****** S21, La Machine De Mort Khmère Rouge / 2003 (เอ็ซยี่สิบเอ็ด-นรกบนดินแห่งตวลสเลง) 😊

“ถึงเป็นหนังแนวสารคดีสยองขวัญ ทุกภาพทุกคำบรรยายภาษาไทยสามารถสร้างความจิตตก ทิ้งดิ่ง ให้แก่คนดูได้ชนิดจัดเต็ม ไม่แนะนำให้ดู แต่ถ้าท่านไหนสนใจที่จะดู ก็ขอให้รับรู้ไว้ว่าเรื่องนี้ ฉ 20+ นะเออ” (ผู้เขียน)

“ผมเป็นนักโทษเพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอดออกมาจาก S21 ผมชื่อ Vann Nath เป็นศิลปินนักวาดภาพชาวกัมพูชา ผมถูกจับมาขังไว้ที่ S21 หน้าที่หลักของผมคือ การวาดภาพเหมือนด้วยสีน้ำมัน ผมจะต้องวาดภาพเชลยที่ถูกส่งมาที่นี่จากทั่วประเทศ เชลยที่ถูกเอามากักขังและทรมานภายในคุกแห่งนี้ วันไหนผมวาดภาพได้ไม่ถูกใจนาย ผมก็จะโดนรุมทุบตีด้วยไม้กระบอง ไฟฟ้าช็อต หรือโทษสถานเบาก็คืออดข้าว ศิลปินที่ถูกจับมาทำงานในนี้ถูกยิงหัวทิ้งรายวัน ผมรู้เพียงอย่างเดียวคือต้องวาดภาพให้สวยที่สุด ทรงพลังที่สุด สวยประทับใจนายที่สุด ผมจะได้มีชีวิตรอด มีลมหายใจอยู่ต่อไปจนถึงวันพรุ่งนี้….” (วาทะโดย : Vann Nath ศิลปินนักวาดภาพชาวกัมพูชาที่เคยทำงานในฐานะเชลยภายในคุก S21-ตวลสเลง)

S21, La Machine De Mort Khmère Rouge / 2003 หรือ S21: The Khmer Rouge Killing Machine / 2003 เป็นหนังสาย Genres: Documentary-History-War (Horror) สารคดีประวัติศาสตร์สงคราม (และสยองขวัญ) หนังความยาว 1.41 ชั่วโมง ผลงานการกำกับของ Director : Rithy Panh

พูดถึง Director : Rithy Panh (ฤทธี ปาน) เขาเป็นผู้สร้างภาพยนตร์สารคดีที่ได้รับการยกย่องมากที่สุด เป็นผู้สร้างภาพยนตร์ชาวกัมพูชาที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศนี้ / ราวปี พ.ศ. 2518 ครอบครัวของเขาเสียชีวิตทั้งหมดจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยรัฐบาลเขมรแดงที่เรืองอำนาจในยุคนั้น Rithy Panh ได้หนีออกนอกประเทศ ลักลอบเข้าไทย และอพยพไปยังประเทศที่ 3 (ฝรั่งเศส) ตามลำดับ จากนั้นเขาได้เข้าศึกษาที่ La Fémis ซึ่งเป็นโรงเรียนภาพยนตร์แห่งชาติของฝรั่งเศส ไม่นาน Rithy Panh ได้ผลิตภาพยนตร์เกี่ยวกับผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา รวมถึงมุมมองเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผาพันธุ์ในนั้นหลายเรื่อง โดย S21, La Machine De Mort Khmère Rouge / 2003 ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่มีความโดดเด่นละมีชื่อเสียงที่สุดของเขา

S21, La Machine De Mort Khmère Rouge / 2003 เป็นสารคดีพิเศษเกี่ยวกับเรือนจำ S-21 ที่โด่งดัง ปัจจุบันคือ “พิพิธภัณฑ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตวลสเลง-Tuol Sleng” ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา หนังบอกเล่าเรื่องราวพร้อมคำให้การของนักโทษเพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอดออกมาจาก S21 อย่างชนิดเฉียดฉิว และอดีตผู้คุมเขมรแดงอีกหลายคนที่ยอมเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดใน S21-เอ็ซยี่สิบเอ็ด-นรกบนดินแห่งตวลสเลง ผ่านคำพูดจริงๆ สถานที่จริง จากบุคคลที่มีตัวตนในเหตุการณ์จริงๆ ในวันนั้น….

****** สรุปแบบสั้นที่สุดเข้าใจง่ายที่สุด : ภาพรวมความขัดแย้งในประเทศกัมพูชาในยุคสมัยนั้น

เริ่มจาก ปี พ.ศ.2497 ประเทศกัมพูชาได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ตามข้อตกลงเจนีวาระหว่างเวียดนามกับฝรั่งเศส สมเด็จเจ้านโรดมสีหนุ(กษัตริย์)ขึ้นปกครองประเทศกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง

ต่อมาปี พ.ศ. 2508 ผลกระทบของสงครามเย็น(อเมริกา ซัดกับ โซเวียต) ทำให้กัมพูชาเจอทั้งสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำและสภาพสังคมที่เสื่อมโทรม เกิดความวุ่นวายทางการเมืองและการเดินขบวนประท้วงต่อต้านภาครัฐของนักศึกษาและประชาชนเป็นวงกว้าง กัมพูชาในยุคปี พ.ศ. 2508 จึงเป็นอะไรที่ดูวุ่นวายไปหมด

จนถึงเดือนเมษายนปี พ.ศ. 2510 ชาวบ้านและชาวนาที่ถูกภาครัฐเรียกแบบเหมารวมว่า “ฝ่ายซ้าย” ในอำเภอซัมลูด จังหวัดพระตะบอง ก่อเหตุจลาจล รัฐบาลโดยการชี้นำของสมเด็จเจ้านโรดมสีหนุ(กษัตริย์)ส่งทหารเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างชนิดรุนแรงที่สุด มีคนโดนจับ โดนฆ่า และทำให้สูญหายเยอะมาก ประชาชนเหลือรอดจากเหตุการณ์ปราบปรามในครั้งนั้นรู้สึกโกรธแค้นอย่างหนัก จึงหลบหนีเข้าป่าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา(เขมรแดง) / ฝ่ายซ้าย+เขมรแดง

ต่อมาเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2513 นายพลลอน นอล (คนนี้ได้รับการสนับสนุนจากฝั่งอเมริกาอย่างลับๆ) ได้ทำการรัฐประหารกษัตริย์สำเร็จ จนสมเด็จนโรดมสีหนุ(กษัตริย์)ในเวลานั้นต้องลี้ภัยหนีตายไปอยู่ที่ประเทศจีน / โดยในยุคนี้ นายพลลอน นอล ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ปกครองประเทศกัมพูชาด้วยระบอบเผด็จการทหารเต็มรูป

ที่ประเทศจีนระหว่างปี พ.ศ. 2013-2018 สมเด็จนโรดมสีหนุ(กษัตริย์) ได้ปลุกกระแสมวลชนที่ยังรักและสนับสนุนต่อพระองค์ผ่านทางวิทยุกระจายเสียง ปลุกระดมมวลชนให้ลุกขึ้นสู้ ให้มวลชนเข้าไปร่วมสนับสนุนกลุ่มเขมรแดง โดยสมเด็จนโรดมสีหนุ(กษัตริย์)หวังว่าเมื่อเขมรแดงชนะตนเองจะสามารถกลับมาเป็นกษัตริย์ปกครองประเทศกัมพูชาได้อีกครั้ง

แล้วความฝันก็เป็นจริง ปี พ.ศ. 2518 มวลชนของสมเด็จนโรดมสีหนุ(กษัตริย์) จับมือกับกลุ่มเขมรแดงและฝ่ายซ้ายในป่า(มวลชนกษัตริย์+เขมรแดง+ฝ่ายซ้าย = เขมรแดง) ยึดอำนาจจากรัฐบาลเผด็จการทหารของนายพลลอน นอล (ได้รับการสนับสนุนจากฝั่งอเมริกา)สำเร็จ สมเด็จนโรดมสีหนุ(กษัตริย์)เดินทางเข้ากัมพูชาขึ้นครองราชอีกครั้ง แต่ไม่นานพระองค์ก็ถูกเขมรแดงหักหลัง ยึดอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ

ปี พ.ศ. 2518-2522 คือช่วงที่เขมรแดงเรืองอำนาจแบบที่สุด ยุคนี้ผู้นำเขมรแดงคือ นายพล พต ซึ่งตัวของผู้นำเขมรแดงคนนี้เองรู้สึกชื่นชอบ “การปฏิวัติมาตุภูมิ” ตามแนวทางของ “เหมา เจ๋อตง” เป็นการส่วนตัว (แต่ชอบแบบชนิดเข้าเส้นโลหิต) เขมรแดงนำโดย พล พต จึงหยิบเอาการปฏิวัติมาตุภูมิของจีนมาใช้ภายในประเทศแบบเต็มรูป ส่งผลให้กัมพูชาเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมพึ่งตนเอง ไม่ยอมเป็นพันธมิตรกับชาติใดๆ ไม่ยอมเปิดประเทศรับความช่วยเหลือจากชาติใดๆ ปิดโรงเรียนในทุกระดับชั้นทั่วประเทศ ปิดโรงพยาบาล โรงงาน ร้านค้า ยกเลิกระบบธนาคาร และยกเลิกระบบเงินตราทั้งประเทศ นอกจากนี้ พล พต ยังสั่งให้ทหารออกยึดทรัพย์ทั้งหมดของประชาชนชาวกัมพูชาทั่วทั้งแผ่นดิน โดยยึดทรัพย์จากทุกชนชั้นอย่างไม่มีเงื่อนไข คนไหนขัดขืน ให้ฆ่าทิ้งได้ในทันที

คำสั่งของ พลพต ที่ถือว่าโหดร้ายกว่าการยึดทรัพย์ โหดร้ายแบบชนิดที่สุด คือ การสั่งให้ทหารเขมรแดงอพยพประชาชนชาวกัมพูชาในกรุงพนมเปญทั้งหมดมุ่งสู่ชนบท เพื่อทำการเกษตร(จนเมืองหลวงอย่างพนมเปญกลายเป็นเมืองร้าง) โดยทุกคนถูกฝังหัวว่าเมื่อทำงานก็จะมีข้าวกิน ทุกคนจะเท่าเทียมกัน แต่ไม่…. จริงๆนั่นคือทุกคนถูกหลอก

พล พต คลั่งลัทธิซ้ายแบบสุดโต่ง เขาเชื่อว่าระบบสังคมนิยมจะนำพาประเทศกัมพูชากลับสู่ยุคเจริญรุ่งเรืองเหมือนครั้งอดีตได้ การที่คนกัมพูชาทำเกษตรจะมีข้าวกิน ไม่มีคนจน ไม่มีคนรวย มีแต่คนฐานะปานกลาง คนเท่ากัน นี่สิ ประเทศจะเจริญของแท้ ประเทศนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งวิทยาการเทคโนโลยีใดๆ นักศึกษาปัญญาชน ครูอาจารย์ แพทย์ วิศวกร นักปราชญ์ นักคิด ศิลปิน ฯลฯ ทุกคนจะต้องโดนกวาดล้างให้หมดสิ้น ทุกคนจะต้องตาย….

ว่ากันว่าแค่ทหารเขมรแดงเห็นคนกัมพูชาใส่แว่นสายตาที่ดูเหมือนว่าคนๆนั้นเป็นผู้มีความรู้มีการศึกษา ก็ถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติแล้ว ทหารจะได้รับอนุญาตให้ฆ่าคนผู้นั้นได้ในทันที ยิงทิ้งได้ในทันที….

การกวาดล้างประชาชนชาวกัมพูชา (ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศชาติ) จึงเกิดขึ้นทั่วทั้งประเทศ เกิดทุ่งสังหาร (Killing Fields) ขึ้นในหลายพิดกัดในประเทศนี้ โดยทุ่งสังหารที่กล่าวขานกันว่าโหดร้ายที่สุด มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศกัมพูชา คือ “ทุ่งสังหารเจิงเอก” (Choeung Ek The Killing Field) ในพนมเปญ ส่วนคุกสำหรับคุมขังและทรมานที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี่ ถูกเรียกว่า “S21” หรือ “Tuol Sleng” (ตวลสเลง) จากรายงานของหลายแหล่งข่าวที่ค่อนข้างเชื่อถือได้ คาดว่า ตัวเลขของผู้เสียชีวิตในยุคเขมรแดงเรืองอำนาจน่าจะอยู่ที่ 1.5-2 ล้านคน

กฎสุดโหดของคุกตวลสเลงมี 10 ข้อ (ซึ่งโหดร้าย ทารุณกรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เอามากๆ)
1. นักโทษต้องตอบคำถามทุกคำถาม
2. นักโทษห้ามโกหก ห้ามปฏิเสธ และห้ามโต้เถียง
3. นักโทษเป็นเพียงคนโง่ที่พยายามต่อต้านรัฐบาลเท่านั้น
4. นักโทษเมื่อถูกถามคำถามต้องตอบในทันที
5. นักโทษห้ามต่อต้านรัฐบาลในทุกกรณี
6. นักโทษระหว่างถูกลงโทษ ห้ามร้องไห้ และห้ามส่งเสียงแม้นเพียงเล็กน้อย
7. นักโทษต้องอยู่นิ่งๆ รอคอยคำสั่ง และปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดโดยไม่มีข้อสงสัยหรือข้อประท้วงใดใดทั้งสิ้น ถ้าไม่มีคำสั่งให้อยู่เงียบๆ
8. นักโทษห้ามเสแสร้ง ซ่อนความรู้สึกต่อต้านรัฐบาล
9. นักโทษถ้าไม่ทำตามกฎระเบียบทั้งหมดทุกข้อนี้ จะโดนผู้คุมช็อตด้วยไฟฟ้า
10. นักโทษถ้าฝ่าฝืนกฎข้อใดข้อหนึ่งจะถูกเฆี่ยนด้วยแส้เป็นจำนวน 10 ครั้ง / หรืออาจจะถูกช็อตด้วยไฟฟ้าเป็นจำนวน 5 ครั้ง

นอกจากนี้ก็ยังมีกฎแบบยิบย่อย (กฎแบบตามใจผู้คุม) อีกมากมาย ฯลฯ เช่น ห้ามยิ้มห้ามหัวเราะ, ห้ามฉี่ห้ามขี้ (ถ้าจะฉี่หรือขี้ ต้องขออนุญาตผู้คุม), เวลานอนห้ามเปลี่ยนท่านอน ถ้าจะเปลี่ยนท่านอนต้องขออุญาตผู้คุมก่อนทุกครั้ง (ไม่งั้นจะโดนทุบด้วยไม้กระบอง), นักโทษจะได้กินอาหารเพียง 1 มื้อต่อวัน เป็นเศษข้าวต้มมื้อละ 3 ช้อนเท่านั้น(ช้อนกินข้าว 3 คำ), ผู้คุมสามารถทำอะไรนักโทษก็ได้ ทุบตี ทรมาน ข่มขืนหรือรุมโทรมก็ได้ โดยนักโทษหญิงและนักโทษชายห้ามส่งเสียงร้องหรือแสดงพฤติกรรมต่อต้านโดยเด็ดขาด, ถ้าผู้คุมบอกว่านักโทษมีความผิด นั่นคือนักโทษมีความผิด และถือเป็นความผิด นักโทษต้องถูกลงโทษ หรือถูกกำจัด (วิธีการขั้นพื้นฐานที่ผู้คุมใช้ทรมานนักโทษ ในกรณีของการสอบปากคำ แต่นักโทษไม่ให้ความร่วมมือ คือ จับนักโทษมาทำการมัดมือมัดเท้า ถอดเสื้อ จากนั้นก็ใช้ของมีคม แทง กรีดลงไปตรงกลางแผ่นหลัง ถลกหนังของนักโทษออกจนแผ่นหนังลอกถลกถึงหนังหัว น้ำมันราด จุดไฟเผาทั้งเป็น นักโทษทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ตายไปซะ…. โดยนักโทษบางคนที่ได้รับความเมตตาปราณีจากผู้คุม อาจถูกมีดเชือดลำคอเพื่อให้ตายอย่างไม่ทรมานมากนัก

นิยามความหมายของคำว่า “การกำจัด” จะแตกต่างกับคำว่า “การประหารชีวิต” คือ ( 1. ) การประหารชีวิตนั้น พานักโทษไปฆ่า ตายก็ถือว่าจบสิ้น ส่วน ( 2. ) การกำจัดให้ถือว่านักโทษทุกคน คือ “สัตว์” จะเค้นข้อมูล ทรมาน รุมโทรม ฆ่าทิ้งยังไงก็ได้ เพราะถือว่าไม่ใช่มนุษย์ และไม่มีศักดิ์ศรีเทียบเท่าคนในสังกัดของเขมรแดง

จุดสิ้นสุดของเขมรแดง
เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2522 เมื่อเวียดนามส่งกองทัพบุกยึดประเทศกัมพูชาสำเร็จ อย่างไรก็ตามกองกำลังย่อยของกลุ่มเขมรแดงยังคงพยายามต่อสู้และโต้คืนในบางพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณภาคตะวันตกของกัมพูชา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2539 พล พต หัวหน้ากลุ่มเขมรแดงก็ได้ประกาศยุติบทบาทการทำงานของตนเองและเขมรแดงลงอย่างเป็นทางการ พร้อมการลงนามในข้อตกลงสันติภาพ ต่อมา พล พต ถึงแก่กรรมเมื่อ 15 เมษายน ปี พ.ศ. 2541 เขาตายขณะที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาคดีความการสังหารหมู่ประชาชนในช่วงที่เขมรแดงยังเรืองอำนาจ

****** บทส่งท้าย S21, La Machine De Mort Khmère Rouge / 2003 (เอ็ซยี่สิบเอ็ด-นรกบนดินแห่งตวลสเลง)

ถือเป็นหนังที่นำเสนอแง่มุมต่างๆเกี่ยวกับ S21 (ตวลสเลง), ทุ่งสังหาร, และบริบทโดยองค์รวมในประเทศกัมพูชาในระหว่างยุคปี พ.ศ. 2518-2522 หรือยุคที่เขมรแดงเรืองอำนาจแบบที่สุดได้อย่างจะแจ้งกระจ่างสายตา เห็นภาพความโหดร้าย ป่าเถื่อน ทารุณกรรม จิตตก สิ้นหวัง เต็มเปี่ยมไปทุกอณูภายในหนังเรื่องนี้ ยิ่งหนังถ่ายทำแบบตามร่องรอยประวัติศาสตร์ ถ่ายทำกันในสถานที่จริงยิ่งชวนหัวขนลุก เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่นักดูหนังสยองขวัญสาย Genres: Documentary-History-War (Horror) สารคดีประวัติศาสตร์สงคราม (และสยองขวัญ) ในเรต ฉ 20+ จะต้องเสาะแสวงสืบค้นมาดูให้จบสักครั้งในชีวิต

เท่าที่ทราบ หนังมีแบบปล่อยออนไลน์ในต่างประเทศ มีแถมทั้งซับอิ้งและซับไทย (แบบแปลหยาบๆ) อันนี้ยิ่งทำให้เราสามารถดูหนังเรื่องนี้ได้อรรถรสและเข้าใจเพิ่มขึ้นไปอีก

หลังดูจบให้ 10 / 10 คะแนนครับ (หดหู่และโคตรสิ้นหวังในบัดดล)

#แอดมินซามาร่า 😊