กระทู้ นิยายอีกเรื่อง : วันที่ฝนตกดังงู้งี้ >[]<

by rain • วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554 18:38
สวัสดีจ้า น้องใหม่ของบอร์ดมารายงานตัว
วันนี้มาขอเกาะกระแสนิยาย Horror อีกคนละกัน
ส่วนขาพเจ้า ชื่อเรน(Rain)นะเจ้า(บ่ไจ้คนเหนือเน้อเจ้า)


ก่อนอื่นของออกตัวก่อนว่านิยายเรื่องนี้ ไม่ได้เหวะมาก และจุดประสงค์ของผู้เขียนก็คือเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะจ๊ะ อาจมีเนื้อหา คำพูด และภาษาวิบัติบ้าง ตามความเบลอของผู้แต่ง หากมีเนื้อหา เนื้อเรื่อง คำพูด ประการใดที่ไม่เหมาะสมก็แจ้งมาได้นะจ๊ะ

ป.ล. เรน ไม่ใช่ชื่อนักร้องเกาหลี นะเฟ้ยย


ก่อนจะเริ่มเรื่อง มาบิ๊วอารมณ์กันก่อน หลับตา และจินตนาการว่าท่านกำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟใจกลางเมือง กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นอบอวลไปทั่วร้าน บรรยากาศตอนนี้ช่างหนาวเย็น เพราะฝนกำลังตกหนัก คนในร้านกำลังพูดคุยกัน ท่านกำลังมองวิวผ่านกระจกร้าน...


http://www.horrorclub.net/Images/UploadImageTmp/Rain-man.jpg

ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า
(ไม่ต้องแปลกใจ มันเป็นเสียงฝนนั่นเอง)

เอาล่ะ ไม่เล่นแล้วๆ มาเข้าเรื่องกันเลยนะ




วันที่ฝนตก..... ใหลลงที่หน้าต่าง เธอคิดถึงฉันบ้าง ไหม หนอ เธอ~~


บทนำ...


ราวกับโลกใบนี้มีแค่เธอคนเดียว หญิงสาวนั่งคุดคู้ด้วยความหนาวจากอากาศแปรปรวนข้างนอกร้านกาแฟ สายฝนเม็ดเล็กๆกระทบลงบนหลังคากระเบื้องกลบเสียงพูดคุยของลูกค้าที่มีอยู่ไม่กี่คนในร้าน น้ำค้างเม็ดเล็กๆเกาะทั่วกระจกใส หญิงสาวเปลี่ยนอากัปกิริยาโดยการเอาหน้าของตัวเองแนบติดกับกระจก ความเย็นแล่นผ่านเข้าสู่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว ลมหายใจร้อนรดบนกระจกจนกลายเป็นฝ้าหม่นๆ

เธอไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า เพราะเธอเห็นชายคนนั้นอีกครั้ง.. ชายผู้ใส่ชุดสูทสีขาว ยืนอยู่ท่ามกลางสิ่งก่อสร้างสีเทาและสายฝนที่โปรยปราย

ที่เดิม เวลาเดิม ชุดเดิม ท่าเดิม เขายืนอยู่แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกๆวันที่ฝนตก หลายครั้งที่ในหัวของเธอมักจะมีคำถามว่าเขามาทำอะไรที่นี่? ไม่เบื่อบ้างหรือ? กำลังรอคอยใครบางคนเหมือนเธอรึเปล่า? รอคอยใครบางคน... ใช่... เธอกำลังรอคอยคนๆนั้น รอคอยการมาของเขา เมื่อคิดถึงมันจิตใจของหญิงสาวที่เย็นชาก็เริ่มร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจเริ่มเต้นเป็นจังหวะเหมือนกลองรัว

“จะรับกาแฟอีกสักแก้วไหมคะ?” เสียงพนักงานสาวขัดจังหวะความคิดของเธอ

“ค่ะ...” หญิงสาวตอบสั้นๆก่อนจะกลับมาหมกมุ่นในเรื่องเดิมอีกครั้ง.. แต่คราวนี้ชายคนนั้นหายไปอีกแล้ว.. เป็นแบบนี้ทุกครั้ง บางทีเธอก็นึกอยากจะเดินออกไปมองหน้าเขาตรงๆ แล้วเริ่มคุยและทำความรู้จักกัน บางทีอาจจะคุยกันถูกคอก็ได้ ใครจะไปรู้? แต่เธอก็ไม่เคยมีโอกาสดีๆแบบนั้นหรอก หรือบางทีโอกาสดีๆนั้นอาจจะเกิดขึ้นหลังจากที่เธอจัดการเรื่องทั้งหมดนี่เสร็จสิ้นแล้ว...

“นี่ค่ะ..” พนักงานสาวกลับมาอีกครั้งอย่างรวดเร็วพร้อมคาปูชิโน่ร้อนถ้วยโปรดของเธอ สำหรับลลิตาแล้ว นี่เป็นสิ่งที่เธอโปรดปรานมากที่สุด การได้ดื่มกาแฟร้อนๆ ในบรรยากาศหนาวๆมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น การที่ได้มองถนนว่างๆข้างนอกและผู้คนที่กำลังเดินอยู่ท่ามกลางสายฝน ได้ลองจินตนาการว่าพวกเขาได้เจอเรื่องอะไรดีๆมาบ้าง.... เรื่องดีๆแบบที่เธอไม่เคยได้เจอ...

ราวกับละครที่เปลี่ยนฉากอย่างรวดเร็ว ในตอนที่ลลิตากำลังเหม่อมองไปนอกหน้าต่างและจิบกาแฟถ้วยเล็ก เธอก็เริ่มรู้สึกได้ถึงการมาของใครบางคน เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเขาคนนั้นมายืนตรงหัวโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่สำคัญคือบรรยากาศรอบข้างของเธอกลับเย็นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่สิ... หนาวจนเย็นยะเยือกเลยต่างหาก เสียงสายฝนที่เคยดังอึมครึมกลับกลายเป็นเสียงของเศษแก้วแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับล้านๆชิ้นแสบแก้วหู เสียงเพลงเบาๆที่เคยขับกล่อมอยู่ในร้านเริ่มเข้าสู่โทนต่ำและทวีความหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่... เขาไม่ใช่คนที่จะต้องพบในวันนี้หรอก.. แต่เขาเป็นคนที่เธอไม่คิดว่าจะได้พบ และไม่อยากพบมากที่สุดในชีวิตเลยต่างหาก

หัวใจของหญิงสาวเต้นถี่และรุนแรงเหมือนสายฝนเมื่อคนๆนั้นนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างช้าๆ สายตาที่มองมาคู่นั้นเหมือนมีดปลายแหลมที่แทงผ่านเข้าทะลุปอดของเธอจนหายใจไม่ออก ใบหน้าดูไร้อารมณ์ราวกับกำลังถามเธอว่า “จำฉันได้หรือเปล่า?” แรงกดดันอันหนักหน่วงที่มองไม่เห็นตรึงร่างกายของหญิงสาวจนไม่สามารถขยับไปไหนได้ พนักงานรวมถึงลูกค้าจู่ๆก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ไม่นานนัก สิ่งที่ดูเหมือนภาพหลอนก็เกิดขึ้น หมอกสีดำเริ่มปกคลุมโลกทั้งใบ ทุกอย่างมืดสนิท ไร้เสียงใดๆ มีแต่สีดำไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตา จู่ๆภาพฉายจากเครื่องฉายหนังเก่าๆก็ปรากฏขึ้น สีเทาของภาพบ่งบอกถึงความเก่าแก่ของมัน ในภาพสื่อให้เห็นถึงทุ่งหญ้ากว้างดูคุ้นตาแห่งหนึ่ง พร้อมกับคนๆนั้น.. เขากำลังนอนอย่างสบายใจอยู่บนทุ่งหญ้าเชียวขจีและแปลงดอกไม้สีม่วงอ่อน..

จริงๆจะเรียกว่า”นอนอย่างสบายใจ”ก็คงจะไม่ถูก เพราะตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่ก้อนเนื้อก้อนหนึ่งที่ไร้วิญญาณหรือจะเรียกง่ายๆว่า”ศพ” ก็ได้ เลือดสีแดงสดใหลเป็นทางยาวผสมกับสีม่วงของดอกไม้จนมองเห็นเป็นสีชมพูเข้ม หญิงสาวมองดูมีดทำครัวเล่มใหญ่ที่ปักลงบนคอของเหยื่อเสียมิดจนเห็นแต่ด้ามจับ แผลเหวอะหวะดูน่าสยดสยองยังเทียบไม่ได้กับใบหน้าของเขาที่ไม่ได้แสดงถึงท่าทีของความรู้สึกเจ็บปวดใดๆเลย ตรงกันข้าม ศพนั้นกลับยิ้ม.. ฉีกยิ้มกว้างจนดูน่ากลัว หญิงสาวตัวสั่น ในขณะที่เพื่อนๆของเธอกลับมอง”ศพ”นั้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“ดีจัง..” หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น มือของเธอเปื้อนเลือด หญิงสาวมองมันด้วยความรังเกียจ “ลลิตา... ไม่ต้องกังวลหรอก คนไร้ค่าแบบนี้อยู่หรือตายก็ไม่มีใครสน” เพื่อนของเธอยิ้มด้วยนัยน์ตาที่เบิกโพลงเหมือนคนเสียสติ

“ใช่ๆ สมควรแล้ว” อีกคนกล่าวเสริม

ลลิตาส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ... ทั้งๆที่นี่เป็น”คน”คนหนี่งแท้ๆ แต่ทำไมเพื่อนๆของเธอถึงสามารถกระทำการได้อย่างเลือดเย็นเช่นนี้

“มันบังอาจมายุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง จุดจบก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ” หญิงสาวพูดก่อนจะหันหน้าไปทางลลิตาพร้อมกับพูดเสียงเย็น “เธอก็เหมือนกันลลิตา เธอคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครใช่ไหม? พวกเราเป็นเพื่อนกัน ไม่มีวันทรยศกันใช่ไหม?.. ไม่มีวันทรยศกันใช่ไหม? ... ใช่ไหม?... ” คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของหญิงสาวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะกลับมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง


ชายคนนั้นหายไปแล้ว?... ลลิตาสะดุ้งตื่น ก่อนจะปาดเหงื่อบนหน้าผาก ความรู้สึกมึนงงทำให้เธอหน้ามืดและเวียนหัว หญิงสาวสอดส่องสายตาไปทั่วร้านด้วยความหวาดหวั่น แต่ไม่มี.. เขาหายไปแล้ว ผู้คนในร้านต่างพากันพูดคุยแข่งกับเสียงพายุนอกร้านเช่นเดิม ทุกอย่างกลับมาปกติอีกครั้ง หรือว่าสิ่งที่เธอเห็นเป็นเพียงแค่ความฝัน? หรือภาพลวงตา? หรืออะไรก็ตามที่มันไม่ใช่ความจริง ซึ่งนั่นก็ดีพอแล้วสำหรับเธอ

“คุณคะ.. ต้องการกาแฟเพิ่มอีกมั้ยคะ” พนักงานสาวเดินเข้ามาถามด้วยรอยยิ้ม ในตอนนั้นเอง เธอจึงตระหนักได้ว่าสิ่งที่เธอเห็นเป็นเพียงฝันร้ายที่เกิดจากการทำงานหนักเกินไป หญิงสาวถอนหายใจเบาๆก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรกลับไป

“มันก็แค่ฝัน แค่ฝันเกี่ยวกับเรื่องนั้น”หญิงสาวบอกกับตนเอง อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นแค่สิ่งที่เธอคิดไปเอง! เพราะทันทีที่พนักงานเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ เงาสีดำทะมึนกลับปรากฏอยู่ตรงหน้าเธออีกครั้ง ราวกับว่ามันนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมมานานแล้ว ความหวาดผวานั้นกลับมาสู่สมองของเธออีกครั้ง ในวินาทีนั้นเอง แขนอันซูบผอมน่ารังเกียจราวกับกิ่งไม้สีดำก็พุ่งเข้ามาคว้าข้อมือของลลิตายึดตึดลงกับโต๊ะแน่นเหมือนมีพลังมหาศาล หญิงสาวพยายามกระชากมือของเธอออกด้วยความกลัวจนโต๊ะสั่นไปมา บรรยากาศอึมครึมน่าสะพรึงกลัวปกคลุมแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ เสียงพุดคุยของลูกค้าในร้านกลับกลายเป็นเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังก้องจนเธอกรีดร้องด้วยความสะพรึง

“กาแฟได้แล้วค่ะ..” พนักงานคนนั้นเดินกลับมาด้วยท่าทีดูแข็งทื่อพร้อมกับถือเหยือกหนึ่งใบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลลิตาร้องขอความช่วยเหลือกับหญิงสาวแต่เธอกลับไม่สนใจ พนักงานสาวส่งยิ้มที่ดูไม่น่าเป็นมิตรอีกต่อไปพร้อมกับจ้องมองมาด้วยสายตาสมเพศ

“กาแฟคาปูชิโน่ร้อนๆหนึ่งเหยือกเสิร์ฟถึงโต๊ะค่ะ!” เธอพูดก่อนจะยื่นเหยือกกาแฟขึ้นเหนือหัวของหญิงสาว แล้วค่อยๆเอียงมันลงอย่างช้าๆ ของเหลวเหนียวหนืดสีใสราดลงบนผิวหน้าของลลิตา มันกัดกร่อนผิวหน้าของเธออย่างรวดเร็วจนใบหน้ามีเลือดที่กำลังเดือดปุดๆซึมออกมา เสียงกรีดร้องราวสัตว์ป่าดังไปทั้งร้านยิ่งกระตุ้นให้ลูกค้าที่กำลังหัวเราะทวีน้ำเสียงสะใจมากยิ่งขึ้น

“ต้องการน้ำตาลสักกี่ก้อนดีคะ?” พนักงานสาวเอื้อมมือไปหยิบกระปุกใสที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ข้างในนั้นเต็มไปด้วยลูกนัยน์ตาของมนุษย์ก้อนเล็กๆที่ถูกประดับไปด้วยใบมีดโกนแหลมคมนับสิบชิ้น!

“หนึ่งก้อน…” มือสีขาวนวลคีบลูกนัยน์ตาขึ้นมาแล้วยัดมันเข้าไปในปากที่กำลังกรีดร้องดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด ใบมีดโกนบาดอวัยวะภายในปากจนลลิตารู้สึกถึงเลือดเค็มๆใหลไม่ยอมหยุด
“สองก้อน....” พนักงานคีบลูกนัยน์ตาอีกลูกและยัดมันลงไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน มือซูบผอมของเงาทะมึนตรงหน้าก็ปล่อยเเขนแล้วเปลี่ยนมาบีบแก้มที่เลอะไปด้วยเลือดและเศษเนื้อชิ้นเล็กๆของเธอ

“สามก้อน....” ,มือนั้นเริ่มบีบกรามของเธอให้ปิดขึ้นไปราวกับจะบังคับให้หญิงสาวเคี้ยวลูกนัยน์ตาเหล่านั้น ใบมีดโกนสอดผ่านระหว่างไรฟันแล้วกรีดลงบนเหงือกอย่างรวดเร็ว เพดานปากเกิดแผลเหวอะหวะพร้อมเลือดที่ใหลไม่หยุด... ยังไม่ต้องพูดถึงความเจ็บปวดที่ไม่อาจจะบรรยายได้จนสาวน้อยอยากจะร้องขอความตายเสียเดี๋ยวนั้น... ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ ความทรมานและความเจ็บปวดทั้งหมดที่พวกเธอเคยทำ กำลังย้อนกลับคืนมาล้างแค้นเธออย่างเกินสาสม!

“สี่ก้อน......”


“ไม่!!!!!”
attachment

Replies (13)

#1rain • 23/10/2554 18:43
To Be Continue...

ติดตามตอนต่อไปนะจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
attachment
#2เฮียเหลา • 23/10/2554 18:57
โหดอ่ะ ทำนิยายสั้นของเราเป็นนิยาย thriller drama เลยนะ
#3หนูเดซี่ค่ะ • 23/10/2554 19:33
ทำออกมาได้ดีครับ แต่แบบนี้มันจะจบเร็วไปหรือเปล่า คือรู้สาเหตุเร็วไป เจอผีเร็วไป คือมันน่าจะเจอช้ากว่านี้ หรือว่าคุณ rain ซ่อนทีเด็ดเอาไว้ในตอนต่อไปกันแน่นะ ต้องติดตามซะแล้วสิ
#4rain • 23/10/2554 20:56
เเหงะ เจอผีเร็วไปเหรอเนี่ย
ตอนต่อไปผีออกช้าๆดีไหมหว่า 555+
#5stynx • 23/10/2554 21:14
เขียนเก่งจัง ^^
#6bluemerry • 23/10/2554 21:31
ดีมากค่ะ
ดีมากค่ะ
มาโพสต์ไว้ก่อนยังไม่ได้อ่านกลัวคนแย่งโพสต์
^^
#7rain • 24/10/2554 15:29
มาต่อแล้วจ้า!!! ขอบคุณสำหรับเเรงเชีย คำชมและคำติของทุกท่าน

วันนี้เราจะเปิดตัว ตัวละครหลักของเรา ในบทนี้จะยังไม่มีอะไรที่สยองหรือเหวอะเหวะนะตัวเอง ถือซะว่าเป็นฉากเปิดเรื่อง (อาจจะยาวไปหน่อยนะเนี่ย T_T)



พร้อมแล้วยังเอ่ยยย.....



พร้อมแล้วเหรองั้นก็!!!






ยังก่อน.. ยัง ยัง เรายังไม่บิ๊วอารมณ์กันเลย.. จำได้บ่

ขอให้ทุกท่านหลับตา ผ่อนคลายอารมณ์ หายใจเข้าาาา... และ..ออกกกกกก... ช้าๆ อากาศรอบตัวท่านเย็นยะเยือก ฝนห่าใหญ่ตกกระลงบนพื้นดัง แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ ท่านกำลังนอนตากฝนอยู่ นอนอยู่บนพื้น ตัวสั่นด้วยความหนาวววววว โอววววว



เอาละเมื่อท่านเรียกอารมณ์มาได้แล้ว ก็ขอเชิญพบกับตอนต่อไป

วันที่ฝนตก ใหลลงที่หน้าต่าง เธอคิดถึงฉันบ้าง ไหมงุงิ~~

- - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - -


ใครใช้ให้เข้ามา ออกไป ออกไป ออกไป ออกไปสิ ออกไป๊!!



นารินเฝ้าพึมพำซ้ำไปซ้ำมา เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นออกไป แต่เธอรู้สึกราวกับว่าในหัวนั้นว่างเปล่า คำที่นึกออกก็มีเพียงคำนี้เท่านั้น “ออกไป” ใครออกไป? แล้วเธอเป็นคนไล่ หรือเป็นคนที่ถูกไล่? เธอไม่รู้จริงๆ อันที่จริงแล้ว เธอไม่รู้อะไรเลย จะพูดให้ถูกก็คือจำอะไรไม่ได้เลย พอพยายามจะนึกอะไรก็ตาม มันก็เหมือนมีผึ้งนับร้อยบินหึ่งๆอยู่ในหัว มันอะไรกันเนี่ย? ยังไม่ทันที่เธอจะคิดอะได้มากไปกว่านี้ นารินก็รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังสะกิดเธอไปทั่วร่าง บางอย่างที่เล็กๆ เหลวๆ และเย็นเฉียบ

ดวงตาที่พร่ามัวค่อยๆมองเห็นสิ่งต่างๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้น ในตอนนั้นเองที่เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองกำลังนอนคว่ำอยู่บนผืนหญ้าเฉอะแฉะ พร้อมกับเม็ดฝนที่ใหลไปตามผิวหน้าเรื่อยๆ นารินทำท่าจะยันตัวลุกขึ้น แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่แขน เธอจึงพยายามใช้แขนข้างเดียวแทน

“โอออออ...” หญิงสาวครางไม่เป็นเสียง เมื่อเธอเห็นแผลเหวอะหวะลากยาวตั้งแต่ข้อมือไปถึงศอก ดูท่าแผลเหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้นใหม่สดๆ พอจะลองใช้นิ้วมือเตะดูก็ต้องสะดุ้งด้วยความปวด ที่ไหนเนี่ย... นารินมองไปรอบๆพร้อมกับกอดตัวเองแน่นเพราะความหนาว ที่นี่ดูคล้ายกับสวนสาธารณะ เธอรู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยมาที่นี่ แต่ก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าเป็นที่ไหน หญิงสาวนั่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ความคิดในหัวดีกันมั่วจนสับสน เธอไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี จะนั่งตากฝนต่อไป หรือจะไปที่อื่น ที่อื่นเหรอ ที่ไหน? บ้าน... บ้านของเธอยู่ไหน เธอมีบ้านรึเปล่า? เธอไม่รู้จริงๆ ไม่รู้อะไรเลย เธอลืมแม้กระทั้งชื่อของตัวเอง... นาริน

เคยเป็นไหม? คุณรู้.... รู้ตัวเองกำลังเดินอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะเดินไปไหน ก็แค่เดินไปเรื่อยๆ แทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินผ่านอะไรมาบ้าง หรือมีใครที่คุณรู้จักหรือเปล่า ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ นารินหยุดยืนอยู่หน้าร้านหนังสือเล็กๆตรงมุมถนนแห่งหนึ่ง เสียงฟ้าร้องเหมือนกำลังไล่ให้เธอเข้าไปหลบฝนที่ร้านนั้น แต่ในตอนที่เธอทำท่าว่าจะเปิดประตูเข้าไปในร้าน พนักงานคนหนึ่งขมวดคิ้วมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ นารินคาดว่าคงเพราะเธอมีสภาพเหมือนลูกหมาที่เพิ่งตกน้ำ เสื้อผ้าเปียกแฉะไปทั้งตัว เธอจึงยืนหลบร่มอยู่หน้าร้านหนังสือไปก่อน ระหว่างรอให้ตัวแห่งนารินก็ค้นหาสิ่งของในกระเป๋ากางเกงเพื่อดูว่ามีอะไรที่พอจะให้คำตอบของเธอได้บ้าง ไม่ช้าเธอก็พบกระเป๋าใบเล็กๆหนึ่งใบ ข้างในมีบัตรประชาชนอยู่ใบนึง

“นาริน.... อายุ 26ปี” เธอพึมพำ นี่คือเธองั้นหรือ นารินมองรูปประกอบบัตรประชาชน แถวนี้ไม่มีกระจกเสียด้วย เธอใช่คนเดียวกับคนในบัตรหรือเปล่า? หญิงสาวค้นกระเป๋าต่อไปก็พบเศษเงินเล็กๆน้อยๆ กับกระดาษใบเล็กๆเขียนด้วยลายมืออ่านยากที่เกือบจะเปื่อยยุ่ย

56/* ถ*น *พลิงพิทั*ษ์
รหั*** 258741
รีบ*ปเอามัน ก่*น 18.00 ของวันพุ* ที่20!

ตัวอักษรในกระดาษนั้นค่อนข้างอ่านยาก อาจเป็นเพราะชุ่มไปด้วยน้ำฝนจนหมึกละลาย แต่ก็พอได้ใจความว่าให้ไปเอาอะไรบางอย่างที่บ้านเลขที่ 56/? ถนนเพลิงพิทักษ์ ก่อน 18.00 น. วันพุธที่ 20 ดูๆไปแล้วเธอก็รู้สึกคุ้นๆเหมือนกันนะ... นั่นใช่บ้านของเธอหรือเปล่า?

ในระหว่างที่นารินกำลังยืนครุ่นคิด อากาศก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ เย็นขึ้นจนน่าตกใจ ท้องฟ้าดำทะมึนจนดูเหมือนตอนกลางคืน นารินรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่น่ากลัวอยู่ใกล้ๆนี้เอง หญิงสาวตัวสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ ทันใดนั้นเองเธอก็เหลือบไปเห็น “เขา” ตรงถนนฝั่งตรงข้าม “เขา”น่ากลัวมากเสียจนเธอไม่สามารถบรรยายออกมาได้ “เขา”กำลังเสยะยิ้ม นารินรู้ตัวว่าเขามองมาที่เธอ หัวใจเต้นตึกตักจนเหมือนมันกำลังจะแหวกซี่โครงทะลุออกมา แม้เขาจะยืนอยู่ที่เดิม แต่อะไรบางอย่างที่มองไม่ให้กำลังคืบคลานเข้ามาหา หญิงสาวทรุดตัวลงเพราะรับแรงกดดันนี้ไม่ไหว แรงกดดันที่มีทั้งความเกลียด ความโกรธ ความอาฆาต และความอิจฉารวมกัน มันทำให้นารินแทบอาเจียนออกมา หลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดไปหมด มืดจนมองไม่เห็นอะไร “เป็นแบบนี้อีกแล้ว....ฉันกำลังจะถูกกลืนกินโดยความมืด.....” นารินคิด

เมื่อลืมตาขึ้น เธอกำลังอยู่ที่ไหนสักแห่ง ที่ๆมีทุ่งหญ้าเขียวขจีดูคุ้นตา... ชายคนหนึ่งกำลังนอนราบอยู่บนแปลงดอกไม้สีม่วง เขากำลังยิ้ม! แต่เป็นยิ้มที่ดูเลื่อนลอย เพราะเขาเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณที่ตายอย่างน่าอนาจเท่านั้น เลือดสีแดงสดไหลรินเป็นทางยาวผสมกับสีม่วงของดอกไม้จนมองเห็นเป็นสีชมพูเข้ม หญิงสาวมองดูมีดทำครัวเล่มใหญ่ที่ปักลงบนคอของเหยื่อเสียมิดจนเห็นแต่ด้ามจับ นารินตัวสั่นระริก ในขณะที่กลุ่มคนซึ่งคาดว่าน่าจะเป็น”เพื่อน”ของเธอกลับมอง”ศพ”นั้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“ดีจัง..” หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น มือของเธอเปื้อนเลือด หญิงสาวมองมันด้วยความรังเกียจ “นาริน... ไม่ต้องกังวลหรอก คนไร้ค่าแบบนี้อยู่หรือตายก็ไม่มีใครสน” เพื่อนของเธอยิ้มด้วยนัยน์ตาที่เบิกโพลงเหมือนคนเสียสติ

“ใช่ๆ สมควรแล้ว” อีกคนกล่าวเสริม

นารินส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ... ทั้งๆที่นี่เป็น”คน”คนหนึ่งแท้ๆ แต่คนพวกนี้กลับพูดเหมือนหญิงชราคนนี้เป็นเพียงก้อนเนื้อไร้ค่าเท่านั้น

“มันบังอาจมายุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง จุดจบก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ” หญิงสาวพูดก่อนจะหันหน้าไปทางนารินพร้อมกับพูดเสียงเย็น “เธอก็เหมือนกันนาริน เธอคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครใช่ไหม? พวกเราเป็นเพื่อนกัน ไม่มีวันทรยศกันใช่ไหม?.. ไม่มีวันทรยศกันใช่ไหม? ... ใช่ไหม?... ”

เสียงนี้วนซ้ำอยูในหัวของเธอ มันคืออะไรกัน มันเป็นอดีตของเธองั้นหรือ? นี่เธอเคย”ฆ่า”คนอย่างนั้นหรือ?

ก่อนที่นารินจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงของสายฝนที่ตกกระทบสู่พื้นก็เรียกสติให้หญิงสาวเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง ความรู้สึกกลัวนั้นหายไปแล้ว “เขา” ก็หายไปด้วยเช่นกัน เหลือไว้เพียงไอความเย็นจางๆท่ามกลางพายุฝนและอากาศแปรปรวน

ประมาณสิบนาทีหลังจากนั้น นารินที่ตัวแห้งแล้วก็เข้าไปนั่งพักในร้านหนังสือ จู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงเปิดหวอของรถพยาบาลฝ่าสายฝนใกล้เข้ามา ไม่ช้ารถตู้สีขาวก็จอดตรงหน้าร้านกาแฟที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ร้านที่“เขา”คนนั้นปรากฏตัวเมื่อครู่นั่นเอง

นารินเกิดอยากรู้อยากเห็น จึงวิ่งข้ามถนนไปร้านกาแฟหลังนั้น จังหวะเดียวกับที่เจ้าหน้าที่กำลังเข็นเตียงออกมา บนเตียงมีผู้หญิงคนหนึ่งนอนร้องโอดโอย นารินชะโงกไปดูสภาพของเธอ แล้วก็ต้องสะดุ้งอย่างแรงเพราะไม่เคยเห็นอะไรที่สยดสยองแบบนี้มาก่อน ทันใดนั้นนารินก็รู้สึกหน้ามืด วิงเวียนและอยากจะอาเจียนพร้อมกัน ภาพของหญิงสาวตรงหน้าช่างพร่ามัวจนเห็นเป็นแค่ก้อนเนื้อแดงๆที่นอนอยู่บนเตียงเท่านั้น ในที่สุดนารินก็สลบลงไปบนพื้นท่ามกลางสายฝนอีกครั้งหนึ่ง

- - - - - - - - - - - - - - -
attachment
แก้ไขล่าสุด: 24/10/2554 15:38 โดย rain
#8rain • 24/10/2554 15:40
ติดตามตอนต่อปายยยยยยยยย!!!
attachment
#9bluemerry • 24/10/2554 16:53
ดีค่ะชอบๆ
#10เฮียเหลา • 24/10/2554 16:53
อ๊ากกกก อย่าบอกนะนางเอกนะคือรูปใน คห.8(ดูเหล่ๆไงไม่รู้นะ)
#11Rain • 24/10/2554 17:34
ฉันเหล่ตรงไหนคะ? เฮียเหลา
attachment
#12เฮียเหลา • 24/10/2554 17:57
โอเค ไม่เหล่ก็ไม่เหล่แล้ว
#13stynx • 25/10/2554 09:24
รออ่านตอนต่อไป ^^
Login
Function Used time : 0:00:00:00.018
Go Last