เปิดกรุ 24 หนังสุดอันตรายสายพันธุ์สะท้านขุมอเวจี ภาครวมกันเฉพาะกิจ / 1 สิงหาคม 2554

by samara17520 • วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554 15:49
เปิดกรุ 24 หนังสุดอันตรายสายพันธุ์สะท้านขุมอเวจี ภาครวมกันเฉพาะกิจ / 1 สิงหาคม 2554

ณ ห้วงดินแดนอันเงียบสงบ ราบเรียบประหนึ่งทะเลคืนไร้คลื่นสาด
มุมมืดมิดยังคงสงัด ว้าเหว่ เดียวดาย เศร้าหมอง
แสงตาวันยังมิอาจผยองหยิ่ง สาดส่อง มายัง บ้านหลังนั้น ซึ่ง
มืด แสนมิดชิด ดำประดุจก้นเหว ไร้เสียง แสง กลิ่น รสเย้ายวน
หยาดหยดโลหิตแดงฉาน ไหลนอง หลั่งริน ณ แดนลับแล
ใครบางผู้กวักมือ ร้องเรียกหา เจ้าแกะน้อย เดินย่างเข้ามา
พลันประตูเปิดอ้า ท้าทาย ภายในมีเสียงดังแว่ว………..
ณ ที่นี้คือ อเวจี…………….…………………………..?


******หมายเหตุ******
บทความโดย : [email protected]
บทความจัดอันดับความรุนแรงของหนังสยองขวัญ (NC20) ชุด เปิดกรุ 24 หนังสุดอันตรายสายพันธุ์สะท้านขุมอเวจี ภาครวมกันเฉพาะกิจ / 1 สิงหาคม 2554………….เป็นงานเขียน / การจัดอันดับคะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก ในหนังสยองขวัญแนวนอกกระแสที่ไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักในเมืองไทย โดยกลุ่ม “ชมรมคนรักหนังสยองขวัญ” (ปัจจุบันสลายกลุ่มกันไปแล้ว) ซึ่งได้มารวมกันเฉพาะกิจ ณ งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของคุณเพื่อนคนหนึ่ง นานๆถึงจะได้มีโอกาสเจอกันซะที เลยทำกระทู้ ให้คะแนนหนังต้องห้าม เหมือนสมัยที่พวกเรายังเป็นกลุ่มก้อนกันอย่าเหนียวแน่น หลังจากให้คะแนนจบ ได้อันดับความรุนแรงและรายชื่อหนัง ปรากฏเป็นดังต่อไปนี้

ปล. การให้คะแนนเป็นความเห็นเฉพาะในกลุ่ม “ชมรมคนรักหนังสยองขวัญ” ท่านผู้อ่านสามารถเห็นสอดคล้อง และ / หรือ เห็นต่างได้ อนึ่ง เนื่องด้วยหนังบางเรื่องที่ได้นำมาคัดให้คะแนน สมาชิกเก่าในชมรมไม่บางท่านเคยรับชม (หรือชมกันแล้วแต่ไม่ครบทุกคน) จึงขอตัดออกไปจากการให้คะแนน (เพื่อไม่ต้องเกิดการมั่ว / สุ่มให้คะแนน) อาทิ Cutting Moment, Fando & Lis เเละ Murder-Set-Pieces เป็นต้น



#not66 #not66 #not66 #not66 #not66

Replies (44)

#1samara17520 • 2/8/2554 15:50
อันดับที่ 24
Red Room 2 (ห้องแดงมรณะ 2 / เกมวิปริตเปิดไพ่ราชา 2)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 66.1 / 100 คะแนน
ภาคต่อของห้องแดงแห่งความตาย ภาคนี้ยังคงความเป็นหนังเรตอันตรายไว้อย่างครบถ้วน เลือด เสียงหวีดร้อง ความเจ็บปวดทรมาน ล้วนประเคนใส่ผู้ชมอย่างไม่บันยะบันยัง โดยเฉพาะฉากซดอ้วกสดๆ 1 กาละมังใหญ่(ที่เพื่อนคนข้างๆเพิ่งอ้วกออกมา)ฉากนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอีกหนึ่ง “ฉากแห่งตำนาน” ที่หลายคนไม่สามารถทนดูให้จบได้





อันดับที่ 23
Man Bites Dog (เรียกข้าว่า………ไอ้ชาติชั่ว / คนกัดหมา)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 67.3 / 100 คะแนน
หนังภาพขาว-ดำปี 1992 ผลงานการกำกับของ Rémy Belvaux, André Bonzel และทีมงาน เรื่องราวการดำเนินชีวิตตามปกติของนักฆ่าคนหนึ่งที่ถูกถ่ายทำเป็นหนังขาว-ดำกึ่งสารคดีโดยทีมงานที่ใจถึงแบบสุดสุด ดูการกระทำเลวทราม(แบบสุดขีด)และไร้ซึ่งศีลธรรมของตัวเองในเรื่อง ยิง ปล้น ฆ่า ข่มขืน ครบ กับฉากจบที่ทุกคนเฝ้ารอคอย หนังเรื่องนี้ ได้รับการกล่าวขวัญในหมู่นักดูหนังแนวนอกกระแสนิยมความรุนแรงว่า Man Bites Dog เป็นหนังที่มีดีกรีความถ่อย ดิบ และท้าทายต่อหลักศีลธรรมสูงจนน่าตกใจ สมจริงด้วยภาพเเละเสียงในระดับแถวหน้าเรื่องหนึ่งในโลก





อันดับที่ 22
Ichi the Killer (นักฆ่าอิจิ)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 68.7 / 100 คะแนน
Ichi the Killer (นักฆ่าอิจิ) คือหนังแนวยากูซ่าสุดโต่งของ Takashi Miike เนื้อเรื่องเกี่ยวกับความวุ่นวายภายในแก๊งอันโจ เมื่อหัวหน้าใหญ่แห่งแก๊งอันโจหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมด้วยเงินจำนวน 300 ล้านเยน ร้อนถึงมือขวาของแก๊งอย่าง Kakihara (รับบทโดย Tadanobu Asano) ต้องออกตามหาหัวหน้าเพื่อยุติความวุ่นวายภายในแก๊ง ปรากฏสืบไปสืบมาได้ทราบข่าวร้ายว่าหัวหน้าตายเสียแล้วด้วยน้ำมือของนักฆ่าสติแตกนาม “อิจิ” นักฆ่าอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่นที่แลดูภายนอกเป็นเพียงคนขี้แย ขลาดเขลา ไม่มีความมั่นใจในตนเอง แต่หากตั้งสติได้ขึ้นมาเมื่อใด จะกลายเป็นยอดนักฆ่าสุดวิปริตลงมือสังหารเหยื่ออย่างเลือดเย็นเมื่อนั้น ด้วยไฟแค้นสุมทรวง Kakihara พร้อมสมุนแก๊งอันโจจึงรวมตัวกันออกตามล่าอิจิแบบพลิกแผ่นดิน สงครามระหว่างแก๊งยากูซ่าสุดโหดและอิจินักฆ่าเบอร์ 1 แห่งเกาะญี่ปุ่นจึงอุบัติขึ้น





อันดับที่ 21
Aftermath (โคตรพ่อโคตรแม่ซอว์)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 70.1 / 100 คะแนน
หนังฝรั่ง(หนังสั้นราว 40 นาที)เรื่องนี้ไม่มีบทพูด ไม่มีบทบรรยาย มีชื่อภาคภาษาไทยว่า “โคตรพ่อโคตรแม่ซอว์ ” หากท่านเคยดูเรื่อง “ซอว์” มาแล้ว ขอบอกว่าจงลืมมันไปเสีย ซอว์จะกลายเป็นเด็กเล่นขายของไปเลยเมื่อเจอกับ………… Aftermath (โคตรพ่อโคตรแม่ซอว์) เรื่องราวเกี่ยวกับหมอโรคจิตในห้องผ่าศพ(ที่เหมือนจริงสุดๆ)……….กรุณางดทานอาหารก่อนชมภาพยนตร์อย่างน้อย 2 ชั่วโมง(เพราะพอชมจบของเก่าอาจขอออกมาเที่ยวข้างนอกได้)





อันดับที่ 20
All Night long 5 : Initial O (ค่ำคืนที่แสนยาวนานและทรมาน 5 / ปราถนาอำมหิต)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 75.2 / 100 คะแนน
เรื่องด้วยสาวทำงานหน้าตาดีนางหนึ่งชื่อ Sakura (ตัวเอกของเรื่อง)กำลังเดินอยู่ในม่านหมอกแห่งห้วงราตรีกาล ณ เมืองใหญ่เมืองหนึ่ง เธอกำลังเดินทางกลับสู่เคหสถานหลังน้อยเพื่อพักผ่อน แต่กลับมีเรื่องราวร้ายแรงเกิดขึ้นตรงหน้า เมื่อปรากฏหนุ่มทำงานออฟฟิตนายหนึ่งกระโดดตึกฆ่าตัวตายต่อหน้าเธอ ร่างที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า(ยอดตึก)ดิ่งพสุธาลงสู่พื้น กายร่างแหลกเหลว หัวแตกเละน้ำและเนื้อสมองไหลนองพื้นกระจุยกระจายอย่างน่าสยดสยองพองขน Sakura ตกใจเป็นที่สุดจึงวิ่งไปหลบที่มุมตึกแล้วจัดการสำเร็จโทษน้องสาวด้วยความเริงรื่น Sakura เธอเป็นผู้ชื่นชอบความตายอย่างเจ็บปวดของผู้อื่น นำมาทำเรื่องอภิรมย์ส่วนตัวอย่างเจ็บป่วยทางจิต เห็นคนถูกทรมาน เห็นคนตายแล้วอยากมีเซ็กส์ประมาณนั้น กับการถูกเชื้อเชิญจากชายหนุ่มลึกลับ หล่อ-รวย และสาวสวยอีกนาง ณ คฤหาสน์หรูหลังงาม เรื่องราวแห่งค่ำคืนอันแสนยาวนานและทรมานจึงเริ่มเปิดม่านอีกครา 1หญิงสาวที่ชื่นชอบความเจ็บปวดของผู้อื่น กับ 1 หญิงสาวที่ชื่นชอบให้เธอนั้นเจ็บปวด และเขาผู้ต้องการได้รับความเจ็บปวดที่แสนสุข เราทั้ง 3 จะมามีความสุขด้วยกัน





อันดับที่ 19
Baise Moi (สองสาวอันตรายหัวใจนรกแตก)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 77.0 / 100 คะแนน
Baise-Moi สองสาวอันตรายหัวใจนรกแตก คือเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตด้านมืดของสองสาว(สวย)ชาวฝรั่งเศสอันมีจุดหักเหในชีวิตให้ต้องมามีเส้นทางเดินร่วมกัน สาวแรก Nadine สาวร่างใหญ่สวยสง่า ทำอาชีพโสเพณี และค้ายาเสพติด หนีจากคดีฆาตกรรมเพื่อนร่วมอพาร์ทเม้นท์ สาวที่สอง Manu สาวน้อยหน้าตาสวยใสวัยซน ฆ่าพี่ชายตายคาบ้านพัก สาวหนึ่งกำลังหลบหนีคดีพร้อมหาลู่ทางส่งยานรกบริเวณชายแดน อีกสาวขาดความอบอุ่นและต้องการทำเรื่องอะไรบางอย่างที่ชวนให้ลืมเรื่องของพี่ชาย สู่การเปิดฉากเส้นทางเดินด้านมืดของคนทั้งคู่ เซ็กส์ ยาเสพติด ปล้น ฆ่า ครบ

#2samara17520 • 2/8/2554 15:50
อันดับที่ 18
August Underground’s Penance/2007 (สิงหาวิปลาส คู่รักวิปริต)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 78.7 / 100 คะแนน
กำกับโดย Fred Vogel บทหนังโดย Fred Vogel และCristie Whiles เรื่องราวเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวันของคู่รักวิปริตคู่หนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองได้ถ่ายการดำเนินชีวิตส่วนตัวไว้ดูเล่นด้วยกล้องวีดีโออีกเช่นเดียวกันกับสองภาค(แต่ภาคนี้กล้องที่ใช้ถ่ายภาพชัดมาก และภาพไม่ค่อยสั่นจนชวนอาเจียนเหมือนสองภาคแรก)คู่รักวิปลาสทั้งสองช่วยกันลักพาตัวเหยื่อทั้งหญิง-ชายมามัดขังไว้ที่ใต้ถุนบ้าน เวลาว่างทั้งสองจะช่วยกันชำแหละเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่างมีความสุข ดื่มเลือดจากลำคอของเหยื่อพร้อมถ่ายวีดีโอเก็บไว้ในยามประกอบกิจนองเลือด หากว่างจากการชำแหละเหยื่อ งานถนัดของทั้งสองที่มักทำยามว่างก็คือการปล้น-ฆ่าเพื่อหาเงินไว้ใช้ ไร้ความปราณีทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นฉากข่มขืน หักคอเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายในวันคริสต์มาสอีฟอย่างโหดเหี้ยมทารุณไร้เมตตา





อันดับที่ 17
In My Skin (แล่เนื้อเถือหนัง)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 78.9 / 100 คะแนน
เรื่องราวเกี่ยวกับสาวผมดกดำหน้าตาแปลก Esther สาวสังคมผู้มีฐานะทางการเงินและหน้าที่ทางการงานค่อนข้างมั่นคง มีหน้ามีตาในวงสังคม การงานที่ทำอยู่กับบริษัทโฆษณาประชาสัมพันธ์บริษัทใหญ่แห่งหนึ่งกำลังไปได้สวย ใกล้จะได้เลื่อนขั้นเป็นระดับหัวหน้างาน ชีวิตครอบครัว Esther มีแฟนหนุ่มหล่อ มาดแมนนามว่า Vincent คอยเป็นห่วงเป็นใยเฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง เรียกว่า Esther เธอเป็นผู้หญิงที่มีพร้อมเสียทุกอย่างจนใครหลายคนแอบอิจฉา จวบจนมีจุดผกผันในชีวิตของเธออย่างแรง ทำให้เธอเปลี่ยนไปจนยากที่จะเป็น Esther คนเดิมได้ คงเป็นเพียงมีดปอกผลไม้เล่มหนึ่งที่ใช้ทิ่มแทงฝ่ามือของฉันอย่างเชื่องช้า ฉันเฝ้ามองดูเลือดไหลหลั่งออกจากร่างอย่างแสนเจ็บปวดทรมาน แววตาหม่นหมองเศร้าสร้อย แต่แฝงเร้นไปด้วยประกายแห่งความเปี่ยมสุข เมื่อฉันขบ กัด ฉีก เฉือน ขยี้ ชำเราจนร่างพรุน ฉันมีความสุขอย่างเหลือล้นประหนึ่งลอยล่องสู่สรวงสวรรค์ชั้นฟากฟ้าก็มิปาน ริมฝีปากสะแหยะยิ้มรับ เบิกบาน แช่มชื่น เลือดไหลโชกตัว มาสิ……มามีความสุขด้วยกัน





อันดับที่ 16
Cannibal Holocaust (เปรตเดินดินกินเนื้อคน)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 83.6 / 100 คะแนน
เรื่องราวของนักศึกษาชาย 3 หญิง 1 นักถ่ายทำสารคดีชาวสหรัฐอเมริกาที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในการมาถ่ายทำสารคดีเรื่องสุดท้ายในป่าดงดิบแถบอเมริกาใต้ ทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งจึงส่งตัว Dr.Harold Monroe(รับบทโดย Robert Kerman)ออกเดินทางไปค้นหาความจริง จนในที่สุดเขาก็ได้ค้นพบม้วนเทปวีดีโอที่เป็นการบันทึกเอาไว้ก่อนหายตัวไปของนักถ่ายทำสารคดีทั้ง 4 กับเรื่องราวการเดินทางอันแสนวิปริต พฤติกรรมชนเผ่ากินคนอันโหดเหี้ยม ประเพณีแปลกประหลาด เซ็กส์ การทรมานเหยื่อในรูปแบบต่างๆ คือสิ่งที่ทั้ง 4 จะได้พาลพบประสบเจอ





อันดับที่ 15
Men Behind The Sun (จับคนมาทำเชื้อโรค)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 86.4 / 100 คะแนน
วินาทีอำมหิตที่ทั้งโลกต้องตะลึง!!!

Men Behind The Sun หรือ Hei tai yang 731 (จับคนมาทำเชื้อโรค) หนังสัญชาติจีนในปี ค.ศ. 1988 ผลงานการกำกับของ Tun Fei Mou เขียนบทหนังโดย Mei Liu, Wen Yuan Mou เเละทีมงาน นำแสดงโดย Hsu Gou, Tie Long Jin, Zhaohua Mei, Zhe Quan,Gang Wang(Lt. Gen. Shiro Ishii), Runsheng Wang, Dai Yao Wu เเละ Andrew Yu

เรื่องราวใน Men Behind The Sun หรือ จับคนมาทำเชื้อโรค หนังที่สร้างจากเรื่องจริง กล่าวถึงสงครามที่นานกิง กองทัพญี่ปุ่นบุกจีนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดย “หน่วยปฏิบัติการหฤโหด Unit 731” ฝ่ายทหารญี่ปุ่นนำทีมโดย อิชิอิ ชิโร่ หมอผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Microbiology (ไมโครไบโอโลยี หรือ การทดลองทางจุลชีววิทยา อันมีความหมายคือ การศึกษาสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า อาทิ แบคทีเรีย เชื้อรา โปรโตซัว ไวรัส เป็นต้น) ซึ่งชิโร่ อิชิอิ ได้รับไฟเขียวจากทางการทหารญี่ปุ่นให้สามารถทดลองผลิตอาวุธเชื้อโรคโดยใช้เชลยศึกชาวจีนมาเป็นหนูทดลองได้ ปฏิบัติการของหน่วย Unit 731 ที่มีพฤติกรรมโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ เป็นที่เลื่องลือกล่าวขานจวบจนยุคปัจจุบัน อาทิ

1. การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ตัดแขน ขา ของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย เสร็จแล้วนำมาต่อเข้าใหม่โดยการสลับข้าง ทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองของอวัยวะเหล่านั้น
2. จับเหยื่อมัดแขน ขน ห้อยหัวลง ทรมานจนกว่าจะตาย เพื่อทดสอบความทนทานต่อความตายของมนุษย์
3. ผ่าตัดอวัยวะส่วนต่างๆของมนุษย์โดยไม่ใช้ยาสลบ
4. บังคับให้หญิงสาวร่วมมีเพศสัมพันธ์กับชายหนุ่มนับสิบคนที่มีอาการเจ็บป่วยเป็นโรค Syphilis (ซิฟิลิส) หรือโรคหนองใน เพื่อพัฒนาเชื้อ Syphilis มฤตยูที่มีความรุนแรงและอันตรายที่สุด
5. การใช้เลือดปนเปื้อนเชื้อ หรือสารเคมี นำมาฉีดให้แก่เหยื่อเป็นๆที่ยังมีชีวิตอยู่ สังเกตการแพร่เชื้อเหล่านั้นในมนุษย์
6. การทดลองยาพิษ หรือสารพิษสำหรับสังหารหมู่ประชาชน
7. การจับมนุษย์เปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ในอุณหภูมิที่มีค่าติดลบอย่างทรมาน เพื่อสังเกตการณ์ปรับสภาพของกล้ามเนื้อ และผิวหนัง
8. ตัดชิ้นส่วนบางอย่างของเหยื่อทดลองออก (โดยไม่ใช้ยาสลบ) อาทิ การตัดกระเพาะอาหารแยกส่วนจากลำตัว สังเกตดูว่ามนุษย์เมื่อไม่มีกระเพาะอาหารแล้วสามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้หรือไม่
9. จับเหยื่อไปทดลองในห้องอัดอากาศ
10. ทดลองเชื้อโรคบางชนิดกับเชลยที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อสร้างเชื้อโรคระบาดสำหรับผลิตอาวุธ
ผลจากปฏิบัติการหฤโหดของหน่วย Unit 731 ในคราวนั้นส่งผลให้ชื่อของหน่วยนรกหน่วยนี้ได้รับการจารึกเอาไว้ในทำเนียบของหน่วยปฏิบัติการทางการแพทย์ที่โหดเหี้ยม วิปริต และอำมหิตที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์วงการแพทย์ และประวัติศาสตร์แห่งมวลมนุษยชาติตราบปัจจุบัน





อันดับที่ 14
Philosophy of a Knife (ค่ายนรกนานกิง)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 87.0 / 100 คะแนน
หนังปี 2008 ของผู้กำกับ Andrey Iskanov เรื่องราวถอดแบบมาจาก Men Behind The Sun เพราะโครงเรื่องเดียวกัน ตัวหนังเกี่ยวกับการทดลองทางวิทยาศาสตร์กับนักโทษในสมรภูมินานกิงของหน่วยปฏิบัติการ 731 นำเสนอข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ตื่นตะลึงกับความโหดร้ายของมนุษย์ รุนแรง บาดใจ จนใครหลายคนไม่กล้าดู





อันดับที่ 13
Inside (ครรภ์-คลั่ง-ฆ่า)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 89.7 / 100 คะแนน
สาวชุดดำ กรรไกร และค่ำคืนอันแสนหฤโหด!!! คือหนังโหดของประเทศฝรั่งเศสที่ได้รับการกล่าวขานกันว่า “โหดที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา”รุนแรง โรคจิต ดิบ เถื่อน แหวะ บ้าคลั่ง ชวนจิตตกอ้วกแตก คือนิยามแห่งหนังเรื่องนี้ Inside ครรภ์ คลั่ง ฆ่า หนังที่เน้นเนื้อหาทั้งภาพและเสียงสุดรุนแรง ผู้ชมจะพบปรากฏการณ์เลือดสูบฉีดเร็ว หัวใจเต้นรัวเป็นกลองศึก ตื่นเต้นทุกอณูแห่งเนื้อหนัง Inside ผลงานการกำกับหนังเรื่องแรกในชีวิตของสองคู่หูผู้กำกับ Alexandre Bustillo เเละ Julien Maury หนังสยองสัญชาติฝรั่งเศส ความยาวประมาณ 112 นาที ออกฉายครั้งแรกในประเทศบ้านเกิดในวันที่ 13 มิถุนายน ปี ค.ศ.2007 คือหนังสยองขวัญสุดโหดที่มิใช่ขายพียงแค่ฉากสยองขวัญ แต่ยังมีเนื้อเรื่องที่ลึกซึ้ง เกี่ยวพัน จนนำมาซึ่งเหตุการณ์สุดวิปริตเขย่าโสตประสาทให้แตกกระเจิงขวัญหนีดีฝ่ออย่างชวนขนลุกขนพอง





อันดับที่ 12
All Night long 3 : The Final Chapter (ค่ำคืนที่แสนยาวนานและทรมาน 3)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 89.9 / 100 คะแนน
All Night long 3 : The Final Chapter หรือ Ooru naito rongu 3 : Saishuu-shô (ค่ำคืนที่แสนยาวนานและทรมาน ภาค 3) ออกฉายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ.1996 นำแสดงโดย Yuujin Kitagawa(Kikuo Sawada), Ryoka Yuzuki(Hitomi Nomura), Tomorowo Taguchi, Meika Seri, Mitsuzo Ishii, Hideki Kawamata, Mitsuru Hosokawa, Herachonpe, Mitsuru Matsui, Yuka Nishitani, Aki Fukazawa, Chika Misaki, Yui Kawana, Yoko Tanaka และ Yuu Sasaki กำกับและเขียนบทหนังโดย Katsuya Matsumura ไตรภาคแห่งหนังในตระกูล All Night long กับ All Night long 3 : The Final Chapter หรือ Ooru naito rongu 3 : Saishuu-shô ภาคที่ได้ชื่อว่าวิปริตและเจ็บป่วยทางจิตแบบสุดขั้วในระดับต้นๆของหนังในตระกูล All Night long ทั้ง 6 ภาค เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายวัยแรกรุ่นชื่อ Kikuo Sawada เด็กเก็บกดที่หมกมุ่นอยู่กับการเรื่องราวทางชีววิทยา ธรรมชาติ ต้นไม้ และแมลง ทุกๆวัน Kikuo Sawada จะออกไปวางกับดักที่เสาไฟฟ้าแถวละแวกบ้านเพื่อดักจับแมลงมาให้ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่เลี้ยงไว้กินเป็นประจำ จนวันหนึ่งเขาได้ไปเจอกับสาวที่แอบชอบชื่อ Hitomi Nomura ซึ่งกำลังนำขยะมาทิ้งลงถังขยะ Kikuo Sawada ลุ่มหลงในการเก็บขยะของสาวที่แอบชอบนำมาทิ้งอย่างแปลกประหลาด เขาเก็บสะสมขยะของหล่อนทุกๆวัน เริ่มตั้งแต่ ใบแจ้งหนี้ เศษเส้นผม เศษขนม ถุงน่องเก่า แปลงสีฟันเก่า ไปจนกระทั่งผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว มาเก็บสะสมไว้เพื่อสูดดม สัมผัสพื้นผิว รวมถึงกินของเหลือจากถังขยะที่ Hitomi Nomura กินไม่หมดและนำมาทิ้งอย่างเป็นสุข สุดท้าย Kikuo Sawada ได้ขยายขอบเขตแห่งความวิปลาส-วิปริต ไปจนใกล้ตัว Hitomi Nomura จนเกิดตำนานแห่งความเจ็บป่วยทางจิตหน้าใหม่ในวงการหนังใต้ดินของโลก Hitomi Nomura จะรัก Kikuo Sawada ด้วยการหั่นเธอออกเป็นชิ้นๆ

แก้ไขล่าสุด: 3/8/2554 11:57 โดย samara17520
#3samara17520 • 2/8/2554 15:51
อันดับที่ 11
Visitor Q (ครอบครัวโรคจิต) 90.1
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 90.1 / 100 คะแนน
หนังเรื่อง Visitor Q ของยอดผู้กำกับ Takashi Miike ฉายา “เจ้าพ่อหนังคัลต์แห่งเกาะญี่ปุ่น” หรือ King of Cult ที่ใช้เวลาในการถ่ายทำหนังเรื่องนี้สั้นแค่ 7 วันโดยประมาณด้วยทุนทรัพย์ที่ต่ำมากบวกกล้องวีดีโอราคาถูกในการถ่ายทำแต่มีคุณภาพประหนึ่งงานศิลป์ชั้นเลิศที่อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี เขียนภาพวาดแบบ “กระซวก” บนเฟรมผ้าใบ(Canvas)เป็นรูปสิงสาราสัตว์ชนิดต่างๆ เขียนบนผ้าใบ Canvas ขนาดใหญ่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ขายได้ในราคาหลายล้านบาท Visitor Q ก็เช่นเดียวกันจัดเป็นหนังที่สร้างชื่อเสียงให้ Takashi Miike เป็นอย่างยิ่งแม้นระยะเวลาในการถ่ายทำจะแค่ราว 7 วัน ถึงกระนั้นก็ดีหนังเรื่องนี้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักไปทั่วโลกในเวลาต่อมา เรื่องราวใน Visitor Q หรือครอบครัวโรคจิต เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวันแบบอปกติของครอบครัวๆหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วย พ่อ-แม่-ลูกสาว-ลูกชาย ทั้ง 4 ดำเนินชีวิตที่แสนวิปริต-เจ็บป่วยทางจิต (เจ็บป่วยทางจิตเข้าขั้นรุนแรง) จนอยู่มาวันหนึ่งเหตุการณ์เปลี่ยนไปเมื่อมีผู้มาเยือนปริศนา ชายหนุ่มชื่อ Q ผู้มีเสน่ห์และแรงดึงดูดอย่างแปลกประหลาด





อันดับที่ 10
Grotesque (บททดสอบรักจากขุมนรก)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 92.0 / 100 คะแนน
Grotesque (Grotesque /โกร เท็สคฺ/ หมายถึง สิ่งที่วิตถาร)หรือ บททดสอบรักจากขุมนรก หนังญี่ปุ่นในปี ค.ศ.2009 ความยาว 75 นาที หนังที่ผสมผสานความเป็นหนัง Porn (หนังโป๊)และหนัง Torture Film (หนังแนวทรมาน)ได้อย่างลงตัวเป็นที่สุดผลงานการกำกับและเขียนบทของ Kôji Shiraishi กับเรื่องราวของชายวัยกลางคนสติแตก ที่พร้อมมอบความรักอันแสนหวาน และทุกข์ทรมานประดุจขุมนรกให้ทุกท่านได้อิ่มเอม นำแสดงโดย Tsugumi Nagasawa(Aki), Hiroaki Kawatsure(Kazuo) เเละ Shigeo Ôsako หนังออกตัวแรงด้วยสโลแกน “ Saw และ Hostel จนหลบไป!!! ” เป็นหนังที่ได้รับเสียงด่าจากคนทั้งโลก หลายประเทศทั่วโลกสั่งแบนหนังเรื่องนี้ ห้ามฉาย ห้ามจัดจำหน่ายในรูป VCD หรือ DVD เด็ดขาด โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรจัดหนังเรื่อง Grotesque ในประเภท “หนังอันตราย” และถูกคณะกรรมการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ของสหราชอาณาจักรสั่งแบนตลอดกาลพร้อมมี Comment กลับมาอย่างรุนเเรงหลังได้รับชมหนังเรื่อง Grotesque ว่า “Comment เป็นหนังที่โหดร้ายแบบสุดขั้ว ทารุณ ล่วงละเมิดทางเพศอย่างรุนแรง สร้างความวิบัติให้แก่คนดูหนังอย่างมหาศาล ซึ่งแน่นอนว่าหนังเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของคนดูได้แน่ เป็นหนังรุนแรงที่ไม่สามารถยอมรับได้ ไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ฉายหรือจัดจำหน่ายได้ แม้กระทั้งในเรตของผู้มีอายุเกิน 18 ปี ตลอด 75 นาทีเต็มของหนังเรื่องนี้อุดมไปด้วยภาพความรุนแรงแบบผิดมนุษย์ หนังมีส่วนของการเล่าเค้าโครงเรื่องน้อยมาก ตัวละครแทบไม่มีการพัฒนาใดๆทั้งสิ้น ทำลายศีลธรรม ความเป็นมนุษย์อย่างรุนแรง วิปริตทางเพศ หนังแบบนี้ไม่สมควรจะมีวางขาย ณ ที่ใดทั้งสิ้นในประเทศแห่งนี้”





อันดับที่ 9
Niku daruma (ตุ๊กตาไม้ลอย / ตุ๊กตาคนเป็น)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 92.9 / 100 คะแนน

เรื่องราวสุดสยองชวนสะเทือนใจใน Niku Daruma (ตุ๊กตาไม้ลอย)เริ่มจากกล้องแอบถ่ายตัวหนึ่งกำลังบันทึกภาพเคลื่อนไหวของทีมงานรับสมัครนักแสดงหนังแนว AV (AV หรือ Adult Video หมายถึง หนังโป๊/หนังผู้ใหญ่)ซึ่งทีมงานเองกำลังยุ่งอยู่กับการสัมภาษณ์นักแสดงชาย-หญิงเพื่อคัดเอามาเล่นหนัง ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ปรากฏว่ามีชาย-หญิงคู่หนึ่งสอบผ่านและตอบตกลงรับเงินจากทางทีมงานเป็นที่เรียบร้อย ถึงกำหนดนัดหมายทั้งคู่และทีมงานจึงนั่งรถตู้ออกไปยังสถานที่ถ่ายทำ ณ บ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ค่อนข้างห่างไกลผู้คน จวบจนทำความคุ้นเคยกันบนเตียงของคู่หนุ่มสาว หลายสิ่งหลายอย่างคงดำเนินไปอย่างราบรื่นเหมือนที่การถ่ายทำหนังแนวดังกล่าวพึงกระทำกัน กระทั้งการถ่ายทำช่วงหนึ่งนักแสดงชายต้องเล่นบทซาดิสต์ตามที่ผู้กำกับสั่ง คราวนี้ผิดคาดเมื่อนักแสดงหญิงไม่เล่นด้วย เพราะรับไม่ได้ที่ทางทีมงานจะเอาเข็มฉีดยาขนาดยักษ์ฉีดเข้าไปในอวัยวะบางส่วนของเจ้าหล่อน การถ่ายทำจึงมีอันยกเลิกไปพร้อมกับอาการหัวเสียแบบสุดขีดของทางทีมงานและผู้กำกับหนัง ระหว่างที่นางเอกของหนังเรื่องนี้ (Kanako Ooba)กำลังนั่งใส่รองเท้าอยู่ตรงบริเวณหน้าประตูทางเข้าบ้านนั้นเอง ผู้กำกับก็ทุบเธอจากข้างหลังด้วยไม้เบสบอลจนสลบ เลือดนองพื้น และลากนางเอกสาวดารา AV ผู้โชคร้ายของเราขึ้นไปยังชั้น 2 ของบ้าน ด้วยความกลัว(และอยากได้เงิน)นักแสดงชายคู่ขาจึงจำต้องยอมเล่นหนังตามที่ผู้กำกับจอมซาดิสต์สั่ง จวบจนวินาทีนรกแตกเดินย่างเข้ามาเยือน เมื่อทางผู้กำกับและทีมงานช่วยกันรุมทุบตี ฆ่านักแสดงทั้งสองทิ้งด้วยการหั่นทั้งคู่ออกเป็นชิ้นๆ






อันดับที่ 8
August Underground/2001 (สิงหาโฉดโหดไม่ปราณี)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 93.6 / 100 คะแนน
เรื่องราวเกี่ยวกับ 2 หนุ่มคู่หูนรกแตกที่นิยมชมชอบความรุนแรง เซ็กซ์ และการฆาตกรรมเหยื่อแบบวิตถารเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งสองจะช่วยกันถ่ายวีดีโอเรื่องราวการดำเนินชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆ กับมุมมองในแบบกล้องแทนตา และพฤติกรรมป่าเถื่อน ลักพาตัวเหยื่อมาทรมาน ตัดชิ้นส่วนเก็บไว้ดูเล่น บังคับให้เหยื่อกินอุจจาระ ปล้นฆ่าผู้สูงอายุด้วยการรัดคอ ดูหมิ่นศาสนา และข่มขืนเหยื่อแล้วฆ่าทิ้ง





อันดับที่ 7
A Serbian Film / 2010 (ฟิลม์วิปลาส)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 94.9 / 100 คะแนน
หนังสัญชาติเซอร์เบีย เกี่ยวกับคนชื่อ Milos ซึ่งกำลังประสบกับปัญหาทางด้านการเงินอย่างรุนแรง กับการชักชวนของกลุ่มคนลึกลับให้มาเล่นหนังอาร์ตเพื่อเงินก้อนโต โดย Milos หารู้ไม่ว่าหนังเรื่องที่รับเล่นคือ Snuff Film สุดอันตราย กระชากจิตทางด้านมืดแบบสุดกู่ เสื่อม จิตตก อันตราย ปลุกสัญชาตญาณดิบในตัวให้ลุกโชตช่วง (หนังอันตราย : ไม่เหมาะสำหรับคนจิตอ่อนหรือเชื่อมั่นยึดมั่นทางศีลธรรม)

#4samara17520 • 2/8/2554 15:52
อันดับที่ 6
Martyrs (ศรัทธาอำมหิต)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 96.2 / 100 คะแนน
เรื่องราวของ Lucie เด็กสาวที่ซึ่งหนีออกมาจากสถานที่คุมขังนรกใต้ดินแห่งหนึ่งได้อย่างเฉียดฉิว เธอได้รับการปฐมพยาบาลจนหายแต่ก็ต้องแลกกับการสูญเสียความทรงจำบางส่วนไป แพทย์ที่ทำการรักษาเธอลงความเห็นตรงกันว่าเธอไม่ได้ถูกข่มขืน หรือล่วงละเมิดทางเพศแต่อย่างใด แต่ถูกล้ามเอาไว้ด้วยโซ่ ถูกรุมทุบตี ทรมานจนแสนสาหัสอย่างไร้ที่มาที่ไป อยู่มาวันหนึ่งสาวน้อยอีกนางชื่อ Anna คนไข้ของโรงพยาบาลอีกคนได้เข้ามาเป็นเพื่อนสนิทของเธอ และได้เริ่มเห็นพฤติกรรมบางอย่างของ Lucie ที่เปลี่ยนไป เธอกำลังถูกฝันร้ายในอดีตตามหลอกหลอนอย่างบ้าคลั่ง ณ เวลาที่ Lucie เจอกับภาพเหตุการณ์หลอนนั่นเอง Anna คือคนๆเดียวที่เธอไว้ใจ รู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้ จวบจนเวลาผันผ่านไปครบ 15 ปี ทั้งสองยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง Lucie ได้ไปพบเข้ากับคนที่เคยลักพาตัวเธอเมื่อ 15 ปีก่อนโดยบังเอิญ เธอสืบหาจนรู้ถึงที่อยู่ของเขาและครอบครัว วินาทีนั้นเองความคิดที่จะสืบถึงที่มาที่ไปของตัวเอง และการล้างแค้นครอบครัววิปริตที่จับตัวเธอไปทรมานอย่างแสนสาหัสเมื่อ 15 ปีก่อนก็บังเกิดขึ้นในสมอง ปืนลูกซองและกระสุนถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว Lucie กำลังก้าวย่างไปข้างหน้ายังเคหะสถานหลังน้อยของครอบครัวนั้นอย่างแสนเจ็บปวด มันคือจุดจบ หรือจุดเริ่มต้นแห่งโซ่ตรวนเมื่อ 15 ปีก่อนกันแน่





อันดับที่ 5
Snuff 102 (อเวจี 102)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 97.1 / 100 คะแนน
เรื่องราวแห่งม้วนวีดีโอต้องห้ามที่นักแสดงตัวเด่นในเรื่องต้องแลกด้วยเลือดเนื้อและชีวิต คือการแสดงอันทรงพลานุภาพจากขุมนรก เผยสันดานดิบธาตุแท้ของมนุษย์ในด้านมืดอันบอดสนิท หยดโลหิต เสียงหวีดร้อง น้ำตา และคำสวดอ้อนวอนขอ พฤติกรรมลุ่มหลงอย่างประหลาดแปลกแยกแสนอันตราย นำมาซึ่งการเสาะแสวงหา สร้างบางสิ่งอันแสนบ้าคลั่ง มืดดำและดิ่งลึก สงัดเงียบประหนึ่งก้าวย่างสู่แดนรัตติกาลอเวจีชั่วกัปกาล เรื่องราวในอเวจี 102 หนังที่ถ่ายแบบภาพขาว-ดำ สลับภาพสีเป็นระยะๆ เกี่ยวกับนักข่าวสาวตัวเอกของเรื่อง(Yamila Greco)ที่กำลังค้นคว้าและออกตามหาสนัฟฟ์ฟิล์ม(Snuff film1)ในแบบ Real Snuff film ถ่ายจริงฆ่าจริงตายจริงในประเทศอาร์เจนติน่า เรื่องราวเกี่ยวกับนักฆ่านิรนามที่สังหารเหยื่อไปมากถึง 99 ศพเพื่อสร้างหนังแห่งตำนาน จนเมื่อตัวเอกของเรื่องพยายามติดต่อหาข้อมูลจากผู้รู้ในเรื่องดังกล่าวหลายๆคน ปรากฏว่าเธอเกิดความลุ่มหลงอย่างประหลาดในแผ่นฟิล์มนรกดังกล่าว โดยไม่สามารถถอนตัวจากโลกแห่งสนัฟฟ์ฟิล์มได้ จนในที่สุดภัยร้าย นักฆ่านิรนาม ความตาย กำลังย่างกรายเข้ามาใกล้เธอจนแทบจะหายใจรดต้นคอ Andrea Alfonso รับบทสาวท้องแก่ใกล้คลอดเหยื่อหมายเลข 100 ที่ถูกกระทำย่ำยีอย่างป่าเถื่อน Silvia Paz รับบทเหยื่อหมายเลข 101 สาวสวยในค่ำคืนแห่งการลักพาตัว ถูกจับมัดเลาะซี่ฟันด้วยสิ่วอย่างสยดสยองพองขน และ Yamila Greco นักข่าวสาวสวยอันเป็นที่หมายตาของนักฆ่านิรนามที่ได้มอบหมายเลขมรณะ 102 ให้เป็นรางวัลในค่ำคืนอันแสนทรมานและสิ้นหวัง





อันดับที่ 4
Guinea Pig : Devils Experiment (ปีศาจ / ศิลปะแห่งมาร)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 97.3 / 100 คะแนน
การทรมานหญิงสาวในหลากหลายกระบวนวิธีจนเหยื่อถึงแก่ความตายอย่างทุกข์เวทนาเพื่อดูขีดความอดทนต่อความตายของมนุษย์ โดยฉากที่กล่าวขานกันในตำนานก็คือ “ฉากทิ่มลูกตาด้วยเหล็กแหลม” ในตอนจบ





อันดับที่ 3
Salo the 120 Days of Sodom (สุขนาฏกรรมอเวจี/120 วันในโซดอม)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 99.5 / 100 คะแนน
Salo the 120 Days of Sodom (สุขนาฏกรรมอเวจี/120 วันในโซดอม) เล่าเรื่องเกี่ยวกับผู้ปกครองระบอบฟาสซิสต์นายทหารผู้เรืองอำนาจทั้ง 4 ได้ออกคำสั่งให้จับวัยรุ่นหญิง-ชาย ลูกชนชั้นกลางหน้าตาดี 18 คนมาคุมขังไว้ยังคฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่งที่เรียกชื่อว่า Salo ซึ่งมันก็คือโลกส่วนตัวของผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 4 ประหนึ่งวิมารหลังน้อยที่พวกเขาและเธอจะสามารถกระทำย่ำยีอย่างไรก็ได้กับบรรดาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทั้งหลาย สร้างเป็นนรกในวงวนแห่งความหายนะทั้งสาม ดังนี้ Circle of Manias (วงวนแห่งความเพ้อคลั่ง, Circle of Shit (วงวนแห่งอุจจาระ) เเละCircle of Blood (วงวนแห่งคาวโลหิต)





อันดับที่ 2
Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood (ดอกไม้โลหิต / ดอกไม้เลือด / ดอกไม้แห่งเลือด)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 99.7 / 100 คะแนน
Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood ในชื่อภาคภาษาไทยว่า “ดอกไม้โลหิต” หรือ “ดอกไม้แห่งเลือด” คือหนังแนวใต้ดิน-นอกกระแสที่กล่าวขานกันว่ามีความรุนแรงเกินกว่าคนปกติจะสามารถทนดูให้จบได้(นัยว่าคนดูซีรีย์ภาคนี้ต้องใจแข็งเป็นพิเศษ)หนังเปิดประเด็นด้วยชายโรคจิตในชุดซามูไรสีดำ ฉีดยาให้แก่เหยื่อซึ่งเป็นหญิงสาวสวยนางหนึ่ง ทำให้เหยื่อมึนงง ไร้สติ หมดความรู้สึก จากนั้นจึงทำการชำแหละเหยื่ออย่างบ้าคลั่งวิปริต ไล่ตั้งแต่การสับ หั่น ผ่า ควักไส้ควักพุงเหยื่อจนเละไม่เป็นชิ้นดี ชิ้นส่วนเหล่านี้เองกลับกลายมาเป็น Collection ในห้องสะสมชิ้นส่วนมนุษย์ของซามูไรสติแตกดังกล่าว ในหนังชุดซีรีย์หนูตะเภาภาค 2 ด้วยความยาวของตัวหนังเพียงแค่ 42 นาทีแต่ดำเนินเรื่องในแบบ “สารคดีสั้นกึ่งกรรมวิธีฆ่าหั่นศพ” จึงทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างถึงความสมจริงแบบสุดกู่ว่าสิ่งที่พวกเขาและเธอได้รับชมจากม้วนวีดีโอชุด Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood เป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงหนังจัดฉากที่สมจริงเพียงเรื่องหนึ่ง ความจริงคงปรากฏให้ท่านผู้อ่านทราบแล้วว่า Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood เป็นเพียง Fake Snuff Film หรือหนังสนัฟฟ์ฟิลม์ในแบบปลอมๆที่สร้างโดยอิงเนื้อหามาจากการ์ตูนสยองของ Hideshi Hino ในช่วงทศวรรษ 1970 ในหนังสือการ์ตูนเรื่อง M Collection ตอน Akai Hana





อันดับที่ 1
August Underground’s Mordum/2003 (สิงหาคลั่ง)
คะแนนความรุนแรง-อันตราย-เสื่อม-จิตตก = 100 / 100 คะแนน
เริ่มจากทำความรู้จักกัน หลอกให้ตายใจ จับมัดแล้วจ้วงแทงด้วยมีดสปาต้าไม่นับแผล ใช้ค้อนทุบ กรรไกรตัดเส้นเอ็นข้อเท้าจนเคลื่อนย้ายกายร่างไปไหนได้ไม่สะดวก มองด้วยแววตาที่เหยียดหยาม น้ำมันราด แล้วจุดไฟเผาซ้ำทั้งเป็น นี่แหล่ะคือนิยามสั้นๆของสิงหาใต้ดิน

หนังในตระกูล August Underground จัดเป็นหนังแนว Gore Indy-Underground หรือ “Gore Independence Film Underground” ซึ่งหมายถึง หนังแนวนอกกระแสประเภทเลือดสาด บ้างก็เรียกว่า “หนังใต้ดิน” เป็นหนังแบบที่ไม่ได้รับการยอมรับให้เผยแพร่ทั่วไป หาชมยาก มีรูปแบบการนำเสนอที่หลุดกรอบภาพยนตร์ทั่วๆไปในกระแสตลาดนิยม ยิ่งเป็น Gore Indy-Underground เข้าไปแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถนำหนังในลักษณะดังกล่าวมานี้ไปฉายตามโรงภาพยนตร์เพราะเป็นที่รับรู้กันในหมู่นักดูหนังแนวใต้ดินว่า หนังประเภทนี้มีดีกรีความดิบ-เถื่อนที่ไม่ธรรมดา

นอกจากหนังในตระกูล August Underground จะถูกจัดเป็นหนังแนว Gore Indy-Underground แล้ว หนังในตระกูลนี้ยังมีลักษณะการถ่ายทำในแบบฉบับของ Snuff Film อีกด้วย แต่เป็นในแบบ Fake Snuff film (สนัฟฟ์ฟิลม์แบบเทียม)ซึ่งมีความสมจริงมากในบทการแสดง ผู้กำกับถ่ายทำหนังได้ค่อนข้างแนบเนียนมากจนหากใครไม่รู้มาดูเข้าอาจเข้าใจผิดว่าสิ่งที่กำลังได้รับชมอยู่เป็น Real Snuff Film (สนัฟฟ์ฟิลม์แบบแท้)ก็เป็นได้

อนึ่ง เกี่ยวกับเรื่อง Snuff Film ขออธิบายสำหรับผู้ไม่รู้ให้พอเข้าใจอย่างง่ายว่า Snuff film นั้นหมายถึง ภาพยนตร์ หรือหนังประเภทมีฉากฆาตกรรมของจริง เนื้อหาหลักภายในหนังเน้นฉากการฆ่า ทรมาน ข่มขืนนักแสดงเสียเป็นส่วนมาก หนังแนว Snuff film ส่วนใหญ่มักนิยมถ่ายแบบ “ลองชอร์ต ไม่มีเทค” ใน Snuff film จะไม่ปรากฏรายชื่อนักแสดง ผู้กำกับ วัน เวลา และสถานที่ในการถ่ายทำแต่ประการใด นักแสดงตัวเอกอาจถูกหลอกมาแสดงหรือถูกวางยาที่ทำให้สติไม่ปกติ Snuff film จึงเป็นภาพบันทึกห้วงแห่งความตายที่แสนวิปริตแต่กลับเป็นที่ถูกอกถูกใจคนบางกลุ่มถึงขั้นลุ่มหลง ยกย่องเชิดชูให้เป็นประหนึ่งอาหารเลิศรส หาชิมยาก เป็นที่ปรารถนาให้ได้มาเพื่อตอบสนองรสนิยมส่วนตัวอันแสนอันตราย Snuff film แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ Snuff film แบบแท้และแบบเทียม โดย Snuff film ในแบบแท้นิยมเรียกกันว่า Real Snuff film ส่วน Snuff film แบบเทียมนิยมเรียกกันว่า Fake Snuff film

หนังในตระกูล August Underground หรือหนังโหดใต้ดินอันเดอร์กราวด์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกสร้างและจัดจำหน่ายโดยสตูดิโออิสระประจำท้องถิ่นของมลรัฐเพนซิลเวเนียชื่อ “Toe Tag Pictures” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสตูดิโออิสระที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา(Toe Tag Pictures is a local Pennsylvania based company) โดยสตูดิโอ Toe Tag Pictures ซึ่งตั้งอยู่ในมลรัฐเพนซิลเวเนียอันเป็นรัฐที่อยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์หนังในค่าย Toe Tag Pictures ด้วยคือเว็บไซต์ Toe Tag Pictures website (http://www.toetagpictures.com)และด้วยเป็นหนังใต้ดินเล็กๆนอกกระแสสร้างโดยสตูดิโออิสระ จัดจำหน่ายกันเฉพาะภายในท้องถิ่น ทีมผู้สร้างจึงไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องการ Censor ฉากล่อแหลมประเภทต่างๆ ไม่ต้องกลัวเรื่องกฎหมายอะไร บรรดาทีมผู้สร้างหนังใน Toe Tag Pictures เลยปล่อยของกันจนชวนสำรอกลงตับ ความดิบ-เถื่อน-อำมหิต และดีกรีความรุนแรงจึงมากเกินบันยะบันยังที่คนปกติจะสามารถรับได้ โดยหนังในตระกูล August Underground ถูกสร้างเป็นไตรภาคดังต่อไปนี้คือ

1. August Underground/2001 (สิงหาโฉดโหดไม่ปราณี) กำกับโดย Fred Vogel บทหนังโดย Allen Peters และFred Vogel เรื่องราวเกี่ยวกับ 2 หนุ่มคู่หูนรกแตกที่นิยมชมชอบความรุนแรง เซ็กซ์ และการฆาตกรรมเหยื่อแบบวิตถารเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งสองจะช่วยกันถ่ายวีดีโอเรื่องราวการดำเนินชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆ กับมุมมองในแบบกล้องแทนตา และพฤติกรรมป่าเถื่อน ลักพาตัวเหยื่อมาทรมาน ตัดชิ้นส่วนเก็บไว้ดูเล่น บังคับให้เหยื่อกินอุจจาระ ปล้นฆ่าผู้สูงอายุด้วยการรัดคอ ดูหมิ่นศาสนา และข่มขืนเหยื่อแล้วฆ่าทิ้ง

2. August Underground’s Mordum/2003 (สิงหาคลั่ง) กำกับและเขียนบทหนังโดย Jerami Cruise, Fred Vogel และทีมงาน เรื่องราวเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวันของ 2 หนุ่มและ 1 สาวสติแตก(แบบสุดๆ)ซึ่งถูกบันทึกด้วยกล้องวีดีโอที่ทั้งสามช่วยกันถ่ายทำขึ้นเป็นไดอารี่ประจำวัน ในบ้านหลังหนึ่งที่ห่างไกลผู้คน กับการทำร้ายตนเองของหญิงสาวด้วยการเอาใบมีดเก่าๆคมๆมาเฉือนหน้าท้องจนเลือดทะลักอย่างมีความสุข ซากศพภาพในบ้านที่ต่างส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง เหยื่อหลายรายที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนและหน้ากาก การสังหารที่นองเลือดอย่างน่าเสียวไส้และแสนวิปริต คู่รักเลสเบี้ยนที่ถูกลักพาตัวมาสนองตัญหาของคนในบ้านหลังน้อย ด้วยกาบังคับให้กินบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งตรงนี้เองคือฉากในตำนานกล่าวขานของหนังเรื่องนี้ “สาวสติแตกใช้มือล้วงเข้าไปในลำคอตนเองและลำคอของเหยื่อ ทั้งสามจึงอาเจียนออกมาและถูกบังคับให้กินอ้วกกันทั้งสามนางอย่างสนุกสนาน ก่อนนำตัวเหยื่อที่หมดสติไปแขวนและเชือดที่ลำคอเพื่อนำเลือดที่ไหลรินนั้นมาอาบให้แดงฉาน และฯลฯ”

3. August Underground’s Penance/2007 (สิงหาวิปลาส คู่รักวิปริต) กำกับโดย Fred Vogel บทหนังโดย Fred Vogel และCristie Whiles เรื่องราวเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวันของคู่รักวิปริตคู่หนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองได้ถ่ายการดำเนินชีวิตส่วนตัวไว้ดูเล่นด้วยกล้องวีดีโออีกเช่นเดียวกันกับสองภาค(แต่ภาคนี้กล้องที่ใช้ถ่ายภาพชัดมาก และภาพไม่ค่อยสั่นจนชวนอาเจียนเหมือนสองภาคแรก)คู่รักวิปลาสทั้งสองช่วยกันลักพาตัวเหยื่อทั้งหญิง-ชายมามัดขังไว้ที่ใต้ถุนบ้าน เวลาว่างทั้งสองจะช่วยกันชำแหละเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่างมีความสุข ดื่มเลือดจากลำคอของเหยื่อพร้อมถ่ายวีดีโอเก็บไว้ในยามประกอบกิจนองเลือด หากว่างจากการชำแหละเหยื่อ งานถนัดของทั้งสองที่มักทำยามว่างก็คือการปล้น-ฆ่าเพื่อหาเงินไว้ใช้ ไร้ความปราณีทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นฉากข่มขืน หักคอเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายในวันคริสต์มาสอีฟอย่างโหดเหี้ยมทารุณไร้เมตตา

หนังในตระกูล August Underground ในภาคที่ 3 ที่มีชื่อว่า August Underground’s Penance ฉายในปี ค.ศ.2007 นี้เอง หากหาข้อมูลให้ถี่ถ้วนจะพบว่าคลับคล้ายคลับคลากับคดีฆาตกรรมสะเทือนโลกคดีหนึ่ง นั่นก็คือคดีฆาตกรรมของ Paul Bernardo และภรรยาสาว Karla Homolka ที่ร่วมกันฆาตกรรมเหยื่ออย่างโหดเหี้ยมในประเทศแคนาดา อาจเป็นไปได้ว่าทางทีมผู้สร้างอย่าง Fred Vogel หรือผู้เขียนบทหนังคือ Fred Vogel และCristie Whiles อาจได้รับแรงบันดาลใจมาจากคดีฆาตกรรมสุดโหดคดีดังกล่าวก็เป็นได้

จึงขอกล่าวเสียเพียงเล็กน้อยในเรื่องคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญของ Paul Bernardo และภรรยาสาว Karla Homolka รักสุดหล่อ-สวยประหนึ่งเทวดาและนางฟ้าที่หวานปานจะกลืนกินจากประเทศแคนาดา เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1990 กับ Paul Bernardo ผู้ได้รับฉายา “นักข่มขืนแห่งสการ์บอโรห์” กระทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว-ข่มขืน และฆาตกรรมเด็กสาว 2 คนอย่างทารุณ นอกจากนี้ Paul Bernardo และ Karla Homolka ยังได้บันทึกเทปวีดีโอขณะลงมือข่มขืนเหยื่อ และยังทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วยการหั่นศพแยกร่างออกเป็นชิ้นๆ ปรากฏหลังจากทั้งคู่ถูกจับ Paul Bernardo ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต ส่วน Karla Homolka ภรรยาสาวถูกจำคุกจนถึงปี ค.ศ. 2005 ปัจจุบันเทปวีดีโอที่ Paul Bernardo ร่วมกับภรรยาในการฆาตกรรมเหยื่อกำลังเป็นที่ต้องการของนักสะสมของแปลก ซึ่งราคาค่างวดที่มีคนจ้องจะซื้อมันนั้นสูงลิบ!!! ซึ่งก็ยังเชื่อกันว่าเทปม้วนดังกล่าวยังคงอยู่ในความครอบครองของทางการแคนาดาจวบจนทุกวันนี้ (ข้อมูลเพิ่มเติมจาก บทความชุดฆาตกรโหดสะท้านโลก ตอนที่ 248 : Paul Bernardo & Karla Homolka ตอนที่ 1-4 โดย writer.dek-d.com)

นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ในเว็บไซต์รีวิวเกมชื่อดังอย่าง IGN ซึ่งได้ทำการสำรวจ-จัดอันดับหนังสยองขวัญที่มีดีกรีความรุนแรงสูงสุดตลอดกาล โดยยกตำแหน่ง “หนังสุดเสื่อมตลอดกาล” ให้แก่หนังในตระกูล August Underground ในภาคที่ 2 ซึ่งก็คือ August Underground’s Mordum/2003 (สิงหาคลั่ง) กำกับและเขียนบทหนังโดย Jerami Cruise ซึ่งแน่นอนว่าตำแหน่งหนังสุดเสื่อมตลอดกาลของเว็บไซต์รีวิวเกม IGN ไม่มีทางได้มาอย่างง่ายๆแน่นอน จึงเป็นเครื่องการันตีได้ในระดับหนึ่งว่า August Underground’s Mordum นั้นเป็นหนังแนว Gore Indy-Underground ในแบบฉบับ Fake Snuff film (สนัฟฟ์ฟิลม์แบบเทียม)ที่มีดีกรีความโหด-เสื่อม-อันตราย ไม่ธรรมดาแน่นอน โดยใน Poll สำรวจ 10 สุดยอดหนังสุดเสื่อมตลอดกาลของเว็บไซต์รีวิวเกม IGN ที่ทำมาครั้งล่าสุด(ปี ค.ศ. 2006) ได้อันดับทั้ง 10 อันดับ ดังนี้

1. August Underground’s Mordum
2. Aftermath
3. Cutting Moments
4. Cannibal Holocaust
5. Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood
6. Murder-Set-Pieces
7. Ichi The Killer
8. Salo : 120 Days of Sodom
9. Men Behind The Sun
10. Irreversible

Poll 10 สุดยอดหนังสุดเสื่อมตลอดกาลของเว็บไซต์รีวิวเกม IGN ปี ค.ศ. 2006 (ที่มาของ Poll จาก Top 10 Sickest Movies by IGN เว็บไซต์ : http://blogs.ign.com/Horror_Brain/2006/06/29/23243/)

#5samara17520 • 2/8/2554 15:53
ลองเเกล้งจัดอันดับความรุนเเรงในหนังกับเพื่อนๆน่ะ อ่านสนุกๆ อย่าคิดมาก ความเห็นส่วนตัว ^^




#6stynx • 2/8/2554 16:40
เรื่องย่อของ อันดับที่ 15 Men Behind The Sun (จับคนมาทำเชื้อโรค)

มันคือ Martyrs นิ ...
#7samara17520 • 2/8/2554 16:44
^

^

^

อุ๊บบบบบ.....ขอบคุณๆๆๆๆ เเก้ไขๆๆๆๆ อนใครมาเห็นๆๆๆๆ ^^
#8samara17520 • 2/8/2554 16:50
ปล. รู้กันเฉพาะเราสองคนนะคุง stynx


อิอิอิ.....สงสัยคนพิมพ์เริ่มเบลอ ^^
#9Poiily • 2/8/2554 16:50
อุ๊ปส์

แก้แล้วๆ แหะๆ
แก้ไขล่าสุด: 2/8/2554 16:52 โดย Poiily
#10samara17520 • 2/8/2554 16:52
^

^

^

เเก้เเล้วจ๊ะคุงหนู Poiily

ปล. จุ๊ๆๆๆๆ....อย่าดังไป ยังไม่มีใครรู้ง่ะ ^^
#11Poiily • 2/8/2554 16:53
เอออหนูอยากรู้ว่า Men behind the sun น่ะค่ะ ฉากที่โยนแมวลงไปให้หนูที่หิวโหยกินนี่มันของจริงหรือเปล่าคะ

ดูแล้วน้ำตาไหลเลย ;__;
#12samara17520 • 2/8/2554 16:56
^

^

^

น่าจะของจริงนะครับ (ดูนานเเย้วววว เหมือนกัน ชักลืมๆง่ะ) เเต่เรื่องนี้ถูกหลายๆฝ่ายต่อต้านอย่างหนักเลยนะครับ

ปล. รอความเห็นท่านอื่นต่อจ๊ะ ^^

#13skull terror • 2/8/2554 16:56
หนูไม่กินแมว
#14samara17520 • 2/8/2554 16:59
^

^

^

หนูไม่กินเเมว.....เเต่เเมว(สาวข้างบ้าน)หนูกินนะ คิคิคิ ^^
#15stynx • 2/8/2554 17:00
ฮ่าๆ ที่ท้วง เพราะอยากอ่านบทความ (ตัวจริง) ของเรื่องจับคนมาทำเชื้อโรคอ่ะค่ะ ^^
#16samara17520 • 2/8/2554 17:02
Men behind the sun น่ะค่ะ ฉากที่โยนแมวลงไปให้หนูที่หิวโหยกินนี่มันของจริงหรือเปล่า
(อ้างจากคุณ Poiily)



หนังเรื่องนี้ผมดูสมัยเด็กๆเลยล่ะ ชักหลงๆลืมๆล่ะ เอ้อ....เเผ่นก็ไม่มีเเล้ว(เพื่อนยืมจนหาย)ใครจำได้เเม่นๆ ฉากแมวลงไปให้หนูกิน เล่าสู่กันฟังบ้างสิ เเต่ที่คุณ skull terror พูดก็มีเหตุผลนะ โดยธรรมชาติ แมวจะมีกลิ่นสาบเฉพาะที่หนูกลัว(ตามธรรมชาติ) หนูจะกินเเมวได้จริงนะหรือ?
#17samara17520 • 2/8/2554 17:04
ความคิดเห็นที่ 15

ฮ่าๆ ที่ท้วง เพราะอยากอ่านบทความ (ตัวจริง) ของเรื่องจับคนมาทำเชื้อโรคอ่ะค่ะ ^^


จากคุณ : stynx
เขียนเมื่อ : 2 Aug 11 17:00

^

^

^

555+ ^^
#18stynx • 2/8/2554 17:06
ได้อ่านแย้วววว

ตกลงว่าการทดลองต่างๆ ในเรื่องจับคนมาทำเชื้อโรคนี่เคยเกิดขึ้นจริงๆ บนโลกใบนี้หรอเนี่ย โหดร้าย น่ากลัวมากเลยอ่ะ
#19skull terror • 2/8/2554 17:08
ผมก็จำไม่ค่อยได้หรอก แต่ฉากเอามือแช่น้ำนี้ classic มาก คือขี้เกียจไปเปิดดูนะ ขอเดาเลยคือถ้าดูตอนนี้เทคนิคอะไรก็จะดูออกง่ายมากแล้วครับ ลองเปิดดูก็รู้ครับว่าจริงไหม แต่ถ้าจริงก็ยอมรับครับ ไม่ได้ยอมรับว่าโหดนะ ยอมรับว่าเก่งที่ทำให้หนูกินแมวได้ นอกจากจะต้องให้มันอดอาหารจนหิวมากๆแล้ว ยังต้องทำให้จิตใจมันผิดปกติไปด้วย
#20samara17520 • 2/8/2554 17:11
ความลับบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ


อย่าเเอบไปบอกใครนะ ในบรรดาเพื่อนๆที่มาให้คะเเนนหนังทั้ง 24 เรื่อง มีผมคนเดียว(มั๊ง)ที่ดูหนังทั้ง 24 เรื่องนี้ยังไม่จบเเล้วเเอบมาให้คะเเนน จุ๊ๆๆ จะเล่าให้ฟังๆๆๆๆ


พอดีเพื่อนๆมันรบเร้าว่าจะต้องสร้างเจ้าบทความตัวนี้เพื่อนเป็นอนุสรณ์ในงานเรียนจบของเพื่อนคนอายุน้อยสุดให้จงได้ สุดท้ายผมเลยสารภาพ(บาป)ว่าตรูจะให้คะเเนนยังไงฟะ ก็ตรูยังไม่ดูเรื่อง Philosophy of a Knife (ค่ายนรกนานกิง)ทีนี่หว่า ปกติดูเเค่ผ่านๆ ไม่จริงจังอะไร


คราวนี้เลยถูกเพื่อนๆจับนั่งกะเก้าอี้ ดูเจ้า อันดับที่ 14
Philosophy of a Knife (ค่ายนรกนานกิง)
ครับ เจ้าหนังเรื่องนี้มันยาวนะ 2 เเผ่น DVD เชียวนะตะเอง ดูจบเเผ่นเเรก ขนมจีน 2 จานที่เพิ่งทานเสร็จเเทบออกมาเต้นระบำนอกท้อง


ปล. ดูจนถึงฉากที่ทหารญี่ปุ่นกะลังทรมานสาวฝรั่งด้วยการจับคุงเธอเเก้ผ้า เเล้วเอาเจ้าเเมลงบางอย่าง(เเมงสาบป่าวฟะ)ยัดเข้าไปใน จุ๋มจิ๋ม ของคุงเธอ อ๊ากกกกกกกกกก.....ผมเกือบอ้วกเเตกนะเออ (เสียดายหนุมจีน) ตรูยอมดูไม่จบง่ะ ฮื่อๆๆๆๆ T T
#21Poiily • 2/8/2554 17:15
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

Philosophyฯ ไม่เคยดูเลยค่ะ ทำเอาไม่กล้าดูอะ5555


ปล. โอ้ ขอบคุณคุณ skull terror ค่ะ เราไม่เคยรู้ว่าหนูไม่กินแมว คือคิดว่าถ้าหนูมันหิวมันจะกินอะไรก็ได้ แต่ฉากในเรื่องนั้นเหมือนจริงสุดๆไปเลยอะ ;___; สยอง เรารักสัตว์แจ้~
แก้ไขล่าสุด: 2/8/2554 17:16 โดย Poiily
#22samara17520 • 2/8/2554 17:16
ความคิดเห็นที่ 18

ได้อ่านแย้วววว

ตกลงว่าการทดลองต่างๆ ในเรื่องจับคนมาทำเชื้อโรคนี่เคยเกิดขึ้นจริงๆ บนโลกใบนี้หรอเนี่ย โหดร้าย น่ากลัวมากเลยอ่ะ


จากคุณ : stynx
เขียนเมื่อ : 2 Aug 11 17:06

^

^

^

^

ผมเคยอ่านงานเเปลของนายเเพทย์ชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่ง(ตอนนี้ไม่รู้เก็บไว้ในเเฟ้มไหนเเย้ว) เนื้อหาประมาณ 100 กว่าหน้า....อ่านจบเเบบว่าประมาณ มึนตี๊บบบบ


ปล. รู้สึกเว็บเด็กดีก็มีเอามาเเปลนะ ลองใส่คำว่า " Unit 731 " ลงไปดูจิ
#23samara17520 • 2/8/2554 17:17
เอาเเบบเล็กๆไม่ลึกนะ......


จับคนมาทำเชื้อโรค เป็นหนังที่ผมเคยดูในวัยเด็ก 7 ขวบ แล้วรู้สึกสยองมาก พ่อแอบดูตอนกลางคืน ไอ้เราก็ตื่นมางัวเงีย มาเจอฉากนี้เท่านั้นแหล่ะ ดูครั้งเดียว จำติดตามาตลอดจนบัดนี้ หนังที่สยองสูสี ก็มี ซาลาเปาไส้คน กับ แอบดูเป็นแอบดูตาย ซึ่งวันหลัง จะนำมาให้ได้รับชมกัน (จริงๆ ฉากอื่นก็มี แต่มันสยองเกินไป )

"จับคนมาทำเชื้อโรค" หรือชื่ออังกฤษว่า Men behind the Sun (1988) สร้างมาจากเรื่องจริง สงครามนานกิง ที่ญี่ปุ่น บุกมาจีนนั่นแหล่ะครับ (ปฏิบัติการหฤโหด 731 )มาดูครับ โดยเฉพาะฉากนี้ คงทำให้หลายคนสยองกับความโหดร้ายทารุณของทหารญี่ปุ่นไปตามๆ กัน

ฉากนี้ก็คือฉากที่ทหารญี่ปุ่นทำการทดลองกับนักโทษชาวจีนโดยราดน้ำเย็นจัดลงไปบนแขนทั้ง 2 ข้างของนักโทษ ราดลงไปเรื่อยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าจนแขนนั้นแข็งจัด จากนั้นก็ใช้ค้อนทุบเบาๆ (แบบกระเทาะ) ลงไปตรงแขน

จับคนมาทำเชื้อโรค หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า 731
:: ...หนังจับเอา ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นบุกจีน และเข้ายึดเมืองนานกิง

...แล้วทหารญี่ปุ่น + นักทดลองบ้าบ้อ นำทีมโดยนาย ชิโร่ อิชิอิ ผู้เชี้ยวชาญทางด้าย ไมโครไบโอโลยี หลังจากได้รับไฟเขียวจากกองทัพ
ให้ทดลองด้านอาวุธ เชื้อโรคและอื่นๆ โดยใช้เชลยศึก และชนชั้นแรงชาวจีนในค่าย

...ค่ายนั้นคือค่ายกักกันของหน่วย 731 ( UNIT 731)
...หนังก็โหด ๆ เลยนะครับ ก็ขนาดรู้ว่าเป็นภาพยนตร์แต่ทำออกมาได้ หดหู่ สยดสยอง และเหมือนจริงมาก(ในสมัยนั้น)

....ไม่ว่าจะวิธการทรมานต่างๆ ที่กลุ่มทหารญี่ ทำกับชาวบ้าน(น่าจะชาวบ้านนะ เพราะเชลยน่าจะเป็นทหารจีน ซึ่งไม่มี)

...อย่าง เอาแขนของชาวบ้านไปแช่ใน ไนโตรเจนเหลว หรือสารอะไรไม่รู้ที่เย็นจัดๆ แล้วทุบให้แตก (ขาด)

...หรือจำคนไปไว้ในห้องความดัน แล้วลดความดันให้น้อยที่สุด สุดท้ายๆ อะไรๆ ก็พุ่งออกมาจาก ช่องเปิดต่างๆ ของมนุษย์ ไม่ว่าจะ อุจจาระเอย ลำไส้เอย ฯลฯ

นาย โทชิมี มิชูบิชิ หนึ่งในหน่วย 731 เปิดเผยว่า เค้ารู้สึกภูมิใจที่ได้อยู่หน่วยนี้ และเป็นหน่วยรบหน่วยแรก ที่ค้นคว้าทางด้านอาวุธเชื้อโรค

ส่วนภาพที่ 4นี่มันเล่นกันง่ายๆ เลย ก็ฉีดเชื้อแอนแทร็กของวัว เข้าไปในมือของ คนงานจีนในค่ายคนหนึ่ง

ข้อมูลจาก พันทิพ

ปฏิบัติการหฤโหด 731

เรื่องเล่าที่ผมจะเล่านี้เปนเรื่องจิงที่เคยมีข่าวประกาศในสมัยก่อน

หน่วยปฏิบัติการ 731
หน่วยปฏิบัติ 731 เป็นชื่อของหน่วยปฏิบัติการทางการแพทย์ของ ญี่ปุ่น ภายใต้การควบคุมกำกับโดยหมออิชิอิ ชิโร
เมื่อหมออิชิอิต้องการสมองมนุดสดๆ เพื่อการทดลอง นายทหาร ผู้ช่วยจะได้รับคำสั่งให้ตระเวนจับชาวจีนหรือรัสเซียผู้โชคร้ายมายังห้องปฏิบัติการ
เหยื่อถูกจับมัดตรึงติดกับเตียงผนัง ศีรษะคว้ำลงทหารนายหนึ่งได้เฉาะกระโหลกด้วยขวาน อวัยวะส่วนที่ต้องถูกส่งไปในห้องปฏิบัติการของหมออิชิอิทันที
ซากของเหยื่อเคราะร้ายจะถูกโยนลงไปในเตาเผ่าด้านหลังของหน่วยปฏิบัติการ ขณะที่เหยื่ออื่นๆอีกนับเปนร้อยรายได้จ้องมองผ่านห้องขังด้วยตวามตกตพลึง
การผ่ามนุษย์แบบสดๆ ถือเปนเรื่องปกตอของหน่วยปฏิบัติการ 731 ซึ่งอยู่ ณ เมืองกวางตุ้งในประเทศจีน
หน่วบปฏิบัติการ731เปนหน่วยปฏิบัติการทางทหารของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่2ซึ่งมีหน้าที่ทำการค้นคว้าทดลองเพื่อผลิตอาวุธเคมีและชีวภาพ
เพื่อนำไปใช้กับพลเรือนในประเทศคู่สงครามมนุษยธรรม และหน่วย 731 กลายเปนสิ่งเ!้ยมโหดที่สุดในประวัติศาตร์วงการแพทย์และประวัติศาสตร์มนุษยชาติจนทุกวันนี้
การทดลองที่สำคัญทุกชิ้นจะใช้มนุษย์เปนหนูตะเภา งานที่ดำเนินไปเปนกิจวัตรประจำวัน เช่น
-การผ่าตัดมนุษย์โดยไม่ใช้ยาสลบ
-การใส่สารพิษที่คิดค้นใหม่ลงในอาหารและน้ำดื่ม เพื่อฆ่าประชาชนทีละมากๆ
-การบังคับให้หญิงสาวร่วมเพศกับชายที่ป่วยเปนโรคชิฟิลิสนับสิบคนเพื่อศึกษาและพัฒนาเชื้อซิฟิลิสที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาตร์มนุษย์
-การฉีดเลือด!ที่มีเชื้อเข้าร่างกายของมนุษย์ที่ถูกจับมาเป็นเหยื่อ เพื่อดูผลการแพร่เชื้อในมนุษย์ในมนุษย์เปนๆ
-การจับเหยื่อห้อยหัวลงจนกว่าจะตายเพื่อทดสอบความทนในการเอาชิวิตรอด
-การจับเหยื่อเข้าไปทดลองและอัดความดันอากาศหรือดูดอากาศออกจนร่านระเบิดเละ
-การจับมนุษย์เปลือยผ้าร่างแข่ในน้ำที่อุณหภูมิเปนลบ
-การตัดชิ้นส่วนของมนุษย์ออก เช่น ตัดกระเพาะออก นำลำไส้ต่อตรงมาที่หลอดอาหารเพื่อดูว่ามนุษย์ที่ไม่มีกระเพาะอาหารจะมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่
-การตัดแขนขา และนำมาต่อใหม่ด้วยการสลับข้าง
เหล่านี้คือภารกิจของหน่วยปฏิบัติการ 731

credit สจ.

นักปวศ.ญี่ปุ่นพบหลักฐานใหม่ ยันอาวุธชีวภาพยุ่นทำจีนสิ้นสกุล

ไชน่าเดลี่ 21/08/06 – นักประวัติศาสตร์แดนปลาดิบค้นพบหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทดลองอาวุธชีวภาพของกองทัพญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เมืองอี้อู มณฑลเจ้อเจียง ซึ่งได้ทำให้บางครอบครัวถึงกับสูญพันธุ์ไปจากหมู่บ้าน

“อาวุธชีวภาพของญี่ปุ่นได้ทำลายโครงสร้างสังคมในชนบทจีนและความสัมพันธ์ในครอบครัว” มาโกโตะ อูเอดะ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์วัย 49 ปีจากมหาวิทยาลัยริกเกียว ในโตเกียวระบุ หลังใช้เวลาสำรวจระหว่างวันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และเพิ่งค้นพบหนังสือ 47 เล่มว่าด้วยแผนภูมิวงศ์ตระกูลของชาวบ้านในหมู่บ้านฉงซัน

จากแผนภูมิเครือญาติดังกล่าวที่มีสมาชิก 404 คน พบว่า 1 ใน 3 ของชาวบ้านเสียชีวิตด้วยโรคระบาดเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปี 1942 ขณะที่มี 23 ครอบครัวได้สูญสลายไปจากหมู่บ้าน

“สังคมจีนมีความใกล้ชิดกันมาก คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านล้วนมีต้นตระกูลหรือแซ่เดียวกัน ซึ่งการทดลองอาวุธชีวภาพของกองทัพญี่ปุ่นในฉงซัน เกือบจะล้างบางคนถึง 4 รุ่นไปจากแผนภูมิเครือญาติที่มีมานานนับ 1,000 ปี” อูเอดะกล่าว



ภาพจากสถานีทดลองอาวุธชีวภาพ 731 ที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ในปัจจุบัน : บน – กองศพชาวจีนซึ่งญี่ปุ่นใช้เป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรีย, ล่าง – นักวิจัยแดนซามูไรกำลังชำแหละ ‘หนูทดลอง’ ชาวจีนที่ยังมีชีวิต ซึ่งใช้เป็นที่เพาะเชื้ออาวุธชีวภาพ


อาวุธชีวภาพนี้ยังส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและความประพฤติของสมาชิกในครอบครัว โดยบางคนในสกุลหวังได้ลี้ภัยไปยังพื้นที่อื่นและขาดการติดต่อกับครอบครัวไปในที่สุด

ทั้งนี้ มาโกโตะ อูเอดะ ใช้เวลากว่า 20 ปีในการศึกษาประวัติศาสตร์ในพื้นที่ชนบทของแดนมังกร และตั้งใจจะเขียนเรื่องราวต่างๆ ลงในหนังสือที่ชื่อว่า ‘Plague and Village’ ซึ่งคาดว่าจะวางแผงก่อนกลางปีหน้า โดยเขาหวังว่างานเขียนของเขาจะช่วยให้ชาวซามูไรรู้จักและเข้าใจวัฒนธรรมจีนมากขึ้น ตลอดจนเพื่อส่งเสริมมิตรภาพอันดีระหว่างสองชาติ

งานเขียนเมื่อปี 1998 ของอูเอดะที่เกี่ยวกับการเยือนหมู่บ้านฉงซัน ยังได้รับการบรรจุเข้าเป็นส่วนหนึ่งในแบบเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในญี่ปุ่นด้วย

ผลงานวิจัยร่วมของนักวิชาการจีนกับต่างชาติยังพบว่า ระหว่างปี ค.ศ. 1931-1945 ชาวจีนราว 270,000 คนตกเป็นเหยื่อการทดลองใช้อาวุธชีวภาพของกองทัพญี่ปุ่น

สารคดีจากสถานีโทรทัศน์ CCTV ของทางการจีน ยังเคยรายงานว่า นอกจากสถานีทดลองอาวุธชีวภาพ 731 ของญี่ปุ่น ที่เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียงแล้ว ยังมีหน่วยปฏิบัติการลักษณะเดียวกันอีกกว่า 20 จุดในแดนมังกร อาทิ ที่เมืองฉางเต๋อและฉีว์โจวในมณฑลหูหนัน รวมทั้งเมืองหนิงปอและหมู่บ้านฉงซันในเมืองอี้อู มณฑลเจ้อเจียงนี้ โดยรวมทั้งหมดแล้วมีการใช้ชาวจีนเป็น ‘หนูทดลอง’ อาวุธชีวภาพของแดนปลาดิบช่วงปี 1931-1945 ไม่น้อยกว่า 36 ครั้ง

อนึ่ง ประเด็นการทดลองใช้อาวุธชีวภาพกับชาวจีนอย่างโหดเหี้ยมในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ยังเป็นปริศนาที่รอการพิสูจน์และค้นพบต่อไป ซึ่งจากหลักฐานใหม่ๆ ยังนำไปสู่การที่ชาวจีนได้รวมตัวกันฟ้องไปยังศาลญี่ปุ่น เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและขอให้ชำระข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ใหม่ ตั้งแต่เมื่อปี 2002

แม้ศาลชั้นต้นของแดนซามูไรจะยอมรับว่าเคยมีการใช้อาวุธชีวภาพกับชาวจีนจริง แต่ไม่ขอชดใช้ค่าเสียหายใดๆ ส่วนศาลอุทธรณ์ยืนกรานในคำตัดสินของศาลชั้นต้น และขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา.

ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์


#24Poiily • 2/8/2554 17:20
คุณซมร.เอาซาลาเปาฯกับแอบดูเป็นฯมาฉายหน่อยสิค้า 555


ปล. กรรมๆ นี่มันกลายเป็นกระทู้คุยกันไปซะแล้ว ฮ่าๆ
#25samara17520 • 2/8/2554 17:21
อันนี้อีกหนึ่งข้อมูลนะ จากเว็บ http://lonesomebabe.wordpress.com/2009/09/13/shiro-ichii-unit-731-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84/



Shiro Ichii & Unit 731: จับคนมาทำเชื้อโรค

เรื่องนี้เริ่มขึ้นเมื่อมีการค้นพบสิ่งที่เป็นความอัปยศ ณ มุมหนึ่งของประเทศจีน สิ่งนี้เป็นความลับสุดยอดและดำมืดมานานหลายทศวรรษ สิ่งนั้นก็คือ การทดลองมนุษย์ …ใช้มนุษย์เป็นๆ มาทดลองอย่างสยดสยอง โดยมีนายแพทย์อิชิอิ ชิโร เป็นเจ้าของผลงานทั้งหมด …เขาเรียกหน่วยทำการทดลองนี้ว่า "หน่วยปฏิบัติการ 731"

นายแพทย์อิชิอิ ชิโร เป็นผู้ที่ผลักดันจนเกิดหน่วยนี้ขึ้นมา โดยการสนับสนุนของรัฐบาลและจากแพทย์ นักวิจัยและนายทหารระดับสูงจำนวนมาก เพราะเขามีวิธีเกลี้ยกล่อมชักจูงโดยใช้เหตุผลการเอาชนะสงครามเข้าล่อและด้วยความฉลาด เส้นสายของนักการเมืองและชื่อเสียงทางด้านการแพทย์ ทำให้เขาสามารถตั้งหน่วยปฏิบัติการนี้ได้สำเร็จและลากชื่อเสียงของญี่ปุ่นจมดิ่งตกต่ำไม่แพ้กว่าคดีที่นานกิงเลย (ดูรายละเอียดเรื่อง The Rape of Nanjing … หนี้ประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ที่นี่)

อิชิอิ ชิโร เกิดวันที่ 15 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1892 ในหมู่บ้านชิโยดะมูระ จังหวัดชิบะ เป็นลูกคนที่สี่ในครอบครัวที่มั่งคั่ง เป็นเศรษฐีที่นาที่ใหญ่ที่สุดในเมือง …ในด้านการศึกษาของหมออิชิอินั้น เรียกว่าถึงขั้นอัจฉริยะ เขามีพรสรรค์พิเศษในเรื่องความจำตั้งแต่เด็ก เขาสามารถท่องบทกวีที่ยาวๆ และซับซ้อนได้อย่างเหลือเชื่อ อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆ เขามักพูดถึงหมออิชิอิว่า เป็นคนอวดดี ก้าวร้าวและยโสโอหัง ชอบเบ่งว่าเป็นลูกคนรวย

เมื่ออิชิอิจบมัธยมในเดือนเมษายน ปี 1916 เขาก็ไปสอบนายแพทย์ต่อในมหาวิทยาลัยเกียวโต ซึ่งอาจารย์ทั้งหลายชื่นชมเขามาก ว่าเป็นคนขยันและฉลาดปราดเปรื่อง ถึงขั้นให้หมออิชิอิทำงานวิจัยระดับสูง ในขณะที่เพื่นอร่วมรุ่นยังศึกษาวิชาพื้นฐานทางการแพทย์อยู่เลย ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงยิ่งยโสโอหังเกินกว่านักศึกษาคนอื่นๆ ยิ่งขึ้นไปอีก แต่ความยโสโอหังนี้เป็นของจริง เพราะผลงานทางวิชาการของเขา ใครๆ ต่างชื่นชม จนสามารถจบโรงเรียนแพทย์ได้ในเดือนธันวาคม 1920 เมื่ออายุ 28 ปี

หมออิชิอิเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เขามีรูปร่างคล้ายฝรั่ง เป็นคนสูงใหญ่ ใส่แว่นบางครั้ง พูดภาษาอังกฤษเก่ง เขามักพูดเสียงดังสนั่นไม่สนใจหรือกลัวใคร มีร่างกายแข็งแกร่งกำยำ เพื่อนร่วมงานหลายคนเชื่อว่าหมออิชิอินั้นแข็งแรงผิดมนุษย์

ในช่วงเวลาที่หมออิชิอิจบโรงเรียนแพทย์นั้นญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่สงครามโลก ซึ่งตระกูลชิโรเป็นตระกูลใหญ่ที่รักชาติและองค์สมเด็จพระจักรพรรดิยิ่งชีวิต ไม่น่าแปลกอะไรที่ อิชิอิ ชิโร จะแสดงบทบาทรักชาติสมัครเข้าเป็นแพทย์ทหารทันที …เขาถูกส่งเข้าไปรับการฝึกฝนเป็นแพทย์ทหารเพื่อเตรียมเข้าสู่สนามรบ โดยสังกัดอยู่ในกองพลรักษาองค์พระจักรพรรดิที่ 3

เมื่อเขาเข้าร่วมเป็นแพทย์ทหารประจำกองทัพญี่ปุ่นเขารู้สึกสนใจอาวุธชีวภาพมาก เนื่องจากมันเหมาะกับญี่ปุ่นที่เป็นประเทศเล็กที่ไม่เหมาะในการสู้รบแบบปะทะกัน อีกทั้งอาวุธเชื้อโรคและเคมีนั้นเป็นอาวุธที่มีพิษสงรุนแรง ราคาถูก

วันที่ 9 เมษายน 1921 – อิชิอิ ชิโร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดได้รับยศเป็นร้อยเอกของกองทัพโดยสมบูรณ์และเพื่อสานฝันงานด้านวิจัยมนุษย์ เขาขอย้ายตัวเองไปศึกษาที่โรงพยาบาลทหารในกรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 1 กันยายน 1922

ชีวิตในโตเกียวนั้นหมออิชิอิได้รับฉายานามจากเพื่อนๆ ว่า "เสือผู้หญิง" "พ่อบุญทุ่ม" "นกเค้าแมว" และ "คอทองแดง" …หมออิชิอิเป็นพวกโลลิคอน ชื่นชอบเด็ก เขายินดีจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อบริการเกอิชามือใหม่วัยไม่ถึง 19 ปี อีกทั้งเป็นคนชอบเที่ยวยันสว่างทุกคืน

ด้วยความสามารถ ความฉลาดและเป็นลูกชายตระกูลใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองระดับสูง ทำให้ไม่มีใครกล้าตักเตือนอะไรกับเขามากนัก ตรงกันข้ามหัวหน้ายังส่งหมออิชิอิไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยในโตเกียวอีกครั้งในปี 1924

ที่เกียวโต หมออิชิอิศึกษาและทำงานวิจัยทางด้านจุลชีววิทยา ภูมิคุ้มกันวิทยา พยาธิวิทยาและเวชศาสตร์ป้องกันโรคและที่นั่นเขาก็ได้แต่งงานกับลูกสาวของนายกสภามหาวิทยาลัย พร้อมกันนั้นเขาก็ได้ค้นพบไวรัสระบาดสายพันธุ์ใหม่ที่ต่อมาใช้ชื่อว่า "โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดบี" ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทั้งสายการเมือง ทหารและวิชาการแนบแน่นยิ่งขึ้นไปอีก หมออิชิอิจึงกลายเป็นคนดังด้วยเหตุนี้ ขณะที่เพื่อนร่วมงานมักพูดถึงเขาว่า เขาเป็นคนฉลาดมาก ทำงานหนัก แต่ไม่มีวิญญาณของนักวิชาการอยู่ในจิตใจ เขามีแต่ความทะเยอทะยาน อยากจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่โดยไม่นึกถึงความถูกต้องดีงาม บ่อยครั้งที่เขามักแสดงความยโสต่อผู้ที่อาวุโสต่อเขา

ยกตัวอย่าง มีครั้งหนึ่งสมัยที่เขาเรียนอยู่เกียวโต อุปกรณ์เครื่องมือในห้องปฏิบัติการมีจำนวนจำกัดมาก นักศึกษาทั้งหมดมีตั้ง 30-40 คน จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ร่วมกันและต้องล้างเครื่องมือให้สะอาดหลังเสร็จงานทดลอง ซึ่งเป็นงานที่เบื่อหน่ายมาก กินแรงและเวลาอย่างยิ่ง เพราะถ้าเครื่องมือไม่สะอาดจะทำให้ผลการทดลองผิดพลาดได้ …แต่หมออิชิอิมักย่องเข้าไปห้องปฏิบัติการหลังจากเสร็จงานล้างเครื่องมือแล้ว เขาทำการทดลองด้วยตนเองโดยใช้อุปกรณ์ที่นักศึกษาล้างไว้ เมื่อเสร็จงานเขาก็กองอุปกรณ์ไว้ที่อ่างล้างมือ ไม่ล้างซักแอะ

ในปี 1927 – นายแพทย์อิชิอี ชิโร ได้เลื่อนยศเป็นพันตรีและสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก พร้อมนิสัยเห็นแก่ตัวและหยิ่งยโสที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย ในช่วงนี้เขาได้คบค้าสมาคมกับเพื่อนๆ ที่มีแนวคิดนิยมหัวรุนแรง คลั่งความเป็นญี่ปุ่น ต่อต้านระบบทุนนิยม ต่อต้านแนวคิดเสรี คลั่งนาซี ฯลฯ เขาติดนิสัยจากพวกนั้นเต็มๆ เลย ….

จุดเริ่มต้นของหน่วยปฏิบัติการ 731

ในปี 1925 ที่ประชุมระดับโลกได้มีมติห้ามผลิตและใช้อาวุธชีวภาพโดยเด็ดขาด แต่หมอชิโรกลับมองเห็นว่านี้คือช่องทางเดียวที่จะทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศมหาอำนาจได้ เขาเริ่มขายความคิดในเรื่องการผลิตอาวุธชีวภาพกับผู้มีอำนาจสูงสุดในกองทัพ โดยเขามักพูดว่า "อาวุธชีวภาพน่ะต้องได้ผลแน่นอน ไม่งั้นพวกประเทศใหญ่ๆ เขาคงไม่ต่อต้านขนาดนี้หรอก"

หมออิชิอิเริ่มทำการหว่านล้อมนายแพทย์โคอิสุมิ ชิกาฮิโกะ ซึ่งเป็นบิดาแห่งวงการสงครามชีวภาพและสงครามเคมีของญี่ปุ่นและหมออิชิอิก็กล่อมแกได้สนิท เพราะนายแพทย์โคอิสุมิแกก็ชาตินิยมเหมือนกัน หลังจากนั้นนายแพทย์โคอิสุมิก็มอบอาคารสูงให้หมออิชิอิ โดยไม่รู้ว่าอาคารนี้ใช้ทำอะไรอยู่ภายใน

ความลับนี้เริ่มเปิดเผยออกเมื่อผ่านมานานกว่า 60 ปี เมื่อทางวิทยาลัยได้ทำการรื้ออาคารแห่งนี้ คนงานขุดพบหลุมศพขนาดใหญ่ ซ่อนศพไว้ไม่ต่ำกว่า 100 ศพ เมื่อดูจากโครงสร้างทางสรีระที่หลงเหลืออยู่บ่งบอกว่าเขาไม่ใช่คนญี่ปุ่น สภาพศพถูกทารุณกรรมจากการผ่าตัดส่วนต่างๆ ในร่างกาย เชื่อกันว่าน่าจะมีจุดฝังศพอื่นๆ อีก แต่รัฐบาลญี่ปุ่นได้มีคำสั่งออกมาว่า ห้ามขุดคุ้ยประเด็นนี้และให้นำศพเหล่านั้นไปทำการฌาปนกิจเพื่อทำลายหลักฐานและทำลายภาพลักษณ์อันน่าสะพรึงกลัวในอดีต

ย้อนกลับไปในช่วงเวลาของหมออิชิอิ เขาได้ชักชวนรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผลสำเร็จ โดยงานวิจัยที่ใครๆ ไม่ทราบรายละเอียด แต่เขาเรียกร้องที่จะทำการทดลองขนาดใหญ่และต้องการวัตถุดิบจำนวนมากๆ แผนการโหดของเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างเมื่อเขาเดินทางไปปฏิบัติภารกิจลับที่ประเทศจีน …

ในปี 1933 นายแพทย์อิชิอิ ชิโร ได้ติดตามกองกำลังญี่ปุ่นมาที่ประเทศจีน และเลือกเมืองฮาร์ปิน ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่งเป็นสถานที่ตั้งหน่วยปฏิบัติการ ตั้งชื่อว่า "หน่วยงานพิเศษเพื่อการศึกษาภูมิคุ้มกันและบำบัดน้ำเสีย" เป็นชื่อปกปิดข้อเท็จจริงของหน่วยงานทดลองมนุษย์

เมืองฮาร์ปินเป็นเมืองในเขตอุตสาหกรรม เป็นศูนย์กลางของมลฑลไฮ่หลงเซียง อยู่ตอนเหนือของแมนจูเรีย เป็นเมืองค่อนข้างเจริญ มีชุมทางรถไฟที่ไปยังมณฑลอื่นๆ รวมทั้งไปยังเขตชายแดนประเทศต่างๆ ทำให้ประชาชนในแถบนั้นมีหลายเชื้อชาติไม่ต่ำกว่า 30 กลุ่ม เช่น ชาวฮั่น เกาหลี จีน มองโกล รัสเซียและยุโรป


รูปประกอบ Shiro-Ichii
attachment
#26samara17520 • 2/8/2554 17:22
หน่วยปฏิบัติการของหมออิชิอินั้นเป็นหน่วยพิเศษที่อยู่ในกองทัพกวางตุ้ง เขาได้การสนับสนุนเต็มที่จากผู้บัญชาการกองทัพกวางตุ้งในการทดลองมนุษย์ ทำให้อิชิอิสามารถดำเนินการได้อย่างสมใจอยาก การสนับสนุนจากกองทัพกวางตุ้งคือ การส่งทหารเข้าร่วมปฏิบัติการ 500 นาย และตั้งชื่อหน่วยนี้ว่า "ปฏิบัติการโตโก" แต่ต่อมานิยมเรียก "หน่วยอิชิอิ" ตามชื่อหมอมากกว่าและเนื่องจากหน่วยปฏิบัติการนั้นตั้งอยู่ใจกลางเมือง การทดลองมนุษย์จึงไม่อาจปิดสายตาของชาวเมืองไว้ได้ มีข่าวลือเล็ดลอดมาเป็นระยะ จนรัฐบาลญี่ปุ่นไม่ค่อยพอใจมากนัก เพราะทำให้นานาประเทศโจมตีญี่ปุ่นว่าไร้มนุษย์ธรรม …หมออิชิอิจึงต้องย้ายไปทดลองที่เมืองอื่นอย่างช่วยไม่ได้

ในเดือนสิงหาคม ปี 1932 นายแพทย์อิชิอิ ชิโร ได้ย้ายหน่วยปฏิบัติการไปยังเมืองเล็กๆ ชื่อ "ไบยินฮี" เป็นเมืองในเขตทุรกันดารทางตอนใต้ของฮาร์ปิน เขาใช้กำลังทหารเข้ายึดหมู่บ้านและสั่งให้ชาวบ้านอพยพออกจากเมืองภายใน 3 วัน จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องเผาบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างทั้งหมด เว้นแต่ตึกใหญ่ขนาด 100 ห้อง เพื่อใช้เป็นตึกบัญชาการ นอกจากนั้นยังจับตัวชาวนาชาวไร่จีนกว่าร้อยคนไว้เป็นทาสแรงงาน มีหน้าที่ก่อสร้างห้องปฏิบัติการแห่งใหม่ อาคารสำนักงาน ที่พัก รวมไปถึงโรงเรือนขนาดใหญ่ ก่อกำแพงสูง 3 เมตร ด้วยอิฐสำหรับกักขังมนุษย์ที่ใช้ทดลองจำนวนมากและมีการลาดตระเวนตลอดเวลา ป้องกันมนุษย์ทดลองหลบหนี

พื้นที่เกือบ 400 ไร่ ถูกล้อมรอบด้วยลวดหนาม 2 ชั้น และเดินด้วยสายไฟฟ้าแรงสูง กั้นคนในออก-คนนอกเข้า

อาคารสำนักงานใหญ่ที่สุดจะตั้งตรงกลางของค่ายกักกัน เรียกว่าปราสาท มีสองปีก ด้านหนึ่งเป็นสำนักงานบัญชาการ โรงนอนทหาร คลังเก็บเสบียง โรงอาหารและโรงรถของหน่วยปฏิบัติการ ส่วนอีกปีกอีกด้านหนึ่งนี้สิมันเป็นปีกที่ประกอบด้วยห้องทดลองขนาดใหญ่หลายห้อง เตาเผาศพ คลังเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์และที่กักขังมนุษย์นับพันคน ตามปกติเหยื่อที่นำมาทดลอง ส่วนมากจะเป็นขโมยหรือพวกกระทำความผิดทั่วไปหรือสมาชิกหน่วยต่อต้านใต้ดินของจีนหรือทหารจีนที่รบแบบกองโจรที่จับได้ รวมไปถึงพลเมืองที่ทหารญี่ปุ่นกวาดต้อนมาและยัดเยียดข้อหาใดข้อหาหนึ่ง

มนุษย์ที่จับมาทดลองจะใส่กุญแจมือและตีตรวนไว้ตลอดเวลา แต่พวกนี้จะได้รับการดูแลเรื่องสุขภาพโดยให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ตลอดจนอาหารการกินดีกว่าที่พวกเขาเคยกินตามปกติ โดยทั้งนี้เพื่อบำรุงร่างกายของมนุษย์ทดลองให้แข็งแรงมากที่สุดและเมื่อพวกนี้สุขภาพดีระดับหนึ่งแล้ว หมออิชิอิก็จับแต่ละคนมาฉีดเชื้อโรคเพื่อทำการทดลอง …เชื้อโรคเหล่านี้ประกอบด้วยแอนแทร็กซ์ ฝีดาษและกาฬโรค โรคที่เคยทำให้ประชาชนในยุโรปล้มตายนับล้านมาแล้ว

นอกจากการทดลองเชื้อร้าย หน่วยปฏิบัติการ 731 ยังทำหน้าที่พัฒนาสารพิษและก๊าซพิษเพื่อฆ่าประชาชนให้ได้ทีละมากๆ เช่น

1. ใช้ก๊าซฟอสจีน พ่นออกจากช่องที่กำแพงห้องขังในเวลา 5 นาที มนุษย์ที่ได้รับก๊าซนี้จะหมดเรี่ยวแรง ล้มลงและทรมาน 1 วันแล้วก็ตายเพราะพิษ
2. โพแทสเซียมไซยาไนด์ ฉีดเข้าไปในเหยื่อเพียง 15 มิลลิกรัม เท่ากับฝุ่นปลายเล็บ เหยื่อจะสิ้นสติและตายใน 20 นาที
3. ชอร์ตด้วยไฟฟ้าขนาด 20,000 โวลต์ พบว่ามีบางคนไม่ตาย
4. ชอร์ตด้วยไฟฟ้าขนาด 5,000 โวลต์เป็นจังหวะ เหยื่อไม่ตายแค่เนื้อไหม้ แต่ถ้าปล่อยกระแสนานๆ เนื้อจะสุกไหม้จนตาย
ฯลฯ

นี่คือผลการทดลองที่น่าสยดสยองของหมออิชิอิ …จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า มีผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าเพื่อทำการทดลองลับมากกว่า 1,000 คน ในเวลาไม่ถึงปี และแล้วก็เกิดข่าวลือแพร่สะพัดอีกครั้ง เพราะเหยื่อทดลองสามารถหลบหนีได้ 12 คน หมออิชิจึงจำเป็นต้องย้ายหน่วยปฏิบัติการอีกครั้งไปยังสถานที่แห่งใหม่ แต่ครั้งนี้ใหญ่กว่าเดิมเพราะผู้บังคับบัญชาให้ความช่วยเหลือเต็มที่ …กองทัพญี่ปุ่นมองว่าหน่วยปฏิบัติการ 731 คืออาวุธลับชิ้นสำคัญในการต่อกรกับประเทศมหาอำนาจ ดังนั้นแม้จะถูกจับตามองว่าไม่มีมนุษยธรรม หมออิชิอิก็ยังได้รับการสนับสนุนเหมือนเดิม

คราวนี้เขาได้รับห้องทดลองขนาดใหญ่ที่ทันสมัยและมีระบบรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่นยิ่งขึ้น สถานที่ปฏิบัติการมรณะแห่งที่สามนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่กว้าง 1,500 เอเคอร์ หรือประมาณ 4,000 ไร่ ห่างจากฮาร์ปินไปทางใต้ 4 ไมล์ ตั้งชื่อสถานที่แห่งใหม่ว่า "ปินฝั้นคอมเพล็กซ์"

การที่จะได้พื้นที่ขนาดใหญ่นี้ ญี่ปุ่นจะต้องใช้ทหารยึดหมู่บ้านถึง 10 แห่ง บังคับให้ชาวบ้านอพยพออกไป หญิง-ชายชาวจีนที่แข็งแรงจะถูกกักขังไว้เพื่อใช้งานก่อสร้างสำนักงาน ห้องปฏิบัติการและที่คุมขังขนาดใหญ่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุดและสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ เตาเผาศพจำนวนมากที่มีโครงสร้างคล้ายกับปล่องไฟโรงงานธรรมดา

ทหารและพลเมืองญี่ปุ่นที่ปฏิบัติงานในหน่วยปฏิบัติการ 731 จะได้รับสิทธิอาศัยอยู่ในห้องพักสุดหรูพร้อมสวัสดิการที่ดีเยี่ยม มีทั้งสระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ บาร์ โรงเรียนหรือแม้แต่สถานบริการทางเพศก็มี

โครงสร้างภายในอาคารใหม่นี้ซับซ้อนคล้ายรังผึ้ง มีอุโมงค์ลับมากมาย เหยื่อสามารถถูกเคลื่อนย้ายจากภายนอกมาเก็บ บำรุงให้อ้วนแล้วทดลอง เสร็จก็นำไปเผาในเตาโดยผ่านอุโมงค์ลับ ทำให้คนภายนอกไม่ทราบว่าอะไรเกิดขึ้นภายในอาคารหลังนั้น อีกทั้งถูกจัดให้เป็นเขตที่มีการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด พลเรือนจะผ่านเข้าไปในเขตหวงห้ามไม่ได้เด็ดขาด เครื่องบินที่ฝ่าฝืนคำสั่งจะถูกยิงตกทันที ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินทหารหรือพลเมืองชาติใดก็ตาม

ส่วนอาคารที่ขังคุกเหยื่อเพื่อทำการทดลองมี 2 อาคาร อาคารละ 400 คน นอกจากนี้มีชาวจีนพื้นบ้านเป็นจำนวน 15,000 คน ที่ถูกกวาดต้อนเป็นคนงานชั้นต่ำ ทำหน้าที่ใช้แรงงาน กวาดพื้น กวาดขยะ งานเสี่ยงภัยและสกปรก พวกเขาไม่รู้เลยว่าเพื่อนร่วมชาติอีกจำนวนมากกำลังถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมในห้องปฏิบัติการสุดหรู …และเพื่อปกปิดโฉมหน้าที่แท้จริง กองทัพญี่ปุ่นเรียกปิงฝั้นว่า "โรงงานแปรรูปไม้กองทัพญี่ปุ่น" และมีรหัสเรียกเหยื่อมนุษย์สำหรับการทดลองว่า "ท่อนซุง" เช่น ลำเลียงท่อนซุงจำนวน 50 ต้น เข้าไปเก็บในโรงงาน – ท่อนซุงมีทั้งชาวจีน รัสเซีย ยุโรป เกาหลี อเมริกัน ที่เป็นทหาร เชลยศึกต่างๆ ชาวบ้านและพวกถูกยัดข้อหาเช่นเดิม โดยมีโทษสถานเดียวคือ "ประหารชีวิต" ดังนั้นคนเหล่านี้จึงถือว่าเป็นคนที่ตายแล้ว เป็นเพียงท่อนซุงที่รอการแปรรูปเท่านั้น! ซุงแต่ละต้นจะมีเลขหมายตัวแทนชื่อ-นามสกุลจริง ไม่มีการจัดทำประวัติส่วนบุคคลและเมื่อพวกเขาเหล่านี้ตายเลขหมายประจำตัวก็จะนำถูกมาใช่ใหม่อีกครั้ง

เมื่อได้สถานที่ทดลองใหม่ การวิจัยก็ใหม่ไปด้วย และนี่คือตัวอย่างการทดลองมนุษย์ที่หมออิชิอิภูมิใจนำเสนอ…

กลางปี 1940 เหยื่อ 20 คน ช่วงอายุ 20-30 ปี สุขภาพแข็งแรง ถูกคัดเลือกเข้าเป็นมนุษย์ทดลองในโครงการ "อหิวาต์คร่าชีวิต" โดยเหยื่อ 8 คนถูกจับฉีดวัคซีนต้านอหิวาต์รุ่นใหม่ที่ญี่ปุ่นค้นคว้า อีก 8 คนได้รับวัคซีนแบบดั้งเดิม และ 4 คนสุดท้ายไม่ได้รับวัคซีนใดๆ ทั้งสิ้น …หลังจากนั้นสองอาทิตย์ เหยื่อทั้งหมดถูกบังคับให้กินอาหารผสมเชื้ออหิวาต์สายพันธุ์ใหม่! ผลวิจัยพบว่า มนุษย์ทดลอง 4 คน ที่ได้รับวัคซีนชนิดใหม่รอดตาย แต่ที่เหลือตายเกลี้ยง แต่ไม่ว่าเหยื่อจะตายหรือรอด หากมีอาการติดเชื้อ พวกเขาจะถูกลำเลียงไปห้องปฏิบัติการเพื่อผ่าดูตับไตไส้พุงและให้ผู้ช่วยแพทย์ฝึกฝีมือผ่าตัดไปพร้อมกันด้วย

การผ่าตัดเหยื่อทั้งหมดนั้นไม่นิยมใช้ยาสลบ เพราะเห็นว่าสิ้นเปลือง ในเมื่อเหยื่อจะตายอยู่แล้วและอีกอย่างมันจะทำให้ผลการทดลองจะผิดพลาด

หลังสงครามโลกสิ้นสุด ทีมงานของหมออิชิอิคนหนึ่ง ชื่อ นายแพทย์มาซากุนิ คุรูมิซาว่า ยอมรับสารภาพว่าเขาทำการชำแหละคนเป็นๆ กว่า 1,000 คน

ในปี 1995 นิวยอร์กไทมส์ ได้สัมภาษณ์ชาวนาอายุ 72 ปีคนหนึ่ง เขาเคยเป็นผู้ช่วยแพทย์ในหน่วยปฏิบัติการ 731 เขากล่าวด้วยความไร้ความรู้สึกว่า "ครั้งหนึ่งผมเคยช่วยแพทย์ผ่าชายวัย 30 ปี ไม่ได้ใช้ยาสลบ เขาถูกจับมัดร่างเปลือยติดกับเตียง เหยื่อรายนี้รู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้ดิ้นรนร้องขอชีวิต หมอสั่งให้ผมใช้มีดกรีดเปิดอกตั้งแต่หน้าอกไปจนถึงช่องท้อง ขณะที่เขาร้องโหยหวนและใบหน้าชักกระตุกด้วยความเจ็บปวด เปล่งเสียงร้องน่าเวทนาอย่างนึกไม่ถึง …ผมยังจดจำเสียงนั้นจนถึงทุกวันนี้" และท้ายสุดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวก็เงียบลง อวัยวะถูกตัดออกที่ละชิ้นเพื่อเอาไปวิจัยต่อ เขาบอกว่าการทำงานเช่นนี้ทุกวันทั้งวันเพื่อศึกษาร่างกายของเหยื่อว่าเชื้อโรคจะก่อปฏิกิริยาต่ออวัยวะภายในอย่างไร

นอกจากนั้น พวกหน่วยปฏิบัติการ 731 ยังทำการวิจัยอาวุธชีวภาพในภาคสนามด้วยครั้งหนึ่ง พวกนี้เลือกบริเวณเชิงเขาอันดา ซึ่งห่างจากเมืองฮาร์ปิน 87 ไมล์ทางไปทางเหนือ ทำการทดลองโดยทิ้งระเบิดเคมีหรืออาวุธชีวภาพตามหมู่บ้านต่างๆ และบางครั้งทีมงานวิจัยก็ปล่อยเชื้อไทฟอยด์ใส่ประชาชนนาน บางครั้งก็ปล่อยสารพิษลงไปในแหล่งน้ำสาธารณะ การวางยาพิษลงในอาหาร เสื้อผ้า สัตว์ปีก แมลงและพาหนะนำโรคอื่นๆ

ที่มุมหนึ่งของเชิงเขาอันดา ทหารญี่ปุ่นได้สร้างห้องทดลองหรือที่กักขังนักโทษ มีลักษณะคล้ายโรงเก็บของผนังไม้ ภายในบุด้วยแผ่นตะกั่วกันเชื้อโรค ทีมงานใช้เหยื่อมนุษย์ 30 คน ล่ามติดกันด้วยโซ่ขังในห้องทดลองดังกล่าวและปล่อยพาหนะนำเชื้อกาฬโรคเช่นตัวหมัดและเหาจำนวนมากเข้าไปข้างใน และปล่อยทิ้งไว้จนเหยื่อแสดงอาการ แล้วนำเหยื่อเข้าไปในห้องทดลองเพื่อสำรวจโดยการผ่าตัด บางคนไม่ตายก็จะถูกนำไปทดลองอีกรอบ …ทีมแพทย์วิจัยชาวญี่ปุ่นทั้งหมดป้องกันตัวเองเต็มที่เมื่อเข้าใกล้เหยื่อ โดยสวมชุดคลุมทั้งหมดปกปิดอวัยวะทุกส่วนและทาผิวหนังด้วยยาฆ่าเชื้อ ใส่ถุงมือยางและหน้ากากปิดหน้า

หน่วยปฏิบัติการ 731 ถึงเวลาล่มสลายลงเมื่อกองทัพรัสเซียมีชัยเหนือญี่ปุ่น …

ก่อนที่กองทัพรัสเซียจะถึงเมืองฮาร์ปินอีก 7 วัน หมออิชิอิได้ตัดสินใจให้นักวิจัยของญี่ปุ่นทยอยฆ่านักโทษไปเรื่อยๆ โดยการนำเชื้อโรคระบาดรุนแรงหรือสารพิษหรือก๊าซพิษบรรจุในขวดแก้ว แล้วโยนไปในห้องขัง หรือแม้กระทั้งคลุกใส่ในอาหารให้นักโทษกันและจดผลการทดลองไว้

ส่วนคนงานจีนกว่า 600 คนที่ถูกบังคับใช้งานในปิงฝั้นถูกทหารญี่ปุ่นจับมัดเรียงแถว แล้วสาดกระสุนจนตายเกลี้ยง – เตาเผาทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน เพื่อทำลายหลักฐานด้วยการสลายซากศพให้กลายเป็นขี้เถ้าเป็นจำนวนมาก แต่กระนั้นเมื่อรัสเซียยกเข้าเมืองฮาร์ปินสำเร็จ ก็ยังสามารถจับกุมเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการ 731 ได้บางส่วน แต่นักวิจัยส่วนใหญ่และหมออิชิอินั้นอพยพกลับญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่รัสเซียจะมาชะอีก

ผู้ร่วมงานที่หนีกลับมายังญี่ปุ่น บ้างก็กลับไปใช้ชีวิตพลเรือนตามปกติ บ้างก็ปลอมปนอยู่ในวงการแพทย์ บ้างก็อยู่ในวงการทหาร บ้างก็เป็นชาวนา โดยไม่มีใครรู้ว่าครั้งหนึ่งพวกเขาเคยกระทำสิ่งใดลงไป

ส่วนหมออิชิอิหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครทราบข่าวคราวของเขาอีกเลย

ในการพิจารณาคดีของศาลทหารคาบารอฟสก์ของรัสเซีย ปี 1949 ได้ไต่สวนอาชญากรชาวญี่ปุ่นในจีนและแมนจูเรีย มีพยานรู้เห็นหลายคนให้การว่า พวกเขาเคยเห็นหน่วยปฏิบัติการ 731 นำตัวเชลยศึกชาวผิวขาวหลายคนไปทดลองด้านภูมิคุ้มกันต่อเชื้อบางชนิด

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มเปิดเผย จากการพิจารณาคดีของศาลรัสเซีย

แต่น่าแปลกใจก็คือ รัฐบาลสหรัฐอเมริกากลับมีท่าที่ไม่พอใจและออกมาแสดงความเห็นว่า การไต่สวนเรื่องดังกล่าวควรปกปิด เพราะสหรัฐอเมริกาไม่ต้องการให้ประชาชนรับรู้เรื่องดังกล่าว อีกทั้งยังปล่อยข่าวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นได้ทำลายข้อมูลการทดลองอาวุธชีวภาพทิ้งไปในปี ค.ศ. 1945 แล้ว


ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?

เรื่องนี้ตอบได้ไม่ยาก เพราะทั้งญี่ปุ่น รัสเซียและสหรัฐอเมริกา ทั้งหมดนี้มีความลับร่วมกันอยู่!

อันที่จริงทั้งสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย ต่างต้องการข้อมูลการทดลองมนุษย์จากญี่ปุ่น เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาอาวุธชีวภาพของตัวเอง รัสเซียหวังได้ข้อมูลจากการให้ปากคำของเชลยศึกเพื่อผูกมัดรัฐบาลญี่ปุ่น ขณะที่อเมริกามีข้อตกลงลับ แลกเปลี่ยนผลการทดลองของญี่ปุ่นกับการไม่เอาผิดนักวิจัยชาวญี่ปุ่นทั้งหมด

รัฐบาลญี่ปุ่นได้เจราขอแลกข้อมูลลับกับการนิรโทษกรรมเจ้าหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติการทั้งหมด การเจรจาเป็นความลับสุดยอดและเชือดเฉือนกันด้วยเล่ห์เหลี่ยมชนิดหากเดินหมากพลาดตาเดียวอาจตายยกรังหรือฉาวโฉ่ไปทั่วโลก

สหรัฐอเมริกาต้องการผลการทดลองในมนุษย์อย่างยิ่ง ขณะที่แพทย์ญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องก็ไม่ยอมเปิดเผยเรื่องใดๆ จนกว่าจะมีหลักประกันชัดเจน เช่นการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่กล้ากระทำผลีผลานเพราะอาจโดนการเมืองเล่นงานถึงขั้นรัฐบาลล่มได้ การต่อรองยืดเยื้อออกไปจนกระทั่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์คนหนึ่งได้ให้ความเห็นต่อประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในฐานะที่ปรึกษาว่า

"ข้อมูลการทดลองในมนุษย์ของญี่ปุ่น เป็นแหล่งข้อมูลเดียวในโลกที่หาได้ในขณะนี้ เป็นข้อมูลในมนุษย์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์เชื่อถือได้และแสดงให้เห็นผลของอาวุธชีวภาพต่อชีวิตมนุษย์อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน และนักวิจัยของสหรัฐอเมริกาไม่มีโอกาสทำได้เลย ในอดีตที่ผ่านมาการทดลองประสิทธิภาพของเชื้อโรคหรือสารพิษต่างๆ ทำได้ในสัตว์ทดลองเท่านั้น แล้วใช้ทฤษฏีคาดเดาเอาว่าจะเกิดผลอย่างไรในมนุษย์ ซึ่งจะทำให้ขาดความสมบูรณ์และความแม่นยำ เทียบไม่ได้เลยกับข้อมูลที่ญี่ปุ่นมี ข้อมูลเหล่านี้มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการพัฒนาอาวุธชีวภาพของอเมริกา เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วเห็นว่าคุ้มกับการนิรโทษกรรมนักวิจัยชาวญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องและจะเป็นภัยอย่างยิ่งหากข้อมูลตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น"

ในปี ค.ศ. 1948 การเจรจาแลกเปลี่ยนนิรโทษกรรมเป็นอันสิ้นสุด ข้อมูลทั้งหมดจากรัฐบาลญี่ปุ่นถูกส่งไปยังแคมป์เอทริกในรัฐแมรีแลนด์ ซึ่งต่อมากลายเป็นศูนย์กลางทดสอบและพัฒนาอาวุธชีวภาพและเคมีแห่งสหรัฐอเมริกา

และสหรัฐอเมริกาได้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของประเทศพันธมิตรทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้มีการดำเนินคดีกับนักวิจัยในหน่วยปฏิบัติการอาวุธชีวภาพในกรุงโตเกียว เช่นการพิจารณาคดีของศาลทหารนานาชาติของประเทศพันธมิตรในกรุงโตเกียว เพื่อลงโทษผู้กระทำความผิดข้อหามีอาวุธสงคราม 5,570 คน ไม่มีผู้ใดเลยที่เกี่ยวข้องกับหน่วยทดลองอาวุธชีวภาพหรือการแยกชิ้นส่วนคนเป็นๆ

ในการพิจารณาคดี จำเลยชาวญี่ปุ่น 30 คน ของศาลทหารในโยโกฮามา ไม่มีใครเกี่ยวข้องกับอาวุธชีวภาพ แม้กระนั้นเมื่อผลการพิจารณาคดีออกมาให้ประหารชีวิตจำเลย 5 คน นายพลดักลาส แมคอาร์เทอร์ ก็ใช้อำนาจยับยั้งโทษในที่สุด

เรื่องราวความหฤโหดของหน่วยปฏิบัติการ 731 และอื่นๆ ถูกเก็บเป็นความลับนานถึง 50 ปี เหยื่อที่เคราะห์ร้ายมีจำนวนนับไม่ถ้วนที่สังเวยต่อการทดลองอาวุธเชื้อโรคและเคมี ไม่มีใครเอาผิดหรือเรียกร้องความยุติธรรมแก่พวกเขาอย่างสมน้ำสมเนื้อ
attachment
#27skull terror • 2/8/2554 17:22
@ Poiily ผมว่าสัวต์มันมีสัญชาตญาณสูงกว่าคนเยอะครับ มันทำอะไรนอกรู่นอกทางน้อยกว่าคนมาก หมาข้างถนนนอนหิวตายเกื่อนครับ ไม่เห็นมันยอมกันสัตว์อื่นเพื่อให้ชีวิตมันรอดเลย แต่คนอยู่เผื่อแดกครับ กินทุกอย่างบนโลก แต่สัตว์กินเพื่ออยู่ครับ มันมีสักศรีมากกว่าเราอีก
#28samara17520 • 2/8/2554 17:23
เข้าไปอ่านได้อีกเเห่งนะคือที่นี่
http://writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=205702&chapter=35,http://writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=205702&chapter=36,http://writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=205702&chapter=37,http://writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=205702&chapter=38
#29Poiily • 2/8/2554 17:25
#27 บร๊ะะะะะะ ;______;

ขอบคุณมากๆที่ให้ข้อมูลนะค้าคุณ skull terror
#30skull terror • 2/8/2554 17:32
โทษทีครับแรงไปหน่อย 555
#31Darkside Fairy • 2/8/2554 18:14
โอ๊ว วว ว
#32AguileraAnimato • 2/8/2554 18:27
แมวไม่ตายจริงครับ ไปเซิจคำตอบมาแล้ว


No. Director T.F. Mou has recently debunked it in a biographical documentary currently in production.

The cat was covered in colored honey and then thrown into the rat pit, where the rats simply licked the honey off the cat. If one has the stomach to look closely at the scene, you'll see that the rats never bite the cat, the blood has the consistency and color of dyed honey, the cat never develops any realistic looking flesh wounds and the cat never fully stops moving.

Mou has simply shied away from the topic in the past because he believes it hypocritical to be upset over a cat when the point of his film is to show the desecration of humanity by other humans.

คุณผกก. แกจับน้องเหมียวไปทาน้ำผึ้งแล้วโยนไปให้หนูเลีย ไอ้พวกเลือดๆแห้งๆที่เราเห็นก็เป็นน้ำผึ้งเท่านั้น ความรุนแรงที่ทำให้เรายิ่งเชื่อ ก็ลวงตาด้วยการเคลื่อนไหวแบบชุลมุนชุลเกจากกองทัพหนูและแมว ที่ดูเหมือนหิวกระหายและเจ็บปวดนั้นเอง

จริงๆหนังเรื่องนี้ถ่ายในสมัยที่ยังไม่มี CG หรือ F/X อะไรเลยสำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์จีน หลายฉากใช้ของจริงมาถ่ายเลย
ฉากการถลกหนังแขน นั้นก็ใช้แขนศพจริงๆมา... แล้วให้นักแสดงมาถือ แล้วก็อาศัยมุมกล้องกับเครื่องจองจำมาช่วยบังให้เหมือนว่าเป็นแขนเธอจริงๆ

ฉากชำแหละเด็กทั้งเป็น ก็ไปใช้ศพเด็กจริงๆมาถ่าย คือเลือกรูปร่างที่ใกล้เคียงกับตัวนักแสดงจริงๆ แล้วพวกอวัยวะภายในที่เห็น close-up นั้นก็เป็นเครื่องในของหมูครับ
แก้ไขล่าสุด: 2/8/2554 18:35 โดย AguileraAnimato
#33romance • 2/8/2554 18:52
อสุจิปลิวว่อนในหย่อมสวน
ช่างโหยหวนน่าดมชมพิสมัย
กลิ่นคาวไข่หวานปลื้มหอมชื่นใจ
เหนือสิ่งใดต้องชิมและลิ้มลอง

ฮ่าๆๆๆ กลอนผม
#34samara17520 • 2/8/2554 19:28
ความคิดเห็นที่ 32

แมวไม่ตายจริงครับ ไปเซิจคำตอบมาแล้ว


จากคุณ : AguileraAnimato
เขียนเมื่อ : 2 Aug 11 18:27
แก้ไขเมื่อ : 2 Aug 11 18:35

^

^

^

^

ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานมาล่ะ คิคิคิ สวัสดีคุงน้ำหนึ่ง ^^

ปล. คำตอบมาเเล้วจ๊ะ
#35samara17520 • 2/8/2554 19:29
ความคิดเห็นที่ 33

อสุจิปลิวว่อนในหย่อมสวน
ช่างโหยหวนน่าดมชมพิสมัย
กลิ่นคาวไข่หวานปลื้มหอมชื่นใจ
เหนือสิ่งใดต้องชิมและลิ้มลอง

ฮ่าๆๆๆ กลอนผม


จากคุณ : romance
เขียนเมื่อ : 2 Aug 11 18:52

^

^

^

^

เหอะ เหอะ ^ 0 ^
#36AguileraAnimato • 2/8/2554 19:43
น้อง romance ขอให้พัฒนาทักษะการแต่งกลอนต่อไป พี่ชอบมาก ทำได้ดี ทำได้ถูกต้องแล้ว^^
#37samara17520 • 2/8/2554 19:52
^

^

^

^

ช่างส่งเสริม เหอะ เหอะ ^^
#38nana_idol • 2/8/2554 23:13
^
^
เรื่องดี ๆ ก็ส่งเสริมกันไปครับ ... 55+
#39tummontien • 3/8/2554 01:19
คุณ samara17520 ถ้าเข้าใจไม่ผิด
short review ของ All Night Long 5
กับ All Night Long 3 คลับคล้ายคลับคลา
ว่าจะอันเดียวกันป่าวคับ ^^
แก้ไขล่าสุด: 3/8/2554 01:21 โดย tummontien
#40Poiily • 3/8/2554 08:03
#32 ขอบคุณคุณหนึ่งค่า โล่งใจแล้ว 555

#33 อู้ว โอ้ว อร้อซซซซซซ~
#41samara17520 • 3/8/2554 11:55
ความคิดเห็นที่ 39

คุณ samara17520 ถ้าเข้าใจไม่ผิด
short review ของ All Night Long 5
กับ All Night Long 3 คลับคล้ายคลับคลา
ว่าจะอันเดียวกันป่าวคับ ^^


จากคุณ : tummontien
เขียนเมื่อ : 3 Aug 11 01:19
แก้ไขเมื่อ : 3 Aug 11 01:21

^

^

^

^

โย่.....ขอบคุณที่ตรวจงานให้ครับ เเก้ล่ะครับ ^^
#42samara17520 • 3/8/2554 12:45
หาดใหญ่ฝนตกเเล้ว เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปล. ตกให้มันหนักๆหน่อย จะได้หายร้อนนานๆๆๆ
^^
#43ekolai • 4/8/2554 01:55
อยากดูอะคะเรื่องนี้ ใครใจดีรบกวนช่วยเอามาฉายให้ดูหน่อยนะคะ ><.
#44xiongwawa • 8/8/2554 11:13
เอามาเพิ่มให้คะ
เวบรูปภาพของจีนที่รวบรวมแทบทุกภาพตอนที่ญี่ปุ้นบุกนานกิง
http://www.china918.net/91803/njkill/zl/sts061.htm

ตอนนี้คนจีนยังไม่ลืมเรื่องนี้
ทุกๆวันที่ ๒๔ กันยายน ของทุกปี สถานที่รัฐบาลจะมีเปิดเสียงไซเรนท์เพื่อเตือนว่าวันนี้เป็นวันที่ทหารญี่ปุ่นบุกจีน เพื่อที่จะให้คนจีนไม่ลืมเรื่องที่ญี่ปุ่นเคยทำยังไงกับคนจีนไว้บ้าง

เคยมีเพื่อนคนจีนคนนึงพูดว่า เรื่องที่ญี่ปุ่นทำไว้กับคนจีนลึกๆแล้วไม่มีใครลืม แต่ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เพื่อการพัฒนา การค้าของประเทศ T-T


ดีใจที่ไม่ได้เกิดมาช่วงสมัยนั้น >_<
Login
Function Used time : 0:00:00:00.020
Go Last