มาดูภาพผีรับเทศกาลลอยกระทงกันดีกว่า
by ท่านเทพฯ • วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 19:50
สำหรับคนที่ไม่ได้ไปลอยกระทง ไม่ว่าจะไม่ว่าง รึไม่มีคู่ไปลอย (เห็นเค้าลอยเป็นคู่แล้วมันจี๊ดชิมิ)
เอามาจากหนังสือ The 100 Greatest Photograpes of the Paranormal 2010
ต้นฉบับเป็นภาษาปะกิต ท่านเทพฯมามั่วเอาบวกตีไข่ใส่สีนิดหน่อยจ้าาา
ปล.หนังสือโหลดมาจาก 4shared จ้าาา
เอามาจากหนังสือ The 100 Greatest Photograpes of the Paranormal 2010
ต้นฉบับเป็นภาษาปะกิต ท่านเทพฯมามั่วเอาบวกตีไข่ใส่สีนิดหน่อยจ้าาา
ปล.หนังสือโหลดมาจาก 4shared จ้าาา

Replies (39)
ภาพนี้ถ่ายที่โบสถ์ Newby ใน ยอร์คเชียเหนือ ประเทศอังกฤษ โดยพระราชาคณะที่ดูแลโบสถ์แห่งนั้น ท่านสาธุคุณ Reverand K ,F อันตัวท่านสาธุคุณเองก็เป็นนักถ่ายภาพสมัครเล่นมือฉกาจ วันหนึ่งในช่วงบ่ายของฤดูร้อนในปี 1960 ท่านสาธุคุณรู้สึกคันไม้คันมืออย่ากถ่ายรูปเลยชวนเพื่อนร่วมก๊วนอีกคน เข้าไปถ่ายรูปเล่นในโบสถ์กัน ตอนถ่ายรูปทั้งสองคนก็ยืนยัน นั่งยัน (แต่คงไม่ถึงกับนอนยัน) ว่าภายในโบสถ์ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่ นอกจากพวกเค้าแค่2คน แต่ที่ไหนได้ พอเอารูปที่ถ่ายไปล้างออกมา เป็นต้องหงายหลังผึ่ง เพราะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญโผล่มาร่วมแจมด้วย แขกที่ไม่ได้รับเชิญท่านนี้เป็นชายร่างสูงประมาณ9ฟุต ยืนอยู่ข้างแท่นบูชา สวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าสวมผ้าคลุมสีขาว บริเวณลูกตาเห็นแต่โพลงลึกสีดำ อย่างไรก็ตามโบสถ์นี้เพิ่งสร้างในช่วงศตวรรษที่19 และไม่เคยมีประวัติเกี่ยวกับเรื่องผีๆสางๆมาก่อน ทำให้แปลกใจว่าแขกท่านนี้เป็นใครกันแน่??
ปล.นี่คือแรงบันดาลใจให้ป๋า Wes เอาไปสร้าง Scream แหง๋มๆ
ปล.นี่คือแรงบันดาลใจให้ป๋า Wes เอาไปสร้าง Scream แหง๋มๆ

แก้ไขล่าสุด: 21/11/2553 19:58 โดย ท่านเทพฯ
มีข้อมูลของภาพนี้เพียงเล็กน้อย รู้เพียงแค่ว่าภาพนี้ถูกถ่ายโดยสาธุคุณ Reverand R.S.Blance ในปี 1959 ที่ Coroboree Rock , Alice Spring ในเขตตอนเหนือของออสเตรียเลีย สถานที่นี้เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของชาวอะบอริจินในการประกอบพิธีกรรมต่างๆมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งปัจจุบันได้ถูกอนุรักษ์ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชม ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับผีที่ปรากฏตัวให้เห็นในภาพ แต่จากพิจารณาจะเห็นว่าผีในภาพดูไม่เหมือนชนพื้นเมืองชาวออสเตรีย ดังนั้นนี่อาจจะเป็นวิญญาณของนักท่องเที่ยวที่บังเอิญหลงทางและหายสาบสูญไปก็ได้
ปล.เคยอ่านเจอความเป็นมาของภาพนี้ในอีกแบบนึง ต่างกันแบบหน้ามือกะหลังเท้า ดังนั้นภาพนี้แสดงให้เห็นว่า ฝรั่งก็มั่วเหมือนกันจ้าา
ปล.เคยอ่านเจอความเป็นมาของภาพนี้ในอีกแบบนึง ต่างกันแบบหน้ามือกะหลังเท้า ดังนั้นภาพนี้แสดงให้เห็นว่า ฝรั่งก็มั่วเหมือนกันจ้าา

Brenda Ray ถ่ายภาพนี้ที่ Tutbury , Staffordshire ในวันที่ มีนาคม ปี 1993 ในรูปทางด้านซ้ายระหว่างรถปรากฎภาพของบุคคลในเสื้อคลุมสีดำ Brenda ยืนยัน นั่งยัน (อีกแล้ว) ว่าเธอไม่ได้เห็นอะไรเลยในขณะที่เธอกำลังภ่ายภาพนั้น และที่สำคัญ ภาพของบุคคลในเสื้อคลุมสีดำก็ไม่ปรากฏในภาพที่เธอถ่ายในอีก 2 วินาทีต่อมา Tutbury เป็นปราสาทเก่าแก่ที่ ควีนแมรี่ แห่ง สก็อต ถูกคุมขังไว้เกือบ 20 ปี ในช่วงศตวรรษที่16
ปล.รีบแจ้งกระทรวงเวทมนต์โดยด่วน ถูกพวกมักเกิ้ลถ่ายภาพไว้ได้อีกแล้ว!!
ปล.รีบแจ้งกระทรวงเวทมนต์โดยด่วน ถูกพวกมักเกิ้ลถ่ายภาพไว้ได้อีกแล้ว!!

ในวันที่ 15 มีนาคม ปี 1982 Chris Brackley ถ่ายภาพภายในโบสถ์ St Botolph ที่ Bishopsgate ในลอนดอน ปรากฏว่าในรูปนอกจากจะมีความสวยงามของเครื่องประดับตกแต่งแล้ว ยังมีบางอย่างที่น่ากลัวแถมมาให้ด้วย!!
คุณ Brackley เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟัง “พ้มยังจำได้ดี วันนั้นพ้มกับศรีภรรยาที่รักออกมาแต่เช้า เพราะไปถ่ายรูปงานหมั้น พ้มเลยถือโอกาสถ่ายรูปในโบสถ์ไว้เป็นที่ระลึกด้วย คนดูแลเปิดประตูโบสถ์ให้เราเข้าไป พ้มสาบานให้ตกน้ำป๋อมแป๋ม ตอนนั้นในโบส์ไม่มีใครจริงจริ๊งงงงง นอกจากเราแค่ 3 คน เนื่องจากในโบสถ์ค่อนข้างมืด พ้มเลยต้องปรับความเร็วชัตเตอร์ให้นานขึ้น ร่วมกับการใช้ขาตั้งกล้องช่วย หลังจากถ่ายภาพในโบสถ์เรียบร้อย พวกเราก็ออกมาแล้วก็ปิดประตูล็อคกุญแจอย่างดี แต่พอเอารูปไปล้างเรียบร้อย พ้มก็ต้องต๊กกะใจหงายหลังเมื่อเห็นรูปนี้เข้าอะจ้า”
คนที่ปรากฏในภาพอยู่ในชุดสมัย Tudor แม้ว่าโบสถ์ St Botolph จะสร้างในศตวรรษที่ 18 แต่โบสถ์นี้ก็สร้างทับโบสถ์เก่าที่สร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง หลังจากที่ภาพนี้ถูกตีพิมพ์ มีช่างติดตั้งระบบทำความร้อนคนหนึ่งออกมาเปิดเผยว่า เคยทำการรื้อกำแพงทางที่ไปสุสานในโบสถ์ ปรากฏว่าพบหีบศพดีบุกจำนวนหนึ่ง และหนึ่งในนั้นมีศพที่ยังอยู่ในสภาพที่ดีบรรจุอยู่ และที่สำคัญ “เสื้อผ้า หน้าตา เหมือนอย่างในรูปเลยจริงๆให้ดิ้นตาย” คุณช่างยืนยันหนักแน่น!! อย่างไรก็ตาม เป็นการยากที่จะจินตนาการไปว่าหน้าตาของศพอายุกว่า400ปีจะเหลือมาให้เปรียบเทียบกับรูปได้อย่างไร
ปล.ความน่าเชื่อถือจะหายไปก็เพราะ ไอ้คุณช่างนี่แหละ!!
คุณ Brackley เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟัง “พ้มยังจำได้ดี วันนั้นพ้มกับศรีภรรยาที่รักออกมาแต่เช้า เพราะไปถ่ายรูปงานหมั้น พ้มเลยถือโอกาสถ่ายรูปในโบสถ์ไว้เป็นที่ระลึกด้วย คนดูแลเปิดประตูโบสถ์ให้เราเข้าไป พ้มสาบานให้ตกน้ำป๋อมแป๋ม ตอนนั้นในโบส์ไม่มีใครจริงจริ๊งงงงง นอกจากเราแค่ 3 คน เนื่องจากในโบสถ์ค่อนข้างมืด พ้มเลยต้องปรับความเร็วชัตเตอร์ให้นานขึ้น ร่วมกับการใช้ขาตั้งกล้องช่วย หลังจากถ่ายภาพในโบสถ์เรียบร้อย พวกเราก็ออกมาแล้วก็ปิดประตูล็อคกุญแจอย่างดี แต่พอเอารูปไปล้างเรียบร้อย พ้มก็ต้องต๊กกะใจหงายหลังเมื่อเห็นรูปนี้เข้าอะจ้า”
คนที่ปรากฏในภาพอยู่ในชุดสมัย Tudor แม้ว่าโบสถ์ St Botolph จะสร้างในศตวรรษที่ 18 แต่โบสถ์นี้ก็สร้างทับโบสถ์เก่าที่สร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง หลังจากที่ภาพนี้ถูกตีพิมพ์ มีช่างติดตั้งระบบทำความร้อนคนหนึ่งออกมาเปิดเผยว่า เคยทำการรื้อกำแพงทางที่ไปสุสานในโบสถ์ ปรากฏว่าพบหีบศพดีบุกจำนวนหนึ่ง และหนึ่งในนั้นมีศพที่ยังอยู่ในสภาพที่ดีบรรจุอยู่ และที่สำคัญ “เสื้อผ้า หน้าตา เหมือนอย่างในรูปเลยจริงๆให้ดิ้นตาย” คุณช่างยืนยันหนักแน่น!! อย่างไรก็ตาม เป็นการยากที่จะจินตนาการไปว่าหน้าตาของศพอายุกว่า400ปีจะเหลือมาให้เปรียบเทียบกับรูปได้อย่างไร
ปล.ความน่าเชื่อถือจะหายไปก็เพราะ ไอ้คุณช่างนี่แหละ!!

แก้ไขล่าสุด: 21/11/2553 20:13 โดย ท่านเทพฯ
ปริศนาของใบหน้าแห่ง Blemez เป็นหนึ่งในปริศนาที่ยังหาคำตอบไม่ได้ เหตุการณ์นี้เริ่มขึ้นในวันที่ 23 สิงหาคม ปี 1971 เมื่อ Maria Pereira หญิงชาวนาชาวสเปน ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน Blemez de la Moraleda พบว่าปรากฎรูปคล้ายใบหน้าของคนขึ้นมาบนพื้นห้องครัว สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความไม่สบายใจให้กับครอบครัวของเธอ ดังนั้นอีกหกวันให้หลังครอบครัวนี้จึงขุดพื้นครัวขึ้นมาแล้วทำการเทพื้นคอนกรีตทับลงไปใหม่ แต่เพียงแค่อีกสัปดาห์ต่อมาใบหน้าเหล่านี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าพวกนี้ปรากฏขึ้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์และมีการเปลี่ยนไปอย่างช้าๆเหมือนกับว่ามีอายุเพิ่มขึ้น มีการขุดพื้นขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มีการพบอุโมงค์อยู่ใต้พื้น ปรากฏว่าแท้จริงแล้วถนนทั้งสายของหมู่บ้านสร้างทับอยู่บนสุสานเก่า!! และนอกจากนั้นยังเคยมีใบหน้ามากกว่า 2 ใบหน้า ปรากฏขึ้นพร้อมๆกันบนพื้น มีผู้เชี่ยวชาญมาทำการศึกษาเรื่องใบหน้าที่ปรากฏบนพื้น เคยนับใบหน้าที่ปรากฏขึ้นมาได้ถึง 18 หน้า และเคยเห็นการปรากฏของใบหน้าบนพื้นแบบต่อหน้าต่อตา จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าทำไมจึงปรากฏใบหน้าเหล่านี้ขึ้นมา กระทั่งมีบางคนให้ความเห็นว่ามันเป็นแค่การลวงโลก ความเห็นหนึ่งที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือ Maria เป็นผู้มีพลังจิตภาพเหล่านั้นคือปรากฏการณ์ภาพความคิด(Thoughtographic) ที่เกิดขึ้นมาโดยเธอไม่ได้ตั้งใจ ภาพใบหน้าเหล่านั้นปรากฏขึ้นเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี จนกระทั่งเธอเสียชีวิตในปี 2004 เมื่อเธออายุได้ 85 ปี
ปล.นี่คือต้นกำเนิดของ ผีหลอกวิญญาณหลอน (มั้ง)
ปล.นี่คือต้นกำเนิดของ ผีหลอกวิญญาณหลอน (มั้ง)

หมู่บ้าน Prestbury ใกล้ Cheltenham ใน Gloucestershire มีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องผีๆสางๆเป็นอันมาก หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวของ “เจ้าอาวาสในชุดดำ” เป็นภาพคนสวมชุดคลุมสีดำเดินผ่านไปมาในบริเวณโบสถ์ หญิงสาวหนึ่งบอกบรรยายว่า เจ้าอาวาสในชุดดำดูเหมือนจะเดินต่ำกว่าระดับพื้นดิน นั่นอาจเป็นเพราะช่วงเวลาที่ผ่านมามีการถมดินบริเวณโบสถ์จนสูงขึ้น (ท่านเจ้าอาวาสอาจไม่ทันสังกต??) ในคืนวันที่ 22 พฤศจิกายน ปี 1999 มีช่างภาพคนหนึ่งชื่อ Derk Stafford(เสียชีวิตไปแล้ว) ได้เข้าไปถ่ายรูปศิลาจารึกบนหลุมศพโดยใช้แสงส่องจากด้านหลัง เขาเลือกวันนี้เพราะเป็นวันที่มีหมอกลงหนัก เขาหวังว่ามันจะมีส่วนช่วยในการถ่ายรูป “เจ้าอาวาส” ซึ่งก็ได้ผลสมใจ มีรูป “เจ้าอาวาส” ติดมาในรูปถ่ายของเขาหลายใบ ซึ่งนายคนนี้ยืนยันอย่าหนักแน่นว่าช่วงที่ถ่ายรูป เขา “ไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆทั้งสิ้นจ้าาาา"

ในวันที่ 22 มกราคม ปี 1985 ศาสตราจารย์ด้านการถ่ายภาพ Haddon Davies ได้รับมอบหมายให้ไปถ่ายภาพงานเลี้ยงอาหารเย็นของสมาคม Freeman ที่ St Mary ‘s Gulidhall ใน Coventry เหมือนทุกปีที่ผ่านมา ดร. Davies ลงทุนปีนขึ้นไปบนระเบียงชั้นบน เพื่อต้องการได้ภาพมุมเด็ด เขาต้องใช้ขาตั้งกล้องและเปิดรับแสงให้นาน เนื่องแสงสว่างในห้องโถงมีไม่เพียงพอ ท่านดร. รอจนจังหวะที่ทุกคนลุกขึ้นยืนและร่วมกันกล่าวคำอวยพร จึงทำการลั่นชัตเตอร์ ทุกอย่างดูปกติดีจนกระทั่งมีการนำรูปภาพไปขยายใหญ่เพื่อมอบให้แก่นายกเทศมนตรี มีบางอย่างในรูปดูแปลกประหลาด อยู่ที่ท้ายของโต๊ะด้านบน นายกเทศมนตรี Walter Brandish บรรยายว่า “มีใบหน้าคล้ายหัวกะโหลก สวมใส่เสื้อเกราะเหมือนในยุคกลาง” แม้ว่าจะมีข้อโต้เถียงกันในวงกว้างแต่ก็ไม่มีใครสามารถให้คำอธิบายกับสิ่งที่ปรากฏในรูปภาพได้ ดร. Davies ทำการตรวจสอบภาพถ่ายอื่นๆทั้งก่อนและหลัง แต่ก็ไม่พบสิ่งประหลาดใดๆ นายกเทศมนตรี ให้นำรายชื่อของแขกทั้งหมดมาตรวจสอบกับบุคคลในภาพก็อยู่ครบถ้วน บุคคลที่นั่งอยู่ในบริเวณนั้นก็ยืนยันและนั่งยันว่าไม่มีใครรูปร่างหน้าตาแบบนั้นอยู่ตรงนั้น (จริงๆ) แต่เหล่าพนักงานที่ทำงานอยู่ในห้องโถงที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ในศตวรรษที่14 ดูเหมือนจะไม่มีใครประหลาดใจที่จะตั้งข้อสังเกตว่า อาจมี “ใคร” บางคนอยู่ในห้องนั้นด้วย
ปล.ขอพ้มร่วมโต๊ะดินเนอร์ด้วยคนนะขอรับ
ปล.ขอพ้มร่วมโต๊ะดินเนอร์ด้วยคนนะขอรับ

ในเดือนมิถุนายน ปี 1974 Alfrde Hollidge ถ่ายภาพ “Monet” แมวน้อยสุดรัก แต่ปรากฏว่าภาพที่ได้ออกมา กลายเป็นว่า เจ้า Monet ไม่ได้อยู่ตัวเดียว มีเจ้าเหมียวดำไม่ทราบชื่อขอแจมวิ่งผ่านเป็นดาราหน้ากล้องด้วยตัวนึง แถมเจ้า Monet ก็ดูเหมือนจะรู้ว่ามีแขก(แมว)ที่ไม่ได้รับเชิญโผล่เข้ามา ครอบครัว Hollidge มีเจ้า Monet เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักอยู่ตัวเดียวแถมตอนที่ถ่ายก็ยืนยันว่าไม่ได้มีแมวตัวอื่นจากไหนเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวายทั้งนั้น มีแต่เจ้า Monet เป็นดาราหน้ากล้องอยู่แค่ตัวเดียวจริงๆ น่าเสียดายที่ นาย Hollidge ไม่ได้มีโอกาสเห็นรูปนี้ เพราะตะแกเสียชีวิตไปก่อนในเดือนกันยายนปีเดียวกันนั่นเอง ผู้ที่ไปพบและนำรูปนี้มาเผยแพร่ก็คือภรรยาของตะแกนั่นเอง
ปล.จริงๆเป็นแขกที่เจ้า Monet มันเชิญมามั้ง??
ปล.จริงๆเป็นแขกที่เจ้า Monet มันเชิญมามั้ง??

ในวันที่ 5 ธันวาคม ปี 1891 Sybel Corbet เข้าไปถ่ายรูปห้องสมุดในวัด Combermere ในมณฑล Cheshire ซึ่งเป็นวันฝังศพของ Lord Combermere พอดี ในรูปปรากฏภาพของ Lord Combermere นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรด Miss Corbet ยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ในห้องขณะทำการถ่ายภาพ และไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆทั้งสิ้น จนกระทั่งทำการล้างรูปออกมาถึงได้เห็นภาพของท่านลอร์ด ภาพที่เห็นดูเหมือนท่านลอร์ดจะตัวเล็กกว่าปกติ และไม่มีขา ลูกสะใภ้ของท่านลอร์ดยืนยันว่า ไม่มีคนรับใช้ในบ้านที่มีลักษณะท่าทางเหมือนคนในรูป อย่างไรก็ตามเหล่าลูกๆของท่านลอร์ดล้วนเชื่อว่าภาพที่เห็นคือภาพวิญญาณของท่านลอร์ดจริงๆ
ปล.โถ่..ท่านลอร์ด ตอนเป็นๆไม่ยักกะอยากถ่าย ดันมาอยากถ่ายตอนซี้ไปเลี้ยว
ปล.โถ่..ท่านลอร์ด ตอนเป็นๆไม่ยักกะอยากถ่าย ดันมาอยากถ่ายตอนซี้ไปเลี้ยว

นี่เป็นภาพถ่ายที่ Clarens , สวิตเซอร์แลนด์ ดูไปก็เหมือนรูปถ่ายของครอบครัวทั่วๆไป อันประกอบไปด้วยคุณแม่และคุณลูกอีกสอง ลูกชายคนโตถือของเล่นรูปสัตว์ไว้ในมือซ้าย ส่วนมือขวาก็เหมือนถืออะไรเล็กๆไว้ในมือ แต่เมื่อนำภาพมาขยาย จะเห็นว่าในมือขวาของเด็กชายคือลูกแมวน้อยตัวสีขาว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ในตอนนั้นไม่มีลูกแมวน้อยสีขาวอยู่เลย ยกเว้นเสียแต่ว่าจะย้อนกลับไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ที่ครอบครัวนี้เลี้ยงลูกแมวน้อยสีขาวไว้ แต่มันก็ต้องมาจากไปเพราะโดนเจ้าตูบขย้ำซะจมคมเขี้ยว แล้วเจ้าลูกแมวน้อยสีขาวมาจากไหน รึมันยังคงจงรักภักดีเฝ้าติดนายน้อยของมันต่อไปแม้ว่าจะจากโลกใบนี้ไปแล้ว??
ปล.เห็นอย่างนี้แล้ว จะยังมีคนเอาหมาเอาแมวไปปล่อยวัดอีกมั้ยเนี่ย??
ปล.เห็นอย่างนี้แล้ว จะยังมีคนเอาหมาเอาแมวไปปล่อยวัดอีกมั้ยเนี่ย??

เลดี้ Hehir ถ่ายรูปนี้ในปี 1962 ขณะที่กำลังพา เจ้าTara สุนัขของเธอไปเดินเล่น เมื่อเลดี้เห็นรูปนี้ เธอพบว่าที่หางของเจ้าTalaมีบางอย่างดูคล้ายหัวของสุนัขโผล่ออกมา แล้วเลดี้ก็จำได้ว่าเจ้าสุนัขตัวนั้นก็คือเจ้า Kathal สุนัขของเธออีกตัวหนึ่งที่ตายไปเมื่อ 6 สัปดาห์ที่แล้ว เลดี้เล่าว่า เจ้า Tara และ เจ้า Kathal ทั้งสองตัวเป็นเพื่อนซี้กันมาก ทั้งกิน นอน เล่น ด้วยกัน ติดกันจนแทบแยกกันไม่ออก สถานที่ถ่ายภาพเป็นที่สำหรับสุนัขมาเดินออกกำลังกาย บางทีเจ้า Kathal อาจอยากกลับมาเดินเล่นกับเจ้า Tara ซี้เก่าของมันอีกครั้งละมั้ง??
ปล.เพื่อนไม่เคย..ไม่เคยทิ้งกัน
ปล.เพื่อนไม่เคย..ไม่เคยทิ้งกัน

ในศตวรรษที่ 17 Raynham Hall แมนชั่นใน Norfolk เป็นที่กล่าวขวัญถึงความเฮี้ยนของ สุภาพสตรีในชุดสีน้ำตาล ว่ากันว่าแท้ที่จริงแล้วเธอก็คือ Dorothy Walpole ซึ่งภายหลังได้เป็น Lady Townshend และเสียชีวิตลงในปี 1729 เหตุที่เรียกเธอว่าสุภาพสตรีในชุดสีน้ำตาลก็เป็นเพราะว่าเธอจะปรากฏตัวในชุดเสื้อคลุมสีน้ำตาลตลอดมา ภาพนี้ของเธอถูกถ่ายในปี 1936 โดยช่างภาพ 2 คนที่ทำงานอยู่ที่นั่น
ปล.ในบรรดาสารพัดผี โดยส่วนตัวคิดว่า "เธอ" ดังที่สุด เป็น "ซุปตา" ในแวดวงผีๆสางๆได้เลยจ้าาา
ปล.ในบรรดาสารพัดผี โดยส่วนตัวคิดว่า "เธอ" ดังที่สุด เป็น "ซุปตา" ในแวดวงผีๆสางๆได้เลยจ้าาา

ในวันที่ 19 พฤศจิกายน ปี 1995 เกิดเพลิงไหม้ที่ศาลากลางใน Wem , Shropshire และหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์นั้นก็คือช่างภาพสมัครเล่น ชื่อ Tony ‘ O Rahilly (เสียชีวิตไปแล้ว) ซึ่งได้ถ่ายภาพเพลิงไหม้ครั้งนี้มาด้วยหลายภาพ และเมื่อทำการล้างภาพออกมา ก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อพบว่าหนึ่งในภาพเหล่านั้น ปรากฏรูปของเด็กหญิงคนหนึ่งยืนอยู่บนทางเดินท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่ด้านหลัง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาอย่างเราๆจะไปยืนอยู่ได้ มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเด็กหญิงที่ปรากฏในภาพอาจเป็นวิญญาณของเด็กหญิงที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ใน Wem เมื่อตอนปี 1677 โดยเธอได้เผลอทำเทียนล้มไปโดนกองฟางในคอกสัตว์ทำให้เกิดไฟไหม้ลุกลามไปทั่วเมือง แต่ก็มีบางคนที่ไม่เชื่อแสดงความเห็นว่ามันอาจเป็นเพียงแค่ความบังเอิญของของแสงกับเงาที่ทำมุมมอเหมาะพอเจาะกันแค่นั้นเอง แต่ที่น่าสนใจก็คือมีคนงานที่ศาลากลางหลายคนอ้างว่าพวกเขาเห็นวิญญาณปรากฏตัวภายหลังที่เพลิงสงบลงแล้ว
แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านั้น อีก 15 ปีให้หลัง ในปี 2010 ดูเหมือนปริศนาเกี่ยวกับวิญญาณจะภาพถ่ายจะถูกเปิดเผยออกมา เมื่อมีผู้พบว่า ภาพวิญญาณที่ถ่ายได้ในปี 1995 ช่างเหมือนกับภาพวิญญาณที่ถูกถ่ายใน Wem ในปี 1922 ยังกะแกะ!! มันหมายถึงอะไรกันแน่ หรือ Tony ‘ O Rahilly แอบเอาภาพวิญญาณที่ถ่ายในปี 1922 มาแอบอ้างเป็นผลงานของตัวเอง??
ปล.อย่าให้คาใจ ให้ป้าหนมตามไปถามอิตา Tony ‘ O Rahilly ให้แล้วกัน อิอิ
แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านั้น อีก 15 ปีให้หลัง ในปี 2010 ดูเหมือนปริศนาเกี่ยวกับวิญญาณจะภาพถ่ายจะถูกเปิดเผยออกมา เมื่อมีผู้พบว่า ภาพวิญญาณที่ถ่ายได้ในปี 1995 ช่างเหมือนกับภาพวิญญาณที่ถูกถ่ายใน Wem ในปี 1922 ยังกะแกะ!! มันหมายถึงอะไรกันแน่ หรือ Tony ‘ O Rahilly แอบเอาภาพวิญญาณที่ถ่ายในปี 1922 มาแอบอ้างเป็นผลงานของตัวเอง??
ปล.อย่าให้คาใจ ให้ป้าหนมตามไปถามอิตา Tony ‘ O Rahilly ให้แล้วกัน อิอิ

ในปี 1928 Mrs. Hilda L. Wickstead ได้เดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดกับเพื่อนของเธอใน Worcestershire ในขณะที่แวะไปเยี่ยมชมโบสถ์ที่หมู่บ้าน Holly Bush ใกล้กับ Malvern Mrs. Wickstead ได้ผลัดกับเพื่อนของเธอ Mrs. Laurie ถ่ายรูปคู่กับกางเขนอันใหญ่ที่หน้าประตูโบสถ์ หลังจากนั้นจึงนำกล้องถ่ายรูปไปเก็บไว้ในรถ Mrs. Wickstead บรรยายถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นว่า “ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นเลย พวกเราเดินเข้าไปในโบสถ์ แต่แล้ว Mrs. Laurie ก็มองไปยังหลุมฝังศพ ซึ่งฝังร่างของทหารกล้าผู้หนึ่งที่รับใช้ชาติจนเสียชีวิต และข้างๆกันคือหลุมฝังศพของหญิงสาวที่เสียชีวิตในอีกสองสามเดือนถัดมา เธอรำพึงขึ้นมา “ฉันสังสัยว่าพวกเขาจะเป็นคู่รักกันรึเปล่าน้าาา” หลังจากนั้นอีก 6 สัปดาห์ เมื่อภาพถ่ายได้ถูกล้าง Mrs. Wickstead สังเกตเห็นว่า มีภาพเหมือนคู่รักสองคนกำลังโอบกอดกันอยู่ใต้ต้นไม้ท่ามกลางสุสาน ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าทั้ง2คือคู่รักกันจริงๆ
ปล.บ้านเราจ๊าบกว่า ไปเจอกันบนทางช้างเผือก อิอิ
ปล.บ้านเราจ๊าบกว่า ไปเจอกันบนทางช้างเผือก อิอิ

ภาพนี้ถูกถ่ายที่ห้องเก็บไวน์ของโรงแรม Viaduct Inn ในลอนดอน ซึ่งในอดีตเคยเป็นห้องขังนักโทษของคุก Newgate Prison มาก่อน ผู้ถ่ายภาพนี้ Dane ได้เรียกให้ นักสัตว์วิทยา Lars Thomas มาอยู่ด้วย นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีใครหรืออะไรอยู่ในบริเวณรอบๆ และ Dane ยังยืนยันว่า ไม่มีใครมายืนอยู่ด้านหน้าของเขาในขณะที่กำลังถ่ายรูปด้วย
ปล.สงสัยดริ้งไปมิใช่น้อย ตัวเอียงมาเชียว
ปล.สงสัยดริ้งไปมิใช่น้อย ตัวเอียงมาเชียว

นี่คือภาพคุณป้าสองคนที่กำลังดื่มน้ำชาอยู่ในสวนพร้อมกับหญิงรับใช้ โดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า มีเจ้าหมาตัวน้อยอยากจะเข้ามาร่วมวงด้วย ภาพนี้ถ่ายในปี 1916โดย Arthur Springer อดีตเจ้าหน้าที่สก็อตแลนด์ยาร์ดที่เกษียณอายุไปแล้ว แม้คุณป้าทั้งสองจะไม่ได้รังเกียจรังงอนหมาน้อย แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้เลี้ยงหมา ที่สำคัญเมื่อเห็นรูปภาพที่ถ่ายออกมาแล้ว ทั้งผู้ถ่ายและผู้ถูกถ่ายก็จำไม่ได้เลยมามีน้องหมาโผล่เข้ามาร่วมแจมด้วยในตอนไหน
ปล."คนขี้งกหนมปังสักชิ้นก็ไม่ยอมโยนมาให้ ชิชิ" น้องหมาคงบ่นอยู่ในใจอ่ะ
ปล."คนขี้งกหนมปังสักชิ้นก็ไม่ยอมโยนมาให้ ชิชิ" น้องหมาคงบ่นอยู่ในใจอ่ะ

ในปี 1925 มีกลุ่มเพื่อน 4 คนพากันไปเที่ยวที่ Basilica of Le Bois-Chenu ในกรุงปารีส วิหารนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ Joan of Arc โดยสร้างในสถานที่ที่เธอได้ยินเสียงจากพระผู้เป็นเจ้า ในการไปเที่ยวครั้งนี้ Miss Townsend ได้ขอร้องให้ Lady Plamer ที่ไปด้วยกันถ่ายภาพให้เป็นที่ระลึก ในขณะที่อีก 2 คนในกลุ่มคือ Mr. และ Mrs. W.E. Froster ก็ยืนอยู่ข้างหลังกล้อง ซึ่งก็คือในทั้ง 4 คน มีคนเดียวที่ยืนอยู่ในโบสถ์ และไม่มีผู้ใดเห็นว่าในโบสถ์จะมี “ใคร” หรือ “อะไร” มาแสดงตัวให้เห็นเหมือนที่ปรากฏขึ้นมาในภาพ เมื่อสังเกตอย่างใกล้ชิดจะเห็นว่าภาพที่ปรากฏเป็นพระนักบวชที่สวมชุดสมัยเก่า ซึ่งดูไม่เหมือนชุดของนักบวชของโบสถ์นี้ เพราะโบสถ์ Basilica นี้เพิ่งสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 เท่านั้นเอง

ภาพนี้ถ่ายโดย Eddie Coxon ใน โบสถ์ Alton , Staffordshire เมื่อวันที่ 12 กันยายน ปี 1993 ในช่วงเทศกาลดอกไม้ ตอนนั้นมีคนอยู่ในโบสถ์หลายคน แต่ Coxon ยืนยันอย่างมั่นใจว่า ไม่มีใครมายืนอยู่หน้ากล้องถ่ายรูปอย่างแน่นอน บางทีกลิ่นหอมของดอกไม้อาจเรียกผู้ที่รักดอกไม้ให้คืนกลับมาชื่นชมความงามของมันอีกครั้งก็เป็นได้
ปล.ดอกไม้กรู..อยู่.ห..น..า..ย
ปล.ดอกไม้กรู..อยู่.ห..น..า..ย

ภาพใบหน้าที่ปรากฏอยู่ในรูปนี้ ถูกถ่ายที่โบสถ์ Selfton , Merseyside โดยช่างภาพ Paul Manon ในเดือนกันยายน ปี 1999 เค้ายืนยันว่า นอกจากเค้าและเพื่อนอีกคนนึงแล้ว ไม่มีใครอีกเลยที่อยู่ในโบสถ์ขณะที่กำลังถ่ายรูปอยู่
ปล.ขอเค้าเสนอหน้านิดนุงน้าาาาา
ปล.ขอเค้าเสนอหน้านิดนุงน้าาาาา

เมื่อ Robert A Ferguson ได้ไปแสดงปาถกถาในการประชุมเรื่องวิญญาณที่ Los Angeles ในวันที่ 16 พฤศจิกายน ปี 1968 ได้มีการถ่ายรูปของเขาด้วยกล้องโพลาลอยด์หลายภาพ และหนึ่งในภาพเหล่านั้นปรากฏรูปของพี่ชายของเขาชื่อ Walter ที่เสียชีวิตไปแล้วในปี 1944 ขึ้นมายืนอยู่เคียงข้างด้วย
ปล.เดี๋ยวจะหาว่าดีแต่พูด หึ..หึ
ปล.เดี๋ยวจะหาว่าดีแต่พูด หึ..หึ

นี่เป็นภาพโต๊ะเขียนหนังสือที่ถ่ายโดยตัวแทนจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ประมาณว่าภาพนี้ถ่ายในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 หรือ ต้นศตวรรษที่ 20 ภาพนี้ถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร The Stand Magazine ในปี 1903 ผู้ถ่ายยืนยันว่าไม่มีอะไรผิดปกติในขณะที่ทำการถ่ายรูป ถึงแม้จะใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ 13 นาที แต่ช่วงเวลานั้นก็ไม่มีใครเข้าไปที่โต๊ะอย่างแน่นอน หรือว่าโต๊ะตัวนี้สวยถูกใจใครบางคนจนอดใจไม่ได้ที่จะต้องมาพิจารณาอย่างใกล้ชิด??
ปล.กรุณาไปลงชื่อจองที่เคาร์เตอร์บริการลูกค้าด้วยค่ะ
ปล.กรุณาไปลงชื่อจองที่เคาร์เตอร์บริการลูกค้าด้วยค่ะ

แก้ไขล่าสุด: 21/11/2553 21:35 โดย ท่านเทพฯ
นี่เป็นภาพวิญญาณเด็กทารกที่ถ่ายได้จากหลุมฝังศพที่ Australian ไม่มีใครรู้ว่าทารกในภาพเป็นใคร และทำไมจึงมาปรากฏตัวในภาพนี้ ในช่วงปี 1946 หรือ ปี 1947 Mrs. Andrew ได้เดินทางไปยังสุสานที่ Gatton ใน Queensland เพื่อถ่ายภาพหลุมศพของบุตรสาวเธอ Joyce ที่เสียชีวิตในปี 1945 และ Cecil พี่สาวของ Joyce ที่เสียชีวิตในปี 1942 และแน่นอน Mrs. Andrew ยืนยันเต็มร้อยว่าไม่มีเด็กเล็กๆอยู่ในบริเวณนั้นขณะที่ถ่ายภาพอย่างแน่นอน ในปี 1995 นักสืบสวนเรื่องเหนือธรรมชาติ Tony Healy ได้ไปสำรวจที่สุสานนี้ และพบว่าในบริเวณใกล้เคียงมีหลุมฝังศพของเด็กทารกอายุ 18 เดือน และ เด็กอายุ 3 ขวบ อยู่ บางทีเด็กน้อยเหล่านั้นอาจจะเหงาและเพียงแค่อยากให้ใครสักคนเห็นและเข้ามาโอบกอดให้ความอบอุ่นแก่พวกเขาบ้าง..แค่นั้นเอง
ปล.ถ้าหนูมาอยู่เมืองไทย หนูจะไม่เหงา เพราะหนูจะมีเพื่อนเป็นพันๆ พูดไปก็เศร้าใจฟร่ะ
ปล.ถ้าหนูมาอยู่เมืองไทย หนูจะไม่เหงา เพราะหนูจะมีเพื่อนเป็นพันๆ พูดไปก็เศร้าใจฟร่ะ

ภาพนี้ถ่ายโดย Matt Adams ในปี 1994 ในสุสานที่อังกฤษ ดูเหมือนจะมีใบหน้าลึกลับโผล่มาจากหลุมศพที่เปิดอยู่
ปล.เค้าเขิลน้าาาา เล่นมาแอบถ่ายรูปเค้าอย่างเนี๊ยะ
ปล.เค้าเขิลน้าาาา เล่นมาแอบถ่ายรูปเค้าอย่างเนี๊ยะ

มาติดตามอย่างใกล้ชิด
พร้อมเก็บเข้าคลังกระทู้....
อิๆๆๆ ><
พร้อมเก็บเข้าคลังกระทู้....
อิๆๆๆ ><
เมื่อเรือ SS Watertown ได้ออกทะเลในเดือนธันวาคม ปี 1924 เกิดอุบัติเหตุมีลูกเรือเสียชีวิต 2 คน คือ James Courtney และ Michael Meehan ศพคนทั้ง 2 ได้ถูกฝังลงกลางทะเลตามประเพณีชาวเรือ ที่นอกฝั่ง Mexico แต่หลังจากนั้น เหล่าลูกเรือก็ต้องแตกตื่นเมื่อมีคนพบว่า ปรากฏหน้าของทั้ง 2 คนบนเกลียวคลื่นรอบๆเรือ ในช่วงการเดินทางกลับ กัปตันได้ตัดสินใจซื้อกล้องถ่ายรูปติดมาด้วย และสามารถถ่ายภาพใบหน้าทั้ง 2 บนเกลียวคลื่นได้หลายใบ ภาพเหล่านั้นมันคืออะไรแน่ แค่การเล่นตลกของแสงและเงาจากเกลียวคลื่นเท่านั้นหรือ หรือบางทีมันอาจจะเป็นวิญญาณของชายสองคนที่ไล่ตามเรือเพื่อจะได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิดของพวกเขา
ปล.เยยยยยยยยยย จะเอาชั้นนั้นไปลอยทะเลลลลล
ปล.เยยยยยยยยยย จะเอาชั้นนั้นไปลอยทะเลลลลล

แหมมีคนอยู่ด้วย นึกว่าไปลอยกระทงกันหมดแล้ว อิอิ
...
ภาพนี้ถ่ายที่โบสถ์ Iona ในเดือนพฤษภาคม ปี 1928 โดย Donald G Mackenzie นักเคมีจาก Glasgow ผู้ซึ่งยืนยันว่า “ผมไม่เคยเชื่อเรื่องผีๆสางๆมาก่อนเลยจริง (ให้ดิ้นตาย!!)” อย่างไรตามภาพที่เขาถ่ายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มีใบหน้าของบางสิ่งปรากฏขึ้นอยู่บนกำแพงหินกลางภาพอย่างแน่นอน
ปล.แบบนี้เค้าเรียกว่า "รอยยิ้มของหิน" ขนานแท้และแน่นอน
...
ภาพนี้ถ่ายที่โบสถ์ Iona ในเดือนพฤษภาคม ปี 1928 โดย Donald G Mackenzie นักเคมีจาก Glasgow ผู้ซึ่งยืนยันว่า “ผมไม่เคยเชื่อเรื่องผีๆสางๆมาก่อนเลยจริง (ให้ดิ้นตาย!!)” อย่างไรตามภาพที่เขาถ่ายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มีใบหน้าของบางสิ่งปรากฏขึ้นอยู่บนกำแพงหินกลางภาพอย่างแน่นอน
ปล.แบบนี้เค้าเรียกว่า "รอยยิ้มของหิน" ขนานแท้และแน่นอน

ในปี 1991 เมื่ออายุได้ 2 ขวบ Greg Sheldon Maxwell เริ่มพูด “ Old Nanna อยู่นี่” พร้อมกับชี้ไปที่อากาศว่างเปล่าข้างหน้า Old Nanna คือย่าทวดที่เสียชีวิตไปแล้วของเขานั่นเอง ตอนที่ถ่ายภาพนี้ ทุกคนไม่เห็นสิ่งปกติใดๆทั้งสิ้น ยกเว้นแต่ Greg ที่ดูเหมือนกำลังจ้องมองอะไรบางอย่าง หรือเขาจะเห็นอะไรบางอย่างในกลุ่มควันเหล่านั้น??
ปล.อันนี้คือต้นกำเนิดของ Six-Senses ชิมิ?? อิอิ
ปล.อันนี้คือต้นกำเนิดของ Six-Senses ชิมิ?? อิอิ

ขอจบภาคแรกกันแค่นี้ก่อนจ้าาา ถ้ามีเวลาจะมาต่อภาค 2 กันอีกที อิอิ
...
ถือโอกาสนี้ขออวยชัยให้สมาชิกหนังโหดทุกท่าน มีความสุขกันมั่กๆ ในวันลอยกระทงจ้าาา
...
เทพมังกรฯอวยชัยทุกท่านจ้าาา
...
ถือโอกาสนี้ขออวยชัยให้สมาชิกหนังโหดทุกท่าน มีความสุขกันมั่กๆ ในวันลอยกระทงจ้าาา
...
เทพมังกรฯอวยชัยทุกท่านจ้าาา

ขอบคุณที่เอามาให้ดูให้ชมครับผม
รูป12 ดังมากเคยเห็นในหนังสือเรื่องลึกลับสำหรับเด็กประมาณซัก15ปีที่แล้ว
โคตรหลอนอะ เวลาไปตจว.ถ่ายรูปแล้วชอบแอบเพ่งหาแขกไม่ได้รับเชิญ บรื๋ออออส์
รูปผีฝรั่งมังค่าไม่ค่อยน่ากลัวเลยเนอะ
สู้ของไทยเราก็ไม่ได้
รูปนี้สยองมาก
สู้ของไทยเราก็ไม่ได้
รูปนี้สยองมาก

อันนี้ผีตานี ตากลัวสุดๆ

อันนี้ไม่เล่นละ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลในบรรดาภาพปริศนาทั้งหลาย
รูปนี้เป็นรูปที่ผมดูแล้วอึ้งที่สุด!
แต่ทั้งหมดทั้งมวลในบรรดาภาพปริศนาทั้งหลาย
รูปนี้เป็นรูปที่ผมดูแล้วอึ้งที่สุด!

ขอบคุณที่เอามาให้ชมครับ ... บอกตามตรงว่าบางรูปนี่ หลอน มาก ๆ
#34 เห็นครั้งแรกอยากจะร้องไห้ (เมื่อประมาณห้าปีที่แล้ว)
ขอบคุณค่ะ อยากดูต่อๆ อยากดูแม่พระร้องไห้ T^T
ขอบคุณค่ะ อยากดูต่อๆ อยากดูแม่พระร้องไห้ T^T
อยาดูต่อไวๆคับ
ปล.พากย์ได้ฮามาก 555+
ปล.พากย์ได้ฮามาก 555+
ท่านเทพฯหายไปแว้ววว แล้วท่านเทพฯจะมาพากย์ต่อไม๊นะ???
ชอบๆ มีประวัติด้วย ท่านเทพ จริงๆ ><
Function Used time : 0:00:00:00.017