คิดยังไงกับสองคำถามนี้

by romance • วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 16:52
1.คิดว่าหนังโหดจากต่างประเทศเรื่องใด ประเทศไทยน่าจะซื้อลิขสิทธิ์มาทำมากที่สุด

2. คิดยังไงกับกรมการตรวจสอบสื่อสารสนเทศแห่งประเทศไทp

Replies (6)

#1nana_idol • 24/7/2554 17:37
1. ถ้าข้อหนึ่งหมายถึง ซื้อหนังเค้ามา Remake ผมว่า ไม่สมควรซักเรื่อง ... แต่อยากให้คนไทยทำหนังโหดที่มีเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ออกมาด้วยตัวเองเสียมากกว่า

2. ผมเลิกสนใจกับมันไปนานละ ...
#2zacker • 24/7/2554 18:37
คนไทย วัฒนธรรมเยอะครับ ระเบียบแล้วกรอบก็มีอยู่มากมาย อาจยากสักหน่อยผมว่านะ...
#3samara17520 • 24/7/2554 22:07
1.คิดว่าหนังโหดจากต่างประเทศเรื่องใด ประเทศไทยน่าจะซื้อลิขสิทธิ์มาทำมากที่สุด
ตอบ...อย่าซื้อลิขสิทธิ์มาทำน่ะดีเเล้ว หนังเขาดีๆ จะเอามาทำให้ห่วยเเตกล่ะไม่ว่า คิคิคิ ^^


2. คิดยังไงกับกรมการตรวจสอบสื่อสารสนเทศแห่งประเทศไทย
ตอบ.....สั้นๆ ห่วยเเตก!!!

#4แว่นจัง • 25/7/2554 00:25
1 คิดว่าทำเองดีกว่า ซ

2 ช่างหัวเผือก
#5skull terror • 25/7/2554 01:10
1. มันต้องดูครับว่าจะ remake เพื่ออะไร ถ้ามีมุมมองใหม่ๆต้องการนำเสนอก็ว่าไปอย่าง พวกนี้ก็จะมีเฉพาะแต่หนังที่สร้างมาจากหนังสือ หรือนำเรื่องจริงมาสร้าง แต่ถ้าจะ remake เพราะเห็นว่าของเขาดี ของเขาดัง น่าทำมั่งปรับหน่อยปรุงรสนิดให้ถูกคอถูกใจผู้บริโภคบ้านเราก็อย่าไปทำเลยไม่ว่าหนังอะไรก็ตามเพราะอันนี้มันไม่ได้เป็นเรื่องของหนังแล้ว มันเป็นเรื่องของธุรกิจแล้วละ

2. อันนี้คุณ romance หมายถึง คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ กระทรวงวัฒนธรรม ใช่ไหมครับ เพราะ กรมการตรวจสอบสื่อสารสนเทศแห่งประเทศไทย ผมไม่เคยได้ยิน

ถ้าให้พูดสั้นๆนะ ห่วยนะมันห่วยแน่ เพราะมันกีดกั้นอิสระภาพทางความคิดและการแสดงออก แต่เราต้องมาดูว่ามันสะท้อนอะไรหรือเปล่า คนส่วนใหญ่ในบ้านเรามองหนังหรือภาพยนตร์เป็นเพียงสื่อบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้คิดว่ามันเป็นวัฒนธรรมหรือสื่อในการแสดงศิลปะแขนงหนึ่ง เราดูหนังเพราะว่าเราว่าง นัดเจอเพื่อน คนดูกันเยอะเราดูมั่ง กิจกรรมผ่อนคลาย สิ่งเหล่านี้ทำให้อำนาจของโฆษณามีผลต่อผู้บริโภคอย่าง่ายดาย การดูหนังโดยการทำหน้าที่เป็นเพียงผู้รับอย่างเดียว ไม่ได้เป็นผู้สื่อสารระหว่างคนกับหนัง ทำให้พวกหน่อยงานที่แบนหนังมีข้ออ้างที่มีน้ำหนัก เขามองภาพในคนส่วนรวมไม่ได้มีพวดเราเท่านั้นที่ดูหนัง เราทำให้อำนาจของผู้บริโภคมีความหมายเพียงแค่ power buy ผู้บริด๓คมีอำนาจมากมายในการขับเคลื่อนสินค้าและบริการ แต่เรากลับตกอยู่ภายใต้อธิพลของโฆษณาและกระแส

จริงๆแล้วการที่มีคณะกรรมการพิจารณาพวกนี้ก็ไม่ได้มีผลอะไรมากมายต่อเรา หากเรายังต้องการที่จะเผยเพร่หรือเสพสิ่งเหล่านั้น เพราะเราไม่จำเป็นต้องเข้าสู้กระบวนการเหล่านั้นทำเองฉายเอง D.I.Y. do it yourself ฉายกันดูกันเฉพาะกลุ่ม เริ่มจากสร้างวัฒนธรรมเล็กๆแต่แข็งแกร่ง มันก็จะก้าวเข้าสู่วัฒนธรรมหลักไปเอง แม้เพียงปีกผีเสื้อกระพือ ก็อาจก่อให้เกิดพายุกระหน่ำ ถึงครึ่งโลก (The Butterfly Effect) แล้วคณะกรรมการพิจารณาเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคมไปเอง
แก้ไขล่าสุด: 25/7/2554 02:09 โดย skull terror
#6AguileraAnimato • 25/7/2554 16:13
ตอบข้อ 2 ก่อน

คิดว่าการตรวจสอบอ่ะมีนะไม่เป็นไร แต่ขอให้คุณยึดถือระบบเรตติ้งให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เมื่อคุณมีระบบเรตติ้งและยึดมั่นในตัวมัน แค่นี้ทุกอย่างก็จะจบ

แต่ไม่ใช่มีไปให้ดูทันสมัยทัดเทียมบ้านอื่นเมืองอื่นที่เจริญ แต่สุดท้ายก็เอาหลักวิจารณญาณตัวเองมาแทรกแซง ถือดี รู้ดีกว่าคนอื่นมาจัดการทำแท้งสื่อ

นอกจากจะแสดงให้เห็นว่าคุณไม่รู้จักเคารพความคิด การตัดสินใจ วิจารณญาณผู้อื่น ผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว มันยังแสดงให้เห็นลักษณะอาการกลัว วิตกจริตไปเองว่าสังคมจะเสื่อมทรามเพราะคุณคิดว่าทุกคนโง่กว่าตัวคุณเอง ทำให้เป็นการเปิดช่องทางเผด็จการแบบอ่อนๆในการเข้าปกครอง เบ็ดเสร็จอำนาจในการควบคุมคนอื่น.... ก็นั้นแหละ อยากทำตัวให้ทัดเทียมประเทศในระดับโลก มีเรตติ้งเก๋ แต่สุดท้ายก็ไม่เชื่อ อ่อนแอในการจะก้าวสู่ความเป็นสากล


1. ถ้าเป็นหนังที่ว่าด้วยผีสาง ฆาตกรรม การลอกมาดุ้นๆนิยังไงก็ไม่รอด ถ้าไม่ออกมาโดนติว่าก็แค่ "เหล้าเก่าในขวดใหม่" ก็คงทำได้ออกมาไม่ได้อารมณ์เหมือนของเค้า ไอ้เรื่องความกลัว ความเชื่อ แต่ละประเทศมันมีวัฒนธรรม มีเอกลักษณ์ มีวิธีสื่อสารที่เฉพาะตัว คือทำออกมา ถ้ามันเหมือนฝรั่ง แต่แค่เปลี่ยนตัวละครเป็นคนไทย พูดภาษาไทย เราจะทำทำไม มันก็เหมือนแค่รีเมคมาเพื่อให้เป็นหนังภาษาถิ่นเท่านั้น สิ้นเปลืองทรัพยากรเปล่าๆ - - คือถ้าเอามาก็ปรับให้เข้ากับความเชื่อ สังคมบ้านเราจะดีกว่า

ทีนี้มันมีหนังเรื่องนึงที่เราว่าน่าสนใจ ถ้าทำเป็นหนังไทย (จริงๆมีอีกแหละ แต่คิดไม่ออก)





*หนังอเมริกันนะครับ แต่เทรลเลอร์เป็นตัวเยอรมนี

1. Tucker and Dale vs Evil

จริงๆมันน่าจะเป็นหนังตลกมากกว่า แต่มันสวมใส่ตัวเองในแบบหนังสยองขวัญ ซึ่งถ้าเลาะเปลือกออกจริงๆมันก็หนังตลกที่แค่มีเลือดและศพเป็นองคืประกอบหลักเท่านั้น

หนังเล่าเรื่องอะไร
มันเล่าถึงกระทาชายชนบทสองนาย ทักเกอร์ และ เดล ที่กะจะใช้ชีวิตในวันหยุดไปพักผ่อนในป่าตามประสาหนุ่มลูกทุ่ง... ประจวบเหมาะกับที่มีกลุ่มวัยรุ่นจากเมืองหลวง ที่พากันมาพักร้อน (ตามสูตรหนังสยองขวัญ) ที่พวกเค้าล้วนแล้วแต่เป็นวัยรุ่นแบบ sterotype หนังสยองคือ ผู้ชายก็ห่าม เฮี้ยว ผู้หญิงก็แรด ไม่ค่อยสงวนตัว... พวกวัยรุ่นมาพักร้อนในป่านี้แห่งเดียวกัน ซึ่งพวกเค้าก็เคยได้ยินว่าในป่านี้ เคยเป็นที่อยู่ของฆาตกรฆ่าต่อเนื่องมาก่อน... หลังจากพวกวัยรุ่นตั้งแคมป์กัน พวกเค้าเจอ ทักเกอร์ และเดล ด้วยสายตาแบบอคติ และระแวงไปตามประสาชาวกรุงมองชาวบ้าน จึงคิดไปว่าสองคนนี้น่าจะเป็นพวกผู้ร้าย คนเถื่อน (ยิ่งประกอบกับความเชื่อว่าป่านี้เคยมีฆาตกร เลยพลอยคิดกลัวกันเข้าไป)

เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อมีอีสาวนางนึงในกลุ่มไปอาบน้ำแล้วดันลื่นหัวฟาดโขดหิน สองหนุ่มบ้านนาที่แอบมาส่องสาวอยู่เห็นเค้า เลยเข้าไปช่วยเธอ ปฐมพยาบาลที่กระท่อมพวกเค้า แต่ชะรอยที่เพื่อนของสาวสวยมาเห็นเค้า เลยเข้าใจผิดไปว่า สาวน้อยโดนฆาตกรโหดลักพาตัวไปฆ่าแน่ๆ....

และหนังนับจากตรงนี้ก็จะเล่นกับการเข้าใจผิด การฟุ้งซ่านของชาวเมืองที่คิดไปว่ากำลังเจอฆาตกรป่าเถื่อน และเล่นกับสถานการณ์ที่เข้ารกเข้าพงเมื่อจู่ๆดันมีคนตายจริง! ต้องไปชมกันเองว่าเรื่องจะจบลงยังไง


เหตุที่เราว่ามันเหมาะจะมารีเมค อันนี้มองในแง่นายทุน มันผสมทั้งตลกและสยองอยู่แล้ว เข้าทางคนไทยมาก นึกภาพเลยว่า โหน่ง เท่ง คงหนีไม่พ้นบทหลัก แล้วบทหนังมันขี้เล่นตรงที่เอาองค์ประกอบแบบหนังสยองขวัญมาล้อแล้วสร้างบรรยากาศให้ดูมาคุ แต่จริงๆคือตัวละครต่างหากที่สร้างความกลัวกันขึ้นเอง
มองในแง่ทางสังคม เราว่าหนังมันแสดงให้เห็นอคติทางชนชั้นที่ชาวกรุงมองชาวชนบทบ้านนอกว่าป่าเถื่อน หลังเขา ไร้อารยะ และมักจะฝังตัวเองกับความเชื่อที่ได้ยินมา แล้วปักใจว่าชาวบ้านจะต้องเป็นเช่นนั้น อย่างนั้น และหวาดกลัวกันไปเอง ท่ามกลางธรรมชาติแบบป่าเขาลำเนาไพร - - ซึ่งเหมาะกับการรีเมคเป็นหนังไทยมากมาย
แก้ไขล่าสุด: 25/7/2554 16:40 โดย AguileraAnimato
Login
Function Used time : 0:00:00:00.014
Go Last