พักหลังมัวแต่ไปโพสข่าวในเฟซบุ๊คบ่อยกว่าในบอร์ด เพราะในนั้นแอคถีฟดี
แต่มาที่นี้บ้างจะได้ฉุ่มโชกต่อๆไป


ภาคต่อของหนัง Final Destination 5 มาแล้ว
หนังที่มีพล๊อตแข็งแรง ไม่น่าเชื่อเลยว่าเพียงโครงสร้าง

death events
survival
premotation
death series
accident
จะผูกเป็นหนังที่ขายกันมาชั่วนาตาปีนับแล้วก็ครบหนึ่งมือเต็มๆ 5 นิ้ว ใครจะเชื่อว่าครั้งนึงมันเป็นเพียงแค่พล๊อตที่กะจะเขียนเป็นตอนๆนึงใน the x-files แต่เพราะโปรดิวเซอร์ตาแหลมรู้ดีว่าเอามาทำเป็นหนังน่าจะมันส์กว่า และนั้นคือจุดเริ่มต้นของสถานีสุดท้ายที่พาร่างไร้วิญญาณของเหยื่อส่งกลับบ้านเก่ามานักต่อนักแล้ว

หนังที่ให้คติเตือนใจว่า "อย่าประมาทกับชีวิต" เพราะอะไรบนโลกหล้าก็ฆ่าเมิงงงงงได้หมด

ไม่มีใครหนีความตายพ้น แต่เราก็ยังทนดูกันต่อไปทั้งๆที่รู้ว่า ยังไงก็ไม่มีใครรอดในตอนจบ

(เออนั้นสิ จะมีสักภาคไหม ที่มีคนรอด ไม่งั้นก้ไม่ตื่นเต้นเนอะ เพราะดูยังไงก็ตายหมดอยู่ดี เบื่อจะลุ้น)

ใช่แต่หนังมีจุดขายที่แกร่ง นั้นคือการสร้างปฏิกริยาสัมพันธของวัตถุต่างๆที่เชื่อมโยงต่อเนื่องเกี่ยวร้อยจนเกิดเป็นการเคลื่อนไหวนำคนเราไปสู่ความตายได้.... สรุปแล้วหนังเรื่องนี้ก็มีจุดขายที่ฉากฆ่านั้นแหละ

แล้วภาคนี้มีอะไร
ภาคนี้มี death event ที่สะพานแขวน
และหลังจากนั้นตัวเอกของเรื่องก็จะเริ่มเห็นนิมิตรว่าคนอื่นๆจะตายอย่างไร คนดูก็จะลุ้นๆๆๆๆ
ว่ากันว่าฉากเด็กของภาคนี้อยู่ที่ฉากเลเซอร์ลูกตา
นึกภาพออกใช่ไหมว่าจะเละเทะแค่ไหน เพราะลูกตา ก็เหมือน เหงือก เล็บ ฟัน และอวัยวะเปราะบางในร่างกายที่มักถูกใช้เป็นจุดสัมผัสที่มีความเสี่ยงในการถูกทำร้าย มากที่สุด เพราะมันให้อารมณ์ของการอ่อน นุ่ม จุดเล็กๆแบบนี้แหละกระตุ้นการหอบเหนื่อยเพราะลุ้นมาเยอะแล้ว

ภาคนี้มีดารานำอย่าง Nicholas D'Agosto หนุ่มน้อยจากซีรี่ย์ HEROES และสาว Emma Bell จากซีรี่ย์ The Walking Dead และหนัง Frozen
กำกับโดย Steven Quale ผกก. หน้าใหม่ แต่เคยเป็นผกก. กอง 2 ในหนังดังๆอย่าง titanic, avatar มาแล้ว (Second Unit Director หรือ ผู้ช่วยผกก. จะเป็นคนคุมฉากย่อยๆ ในกรณีที่ฉากนั้นใหญ่มาก เหมือนเน้นคุมคน ตัวประกอบ อะไรพวกนี้นะฮ่ะ)

สำหรับตัวหนังจะฉายวันที่ 12 สิงหานะครับ

รอกันเถอะ อ่อ หนังยังคงเป็นแบบสามมิติตามเคยฮัฟ