[แนะนำหนังใหม่] RUBBER!!!!
by AguileraAnimato • วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554 22:52
ต้นฉบับงานเคยเขียนลงในwww.poppaganda.net ขอนำมาลงที่นี้ด้วยแล้วกันนะ
------------------------------
หากจะมีใครซักคนเป็นดั่งเนื้อเพลง Tik Tok ที่ยัย Kesha ร้องไว้ตอนต้นว่า “ตื่นขึ้นมาตอนเช้า แล้วรู้สึกเหมือนพี ดิดดี้” เขาคนนั้นคงจะเป็นโรเบิร์ท ชายผู้ตื่นขึ้นกลางทะเลทรายแถบแคลิฟอร์เนียในวันที่แดดแผดระอุ ในสภาพเนื้อตัวอวบ อ้วน ดำ และถึก
…แต่ทว่าคีช่าเองก็คงไม่สามารถจับทั้งพี ดิดดี้ และโรเบิร์ทลงหมวดเดียวกันได้ เพราะโรเบิร์ทนั้นหาใช่มนุษย์แต่อย่างใด แต่มันคือยางรถยนต์ซอมซ่อที่ดันมีชีวิต และที่เหนือไปกว่านั้นคือมันดันเกิดมาพร้อมพลังจิตอย่างชนิดที่สามารถระเบิด สิ่งตรงหน้าให้แหลกเป็นผุยผงได้ภายในพริบตา

ในโลกภาพยนตร์สยองขวัญ ที่จินตนาการเขย่งก้าวกระโดดกันไปไกลพันปีแสง สัตว์ประหลาดจากทุกแห่งหนทั้งในและนอกโลก ต่างพากันออกอาละวาดมาจนครบทุกภาคส่วน คงไม่แปลกอะไรถ้าสิ่งไม่มีชีวิตใกล้ตัวจะกลายเป็นของเล่นชิ้นใหม่ให้ผู้ สร้างภาพยนตร์ขยำกำแบออกมาเป็นสัตว์ร้ายหน้าใหม่ ตั้งแต่เครื่องพับเหล็ก รถบรรทุก หนังสือ ถุงยางอนามัย ตุ๊กตา หรือแม้กระทั่งกลีบผกาใต้หว่างขา… -- - แต่ถึงกระนั้น บรรดาหนังทั้งหลายที่ว่าก็ล้วนแล้วแต่มีการปูพื้นความเป็นมาถึงความอปกติที่ เกิดขึ้น หรือหากปราศจากที่มาที่ไป ความประหลาดที่ไร้ความเป็นเหตุเป็นผลเหล่านั้นก็ยังถูกใช้เพื่อเป็น สัญลักษณ์หรือตัวแทนของบางอย่างในการสื่อความหมายเชิงลึกของหนัง (เช่นเรื่อง Maximum Overdrive ของสตีเฟ่น คิง ที่แทรกแนวคิดเสียดสีความเป็นวัตถุนิยมของสังคมอเมริกันที่ถูกกลืนกิน โดยเกิดเหตุที่ว่าเครื่องจักรต่างๆ บนโลก ก่อกบฎมีความคิดเป็นของตัวเองและตามจัดการมนุษย์ ) แต่สำหรับหนังฝรั่งเศสเรื่อง Rubber ล่ะ มันไม่มีที่มาที่ไป และไม่ได้มีนัยยะใส่ไส้อะไร เพราะคุณ Quentin Dupieux ผกก. แกกล่าวอย่างกำปั้นทุบดินว่า “ก็ที่มันมีชีวิต ก็เพราะผมอยากให้มันมีชีวิต ผมแค่ปิ๊งไอเดีย แล้วก็จับมาปั้นเป็นบทภาพยนตร์เลย”…. และนั้นก็คือสาเหตุที่หนังเปิดฉากด้วยโมโนล็อกที่เป็นการตอกย้ำและยืนยัน พฤติการณ์ร้างเหตุผล เมื่อมีตัวละครตำรวจเดินมาพูดต่อหน้ากล้องว่า
“ทำไมพระ-นางในเรื่อง Love Story ถึงรักกันปานจะกลืนกิน? ทำไมเราไม่เคยเห็นตัวละครในเรื่องสิงหาสับเข้าห้องน้ำไปล้างมือบ้างเลย? เหตุผลก็คือ มันไม่มีเหตุผลห่าอะไรไง และนั่นก็คือสิ่งที่คุณจะได้สัมผัสจากหนังเรื่องนี้เช่นเดียวกัน”
------------------------------
หากจะมีใครซักคนเป็นดั่งเนื้อเพลง Tik Tok ที่ยัย Kesha ร้องไว้ตอนต้นว่า “ตื่นขึ้นมาตอนเช้า แล้วรู้สึกเหมือนพี ดิดดี้” เขาคนนั้นคงจะเป็นโรเบิร์ท ชายผู้ตื่นขึ้นกลางทะเลทรายแถบแคลิฟอร์เนียในวันที่แดดแผดระอุ ในสภาพเนื้อตัวอวบ อ้วน ดำ และถึก
…แต่ทว่าคีช่าเองก็คงไม่สามารถจับทั้งพี ดิดดี้ และโรเบิร์ทลงหมวดเดียวกันได้ เพราะโรเบิร์ทนั้นหาใช่มนุษย์แต่อย่างใด แต่มันคือยางรถยนต์ซอมซ่อที่ดันมีชีวิต และที่เหนือไปกว่านั้นคือมันดันเกิดมาพร้อมพลังจิตอย่างชนิดที่สามารถระเบิด สิ่งตรงหน้าให้แหลกเป็นผุยผงได้ภายในพริบตา

ในโลกภาพยนตร์สยองขวัญ ที่จินตนาการเขย่งก้าวกระโดดกันไปไกลพันปีแสง สัตว์ประหลาดจากทุกแห่งหนทั้งในและนอกโลก ต่างพากันออกอาละวาดมาจนครบทุกภาคส่วน คงไม่แปลกอะไรถ้าสิ่งไม่มีชีวิตใกล้ตัวจะกลายเป็นของเล่นชิ้นใหม่ให้ผู้ สร้างภาพยนตร์ขยำกำแบออกมาเป็นสัตว์ร้ายหน้าใหม่ ตั้งแต่เครื่องพับเหล็ก รถบรรทุก หนังสือ ถุงยางอนามัย ตุ๊กตา หรือแม้กระทั่งกลีบผกาใต้หว่างขา… -- - แต่ถึงกระนั้น บรรดาหนังทั้งหลายที่ว่าก็ล้วนแล้วแต่มีการปูพื้นความเป็นมาถึงความอปกติที่ เกิดขึ้น หรือหากปราศจากที่มาที่ไป ความประหลาดที่ไร้ความเป็นเหตุเป็นผลเหล่านั้นก็ยังถูกใช้เพื่อเป็น สัญลักษณ์หรือตัวแทนของบางอย่างในการสื่อความหมายเชิงลึกของหนัง (เช่นเรื่อง Maximum Overdrive ของสตีเฟ่น คิง ที่แทรกแนวคิดเสียดสีความเป็นวัตถุนิยมของสังคมอเมริกันที่ถูกกลืนกิน โดยเกิดเหตุที่ว่าเครื่องจักรต่างๆ บนโลก ก่อกบฎมีความคิดเป็นของตัวเองและตามจัดการมนุษย์ ) แต่สำหรับหนังฝรั่งเศสเรื่อง Rubber ล่ะ มันไม่มีที่มาที่ไป และไม่ได้มีนัยยะใส่ไส้อะไร เพราะคุณ Quentin Dupieux ผกก. แกกล่าวอย่างกำปั้นทุบดินว่า “ก็ที่มันมีชีวิต ก็เพราะผมอยากให้มันมีชีวิต ผมแค่ปิ๊งไอเดีย แล้วก็จับมาปั้นเป็นบทภาพยนตร์เลย”…. และนั้นก็คือสาเหตุที่หนังเปิดฉากด้วยโมโนล็อกที่เป็นการตอกย้ำและยืนยัน พฤติการณ์ร้างเหตุผล เมื่อมีตัวละครตำรวจเดินมาพูดต่อหน้ากล้องว่า
“ทำไมพระ-นางในเรื่อง Love Story ถึงรักกันปานจะกลืนกิน? ทำไมเราไม่เคยเห็นตัวละครในเรื่องสิงหาสับเข้าห้องน้ำไปล้างมือบ้างเลย? เหตุผลก็คือ มันไม่มีเหตุผลห่าอะไรไง และนั่นก็คือสิ่งที่คุณจะได้สัมผัสจากหนังเรื่องนี้เช่นเดียวกัน”
Replies (13)
Quentin เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้เสร็จลงอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเด็กม.ปลายทำรายงานวิชาประเทศของเรา ด้วยแนวคิดที่ “อยากคิดอะไรก็คิด” ภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์ บทฉบับสมบูรณ์ก็เสร็จพร้อมถ่ายทำ….
“หลายคนอลหม่านกับความคิดตัวเอง ตรงนั้นยังไม่ดีพอ อันนี้เป็นไปไม่ได้ ยิ่งเราคิดมากเท่าไรสุดท้ายคุณก็จะสับสนกับมันมากเท่านั้น คือถ้าคุณชอบ มันก็ใช่สำหรับคุณนั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลมารองรับทุกการกระทำเลย นี่มันหนังนะคุณ”

เควนตินยังเสริมว่าทุกสิ่งที่เค้าเขียนไหลออกมาจากทำนบความทรงจำที่เค้าปลาบปลื้มในวัยเด็ก
“ทุกอย่างมันจะไหลออกมาเอง รสนิยมความชอบที่ฝังลึกอยู่ในจิตใต้สำนึกคุณ อย่างผมชอบเรื่องหยองๆ แบบหนังเรื่อง Creepshow เป็นต้น คุณอาจจะบอกไม่ได้ว่าทำไมคุณถึงชอบ แต่คุณตื่นเต้นที่จะเวียนว่ายกับมัน มันอยู่ในจิตใต้สำนึกนะเรื่องพวกนี้ แม้แต่ขณะนึงที่ผมเขียนบท ผมก็เผลอนึกถึงหนังเรื่อง Duel ของสปีลเบิร์กขึ้นมา”
แน่นอนว่า Rubber เป็นเสมือนการเข้าคู่ของหนังผจญภัยกลางทะเลทราย Duel และหนังพลังจิตระเบิดหัวอย่าง Scanners ด้วยลีลาการเล่าอย่างมีอารมณ์ขันป่วงๆ แบบหนังเกรดบี ชนิดที่ไม่จำเป็นต้องไต่หอไอเฟลดู เหมือนเมื่อยามเราหวานอมขมกลืนเมื่อนึกภาพหนังบรมอาร์ทจากฝรั่งเศสส่วนใหญ่ -- - มันเป็นรอยถากอันน่าขันเมื่อนึกไปว่าสตูโอผู้ผลิตชื่อ Realitism เพราะหนังช่างห่างไกลจากความสมจริงมากมาย -- - ปาปริก้าอาจไม่ใช่สปอนเซอร์หลักของหนัง แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในหนังเรื่องนี้
“ยางรถยนต์ลุกขึ้นมามีชีวิต / มันใช้พลังจิตระเบิดนกที่ไม่ชอบหน้า / มันแอบหลงรักผู้หญิงและตามไปดูเธออาบน้ำ / จากนั้นก็สะกดรอยเธอ / ระเบิดทุกคนที่ขวางทาง”

Quentin วางโครงเรื่องอย่างหลวมๆ แล้วค่อยโถมตัวละครและสถานการณ์แปลกประหลาดเข้ามาอย่างไร้รูปแบบ ก่อนที่ทุกอย่างจะนำไปสู่ความพังพินาศในแบบอัปรังเค…ที่เจ้าตัวบอกว่าตั้งใจ ทำฉากจบล้อเลียนขนบหนังฮอลลีวู้ดสุดๆ
“ผมไม่ชอบหนังที่เล่นอยู่อารมณ์เดียว มันควรจะผสมผสานบ้าง เช่นตลกด้วย น่ากลัวด้วย” เขาเสริม
“หลายคนอลหม่านกับความคิดตัวเอง ตรงนั้นยังไม่ดีพอ อันนี้เป็นไปไม่ได้ ยิ่งเราคิดมากเท่าไรสุดท้ายคุณก็จะสับสนกับมันมากเท่านั้น คือถ้าคุณชอบ มันก็ใช่สำหรับคุณนั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลมารองรับทุกการกระทำเลย นี่มันหนังนะคุณ”

เควนตินยังเสริมว่าทุกสิ่งที่เค้าเขียนไหลออกมาจากทำนบความทรงจำที่เค้าปลาบปลื้มในวัยเด็ก
“ทุกอย่างมันจะไหลออกมาเอง รสนิยมความชอบที่ฝังลึกอยู่ในจิตใต้สำนึกคุณ อย่างผมชอบเรื่องหยองๆ แบบหนังเรื่อง Creepshow เป็นต้น คุณอาจจะบอกไม่ได้ว่าทำไมคุณถึงชอบ แต่คุณตื่นเต้นที่จะเวียนว่ายกับมัน มันอยู่ในจิตใต้สำนึกนะเรื่องพวกนี้ แม้แต่ขณะนึงที่ผมเขียนบท ผมก็เผลอนึกถึงหนังเรื่อง Duel ของสปีลเบิร์กขึ้นมา”
แน่นอนว่า Rubber เป็นเสมือนการเข้าคู่ของหนังผจญภัยกลางทะเลทราย Duel และหนังพลังจิตระเบิดหัวอย่าง Scanners ด้วยลีลาการเล่าอย่างมีอารมณ์ขันป่วงๆ แบบหนังเกรดบี ชนิดที่ไม่จำเป็นต้องไต่หอไอเฟลดู เหมือนเมื่อยามเราหวานอมขมกลืนเมื่อนึกภาพหนังบรมอาร์ทจากฝรั่งเศสส่วนใหญ่ -- - มันเป็นรอยถากอันน่าขันเมื่อนึกไปว่าสตูโอผู้ผลิตชื่อ Realitism เพราะหนังช่างห่างไกลจากความสมจริงมากมาย -- - ปาปริก้าอาจไม่ใช่สปอนเซอร์หลักของหนัง แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในหนังเรื่องนี้
“ยางรถยนต์ลุกขึ้นมามีชีวิต / มันใช้พลังจิตระเบิดนกที่ไม่ชอบหน้า / มันแอบหลงรักผู้หญิงและตามไปดูเธออาบน้ำ / จากนั้นก็สะกดรอยเธอ / ระเบิดทุกคนที่ขวางทาง”

Quentin วางโครงเรื่องอย่างหลวมๆ แล้วค่อยโถมตัวละครและสถานการณ์แปลกประหลาดเข้ามาอย่างไร้รูปแบบ ก่อนที่ทุกอย่างจะนำไปสู่ความพังพินาศในแบบอัปรังเค…ที่เจ้าตัวบอกว่าตั้งใจ ทำฉากจบล้อเลียนขนบหนังฮอลลีวู้ดสุดๆ
“ผมไม่ชอบหนังที่เล่นอยู่อารมณ์เดียว มันควรจะผสมผสานบ้าง เช่นตลกด้วย น่ากลัวด้วย” เขาเสริม
แก้ไขล่าสุด: 27/1/2554 23:04 โดย AguileraAnimato
หนังขับเคลื่อนด้วยเงินทุนเพียง 5 แสนดอลล่าห์ มีเพียงรีโมทคอนโทรล ลวด และproper frame ที่หาได้ตามคลองถม-สะพานเหล็ก ในการบังคับให้โรเบิร์ทขยับและเคลื่อนที่ได้

“ผมอยากทำหนังแบบยุคเก่า ที่เทคโนโลยีคอมพิวเทอร์ แกรฟฟิค ยังไม่ถือกำเนิด…. แต่เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ใช้ซีจี นอกจากประทัดที่ผมไปกว้านซื้อจากภูเขาทองสำหรับถ่ายช็อตการระเบิด ซีจีก็เป็นส่วนแต่งเติมที่ผมใช้เพื่อส่งเสริมให้ภาพที่ออกมาดูสมบูรณ์มาก ขึ้น…. แต่ผมขอยืนยันว่าไอ้โรเบิร์ทเนี้ย ของจริงล้วนๆ”
ด้วยงบประมาณที่มีไม่มาก เควนตินจึงพิถีพิถันกับทุกช็อต โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของโรเบิร์ท เขาต้องการให้ทุกวิถีของมันสื่อสารกับคนดูได้
“คุณเคยดูเรื่อง WALL-E กันใช่ไหม ผมโคตรประทับใจ 30 นาทีแรกของมันเลยจริงๆ ไม่มีบทสนทนาใดใด แต่เรากลับสามารถรับรู้ถึงความคิดความรู้สึกของหุ่นยนตร์ได้ นี้แหละที่เป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้ผมบรรจงถ่ายทำเพื่อถ่ายทอดให้คนดูสัมผัส ความคิดในใจของยางรถยนตร์ให้ได้”
ถึงเควนตินจะมั่นอกมั่นใจกับเสรีอิสระที่ปล่อยของออกมาไม่ยั้ง แต่ดูเหมือนฝ่ายนักวิจารณ์จะคิดตรงข้ามว่าหนังไร้ทิศทางมากเกินไป เมื่อเปิดตัวครั้งแรกในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2010 ในกลุ่ม other selection สาขา International Critic’s Week (หลายคนเรียกว่าเป็นสายค้นฟ้าคว้าดาว เพราะสาขานี้จะเลือกหนังของผกก.โนเนมที่น่าจับตามอง โดยเลือกเฉพาะหนังเรื่องแรกๆ ของพวกเค้ามาฉาย Wong Kar-wai, Gaspar Noir, และ Francois Ozon ก็ผ่านสาขานี้กันมาก่อน) บรรดานักวิจารณ์ทั้งหลายต่างไม่ค่อยประทับใจกับยางจิตแตก ทั้ง The Telegraph, Variety ออกมาสับไม่ยั้ง
“มันคือหนังที่กลิ้งไปอย่างไร้จุดหมาย เหนือไม่ไปใต้ไม่มา ไม่สุดซักทาง จะขำก็ไม่เต็มแก่น จะสยองก็ไม่เต็มตีน ไร้เหตุผล ไร้สติเป็นที่สุด มีแต่ฉากซ้ำซากๆ ยืดยาวตลอดเรื่อง ขับเคลื่อนด้วยบทสนทนาแบบทึ่มๆ ที่พยายามจะคูล!”

แม้แต่ Fangoria นิตยสารหนังสยองที่ออมชอมกับแนวทางหนังคัลท์ก็ยังเบ้ตูดใส่อย่างไม่ไยดี ทว่าสุดท้ายเมื่อหนังเสด็จลงจากหอคอยงาช้าง แล้วตระเวนฉายยิบย่อยตามเทศกาลหนังแฟนตาซี หนังคัลท์ มันกลับชนะใจคนดูทั่วไปได้อย่างอัศจรรย์ กับความแปลกแหวกแนว บันเทิงชนิดภูธรนอนเสื่อทั้งหลายเปรมปรีดิ์กันไม่หยุด นักข่าวจากเว็บไซต์ bloody-degusting กล่าวชมเชยถึงองค์ประกอบบางอย่างที่ทำให้หนังดูโพสท์โมเดิร์น (เราขอไม่เปิดเผย เพราะจะเป็นการสปอยล์เกินไป) ขณะเดียวกันก็ดูสนุกแบบคาดเดาไม่ได้อย่างหนังทุนต่ำด้วย -- - ซึ่งที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับมวลชนและกาลเวลาแล้วว่ามันจะพัดพาเข้าทำเนียบหนัง คัลท์คลื่นลูกใหม่จากฝรั่งเศสได้หรือไม่ แต่ในตอนนี้หนังก็ถูกซื้อไปจัดฉายในอเมริกาเรียบร้อยแล้ว (และแน่นอนสำหรับคอหนังที่หิวโหยในประเทศโลกที่สาม ดีวีดีและบลูเรย์กำลังจะตามมาในเดือนมีนาคม ขอให้ติดตามไว้ให้ดี แล้วเราจะบิดไปด้วยกัน!!!)
ตอนนี้มาดูทีเซอร์บางฉากจากหนังกันก่อน
และมาดูเทรลเลอร์ตัวเต็มของหนังกัน

“ผมอยากทำหนังแบบยุคเก่า ที่เทคโนโลยีคอมพิวเทอร์ แกรฟฟิค ยังไม่ถือกำเนิด…. แต่เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ใช้ซีจี นอกจากประทัดที่ผมไปกว้านซื้อจากภูเขาทองสำหรับถ่ายช็อตการระเบิด ซีจีก็เป็นส่วนแต่งเติมที่ผมใช้เพื่อส่งเสริมให้ภาพที่ออกมาดูสมบูรณ์มาก ขึ้น…. แต่ผมขอยืนยันว่าไอ้โรเบิร์ทเนี้ย ของจริงล้วนๆ”
ด้วยงบประมาณที่มีไม่มาก เควนตินจึงพิถีพิถันกับทุกช็อต โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของโรเบิร์ท เขาต้องการให้ทุกวิถีของมันสื่อสารกับคนดูได้
“คุณเคยดูเรื่อง WALL-E กันใช่ไหม ผมโคตรประทับใจ 30 นาทีแรกของมันเลยจริงๆ ไม่มีบทสนทนาใดใด แต่เรากลับสามารถรับรู้ถึงความคิดความรู้สึกของหุ่นยนตร์ได้ นี้แหละที่เป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้ผมบรรจงถ่ายทำเพื่อถ่ายทอดให้คนดูสัมผัส ความคิดในใจของยางรถยนตร์ให้ได้”
ถึงเควนตินจะมั่นอกมั่นใจกับเสรีอิสระที่ปล่อยของออกมาไม่ยั้ง แต่ดูเหมือนฝ่ายนักวิจารณ์จะคิดตรงข้ามว่าหนังไร้ทิศทางมากเกินไป เมื่อเปิดตัวครั้งแรกในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2010 ในกลุ่ม other selection สาขา International Critic’s Week (หลายคนเรียกว่าเป็นสายค้นฟ้าคว้าดาว เพราะสาขานี้จะเลือกหนังของผกก.โนเนมที่น่าจับตามอง โดยเลือกเฉพาะหนังเรื่องแรกๆ ของพวกเค้ามาฉาย Wong Kar-wai, Gaspar Noir, และ Francois Ozon ก็ผ่านสาขานี้กันมาก่อน) บรรดานักวิจารณ์ทั้งหลายต่างไม่ค่อยประทับใจกับยางจิตแตก ทั้ง The Telegraph, Variety ออกมาสับไม่ยั้ง
“มันคือหนังที่กลิ้งไปอย่างไร้จุดหมาย เหนือไม่ไปใต้ไม่มา ไม่สุดซักทาง จะขำก็ไม่เต็มแก่น จะสยองก็ไม่เต็มตีน ไร้เหตุผล ไร้สติเป็นที่สุด มีแต่ฉากซ้ำซากๆ ยืดยาวตลอดเรื่อง ขับเคลื่อนด้วยบทสนทนาแบบทึ่มๆ ที่พยายามจะคูล!”

แม้แต่ Fangoria นิตยสารหนังสยองที่ออมชอมกับแนวทางหนังคัลท์ก็ยังเบ้ตูดใส่อย่างไม่ไยดี ทว่าสุดท้ายเมื่อหนังเสด็จลงจากหอคอยงาช้าง แล้วตระเวนฉายยิบย่อยตามเทศกาลหนังแฟนตาซี หนังคัลท์ มันกลับชนะใจคนดูทั่วไปได้อย่างอัศจรรย์ กับความแปลกแหวกแนว บันเทิงชนิดภูธรนอนเสื่อทั้งหลายเปรมปรีดิ์กันไม่หยุด นักข่าวจากเว็บไซต์ bloody-degusting กล่าวชมเชยถึงองค์ประกอบบางอย่างที่ทำให้หนังดูโพสท์โมเดิร์น (เราขอไม่เปิดเผย เพราะจะเป็นการสปอยล์เกินไป) ขณะเดียวกันก็ดูสนุกแบบคาดเดาไม่ได้อย่างหนังทุนต่ำด้วย -- - ซึ่งที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับมวลชนและกาลเวลาแล้วว่ามันจะพัดพาเข้าทำเนียบหนัง คัลท์คลื่นลูกใหม่จากฝรั่งเศสได้หรือไม่ แต่ในตอนนี้หนังก็ถูกซื้อไปจัดฉายในอเมริกาเรียบร้อยแล้ว (และแน่นอนสำหรับคอหนังที่หิวโหยในประเทศโลกที่สาม ดีวีดีและบลูเรย์กำลังจะตามมาในเดือนมีนาคม ขอให้ติดตามไว้ให้ดี แล้วเราจะบิดไปด้วยกัน!!!)
ตอนนี้มาดูทีเซอร์บางฉากจากหนังกันก่อน
และมาดูเทรลเลอร์ตัวเต็มของหนังกัน
แก้ไขล่าสุด: 27/1/2554 23:19 โดย AguileraAnimato

และคำถามสุดท้ายตามธรรมเนียม ถึงผลงานต่อไปในอนาคต
“ผมกำลังลงมือเขียนบทหนังเรื่องใหม่อยู่ แน่นอนว่ายังแปลกเหมือนเดิม แต่เรื่องนี้จะดูฉลาดนะ ผมละแฮปปี้จริงๆ เวลาได้ทำในสิ่งที่ชอบ ทำหนังควบคู่กับทำเพลง"

อ๋อ! ใช่เลย เราลืมบอกคุณไป Quentin Dupieux มีอีกร่างอวตารที่ชื่อว่า Mr. Oizo ดีเจในแนวอิเล็คโทร-เฮ้าส์ ซึ่งเขาก็ยังได้สำแดงเดชทำดนตรีประกอบหนังเรื่องนี้อีกด้วย และเราขอทิ้งท้ายคุณให้ตะลอนใจไปกับมิวสิควิดีโอป่วงๆ ฮาๆ จากหนังที่ทำมาเพื่อเรียกหาคนดูอย่างกวนประสาทกัน
แปะโปสเตอร์อีกเวอร์ชั่น

แล้วก็หน้าปกซีดีซาวแทร๊ค

1. "Symph08"
2. "Rubber"
3. "Crows and Guts"
4. "Tricycle Express"
5. "Everything Is Fake"
6. "Room 16"
7. "Bellyball Road"
8. "No Reason"
9. "Sheila"
10. "Racket"
11. "Le Caoutchouc"
12. "Polocaust"
13. "Dump"
14. "Sunsetire"

แล้วก็หน้าปกซีดีซาวแทร๊ค

1. "Symph08"
2. "Rubber"
3. "Crows and Guts"
4. "Tricycle Express"
5. "Everything Is Fake"
6. "Room 16"
7. "Bellyball Road"
8. "No Reason"
9. "Sheila"
10. "Racket"
11. "Le Caoutchouc"
12. "Polocaust"
13. "Dump"
14. "Sunsetire"
อยากดูอะ
ท่าจะแนวดี
ท่าจะแนวดี
ท่าทางจะมีฮา
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมรอคอยครับ ... อยากดูสุด ๆ
ปล. คุณหนึ่งได้ดูแล้วหรือครับ ... ไปหามาได้จากที่ใดนี่
ปล. คุณหนึ่งได้ดูแล้วหรือครับ ... ไปหามาได้จากที่ใดนี่
น่าดูค่ะ
ยังไม่ได้ดูครับ แค่เขียนjournalเฉยๆ ก็เรียบเรียงจากตามที่เวบนอกเขียน พวกข่าว บทวิจารณ์ บทสัมภาษณ์ เกร็ดหนังไรเงี้ยอ่ะครับ
แต่ดีวีดีใกล้ออกแล้วแหละ
ป.ล. ใครอยู่อเมริกาหาดูได้เลย มีฉายแบบจำกัดโรง
แต่ดีวีดีใกล้ออกแล้วแหละ
ป.ล. ใครอยู่อเมริกาหาดูได้เลย มีฉายแบบจำกัดโรง
#9
ช่วงซัมเมอร์น่าจะมีหลุดออกมาละครับ ... เพราะ DVD จะวางแผงที่อเมริกาในช่วงนั้น เราก็รอพวกโจรสลัดนำมาปล่อยให้เรากันต่อไป (ฮา)
ช่วงซัมเมอร์น่าจะมีหลุดออกมาละครับ ... เพราะ DVD จะวางแผงที่อเมริกาในช่วงนั้น เราก็รอพวกโจรสลัดนำมาปล่อยให้เรากันต่อไป (ฮา)
น่าดูดี
แปลกมวาก
แปลกมวาก
น่าสนใจมากๆ คับ
โคร...ต น่าดูเลยค่ะ
Function Used time : 0:00:00:00.026