค 100% Medical Inaccuracy ตอนแรกก็ฟังดูน่าสน ว่าแบบเฮ้ย แม่งกะจะผ่าแบบโหดไม่สนใจใครแหงๆ แต่เอาเข้าจริง เพราะความที่มันไม่ Accuracy นี่ล่ะ มันเลยทำให้รู้สึกว่า นี่มันโม้ชัดๆ คือภาคแรกนี่ส่วนนึงที่เรากลัว ก็เพราะเรารู้สึกว่า เฮ้ยมันเกิดขึ้นจริงได้นะ ถ้าวันดีคืนดีเราโดนหมอโรคจิตจับไปผ่าตัดแบบในหนังนี่มันนรกทั้งเป็นเลย แต่พอภาคนี้มันโม้เกินเหตุ อารมณ์ร่วมมันเลยน้อยลง ทำนองว่า นี่ถ้ากูโดนแบบในหนังนะ กุตายตั้งกะโดนมันทุบหัวแล่ว

อันนี้แหละที่ขัดใจที่สุด คือตอนแรกผมเข้าใจว่ามาร์ตินมันฆ่าสองรายแรกก่อนนะครับ แบบดูแล้วอิจฉาคนเค้ามีแฟน เลยทุบหัวฆ่าแม่งเลย พอรายต่อมาถึงค่อยเอามาทำตะขาบ แต่ปรากฏว่า พี่แกทุบหัวป๊าบๆทุกรายเลย ซึ่งไอ้ชะแลงนั่นกับเสียงโผละ โผละ เวลากะโหลกแตกนั้น เอาเข้าจริงก็ตายตั้งแต่ตอนนั้นล่ะครับ ไหนจะบาดแผลจากการโดนยิงอีก หรือการเสียเลือดและความเจ็บปวดจากการผ่าแบบไม่ใช้ยาสลบ ก็ทำให้เหยื่อตายก่อนแล้ว ไม่รอดถึงขั้นตะขาบหรอกครับ

พูดง่ายๆ คือมันมักง่ายไปเสียทุกอย่างนั่นเอง จากการวางบทให้มาร์ตินเป็นหอบหืด และปัญญาอ่อน แถมยังอ้วนกลมบ๊อกขนาดนั้นอีก ถ้าไม่มีชั้นเชิงอะไรบ้าง เอาเข้าจริงต้องมีสักรายแหละที่สู้ไหว (อย่างน้อยก็พี่บึ้กอันธพาลสักเต็มตัว)

ถ้าเกิดว่าเปลี่ยนบทให้ตัวเอกเป็นายแพทย์ซะหน่อย มีการวางแผน หรือชั้นเชิงในการจับเหยื่อมา ก็คงจะดูลุ้นกว่านี้ โหดกว่านี้ สนุกกว่านี้ เสียดายที่โม้ไว้เยอะ พอดูเข้าจริงๆเลยรู้สึก เห้ออออ แค่เนี้ยนะ เท่านั้นเองครับ
#10papae • 4/11/2554 20:42
ห่วยกว่าภาคแรกเยอะมาก ตัดต่อห่วย เฮ้อ
#11sugardog • 8/11/2554 11:55
ขอตัวดูก่อนนะครับ
แก้ไขล่าสุด: 8/11/2554 11:56 โดย sugardog
#12หนูเดซี่ค่ะ • 8/11/2554 20:39
ผมดูได้ครึ่งตอนก็กดกากบาทปิดไปเลย ทีแรกผมดู นึกว่าผมจะรู้สึกคนเดียวซะอีก คือ หนังดำเนินเรื่องเร็วไป มีการตัดต่อแบบไม่ปราณีคนดู หลายฉากที่น่าจะให้ได้ลุ้นกันบ้างก็โดนตัดมาตอนโดนจับเลย คือผมในฐานะคนดูรู้สึกไม่ปลื้มเอามากๆ

บางฉากนี้โม้มากๆ ไม่มีอะไร นอกจากคำว่า "เสียใจ"
#13netjungzaMT • 8/11/2554 21:25
งง พล็อตเรื่องเวอร์สุดๆเลยอ่ะ ทุกอย่างมันไม่สมจริงเลยทั้งสถานการณ์ และความเป็นไปได้ คือมันดูแล้วไม่น่ากลัวเหมือนภาคแรก ไม่ลงตัวเลยสำหรับภาคนี้ ผิดหวังมากมาย
Login
Function Used time : 0:00:00:00.017
Go Last