(ขอเกาะกระแสด้วยคน)เรื่องสั้นแต่งเองครับ...
by starlian • วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 14:08
จริงๆแล้วเรื่องนี้ไม่เชิงสยองเท่าไหร่ครับ แต่ก็พอมีฉากโหดๆบ้างเล็กน้อย
ภาพที่คิดไว้ในหัวก็ประมาณเรื่อง from dusk till dawn+pulp fiction ครับ มีการนำเทคนิกการนำเสนอของเควนตินมาใช้ด้วย
อีกอย่างเรื่องนี้เคยนำไปวาดเป็นการ์ตูนโพสตามเว็บมาแล้วครับ และก็เคยส่งเข้าประกวดพล็อตหนังสั้นได้รางวัล
อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงก็ติชมได้นะครับ
ชื่อเรื่องคือ...."หักเหลี่ยมทรชน"
ภาพที่คิดไว้ในหัวก็ประมาณเรื่อง from dusk till dawn+pulp fiction ครับ มีการนำเทคนิกการนำเสนอของเควนตินมาใช้ด้วย
อีกอย่างเรื่องนี้เคยนำไปวาดเป็นการ์ตูนโพสตามเว็บมาแล้วครับ และก็เคยส่งเข้าประกวดพล็อตหนังสั้นได้รางวัล
อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงก็ติชมได้นะครับ
ชื่อเรื่องคือ...."หักเหลี่ยมทรชน"
Replies (11)
ตอนที่ 1
“เร็วๆหน่อยสิวะ” .......ไอ้จ๊อดบอกกับพนักงานคิดเงินของร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ..ดูเหมือนว่าไอ้จ๊อดมันกำลังรีบอยู่
เมื่อได้ของเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็เดินออกจากร้าน มุ่งหน้าตรงไปยังซื่อตรง อพาทเมนต์ ที่อยู่ห่างออกไปราวๆ 200 เมตร
สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นสลัมแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ย่านนี้มีทั้งการค้าประเวณี การพนัน และยาเสพติด
ร่วมถึงเป็นที่กบดานของเหล่าอาชญากร ตัวอันตรายของสังคม
เป้าหมายของไอ้จ๊อดอยู่ที่ชั้น 3 ห้อง 312 มันเดินขึ้นบันได ตรงปรี่เข้าไปเปิดประตูห้องที่ไม่ได้ล็อกไว้
ภายในห้องมีชาย 2 คนนั่งอยู่ซึ่งก็คือไอ้ตั๋งและไอ้หมาน
“ ทำไมถึงช้านักวะ ” ไอ้ตั๋งลูกพี่ใหญ่เอ่ยปากถามอย่างหงุดหงิด
“อ๋อผมแวะซื้อเบียร์ที่ร้านแล้วไอ้พนักงานเฮงซวยนั้นมันคิดเงินผิดก็เลยเสียเวลานิดหน่อย...ว่าแต่พี่เรียกผมมาทำไมเหรอครับ”
“กูมีงานจะให้มึงทำ”
“เอ่อ..งานเหมือนที่แล้วๆมาน่ะเหรอ”
“ก็ทำนองนั้น แต่คราวนี้งานใหญ่...เราจะปล้นรถขนเงิน”
“จะดีเหรอพี่มันเสี่ยงนะพลาดขึ้นมาติดคุกหัวโตเลยอีกอย่างผมอยากจะเลิกแล้วผมอยากวางมือ” “เฮ้ย!!...ขึ้นขี่หลังเสือแล้วคิดจะลงง่ายๆเหรอวะ อย่างมึงนี่ ถ้าเลิกแล้วจะไปทำอะไรกิน เรียนสูงนักหรือไง อยากเป็นคนดีหรือไง
คนเขารู้ว่ามึงเคยติดคุก เขาก็ไม่รับมึงทำงานแล้ว..ไอ้จ็อด..คนเลวๆอย่างมึง ก็ต้องทำแต่เรื่องเลวๆสิวะ ไม่ต้องคิดไปทำอย่างอื่นให้มันปวดหัว
แล้วมึงไม่ต้องกลัวเลยว่าจะพลาด งานนี้กูชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ จบงานนี้รับรองมึงได้เป็นเศรษฐีแน่”
ไอ้ตั๋งชี้แจงอย่างโกรธเกรี้ยว สายตาของมันแข็งกร้าวจ้องมองมาที่ไอ้จ็อด บอกเป็นนัยว่านี่เป็นข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ไอ้จ็อดไม่กล้าแม้แต่จะเถียงต่อ ถึงแม้ว่าในใจไม่คิดอยากทำงานนี้ก็ตาม แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลง
ส่วนไอ้หมานมือขวาของไอ้ตั๋งนี่ ไม่ต้องพูดถึง ลูกพี่เอาไงมันก็เอาตามเสมอไม่มีบิดพลิ้วตามสไตลส์ขี้ข้าชั้นดี...
และแล้ววันปฏิบัติการก็มาถึง แผนการของไอ้ตั๋งคือให้ทั้งสามคน ปลอมเป็นตำรวจตั้งด่านปลอมขึ้นมาในเส้นทางที่รถขนเงินจะผ่านเพื่อดักปล้น
ไอ้จ็อดรู้สึกประหม่าไม่น้อยที่ต้องอยู่ในชุดตำรวจยศจ่า ส่วนไอ้หมานแต่งยศร้อยตรี มีดาวเงาวับอยู่บนบ่าของมัน
แต่ไอ้ตั๋งยิ่งแล้วใหญ่ แต่งชุดพันตำรวจเอก แอ๊คท่าวางมาดราวกับตำรวจจริงๆ พวกมันแสดงบทบาทได้ดีกันทีเดียว ถ้ามองจากสายตาคนนอกคงดูไม่ออกว่าเป็นตำรวจปลอม..
ไอ้ตั๋งมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือเรือนสวยของมัน มันตัดสินใจนำตะแกรง เหล็กมาไว้กลางถนน เพื่อตั้งด่านนี่คงใกล้ถึงเวลาปฏิบัติการของพวกมันแล้ว
ไม่นานนักเป้าหมายก็ปรากฏ รถปิ๊กอัพสีขาวมีตราสัญลักษณ์ของบริษัทขนเงินกำลังวิ่งตรงมาทางนี้ ไอ้ตั๋งรีบโบกให้รถจอดตรงด่าน
มันเรียกขอดูใบขับขี่แต่ในขณะที่คนในรถเผลอนั้นไอ้ตั๋งเปิดประตูรถตรงปรี่เข้าไปล๊อกตัวคนขับดันไปที่แค๊ปข้างหลัง ไอ้หมานเข้าประกบอีกคนที่นั่งด้านข้าง
ส่วนไอ้จ็อดรับหน้าที่เป็นคนขับแทน เพียงไม่กี่วินาทีรถคันนี้ก็แล่นออกไปอย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอย ไม่นานนักรถขนเงินถูกขับมาจอดในซอยเปลี่ยว
สองข้างทางมีแต่พงหญ้าขึ้นรกชัฏ ไอ้ตั๋งกับไอ้หมานจับพนักงานสองคนใส่กุญแจมือไพล่หลัง ปิดตาปิดปากด้วยแถบผ้า เสร็จแล้วก็นำกุญแจที่ยึดมาได้ไปไขกล่องเงิน
ทั้งสองรีบนำเงินยัดใส่กระเป๋าที่เตรียมมาจนเต็มจากนั้นก็ไปขึ้นรถเก๋งที่เตรียมไว้ ซึ่งมีไอ้จ๊อดสตาร์ทรถคอยอยู่ รถทะยานออก ไปด้วยความเร็ว มุ่งหน้าสู่เป้าหมายต่อไป
ราวๆสองทุ่มไอ้ตั๋งและลูกน้องนั่งล้อมวงกินเบียร์กันอยู่ในเซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง เซฟเฮ้าส์แห่งนี้ตั้งอยู่กลางป่าแถวชายแดนภาคตะวันออกรอบตัวบ้านเป็นป่ารกห่างไกลจากผู้คน
ทั้งสามจับตาดูข่าวในทีวีอย่างตั้งใจเพราะเริ่มมีข่าวเกี่ยวกับการปล้นออกมาแล้ว แม้ว่าเหตุการณ์จะเพิ่งผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม
แต่ดูเหมือนว่าตำรวจจะยังไม่มีข้อมูลอะไรที่จะสาวมาถึงตัวพวกมันได้
“ช่วงนี้อย่าเพิ่งติดต่อกับใคร รอซักพักให้เรื่องซาก่อน” ไอ้ตั๋งพูดกำชับลูกน้องทั้งสองไอ้หมานกับไอ้จ๊อดผยักหน้ารับ
“มาฉลองกันให้สนุกดีกว่า” ไอ้ตั๋งพูดชักชวนลูกน้อง
“อ๊ะ...เบียร์หมดแล้วเดี๋ยวผมไปเอามาเพิ่มล่ะกัน” ไอ้จ๊อดพูดแทรกขึ้น
“เออดี แล้วเอาที่อยู่ในลังไปแช่ด้วยล่ะ” ไอ้จ๊อดเดินออกไปจากห้อง...แต่เวลาผ่านไปหลายนาทีไอ้จ๊อดก็ยังไม่กลับมา
“ไอ้หมานมึงไปดูมันดิ๊ หลับคาตู้เย็นไปแล้วมั้ง”
ไอ้หมานเดินออกจากห้องหายไปอีกคน เหลือเพียงไอ้ตั๋ง...
แต่เพียงไม่กี่อึดใจมีเสียงปืนดังรัวขึ้นมาจากห้องครัวไอ้ตั๋งตกใจคว้าปืนขึ้นมาตามสัญชาติญาณ มันหน้าซีด เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามใบหน้า
ดูเหมือนว่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากเกิดขึ้นที่ห้องครัว ไอ้ตั๋งค่อยๆย่องออกไปจากห้องอีกคน เหลือเพียงห้องเปล่าๆที่มีทีวีเปิดทิ้งไว้
มันคงจะไปดูเหตุการณ์ที่ครัว แต่แล้วก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีก...
บรรยากาศภายนอกเซฟเฮ้าส์ยังสงบนิ่ง ท้องฟ้าภายนอกมืดสนิท ไร้แสงจันทร์
“...ไอ้ห่าเอ๊ยย!!!!...อะไรวะเนี่ย ” เสียงชายผู้หนึ่งสบถอย่างหัวเสีย ดังออกมาจากเซฟเฮ้าส์
“เร็วๆหน่อยสิวะ” .......ไอ้จ๊อดบอกกับพนักงานคิดเงินของร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ..ดูเหมือนว่าไอ้จ๊อดมันกำลังรีบอยู่
เมื่อได้ของเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็เดินออกจากร้าน มุ่งหน้าตรงไปยังซื่อตรง อพาทเมนต์ ที่อยู่ห่างออกไปราวๆ 200 เมตร
สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นสลัมแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ย่านนี้มีทั้งการค้าประเวณี การพนัน และยาเสพติด
ร่วมถึงเป็นที่กบดานของเหล่าอาชญากร ตัวอันตรายของสังคม
เป้าหมายของไอ้จ๊อดอยู่ที่ชั้น 3 ห้อง 312 มันเดินขึ้นบันได ตรงปรี่เข้าไปเปิดประตูห้องที่ไม่ได้ล็อกไว้
ภายในห้องมีชาย 2 คนนั่งอยู่ซึ่งก็คือไอ้ตั๋งและไอ้หมาน
“ ทำไมถึงช้านักวะ ” ไอ้ตั๋งลูกพี่ใหญ่เอ่ยปากถามอย่างหงุดหงิด
“อ๋อผมแวะซื้อเบียร์ที่ร้านแล้วไอ้พนักงานเฮงซวยนั้นมันคิดเงินผิดก็เลยเสียเวลานิดหน่อย...ว่าแต่พี่เรียกผมมาทำไมเหรอครับ”
“กูมีงานจะให้มึงทำ”
“เอ่อ..งานเหมือนที่แล้วๆมาน่ะเหรอ”
“ก็ทำนองนั้น แต่คราวนี้งานใหญ่...เราจะปล้นรถขนเงิน”
“จะดีเหรอพี่มันเสี่ยงนะพลาดขึ้นมาติดคุกหัวโตเลยอีกอย่างผมอยากจะเลิกแล้วผมอยากวางมือ” “เฮ้ย!!...ขึ้นขี่หลังเสือแล้วคิดจะลงง่ายๆเหรอวะ อย่างมึงนี่ ถ้าเลิกแล้วจะไปทำอะไรกิน เรียนสูงนักหรือไง อยากเป็นคนดีหรือไง
คนเขารู้ว่ามึงเคยติดคุก เขาก็ไม่รับมึงทำงานแล้ว..ไอ้จ็อด..คนเลวๆอย่างมึง ก็ต้องทำแต่เรื่องเลวๆสิวะ ไม่ต้องคิดไปทำอย่างอื่นให้มันปวดหัว
แล้วมึงไม่ต้องกลัวเลยว่าจะพลาด งานนี้กูชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ จบงานนี้รับรองมึงได้เป็นเศรษฐีแน่”
ไอ้ตั๋งชี้แจงอย่างโกรธเกรี้ยว สายตาของมันแข็งกร้าวจ้องมองมาที่ไอ้จ็อด บอกเป็นนัยว่านี่เป็นข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ไอ้จ็อดไม่กล้าแม้แต่จะเถียงต่อ ถึงแม้ว่าในใจไม่คิดอยากทำงานนี้ก็ตาม แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลง
ส่วนไอ้หมานมือขวาของไอ้ตั๋งนี่ ไม่ต้องพูดถึง ลูกพี่เอาไงมันก็เอาตามเสมอไม่มีบิดพลิ้วตามสไตลส์ขี้ข้าชั้นดี...
และแล้ววันปฏิบัติการก็มาถึง แผนการของไอ้ตั๋งคือให้ทั้งสามคน ปลอมเป็นตำรวจตั้งด่านปลอมขึ้นมาในเส้นทางที่รถขนเงินจะผ่านเพื่อดักปล้น
ไอ้จ็อดรู้สึกประหม่าไม่น้อยที่ต้องอยู่ในชุดตำรวจยศจ่า ส่วนไอ้หมานแต่งยศร้อยตรี มีดาวเงาวับอยู่บนบ่าของมัน
แต่ไอ้ตั๋งยิ่งแล้วใหญ่ แต่งชุดพันตำรวจเอก แอ๊คท่าวางมาดราวกับตำรวจจริงๆ พวกมันแสดงบทบาทได้ดีกันทีเดียว ถ้ามองจากสายตาคนนอกคงดูไม่ออกว่าเป็นตำรวจปลอม..
ไอ้ตั๋งมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือเรือนสวยของมัน มันตัดสินใจนำตะแกรง เหล็กมาไว้กลางถนน เพื่อตั้งด่านนี่คงใกล้ถึงเวลาปฏิบัติการของพวกมันแล้ว
ไม่นานนักเป้าหมายก็ปรากฏ รถปิ๊กอัพสีขาวมีตราสัญลักษณ์ของบริษัทขนเงินกำลังวิ่งตรงมาทางนี้ ไอ้ตั๋งรีบโบกให้รถจอดตรงด่าน
มันเรียกขอดูใบขับขี่แต่ในขณะที่คนในรถเผลอนั้นไอ้ตั๋งเปิดประตูรถตรงปรี่เข้าไปล๊อกตัวคนขับดันไปที่แค๊ปข้างหลัง ไอ้หมานเข้าประกบอีกคนที่นั่งด้านข้าง
ส่วนไอ้จ็อดรับหน้าที่เป็นคนขับแทน เพียงไม่กี่วินาทีรถคันนี้ก็แล่นออกไปอย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอย ไม่นานนักรถขนเงินถูกขับมาจอดในซอยเปลี่ยว
สองข้างทางมีแต่พงหญ้าขึ้นรกชัฏ ไอ้ตั๋งกับไอ้หมานจับพนักงานสองคนใส่กุญแจมือไพล่หลัง ปิดตาปิดปากด้วยแถบผ้า เสร็จแล้วก็นำกุญแจที่ยึดมาได้ไปไขกล่องเงิน
ทั้งสองรีบนำเงินยัดใส่กระเป๋าที่เตรียมมาจนเต็มจากนั้นก็ไปขึ้นรถเก๋งที่เตรียมไว้ ซึ่งมีไอ้จ๊อดสตาร์ทรถคอยอยู่ รถทะยานออก ไปด้วยความเร็ว มุ่งหน้าสู่เป้าหมายต่อไป
ราวๆสองทุ่มไอ้ตั๋งและลูกน้องนั่งล้อมวงกินเบียร์กันอยู่ในเซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง เซฟเฮ้าส์แห่งนี้ตั้งอยู่กลางป่าแถวชายแดนภาคตะวันออกรอบตัวบ้านเป็นป่ารกห่างไกลจากผู้คน
ทั้งสามจับตาดูข่าวในทีวีอย่างตั้งใจเพราะเริ่มมีข่าวเกี่ยวกับการปล้นออกมาแล้ว แม้ว่าเหตุการณ์จะเพิ่งผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม
แต่ดูเหมือนว่าตำรวจจะยังไม่มีข้อมูลอะไรที่จะสาวมาถึงตัวพวกมันได้
“ช่วงนี้อย่าเพิ่งติดต่อกับใคร รอซักพักให้เรื่องซาก่อน” ไอ้ตั๋งพูดกำชับลูกน้องทั้งสองไอ้หมานกับไอ้จ๊อดผยักหน้ารับ
“มาฉลองกันให้สนุกดีกว่า” ไอ้ตั๋งพูดชักชวนลูกน้อง
“อ๊ะ...เบียร์หมดแล้วเดี๋ยวผมไปเอามาเพิ่มล่ะกัน” ไอ้จ๊อดพูดแทรกขึ้น
“เออดี แล้วเอาที่อยู่ในลังไปแช่ด้วยล่ะ” ไอ้จ๊อดเดินออกไปจากห้อง...แต่เวลาผ่านไปหลายนาทีไอ้จ๊อดก็ยังไม่กลับมา
“ไอ้หมานมึงไปดูมันดิ๊ หลับคาตู้เย็นไปแล้วมั้ง”
ไอ้หมานเดินออกจากห้องหายไปอีกคน เหลือเพียงไอ้ตั๋ง...
แต่เพียงไม่กี่อึดใจมีเสียงปืนดังรัวขึ้นมาจากห้องครัวไอ้ตั๋งตกใจคว้าปืนขึ้นมาตามสัญชาติญาณ มันหน้าซีด เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามใบหน้า
ดูเหมือนว่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากเกิดขึ้นที่ห้องครัว ไอ้ตั๋งค่อยๆย่องออกไปจากห้องอีกคน เหลือเพียงห้องเปล่าๆที่มีทีวีเปิดทิ้งไว้
มันคงจะไปดูเหตุการณ์ที่ครัว แต่แล้วก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีก...
บรรยากาศภายนอกเซฟเฮ้าส์ยังสงบนิ่ง ท้องฟ้าภายนอกมืดสนิท ไร้แสงจันทร์
“...ไอ้ห่าเอ๊ยย!!!!...อะไรวะเนี่ย ” เสียงชายผู้หนึ่งสบถอย่างหัวเสีย ดังออกมาจากเซฟเฮ้าส์
บทที่ 2
“เมื่อไหร่จะมากันวะ”จ่าบอยบ่นอุบในใจพลางหยิบกาแฟเย็นมาดื่มแก้ร้อนแต่มันก็ไม่ช่วยให้ใจอันรุ่มร้อนของเขาเย็นลงได้
เขานั่งอยู่ในรถญี่ปุ่นเก่าๆที่แอบจอดไว้ข้างทาง คอยสอดสิ่งสายตาจากกระจกหน้าที่เปิดแง้มไว้เพียงครึ่ง ราวกับรอคอยอะไรบางอย่างอยู่และอะไรบางอย่างนั้นยังไม่มา
จ่าบอยรู้สึกหงุดหงิด เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 วันก่อน ซึ่งมันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาอยู่ที่นี่เวลานี้
เหตุการณ์วันนั้นมันเริ่มต้นขึ้น เมื่อจ่าบอยได้รับโทรศัพท์จากชายคนหนึ่ง
“ฮัลโหล..จ่าบอยหรือครับผมจ๊อดนะครับ”
“เออ..ว่าไงมีอะไร”
“งานเข้าแล้วจ่าไอ้ตั๋งมันจะปล้นรถขนเงิน”
“มึงแน่ใจ”
“แน่สิครับ ว่าแต่จะเอายังไงดี”
“อืม..มึงตามน้ำไปก่อน อย่าให้มีพิรุธ เก็บรายละเอียดให้มาก เดี๋ยวกูติดต่อไปอีกที”
ไอ้จ๊อดสายของจ่าบอยโทรมาส่งข่าวนั่นเองหลังจากนั้นไม่นานจ่าบอยก็ติดต่อกับไอ้จ๊อดเพื่อถามรายละเอียด
ไอ้จ๊อดเล่าแผนการปล้นของมันตามที่ได้ยินมาจากลูกพี่ จ่าบอยแนะนำให้มันเล่นไปตามบทบาท ส่วนตัวเขาเองจะนำกำลังไปจับภายหลังเพื่อสร้างผลงาน...
ไอ้จ๊อดปฏิบัติตามแผนของจ่าบอยอย่างว่าง่าย มันไม่ได้สงสัยอะไรเลย...เพราะมันไม่รู้จักจ่าบอยดีพอ
จ่าบอยเป็นตำรวจมา 15 ปีแล้ว ในสมัยรับราชการใหม่เขาได้ชื่อว่าเป็นตำรวจที่ซื่อสัตย์สุจริตคนหนึ่ง เขาปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด พิทักษ์ความสงบสุขของประชาชน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ได้รู้ ได้เห็นสิ่งต่างๆมากขึ้น ความคิดของจ่าบอยก็เปลี่ยนไป ภาพของตำรวจเลวหลายคนได้ดิบได้ดีมีให้เห็นจนชินตา
ตอกย้ำให้เห็นถึงความแตกต่างกับชีวิตของเขาที่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย จ่าบอยจึงตัดสินใจเดินเข้าสู่เส้นทางของตำรวจเลวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แล้วคราวนี้ก็เหมือนกัน ที่จ่าบอยไม่ได้ตัดสินใจโดยคำนึงถึงประเทศชาติ เขาคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง
ตอนนี้จ่าบอยมานั่งซุ่มดูการปล้นอยู่ในรถคนเดียว แม้แต่ไอ้จ๊อดก็ไม่รู้ ไม่มีตำรวจคนไหนรู้ ไม่มีกำลังเสริมใดๆทั้งสิ้น ความจริงแล้วจ่าบอยไม่เคยบอกเรื่องแผนการปล้นครังนี้กับใครเลย
ทำไมน่ะเหรอ...เพราะเขาคิดจะปล้นเงิน จากพวกโจรอีกทียังไงล่ะ
“น่าจะได้เวลาแล้วนะ หรือว่ามันจะเปลี่ยนแผน” จ่าบอยยังดูกังวลอยู่ แต่ไม่นานนักเขาก็ยิ้มออกพวกโจรปรากฏตัวขึ้นที่อีกฝากของถนน
พวกมันทำตามแผนปลอมเป็นตำรวจตั้งด่านเรียกรถขนเงินแล้วขับไป จ่าบอยไม่รอช้าขับตามไปห่างๆเขาสะกดรอยตามพวกนั้นไปจนถึงเซฟเฮ้าส์ที่ชายแดน...
จวบจนเวลาเกือบสองทุ่ม จ่าบอยที่จอดรถซุ่มอยู่ในพงไม้ห่าจากเซฟเฮาส์ 300 เมตร ตัดสินใจออกปฏิบัติการตามผนที่เขาวางไว้ เขาออกจากรถแอบย่องไปยังเซฟเฮาส์อย่างเงียบๆ
เขาแอบดูอยู่ห่างๆและสังเกตว่าพวกโจรกำลังนั่งกินเหล้าอยู่ที่ห้องนั่งเล่น จ่าบอยตัดสินใจเดินไปอีกด้านของตัวบ้าน
เขานำเทปกาวมาติดกระจกจากนั้นก็ทุบให้แตกแล้วดึงเทปนำเศษกระจกออกมาและล้วงเข้าไปเปิดล็อกหน้าต่าง
จ่าบอยแอบเข้ามาในเซฟเฮ้าส์อย่างเงียบเชียบโยที่ไม่มีใครรู้
“เดี๋ยวผมไปเอาเบียร์ก่อน” เสียงหนึ่งดังขึ้นจนจ่าบอยจนต้องหาที่หลบ ไอ้จ๊อดเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น ดูเหมือนมันจะไปเอาเบียร์ที่ห้องครัวนั่นเอง
จ่าบอยแอบย่องตามไอ้จ๊อดเข้าไปในครัว
“ว่าไง” จ่าบอยทักขึ้นด้วยเสียงที่เบา
“อ๊ะ!!..โธ่จ่านี่เอง ตกใจหมดเข้ามาได้ยังไงเนี่ย” ไอ้จ๊อดตอบด้วยเสียงที่เบาเช่นกัน
“เออน่า..ว่าแต่เรื่องปล้นล่ะเป็นยังไงมั่ง ได้เงินมามั้ย”
“ได้สิ...เยอะเลยล่ะ ว่าแต่จ่าจะเล่นมันตอนนี้เลยเรอะ ผมจะได้หนีก่อน”
“ยัง..ยังไม่ถึงเวลาเอ็งเอาเบียร์กลับไปให้พวกมันก่อน”
ไอ้จ๊อดทำหน้างงๆหันกลับไปหยิบเบียร์ที่อยู่ในลัง แต่ในจังหวะที่มันเผลอนั้นจ่าบอยคว้าเชือกเส้นหนึ่ง มารัดเข้าที่คอไอ้ จ๊อดจากทางด้านหลัง
จ่าบอยกดมันลงพื้นพร้อมดึงเชือกแน่น ไอ้จ๊อดดิ้นพล่านอยู่ที่พื้นไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ สติของมันเริ่มเลือนลาง มันเริ่มหมดสติ
จ่าบอยกะจะรัดต่อเพื่อความมั่นใจ แต่แล้วก็มีเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินมายังห้องครัว ไอ้หมานมันมาตามไอ้จ๊อดที่ช้านั่นเอง
ไอ้หมานโผล่หน้าเข้ามาที่ประตูห้องครัว ทันใคนั้นจ่าบอยคว้ามีดปาไปปักมิดคอหอยไอ้หมาน แต่ว่าแค่นั้นไม่สามารถทำให้มันเสียชีวิตได้
ไอ้หมานพยายามล้วงปืนที่เอวหวังจะเอามายิงโต้ตอบ แต่ก็ไม่ทันการจ่าบอยคว้าปืนคู่ใจออกมายิงได้ก่อน
ปัง ปัง ปัง !!!
กระสุนเข้าที่อก 2 นัดและที่หัวอีก 1 นัดร่างของไอ้หมานล้มลง จ่าบอยหันกลับมายิงไอ้จ็อดที่นอนอยู่อีก 3 นัดมันทั้งสองคนตายคาที่
ความจริงแล้วจ่าบอยไม่อยากใช้ปืน เขาไม่ต้องการให้พวกมันไหวตัวทันแต่ในเมื่อสถานการณ์พาไปก็ไม่มีทางเลือก และพวกมันเหลือแค่เพียงคนเดียว
เขาเปลี่ยนแม็กฯกระสุนเตรียมรอรับไอ้ตั๋งที่กำลังจะมา
ฝ่ายไอ้ตั๋งได้ยินเสียงปืนก็ตกใจคว้าปืนเดินมาดูสถานการณ์ที่ครัว มันเห็นรอยเลือดลากเป็นทางมุ่งไปยังห้องน้ำด้านใน
ไอ้ตั๋งย่องไปตามรอย พอถึงมุมมันกระโจนออกมามือถือปืนเล็งไปที่หน้าห้องน้ำ แต่สิ่งที่มันพบมีเพียงศพของลูกน้องทั้งสอง
มันไม่ได้ทันระวังข้างหลัง จ่าบอยโผล่ออกมาเอาปืนจ่อหัวไอ้ตั๋งทันที
เหมือนไอ้ตั๋งจะล่วงรู้ชะตากรรมของตัวเอง มันขอร้องจ่าบอย
“ปล่อยชั้นไปสักคนจะได้มั้ย” ไอ้ตั๋งพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“ไม่ได้หรอก..ชั้นมันคนเลวนี่หว่า แล้วคนเลวมันก็ต้องทำแต่เรื่องเลวๆสิ”
ปัง!!!!!!!!!!
จ่าบอยเหนี่ยวไกลั่นกระสุนใส่หัวไอ้ตั๋งลงไปกองกับพื้น ... มันตายแล้ว
โลกนี้มันก็ยังงี้แหล่ะผู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็เหยียบหัวผู้ที่อ่อนแอกว่าวันยังค่ำพวกแกมันโชคร้ายเองที่ต้องมาเจอคนอย่างชั้น
จ่าบอยนึกในใจพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาที่มุมปาก
เขาเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่นคว้ากระเป๋าเงินมาเปิด ภายในมีเงินเป็นปึกๆอยู่เต็มกระเป๋า จ่าบอยหยิบขึ้นมาเชยชม
“กลิ่นเงินมันหอมจริงๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
แต่แล้วจ่าบอยก็ต้องชะงักหน้าถอดสีต่อสิ่งที่เห็นเมื่อเขากรีดเงินออกมาดู
เขาพบว่ามีเงินจริงอยู่เพียงส่วนบนและล่างของปึกเงินเท่านั้น เนื้อในตรงกลางเป็นเพียงกระดาษเปล่า
มันเป็นยังงี้ทุกปึก
“...ไอ้ห่าเอ๊ยย!!!!...อะไรวะเนี่ย ” เสียงจ่าบอยสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“เมื่อไหร่จะมากันวะ”จ่าบอยบ่นอุบในใจพลางหยิบกาแฟเย็นมาดื่มแก้ร้อนแต่มันก็ไม่ช่วยให้ใจอันรุ่มร้อนของเขาเย็นลงได้
เขานั่งอยู่ในรถญี่ปุ่นเก่าๆที่แอบจอดไว้ข้างทาง คอยสอดสิ่งสายตาจากกระจกหน้าที่เปิดแง้มไว้เพียงครึ่ง ราวกับรอคอยอะไรบางอย่างอยู่และอะไรบางอย่างนั้นยังไม่มา
จ่าบอยรู้สึกหงุดหงิด เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 วันก่อน ซึ่งมันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาอยู่ที่นี่เวลานี้
เหตุการณ์วันนั้นมันเริ่มต้นขึ้น เมื่อจ่าบอยได้รับโทรศัพท์จากชายคนหนึ่ง
“ฮัลโหล..จ่าบอยหรือครับผมจ๊อดนะครับ”
“เออ..ว่าไงมีอะไร”
“งานเข้าแล้วจ่าไอ้ตั๋งมันจะปล้นรถขนเงิน”
“มึงแน่ใจ”
“แน่สิครับ ว่าแต่จะเอายังไงดี”
“อืม..มึงตามน้ำไปก่อน อย่าให้มีพิรุธ เก็บรายละเอียดให้มาก เดี๋ยวกูติดต่อไปอีกที”
ไอ้จ๊อดสายของจ่าบอยโทรมาส่งข่าวนั่นเองหลังจากนั้นไม่นานจ่าบอยก็ติดต่อกับไอ้จ๊อดเพื่อถามรายละเอียด
ไอ้จ๊อดเล่าแผนการปล้นของมันตามที่ได้ยินมาจากลูกพี่ จ่าบอยแนะนำให้มันเล่นไปตามบทบาท ส่วนตัวเขาเองจะนำกำลังไปจับภายหลังเพื่อสร้างผลงาน...
ไอ้จ๊อดปฏิบัติตามแผนของจ่าบอยอย่างว่าง่าย มันไม่ได้สงสัยอะไรเลย...เพราะมันไม่รู้จักจ่าบอยดีพอ
จ่าบอยเป็นตำรวจมา 15 ปีแล้ว ในสมัยรับราชการใหม่เขาได้ชื่อว่าเป็นตำรวจที่ซื่อสัตย์สุจริตคนหนึ่ง เขาปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด พิทักษ์ความสงบสุขของประชาชน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ได้รู้ ได้เห็นสิ่งต่างๆมากขึ้น ความคิดของจ่าบอยก็เปลี่ยนไป ภาพของตำรวจเลวหลายคนได้ดิบได้ดีมีให้เห็นจนชินตา
ตอกย้ำให้เห็นถึงความแตกต่างกับชีวิตของเขาที่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย จ่าบอยจึงตัดสินใจเดินเข้าสู่เส้นทางของตำรวจเลวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แล้วคราวนี้ก็เหมือนกัน ที่จ่าบอยไม่ได้ตัดสินใจโดยคำนึงถึงประเทศชาติ เขาคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง
ตอนนี้จ่าบอยมานั่งซุ่มดูการปล้นอยู่ในรถคนเดียว แม้แต่ไอ้จ๊อดก็ไม่รู้ ไม่มีตำรวจคนไหนรู้ ไม่มีกำลังเสริมใดๆทั้งสิ้น ความจริงแล้วจ่าบอยไม่เคยบอกเรื่องแผนการปล้นครังนี้กับใครเลย
ทำไมน่ะเหรอ...เพราะเขาคิดจะปล้นเงิน จากพวกโจรอีกทียังไงล่ะ
“น่าจะได้เวลาแล้วนะ หรือว่ามันจะเปลี่ยนแผน” จ่าบอยยังดูกังวลอยู่ แต่ไม่นานนักเขาก็ยิ้มออกพวกโจรปรากฏตัวขึ้นที่อีกฝากของถนน
พวกมันทำตามแผนปลอมเป็นตำรวจตั้งด่านเรียกรถขนเงินแล้วขับไป จ่าบอยไม่รอช้าขับตามไปห่างๆเขาสะกดรอยตามพวกนั้นไปจนถึงเซฟเฮ้าส์ที่ชายแดน...
จวบจนเวลาเกือบสองทุ่ม จ่าบอยที่จอดรถซุ่มอยู่ในพงไม้ห่าจากเซฟเฮาส์ 300 เมตร ตัดสินใจออกปฏิบัติการตามผนที่เขาวางไว้ เขาออกจากรถแอบย่องไปยังเซฟเฮาส์อย่างเงียบๆ
เขาแอบดูอยู่ห่างๆและสังเกตว่าพวกโจรกำลังนั่งกินเหล้าอยู่ที่ห้องนั่งเล่น จ่าบอยตัดสินใจเดินไปอีกด้านของตัวบ้าน
เขานำเทปกาวมาติดกระจกจากนั้นก็ทุบให้แตกแล้วดึงเทปนำเศษกระจกออกมาและล้วงเข้าไปเปิดล็อกหน้าต่าง
จ่าบอยแอบเข้ามาในเซฟเฮ้าส์อย่างเงียบเชียบโยที่ไม่มีใครรู้
“เดี๋ยวผมไปเอาเบียร์ก่อน” เสียงหนึ่งดังขึ้นจนจ่าบอยจนต้องหาที่หลบ ไอ้จ๊อดเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น ดูเหมือนมันจะไปเอาเบียร์ที่ห้องครัวนั่นเอง
จ่าบอยแอบย่องตามไอ้จ๊อดเข้าไปในครัว
“ว่าไง” จ่าบอยทักขึ้นด้วยเสียงที่เบา
“อ๊ะ!!..โธ่จ่านี่เอง ตกใจหมดเข้ามาได้ยังไงเนี่ย” ไอ้จ๊อดตอบด้วยเสียงที่เบาเช่นกัน
“เออน่า..ว่าแต่เรื่องปล้นล่ะเป็นยังไงมั่ง ได้เงินมามั้ย”
“ได้สิ...เยอะเลยล่ะ ว่าแต่จ่าจะเล่นมันตอนนี้เลยเรอะ ผมจะได้หนีก่อน”
“ยัง..ยังไม่ถึงเวลาเอ็งเอาเบียร์กลับไปให้พวกมันก่อน”
ไอ้จ๊อดทำหน้างงๆหันกลับไปหยิบเบียร์ที่อยู่ในลัง แต่ในจังหวะที่มันเผลอนั้นจ่าบอยคว้าเชือกเส้นหนึ่ง มารัดเข้าที่คอไอ้ จ๊อดจากทางด้านหลัง
จ่าบอยกดมันลงพื้นพร้อมดึงเชือกแน่น ไอ้จ๊อดดิ้นพล่านอยู่ที่พื้นไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ สติของมันเริ่มเลือนลาง มันเริ่มหมดสติ
จ่าบอยกะจะรัดต่อเพื่อความมั่นใจ แต่แล้วก็มีเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินมายังห้องครัว ไอ้หมานมันมาตามไอ้จ๊อดที่ช้านั่นเอง
ไอ้หมานโผล่หน้าเข้ามาที่ประตูห้องครัว ทันใคนั้นจ่าบอยคว้ามีดปาไปปักมิดคอหอยไอ้หมาน แต่ว่าแค่นั้นไม่สามารถทำให้มันเสียชีวิตได้
ไอ้หมานพยายามล้วงปืนที่เอวหวังจะเอามายิงโต้ตอบ แต่ก็ไม่ทันการจ่าบอยคว้าปืนคู่ใจออกมายิงได้ก่อน
ปัง ปัง ปัง !!!
กระสุนเข้าที่อก 2 นัดและที่หัวอีก 1 นัดร่างของไอ้หมานล้มลง จ่าบอยหันกลับมายิงไอ้จ็อดที่นอนอยู่อีก 3 นัดมันทั้งสองคนตายคาที่
ความจริงแล้วจ่าบอยไม่อยากใช้ปืน เขาไม่ต้องการให้พวกมันไหวตัวทันแต่ในเมื่อสถานการณ์พาไปก็ไม่มีทางเลือก และพวกมันเหลือแค่เพียงคนเดียว
เขาเปลี่ยนแม็กฯกระสุนเตรียมรอรับไอ้ตั๋งที่กำลังจะมา
ฝ่ายไอ้ตั๋งได้ยินเสียงปืนก็ตกใจคว้าปืนเดินมาดูสถานการณ์ที่ครัว มันเห็นรอยเลือดลากเป็นทางมุ่งไปยังห้องน้ำด้านใน
ไอ้ตั๋งย่องไปตามรอย พอถึงมุมมันกระโจนออกมามือถือปืนเล็งไปที่หน้าห้องน้ำ แต่สิ่งที่มันพบมีเพียงศพของลูกน้องทั้งสอง
มันไม่ได้ทันระวังข้างหลัง จ่าบอยโผล่ออกมาเอาปืนจ่อหัวไอ้ตั๋งทันที
เหมือนไอ้ตั๋งจะล่วงรู้ชะตากรรมของตัวเอง มันขอร้องจ่าบอย
“ปล่อยชั้นไปสักคนจะได้มั้ย” ไอ้ตั๋งพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“ไม่ได้หรอก..ชั้นมันคนเลวนี่หว่า แล้วคนเลวมันก็ต้องทำแต่เรื่องเลวๆสิ”
ปัง!!!!!!!!!!
จ่าบอยเหนี่ยวไกลั่นกระสุนใส่หัวไอ้ตั๋งลงไปกองกับพื้น ... มันตายแล้ว
โลกนี้มันก็ยังงี้แหล่ะผู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็เหยียบหัวผู้ที่อ่อนแอกว่าวันยังค่ำพวกแกมันโชคร้ายเองที่ต้องมาเจอคนอย่างชั้น
จ่าบอยนึกในใจพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาที่มุมปาก
เขาเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่นคว้ากระเป๋าเงินมาเปิด ภายในมีเงินเป็นปึกๆอยู่เต็มกระเป๋า จ่าบอยหยิบขึ้นมาเชยชม
“กลิ่นเงินมันหอมจริงๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
แต่แล้วจ่าบอยก็ต้องชะงักหน้าถอดสีต่อสิ่งที่เห็นเมื่อเขากรีดเงินออกมาดู
เขาพบว่ามีเงินจริงอยู่เพียงส่วนบนและล่างของปึกเงินเท่านั้น เนื้อในตรงกลางเป็นเพียงกระดาษเปล่า
มันเป็นยังงี้ทุกปึก
“...ไอ้ห่าเอ๊ยย!!!!...อะไรวะเนี่ย ” เสียงจ่าบอยสบถออกมาอย่างหัวเสีย
บทที่3
ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ไอ้ริท หนุ่มน้อยหน้าใสกำลังเลือกซื้อเครื่องดื่มอยู่ มันกำลังลังเลว่าจะเลือกชาเขียวรสดั้งเดิมหรือชาเขียวรสข้าวญี่ปุ่นดี
แต่สุดท้ายแล้วมันก็หยิบไปทั้งสองขวด นำไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์ สายตามันเหลือบไปเห็นกล่องบริจาคที่ตั้งอยู่
ไอ้ริทหยิบแบงค์พันยัดลงไปในกล่อง คงเป็นเพราะไม่เคยเห็นใครใจบุญบริจาคเงินเท่านี้บวกกับที่ไอ้ริทเองก็หน้าตาดีไม่น้อย
พนักงานสาวจึงมองไอ้ ริทอย่างชื่นชมราวกับอยากได้เป็นสามี
ไอ้ริทเดินออกจากร้านด้วยความภูมิใจสีหน้ามันอมยิ้มดูอิ่มบุญที่เพิ่งทำมา มันมายืนอยู่ข้างทางพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ดูเหมือนมันจะรอแท็กซี่อยู่
ในขณะที่รอนั้นไอ้ริทนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน มันเป็นเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของมัน
เหตุการณ์มันเริ่มขึ้น เมื่อไอ้ตั๋งเข้ามาคุยกับมัน พวกมันสองคนรู้จักกันที่โต๊ะพนันบอลแห่งหนึ่งสองคนนี้ท่าทางจะสนิทกันพอสมควร
ไอ้ตั๋งดึงไอ้ริทออกมาคุยเป็นการส่วนตัว มันขอข้อมูลการขนเงินจากไอ้ริทซึ่งเป็นพนักงานบริษัทขนเงิน โดยเสนอส่วนแบ่ง 10 % จากการปล้นเป็นข้อแลกเปลี่ยน
ไอ้ริทตอบตกลงให้ความร่วมมือกับไอ้ตั๋ง แต่ทว่าความจริงแล้วมันมีแผนชั่วในใจ แผนที่ว่านั่นคือมันคิดจะฮุบเอาเงินทั้งหมดไปคนเดียว
ไอ้ริททำปึกเงินปลอมขึ้นมาด้วยกระดาษเปล่า แล้วเอาเงินจริงปิดหัวและท้าย
ในวันที่เกิดเหตุการณ์ก่อนที่มันจะขับรถไปถึงด่านที่พวกไอ้ตั๋งตั้งขึ้น
มันได้แอบเปลี่ยนเงินปลอมที่เตรียมไว้กับเงินจริง โดยอาศัยจังหวะที่พนักงานอีกคนไปเข้าห้องน้ำ(เพราะมันแอบวางยาถ่าย)
เมื่อเปลี่ยนเสร็จมันรีบนำเงินไปซ่อนที่ห้องพักที่มันแอบเปิดไว้ใกล้กับปั้มน้ำมันที่รถขนเงินจอดอยู่ จากนั้นก็ทำทีเล่นไปตามบทบาทว่าโดนไอ้ตั๋งและพรรคพวกปล้นเอาเงิน(ปลอม)ไป
หลังจากตำรวจมาพบรถและสอบปากคำ มันก็ทำเนียนเหมือนคนไม่รู้เรื่องอะไร พอโดนปล่อยตัวมันก็รีบกลับมาเอาเงินเก็บเสื้อผ้าเตรียมหนีไปต่างประเทศ
เพราะมันเองก็กลัวการโดนล่าจากไอ้ตั๋ง หรือถ้าความแตกก็ถูกจับอีก
ตอนนี้แผนการของมันใกล้จะสำเร็จแล้ว
“ถึงแม้ว่าเราจะขโมย แต่เราก็ไม่ได้ฆ่าใครทำร้ายใครสักหน่อย ถึงยังไงเงินนี่ก็ต้องโดนปล้นอยู่แล้ว โลกนี้มันก็ยังงี้แหละ ผู้ที่ฉลาดกว่าย่อมอยู่เหนือกว่าคนที่โง่กว่าอยู่แล้ว มันเป็นกฎธรรมชาติ พวกมันโชคร้ายเองที่มาเจอคนฉลาดอย่างฉัน”
ไอ้ริทคิดเข้าข้างตัวเอง
ไม่นานนักแท็กซี่ก็มา มันบอกให้ไปส่งที่สนามบิน รถขับออกมาไม่ถึง 15 นาทีก็จอดเข้าข้างทาง
“อ้าว...หยุดทำไมล่ะพี่ ยังไม่ถึงเลย”
“นี่คือการปล้น !!! ส่งของมีค่ามาให้หมด”
คนขับแท็กซี่คว้าปืนขึ้นมาจ่อไอริท
......................จบ.........................
ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ไอ้ริท หนุ่มน้อยหน้าใสกำลังเลือกซื้อเครื่องดื่มอยู่ มันกำลังลังเลว่าจะเลือกชาเขียวรสดั้งเดิมหรือชาเขียวรสข้าวญี่ปุ่นดี
แต่สุดท้ายแล้วมันก็หยิบไปทั้งสองขวด นำไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์ สายตามันเหลือบไปเห็นกล่องบริจาคที่ตั้งอยู่
ไอ้ริทหยิบแบงค์พันยัดลงไปในกล่อง คงเป็นเพราะไม่เคยเห็นใครใจบุญบริจาคเงินเท่านี้บวกกับที่ไอ้ริทเองก็หน้าตาดีไม่น้อย
พนักงานสาวจึงมองไอ้ ริทอย่างชื่นชมราวกับอยากได้เป็นสามี
ไอ้ริทเดินออกจากร้านด้วยความภูมิใจสีหน้ามันอมยิ้มดูอิ่มบุญที่เพิ่งทำมา มันมายืนอยู่ข้างทางพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ดูเหมือนมันจะรอแท็กซี่อยู่
ในขณะที่รอนั้นไอ้ริทนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน มันเป็นเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของมัน
เหตุการณ์มันเริ่มขึ้น เมื่อไอ้ตั๋งเข้ามาคุยกับมัน พวกมันสองคนรู้จักกันที่โต๊ะพนันบอลแห่งหนึ่งสองคนนี้ท่าทางจะสนิทกันพอสมควร
ไอ้ตั๋งดึงไอ้ริทออกมาคุยเป็นการส่วนตัว มันขอข้อมูลการขนเงินจากไอ้ริทซึ่งเป็นพนักงานบริษัทขนเงิน โดยเสนอส่วนแบ่ง 10 % จากการปล้นเป็นข้อแลกเปลี่ยน
ไอ้ริทตอบตกลงให้ความร่วมมือกับไอ้ตั๋ง แต่ทว่าความจริงแล้วมันมีแผนชั่วในใจ แผนที่ว่านั่นคือมันคิดจะฮุบเอาเงินทั้งหมดไปคนเดียว
ไอ้ริททำปึกเงินปลอมขึ้นมาด้วยกระดาษเปล่า แล้วเอาเงินจริงปิดหัวและท้าย
ในวันที่เกิดเหตุการณ์ก่อนที่มันจะขับรถไปถึงด่านที่พวกไอ้ตั๋งตั้งขึ้น
มันได้แอบเปลี่ยนเงินปลอมที่เตรียมไว้กับเงินจริง โดยอาศัยจังหวะที่พนักงานอีกคนไปเข้าห้องน้ำ(เพราะมันแอบวางยาถ่าย)
เมื่อเปลี่ยนเสร็จมันรีบนำเงินไปซ่อนที่ห้องพักที่มันแอบเปิดไว้ใกล้กับปั้มน้ำมันที่รถขนเงินจอดอยู่ จากนั้นก็ทำทีเล่นไปตามบทบาทว่าโดนไอ้ตั๋งและพรรคพวกปล้นเอาเงิน(ปลอม)ไป
หลังจากตำรวจมาพบรถและสอบปากคำ มันก็ทำเนียนเหมือนคนไม่รู้เรื่องอะไร พอโดนปล่อยตัวมันก็รีบกลับมาเอาเงินเก็บเสื้อผ้าเตรียมหนีไปต่างประเทศ
เพราะมันเองก็กลัวการโดนล่าจากไอ้ตั๋ง หรือถ้าความแตกก็ถูกจับอีก
ตอนนี้แผนการของมันใกล้จะสำเร็จแล้ว
“ถึงแม้ว่าเราจะขโมย แต่เราก็ไม่ได้ฆ่าใครทำร้ายใครสักหน่อย ถึงยังไงเงินนี่ก็ต้องโดนปล้นอยู่แล้ว โลกนี้มันก็ยังงี้แหละ ผู้ที่ฉลาดกว่าย่อมอยู่เหนือกว่าคนที่โง่กว่าอยู่แล้ว มันเป็นกฎธรรมชาติ พวกมันโชคร้ายเองที่มาเจอคนฉลาดอย่างฉัน”
ไอ้ริทคิดเข้าข้างตัวเอง
ไม่นานนักแท็กซี่ก็มา มันบอกให้ไปส่งที่สนามบิน รถขับออกมาไม่ถึง 15 นาทีก็จอดเข้าข้างทาง
“อ้าว...หยุดทำไมล่ะพี่ ยังไม่ถึงเลย”
“นี่คือการปล้น !!! ส่งของมีค่ามาให้หมด”
คนขับแท็กซี่คว้าปืนขึ้นมาจ่อไอริท
......................จบ.........................
แก้ไขล่าสุด: 25/10/2554 14:44 โดย chanvit
สนุกดีครับหักมุมซ้อนหักมุมอีกทีโลกก็เป็นแบบนี้ละใครทำกรรมไว้ก็ชดใช้กรรม
แก้ไขล่าสุด: 25/10/2554 14:43 โดย chanvit
หักมุมหลายชั้นนะ ชอบ
(เลขกระทู้สวยนะ 1800)
(เลขกระทู้สวยนะ 1800)
แก้ไขล่าสุด: 25/10/2554 17:29 โดย เฮียเหลา
ขอพิมพ์ไปอ่านนะ ไม่ถนัดอ่านใจจอคอม ^^
เอาการ์ตูนมาให้อ่านหน่อยสิคับ ... ผมไ่ม่ชอบอ่านอะไรที่มีแต่ตัวหนังสือน่ะ แก่แล้ว ตาลาย 55+
good
good
good
good
good
สนุกคร๊าบบบบบบ

นิยายเรื่องนี้น่าจะมีเพลงนี้ประกอบนะ
Function Used time : 0:00:00:00.015