ผมฟังทุกแนวครับ บางทีก็แล้วแต่โอกาส และอารมณ์ด้วย ^ ^
ดูหนังโหด ไม่ต้องมีแต่เรื่องโหด ๆ กะได้ หลายคนยังอ่านชินจังกันอยู่เลย

อันนี้ มี jazz ผสมอยู่ครับ



จากกระทู้ที่ผมพูดเรื่องเพลง funny game
www.horrorclub.net/ForumDetails.aspx?ForumID=713

ผมนี้เวลาฟังเพลงต้องแนวแหกปาก ตะคอกไมค์อ่ะ แต่ถ้าเวลาอารมณ์เศร้าๆนี้ก็ขอเศร้าให้ถึงขีดสุดแล้วกัน

ผมฟังทุกอย่างที่เป็นเสียงดนตรี เป็นเพลง ทุกแนวไม่เกี่ยง ^^

ฟังนะครับ Jazz กับ blues เพราะๆ ฟังได้สบายๆเวลาลมเย็น ฮะฮา

ผมชอบดนตรีทดลองครับ ... เบื่อ ๆ กับพวกเมนสตรีมเหมือนกันแต่ก็ฟังได้

แต่หนังที่เป็นแนวทดลองนี่ผมยังเข้าไม่ถึง ... หวังว่าซักวันคงจะเข้าถึงได้ (55+)

55... สงสัยจะเป็นคนแรกที่ไม่ฟังเพลง

ฟังเฉพาะเวลาขับรถ/เดินทาง ดังนั้นมีอะไรให้ฟังก็ฟังไป แต่ถ้าถามที่ชอบ คือ จะฟังวง Within Temptation ไม่รู้เรียกว่าแนวไหนเหมือนกัน (ฟังอย่างเดียว)

#8 Gothic / Symphonic ครับ ผมก็ชอบหยิบเพลงเก่า ๆ มาฟัง (เพลงใหม่ ๆ ไม่ได้ตามล่ะ)

อิอิ แต่ละคนก็แตกต่างกันไป แต่นัทจะชอบฟังแจส แปลก ๆ อ่ะ ไม่ใช่พวก saxophone kenny G หรือ พี่โก้ Mr.Saxman ไรงี้นะคะ
เช่น ๆ









แบ่งปันๆ เอาไว้ฟังตอนทำงาน สนุกดีนะคะ

ฃ่วงนี้ฟังแต่ศิลปินคนนี้ ฟังที่ไรสบาย เคลิ้บเคลิ้ม ~

#11 โดนครับ แต่ละเพลง

^
(จิ้มไปที่คุณ skull terror)
สมเป็นคอหนังโหดจริงๆ

เวลาทำงานเพลินๆก็ฟังแนวคุณDarkside Fairy เหมือนกันแฮะ
ควบคู่ไปกับพวกอิเลคโทรนิค Peace Orchestra ,Tosca ชอบมาก

jazz ฟังเวลาอยู่กับแม่

ปกติเราฟังเพลงเมทัล (ที่บ้านเรียกเพลงผีบอก)

แต่ว่าครึ้มชอบฟังพี่แช่ ทูล ทองใจ แล้วเวลาอยากเต้นจะฟังพวกnew order,Depeche mode หรือไม่ก็ข้ามไปอินดัสเทรียล

เพลงนี้ไม่แจ๊ส แต่ชอบ

ฟังได้นะครับ แต่ไม่ใช่genreหลัก

เอาที่ชอบๆฟังเพลินๆ ก็บางแทร็คของหนังดาริโอ อาร์เจนโต้ ทุกเพลงที่วง goblin ประพันธ์นิเจ๋งหมดเลย
อย่างแทร็ค Gianna ในเรื่อง Deep Red เป็นเพลงธีมของตัวนางเอก





พวกหนังสยองอิตาลี สเปน ดนตรีเด่นจริงๆ คือมีความสวยงาม ความหลอน จะไม่ได้แบบบิลด์ให้ระทึกๆแบบหนังฮอลลีวู้ดอเมริกา

เรื่อง tenebre ก็เจ๋งมาก พ๊อพมาก 80's มากๆ



phenomena เหมือนโอเปร่าร๊อค

พูดแล้วก็นึกถึงศิลปินสาวคนนึง ตัวแม่แห่งวงการเพลงอังกฤษ
เธอคนนี้ไม่เคยทำเพลงให้หนังสยอง แต่เพลงของเธอ(ส่วนนึง)ชอบเขียนโดยมีหนังสยองเป็นแรงบันดาลใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอเขียนเพลงเมธัลว่าด้วยความตายอะไรดิบๆฮาร์ดๆนะครับ เพราะเธอแค่กระแซะกลิ่นออกมา

KATE BUSH

เห็นว่าน่าจะใกล้กับแนวเพลงที่คุยในกระทู้ด้วยแหละ

เป็นอาร์ท ร๊อค จะกระเดียดเป็นแจ๊ซก็ได้ในบางเพลง
เคท บุช จะชอบเขียนเพลงแบบภาษาวรรณกรรมจำแลง บางเพลงก็เหมือนการหยิบยืมเนื้อหาของหนังสือ ภาพยนตร์ มาก่อร่างสร้างรูป หรือใช้เป็นแรงบันดาลใจเลย เอาที่เกี่ยวกับหนังสยองก็มีเพลง The Infant Kiss



เพลงนี้พูดถึงหญิงสาวที่เกิดความรู้สึกรักใคร่เด็กที่เธอเลี้ยงดู เป็นความสัมพันธ์ต้องห้ามแบบ paedophile ได้แรงบันดาลใจจากหนังสยองอังกฤษเรื่อง The Innocents (ดัดแปลงจากเรื่องสั้น The Turn of the Screw) หนังปี1961 ที่ว่าด้วยเรื่องของครูสาวที่ถูกส่งตัวไปสอนหนังสือเด็กๆในคฤหาสน์ใหญ่ และเริ่มพบเจอกับเหตุการณ์ประหลาด เช่นวิญญาณของครูๆคนก่อน... จนความหลอนของสิ่งแวดล้อมทำให้เธอค่อยๆขวัญฝ่อไปจน...



Get Out of My House ได้แรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง The Shining

ลองดูเนื้อเพลง
When you left the door was (slamming)
You paused in the doorway,
As though a thought stole you away.
I watch the world pull you away.
(lock it)
So I run into the hall,
(lock it)
Into the corridor.

และ

No strangers feet
Will enter me
I wash the panes
I clean the stains away.
This house is as old as I am
This house knows all I have done
They come with their weather hanging around them
But can't knock my door down.



Hound of Love เพลงนี้พูดถึงอาการหวาดกลัวต่อความรัก เพียงเพราะความสัมพันธ์เลวร้ายในอดีตที่เคยถูกย่ำยีคอยหลอกหลอน
เอมวีเก๋มาก เคท บุช กำกับเอง เธอไปยกฉากจากหนังระทึกขวัญของอัลเฟรต ฮิตซ์ค็อกอย่าง The 39 Steps มาเลย หนังฮิตซ์ค็อกขึ้นชื่อเรื่องการสร้างความระทึกขวัญ อาการหวาดผวา และความกลัวอยู่แล้ว เรื่องนี้ก็เกี่ยวกับชายบริสุทธิ์คนนึงที่ต้องหนีการไล่ล่าจากจารชนและปกป้องแหวนข้อมูลลับให้พ้นจากเงื้อมือคนร้าย...

ประโยคตอนต้นเพลง it's in the tree นิคุณเธอก็ไปแซมปลิ้งมาจากหนังสยองยุคเก่าอย่าง Night of the demon มา



เพลง Experiment IV ก็เป็นเพลงที่ประหลาดมาก คือ ถ้าเราจะคุ้นชินกับที่ว่าเพลงต้องพูดแต่เรื่องความรัก การให้กำลังใจ เรื่องเล่าในชีวิตประจำวัน แต่เพลงนี้มันเป็น log line เป็นเรื่องเล่าไกลตัวไปเลยเลย เพราะมันจินตนาการถึงกองทัพอเมริกาที่ทำการวิจัยเพื่อสร้างเสียงสุดสยองที่สามารถฆ่าคนได้ทันทีที่ฟัง... แล้วตัวเอมวีก็เล่าตามเนื้อเพลงนั้นเลย และมีการจับเอาตำนานผีไอริชอย่าง นางbanshee มาใช้เป็นปีศาจในเอมวี (แบนชีเป็นผีที่ทำตัวเหมือนนกแสกตามความเชื่อบ้านเรา ที่ว่าถ้าใครได้ยินเสียงนางกรีดร้อง นั้นหมายถึงจะมีคนรอบตัวต้องตาย) โดยเคท บุช ก็มาเล่นเป็นหญิงสาวในตอนจบด้วย... เอมวีเคยถูกห้ามไม่ให้ออกอากาศในรายการ top of the pop ที่อังกฤษ เพราะทางรายการคิดว่ามันดูรุนแรงไป (แต่เราว่าก็ไม่นะ555+)




Deeper Understand อันนี้พูดถึงสังคมยุคดิจิตอล ที่มนุษย์ห่างไกลจากการสื่อสารกันเอง สัมผัสระหว่างมนุษย์ด้วยกัน กลายเป็นความป่วยไข้ที่มีเพียงคอมพิวเตอร์เข้ามาเยียวยา แต่นานวันเข้าก็กลายเป็นอาการลุ่มหลง และเสพย์ติด

เอมวีนี้เจ๊เคทก็กำกับเองตามเคย แล้วมันให้อารมณ์หลอนๆแบบหนังเดวิด ลินซ์ ดีนะ ไอ้การเพี้ยนเพ้อผกพันกับสภาพดิจิตอล และความเป็นมายาของอิเลคทรอนิคส์กับผัสสะมนุษย์

ป.ล. คนเ่ล่นเอมวีนี้คือ แฮกริด แห่งหนังแฮรี่ นั้นเอง

#15 ขอบอกว่า ท่าเต้นวงนี้ เต้นในผับมาแล้ว ฮามากกกกกกกกกกกกกกกกกก 55 5 55 5 5 ชอบเหมือนกันค่ะ ของเค้าดีจริง
Less is More :)

จำได้ว่าเป็นการ์ตูนเรื่องแรกๆที่ได้ดู ประทับใจมากๆ

#20 ฮ่า ๆๆๆๆๆ

พูดถึง superhero
อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย ...นัทมี Jetman ครบชุดเลยฮ่า ๆ

#20 โกลไลตั้น ฟังกี่ครั้งก็ฮา

อ่ะเนื้อเพลง

สำมะคัญจริง สำมะคัญจริง
ไม่เคยเกรงกริ่งผู้ใด
เจ้าหุ่นเนื้อทองสุกปลั่งสดใส ใจเจ้าสำมะคัญ
เป็นหุ่นยนต์เจ้าตัวจิ๋วแสนเปรียว
พอตะโกนนิดเดียวว่า โกลด์ไลตัน
จอมพลังเจ้าก็พลันผันไป
กลายเป็นตัวใหญ่สูงเท่าเมฆเลย
โกลด์ไลตัน ทั้งเนื้อตัวเป็นทองคำ
โกลด์ไลตัน สูงล้ำค่านะเจ้าเอย
โกลด์ไลตัน หนีใครไม่เคย ไม่เลยคิดเพียงสู้ตาย

ในกระเป๋าคือที่ๆเจ้าอยู่ และเจ้ามากมีสหาย
สู้เขาไม่ได้เพื่อนช่วยสบาย รุกสู้เหล่าร้ายๆตายไป
แสงทองคำพุ่งเข้าใส่ตน เหินสูงพ้นรุกลิ่วมุ่งไกล
เจ้าขุนศึกฮึดสู้สุดใจ ใจมันสำมะคัญ

ฟังอยู่นะครับ ชอบงานเก่าๆอย่าง John Coltrane หรือ Miles Davis แบบใหม่ๆหน่อยก็วงอย่าง The Bad Plus

จากเพลงแจ๊ซ กลายมาเป็นเพลงขบวนการยอดมนุษย์ได้เยี่งไร

ก็คุณ skull terror post โกกุลไฟว์ นี่นา ฮ๋า ๆๆๆ